WSSTH ตอนที่ 2,662 : เตรียมหลอมโอสถ!

‘ช่างมันเถอะ…อย่างน้อยๆเท่าที่เห็น การคงอยู่ของเศษโลหะแปลกๆนี่ก็มีแต่ประโยชน์ ไม่ได้มีโทษกับข้าเลย!’

‘แถมคราวนี้ถ้าไม่ใช่เพราะมัน…ป่านนี้ข้าคงตายไปแล้วด้วยซ้ำ’

หลังขบคิดอยู่นานจนหัวแทบแตกแต่สุดท้ายก็คิดไม่ออก ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิดมันซะ…

เพราะไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตามแต่ ที่แน่ๆเศษโลหะประหลาดลี้ลับนี่ก็ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้เขาเลย จะมีก็แต่ประโยชน์เท่านั้น สำหรับเขาแล้วนี่ถือว่าเป็นเรื่องดี!

‘แต่…เพลิงอมตะไปอยู่ในเศษโลหะแบบนี้ ข้าจะใช้มันได้รึเปล่า?’

ต้วนหลิงเทียนละความสนใจออกมาจากเศษโลหะแตกๆ แล้วเปลี่ยนไปสนใจเพลิงอมตะสีเทาที่อยู่กลางเศษโลหะทันที

ตอนนี้เขาเองก็สงสัยไม่น้อยว่าเพลิงอมตะนี่ ที่แท้มันเป็นเพลิงที่เหมาะกับการหลอมโอสถหรือหลอมสร้างอุปกรณ์กันแน่

พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง พยายามเรียกใช้เพลิงอมตะสีเทากลางเศษโลหะ ตามวิธีที่เขาได้เรียนรู้มาจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำ

อย่างไรก็ตามแม้จะกระทำตามที่สอน จนสามารถดึงเพลิงอมตะออกมาใช้ได้…

‘อ่าว…ทำไมข้าเรียกใช้ไฟได้แค่บางส่วนล่ะ…’

แต่ต้วนหลิงเทียนที่พยายามทำตามวิธีซ้ำๆ สุดท้ายก็ตระหนัก…ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร เขาก็สามารถชักนำเปลวเพลิงออกมาใช้ได้อย่างอิสระแค่บางส่วนเท่านั้น และส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในเศษโลหะ!

เรียกว่าเพลิงอมตะส่วนใหญ่นั้น เขาควบคุมใช้งานไม่ได้เลย…

‘นี่มันยังไงกันแน่…’

จังหวะนี้เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง

หลังจากพยายามลองใช้ไฟไปอีกหนึ่งก้านธูปต้วนหลิงเทียนก็พบว่า…ให้พยายามอย่างไร เขาก็สามารถดึงเพลิงจากเศษโลหะสีเทามาใช้ได้แค่ส่วนเล็กๆเท่านั้น สุดท้ายเขาก็คร้านดันทุรังสืบต่อ!

‘ไม่รู้ว่า…ไฟสีเทาที่เรียกใช้ได้แค่บางส่วนนี่ จะเอาไปใช้หลอมโอสถหรืออุปกรณ์ได้รึเปล่า…’

‘แถมตอนนี้ถึงจะตรวจสอบตามคำแนะนำแล้ว…แต่ข้าก็บอกไม่ได้อยู่ดีว่าตกลงเพลิงอมตะนี่มันเหมาะกับการหลอมโอสถหรืออุปกรณ์กันแน่…’

เมื่อนู่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่รู้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่หอบความสับสนทั้งหมดออกจากถ้ำอันมืดมิด ย้อนกลับมาตามช่องทางเล็กๆขึ้นสู่ผิวดิน มาโผล่ยังปากโพรงถ้ำใกล้ๆเชิงเขา…

‘เอาล่ะ…ตอนนี้กลับไปที่เมืองก่อนดีกว่า’

