ตอนที่ 2,687 : ความกังวลของฉินอวี่

“ต้วนหลิงเทียน?”

อยู่ๆอ๋องฉินกับอ๋อง 3 ก็เอ่ยชื่อต้วนหลิงเทียนออกมาพร้อมกันแบบนี้ ฉินอวี่ที่เหม่อคิดอยู่ข้างๆ ก็ถึงกับสะดุ้งและดึงสติกลับมาได้ทันที เร่งหันไปมองถามทั้งคู่ก่อนใดอื่นว่า “ท่านลุง 3…ต้วนหลิงเทียนทำไมหรือ?”

“จริงสิ!”

ทันใดนั้นเองอ๋องฉินคล้ายนึกอะไรได้ออก มันเร่งหันไปมองถามฉินอวี่ทันที “อวี่เอ๋อ เจ้ามาจากมณฑลจิ่วโยวใช่หรือไม่…เช่นนั้นหลานก็รู้จักกับต้วนหลิงเทียนของมณฑลจิ่วโยวน่ะสิ?”

“ใช่”

ฉินอวี่พยักหน้า “เรียกว่าเขาเป็นสหายเพียงคนเดียวของข้าก็ว่าได้”

แม้ฉินอวี่กับต้วนหลิงเทียนจะได้พบกันไม่นาน และไม่ได้สนิทสนมกันมากมายอะไร

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะได้เจอกับต้วนหลิงเทียนนั้น ฉินอวี่ไม่เคยมีเพื่อนเลย จนเมื่อได้รู้จักกับต้วนหลิงเทียนมันจึงพอเอ่ยได้เต็มปากว่ามันมีเพื่อนแล้ว

“อีกทั้ง…เขายังช่วยชีวิตข้าเอาไว้ด้วย”

ฉินอวี่กล่าวเสริม

“ช่วยชีวิตหรือ!?”

พอได้ยินคำของฉินอวี่ อ๋องฉินกับอ๋อง 3 อดย่นคิ้วไม่ได้ จากนั้นทั้งคู่ก็หันมามองสบตากันก่อนที่จะเห็นความอับจนหนึ่งในแววตาอีกฝ่าย

สหายของหลานชาย ทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิต…ปกติพวกมันต้องคุ้มครองดูแลให้ดี

อย่างไรก็ตามสหายของหลานชายของมันผู้นี้ อาจเป็นเป้าหมายของยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ! ถึงตอนนั้นให้พวกมันคิดคุ้มครองดูแลเพียงใด ก็จนปัญญาแล้ว!

ตอนนี้พวกมันก็ได้แต่หวัง ว่าเป้าหมายของยอดฝีมือจากนิกายสือหังเซียนจะไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน

หรือให้ดีต้วนหลิงเทียนที่ว่าไม่ปรากกฏตัวขึ้นมาเลยจะดีกว่า!

แบบนั้นพวกมันจะได้ไม่ลำบากใจ

“ใช่”

ฉินอวี่พยักหน้ารับ ขณะเดียวกันยังสังเกตเห็นแววตาอับจนหนทางของลุงทั้ง 2 จึงได้แต่ถามออกไปด้วยสีหน้ากังวล “ท่านลุงใหญ่ ท่านลุง 3…ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับต้วนหลิงเทียนกันแน่ ไฉนอยู่ๆพวกท่านก็กล่าวถึงแบบนี้?”

สีหน้าฉินอวี่ยิ่งมายิ่งเคร่งเครียด

ถึงแม้มันจะไม่ทันได้ฟังว่าเมื่อครู่ลุงใหญ่กับลุง 3 มันคุยอะไรกัน แต่ลางสังหรณ์มันบอกว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

“อวี่เอ๋อ พวกเราแค่กำลังสงสัยอะไรบางอย่าง…”

อ๋อง 3 กล่าวอย่างทอดถอนใจ

“สงสัย? สงสัยเรื่องอะไรหรือท่านลุง?”

ฉินอวี่เริ่มเป็นกังวลมากขึ้น

“เรื่องมันเป็นเช่นนี้…”

หลังจากนั้นอ๋อง 3 ก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาช้าๆ ทำให้สีหน้าฉินอวี่เปลี่ยนไปอีกรอบ

“เช่นนั้นหมายความว่า…ท่านลุง 3 กับลุงใหญ่กำลังสงสัยว่าเป้าหมายการมาของอาวุโสหลักนิกายสือหังเซียนผู้นั้น…ก