หลังออกมาถึงด้านนอกแล้ว ความคิดแรกของต้วนหลิงเทียนก็คือย้อนกลับไปยังเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว จากนั้นก็ไปหาซื้อพวกวัตถุดิบสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้ในการหลอมโอสถทิพย์ระดับต่ำในเมืองดู ว่าเขาจะใช้เพลิงอมตะสีเทาของเขาหลอมโอสถเสริมวิญญาณได้อย่างราบรื่นรึเปล่า

โอสถเสริมวิญญาณ เป็นโอสถทิพย์ระดับต่ำที่พบได้ทั่วไป ยังมีให้ซื้อหาตามร้านขายโอสถทั้งหลาย ใครที่มีทุนทรัพย์ก็หามาใช้ได้ง่ายๆ

สำหรับวัตถุดิบสมุนไพรที่ใช้ในการหลอมโอสถเสริมวิญญาณ ก็แค่สมุนไพรทั่วไปปลูกง่ายขายคล่อง…

แน่นอนว่าสมุนไพรที่ว่าก็ปลูกได้แต่ในระนาบเทวโลกเท่านั้น ไม่อาจเจริญเติบโตได้ในระนาบโลกียะ

‘เหลือเวลาอยู่ที่นี่ไม่ถึงปีแล้วสิ…’

หลังกลับมาถึงเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว แววตาของต้วนหลิงเทียนก็เหม่อลอยเล็กน้อย

หลังจากนี้อีก 1 ปี การประลอง 16 มณฑลที่พระราชวังฉินก็จะเริ่มต้นขึ้น…

ทว่าก่อนจะถึงเวลา อย่างไรก็ต้องเดินทางไปยังพระราชวังฉินล่วงหน้า เหล่าจินเซียนอายุไม่ถึงร้อยปีทั้งหลายก็จะไปรวมตัวกันที่นั่นเหมือนกัน

และพอไปถึงพระราชวังฉินแล้ว สำหรับเขาเกรงว่าอาจจะไม่ได้ย้อนกลับมาที่เมืองนี้อีกในเวลาอันสั้น

เพราะไม่ว่าจะกล่าวถึงทรัพยากรบ่มเพาะก็ดี หรือสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะก็ดี เมืองประจำมณฑลจิ่วโยวแห่งนี้ย่อมไม่อาจเทียบกับพระราชวังฉินได้เลย

เมื่อไปถึงที่นั่นความเร็วในการบ่มเพาะของเขาย่อมดีขึ้นเป็นแน่

นอกจากนี้ยังมีโอกาสสูงที่เขาจะได้รับเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับลี้ลับ…

‘ก็นะ…ไปหาซื้อสมุนไพรหลอมยาก่อนดีกว่า’

ต้วนหลิงเทียนดึงสติกลับจากอาการเหม่อ ค่อยนึกย้อนทวนในความทรงจำที่ฉินอวี่พาเดินเที่ยว จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังร้านขายโอสถสมุนไพรที่ค่อนข้างใหญ่ในเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวทันที

“ลูกค้าท่านนี้ มิทราบต้องการสิ่งใดหรือขอรับ?”

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนก้าวเข้ามาในร้าน ก็มีพนักงานในร้านตัวเล็กๆคนหนึ่งก้าวเข้ามาโค้งทักด้วยรอยิ้มสุภาพ

“ข้าอยากได้สมุนไพรหลอมโอสถทิพย์ระดับต่ำอย่างโอสถเสริมวิญญาณน่ะ”

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองพนักงานตัวเล็ก พร้อมเอ่ยความต้องการออกไป

“มิทราบท่านลูกค้าต้องการกี่ชุดหรือขอรับ?”

ลูกตาของพนักงานร้านตัวเล็กเปล่งแสงจ้าขึ้นมาทันใด ต้องทราบด้วยว่าปกติแล้วคนที่เข้ามาในร้านโอสถสมุนไพรนั้น ก็มักจะซื้อหาโอสถทิพย์สำเร็จรูป เพื่อนำไปใช้ได้ทันที…

ส่วนผู้ที่มาซื้อวัตถุดิบสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถนั้น หาได้ยากยิ่งกว่าเขามังกรขนหงส์!

นั่นเพราะมีแต่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะเท่านั้น ที่สามารถหลอมปรุงโอสถทิพย์ได้!

และไม่ต้องกล่าวถึงในเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวแห่งนี้เลย ให้มองไปทั่วทั้งมณฑลจิ่วโยว ทว่าปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะที่ผู้คนรู้จักก็มีแค่หยิบมือเดียว และเท่าที่รู้ภายในมณฑลจิ่วโยวตอนนี้ ก็มีแต่จวนผู้ว่า กับหนึ่งในตระกูลใหญ่ของเมืองประจำมณฑลเท่านั้น ที่มีปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำอยู่…

ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำในจวนผู้ว่า มีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 2 คน…

ส่วนหนึ่งในตระกูลใหญ่ที่ว่านั้น มีปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำแค่คนเดียว…

ตอนนี้พนักงานต้อนรับตัวเล็กผู้นี้จึงคาดเดาไปว่าไม่พ้นชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าต้องมาจากตระกูลใหญ่ที่ว่าแน่!

เพราะหากเป็นทางจวนผู้ว่าต้องการวัตถุดิบสมุนไพรล่ะก็ เพียงแจ้งทางร้านมาสักคำ ทางร้านก็จำต้องนำวัตถุดิบสมุนไพรเข้าไปส่งถึงที่ ไม่มีเดินมาซื้อหาด้วยตัวเองแบบนี้แน่นอน…

“ทั้งหมดที่เจ้ามี…”

ได้ยินคำถามของหนักงานต้อนรับตัวเล็ก ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ค่อยกล่าวออกไปเสียงเรียบ

เพราะสุดท้ายแล้ว นี่ก็เป็นการทดลองหลอมโอสถครั้งแรกของเขาในระนาบเทวโลก…

ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าเสี้ยวหนึ่งของเพลิงอมตะสีเทานี่จะสามารถใช้หลอมโอสถได้หรือไม่…แถมเขาเองก็ร้างราจากการหลอมยามานานแล้ว เช่นนั้นเหลือย่อมดีกว่าขาด!

อีกทั้งด้วยทรัพย์สินที่เขามีตอนนี้จะเรียกว่า ‘ล่ำซำ’ ก็ไม่เกินเลย คิดจะเหมาวัตถุดิบสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถทิพย์ระดับต่ำอย่างโอสถเสริมวิญญาณทั้งร้าน ก็ไม่ใช่ปัญหา…

“ซูด—”

และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนบอจะเหมาทั้งร้านออกมา พนักงานต้อนรับตัวเล็กก็อดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

อย่างไรก็ตาม มันจำต้องถามต้วนหลิงเทียนย้ำเพื่อความแน่ใจ “เอ่อท่านลูกค้าขอรับ…ท่าน…ท่านพูดจริงหรือ ท่านคิดเหมาหมด?”

ต้องทราบด้วยว่า แม้ในมณฑลจิ่วโยวแห่งนี้ร้านของมันแม้จะไม่ใช่ร้านที่ใหญ่โตที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ร้านเล็กๆ! สมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถทิพย์ระดับต่ำอย่างโอสถเสริมวิญญาณ พวกมันก็มีเก็บสำรองไว้ไม่น้อย…

“ข้าพูดจริง ไปเอามาให้ข้าได้แล้ว”

ได้ยินคำถามแคลงใจดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย

“หึ! ช่างคุยโวโอ้อวดเสียจริง!”

พอพนักงานต้อนรับได้ยินน้ำเสียงหงุดหงิด และคิดจะรีบไปจัดชุดสมุนไพรให้ ก็มีเสียงเย็นชาหนึ่งกล่าวเย้ยขึ้นมาจากด้านนอกประตู แถมต้นเสียงก็กำลังเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็ก้าวเท้าเข้ามาในร้าน

และผู้ที่ก้าวเข้ามาในร้านโอสถสมุนไพร เป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาพอไปวัดไปวาได้คนหนึ่ง มันมาในชุดคลุมผ้าแพรปักลายสวยงามแลดูบอกยี่ห้อคุณชายผู้ร่ำรวย…

ด้านหลังชายหนุ่มมีชายชราหน้านิ่งติดตามมาอย่างเงียบเชียบ

“นายน้อยหลิว!”

เห็นผู้ที่พึ่งมา สองตาพนักงานต้อนรับตัวเล็กก็สว่างขึ้นทันใด

ชายหนุ่มในชุดหรูหราผู้นี้ มันย่อมจำหน้าอีกฝ่ายได้ทันที เพราะอีกฝ่ายก็คือคุณชายจากตระกูลหลิว! ซึ่งตระกูลหลิวที่ว่าก็คือตระกูลใหญ่ที่มีปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำหนึ่งคน…ที่สำคัญชายหนุ่มผู้นี้ยังเป็นถึงลูกชายคนเดียวของผู้นำตระกูลหลิวในปัจจุบัน หลิวจั่วหลิน!!

“ข้าต้องการวัตถุดิบสมุนไพรสำหรับหลอมโอสถเสริมวิญญาณ 10 ชุด…”

หลังจากที่หลิวจั่วหลินเข้ามาในร้าน มันก็หันไปกล่าวสั่งพนักงานตัวเล็กเสียงเรียบทันที แต่ต้นจนจบไม่ได้เหลือบมองต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย

“เอ่อ นายน้อยหลิว…”

ได้ยินคำของหลิวจั่วหลิน พนักงานต้อนรับตัวเล็กก็เผยยิ้มขื่นขมออกมาก่อน ค่อยหันไปมองทางต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวว่า “พอดีวัตถุดิบสมุนไพรหลอมโอสถเสริมวิญญาณของร้านเราพึ่งจะถูกเหมาโดยลูกค้าท่านนี้…ว่าแต่เขามิใช่คนของตระกูลหลิวท่านหรอกหรือ?”

จนถึงตอนนี้พนักงานตัวเล็กยังคงคิดว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนสกุลหลิว

เพราะสุดท้ายแล้วในมณฑลจิ่วโยว นอกจากจวนผู้ว่า ก็มีแค่ตระกูลหลิวเท่านั้นที่มีปรมาจารย์หลอมโอสถระดับต่ำ…

“เจ้า…เจ้าถึงกับกล้าอ้างตัวเป็นคนตระกูลหลิวข้างั้นเหรอ!?”

แทบจะพร้อมกันกับที่พนักงานตัวเล็กกล่าวจบคำ หลิวจั่วหลินก็หันขวับไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาทำราวกับมีกระแสไฟฟ้าแลบลั่น แววตายังเย็นเยียบลงปานอสรพิษดุร้าย พร้อมฉกกัดต้วนหลิงเทียนได้ทุกเมื่อ

“ตระกูลหลิว?”

ได้ยินคำของหลิวจั่วหลินต้วนหลิงเทียนก็งุนงงเล็กน้อยด้วยไม่รู้จัก จากนั้นก็เอ่ยตอบไปเสียงเบาว่า “โทษที…แต่ข้าไม่รู้จัก”

หลังกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่แยแสแววตาอันมีโทสะลุกโชนขึ้นทุกขณะของหลิวจั่วหลิน เพียงหันไปมองกล่าวกับพนักงานตัวเล็กด้วยน้ำเสียงสิ้นความอดทน “เจ้ายังไม่ไปจัดสมุนไพรให้ข้าอีกรึไง…ในมณฑลจิ่วโยวไม่ได้มีร้านเจ้าแค่ร้านเดียวที่มีสมุนไพรหลอมโอสถเสริมวิญญาณ”

ตอนนี้หากลูกจ้างร้านยาตัวเล็กคนนี้ยังมองไม่ออกว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าไม่ใช่คนของสกุลหลิว มันก็สมควรเอาหัวไปโขกเต้าหู้ให้ตายได้แล้ว…

“ขออภัยด้วยท่านลูกค้า ข้าจะไปจัดสมุนไพรให้ท่านเดี๋ยวนี้…”

หลังกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเจื่อนๆ มันก็หันไปมองกล่าวขอขมาหลิวจั่วหลิน “ต้องขออภัยด้วยนายน้อยหลิว ทั้งหมดเป็นข้าน้อยเข้าใจผิดไปเอง…ลูกค้าท่านนี้มิได้บอกว่ามาจากตระกูลหลิวแต่อย่างใด แต่พอข้าเห็นว่าเขาต้องการซื้อสมุนไพรหลอมโอสถเสริมวิญญาณ ข้าก็หลงคิดว่าเขามาจากตระกูลหลิวท่านอย่างไม่รู้ตัว…”

พอกล่าวจบคำ พนักงานต้อนรับตัวเล็กก็หันหลังก้าวอาดๆ หมายเข้าไปยังโกดังเก็บสมุนไพรด้านหลังเพื่อเตรียมจัดสมุนไพรที่ต้วนหลิงเทียนต้องการทันที

“อ่อ! นายน้อยหลิว…ข้าลืมบอกท่านไป พอดีลูกค้าท่านนี้ต้องการเหมาสมุนไพรหลอมโอสเสริมวิญญาณทั้งหมดในร้านเรา เช่นนั้นรบกวนนายน้อยหลิวไปซื้อหาร้านอื่นแล้ว”

ก่อนที่จะเดินเข้าไปในโกดังเก็บสมุนไพร พนักงานดังกล่าวไม่ลืมที่จะหันกลับมากล่าวทิ้งท้าย

ถึงแม้ในสายตาของพนักงานตัวเล็กคนนี้ นายน้อยหลิวจะไม่ใช่คนธรรมดา

อย่างไรก็ตามพื้นเพร้านขายโอสถของมันก็ไม่ใช่ชั่ว เพราะเป็นอีกตระกูลใหญ่ที่มีฐานะไม่ได้ด้อยกว่าตระกูลหลิว จึงไม่ได้เกรงกลัวตระกูลหลิวเบื้องหลังหลิวจั่วหลินเลย…!

เช่นนั้นสำหรับมันแล้ว การหาเงินย่อมสำคัญที่สุด!

หลิวจั่วหลินต้องการสมุนไพรแค่ 10 ชุด…

ทว่าต้วนหลิงเทียนเพียงเอ่ยปากก็บอกเหมาหมดร้าน!

และสมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถเสริมวิญญาณที่ร้านมันเก็บไว้ ก็มีมากว่า 300 ชุด!!

ที่สำคัญเลยก็คือต้วนหลิงเทียนมาก่อน

มันย่อมเลือกได้ไม่ยากว่าจะทำการค้ากับผู้ใด…

วูบ!

ได้ยินคำของพนักงานตัวเล็ก สีหน้าหลิวจั่วหลินก็เริ่มมืดมนลงทันที

ถึงแม้ในสายตาของมัน พนักงานตัวเล็กนั่นจะไม่ต่างอะไรจากมดตัวกระจ้อย…

อย่างไรก็ตามอีกฝ่ายเป็นลูกจ้างของร้านขายยาแห่งนี้ และพื้นเพของร้านก็ไม่ใช่อะไรที่มันจะมาล่วงเกินทำกร่างได้ง่ายๆ+

เช่นนั้นหากลูกจ้างร้านยาไม่ได้สร้างปัญหาให้หรือหาเรื่องมันก่อน มันก็ไม่กล้าแตะต้องอีกฝ่าย

เพราะสุดท้ายแล้ว คิดตีสุนัขต้องดูนาย!

“ไอ้หนู…เจ้าพึ่งบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อตระกูลหลิวของข้างั้นเหรอ?”

หลิวจั่วหลินที่เต็มไปด้วยความโมโห สุดท้ายก็ได้แต่เอาโทสะดังกล่าวไปลงกับต้วนหลิงเทียน “เจ้าพูดออกมาแบบนั้น…คิดจะหมิ่นเกียรติตระกูลหลิวของข้าหรือไง?”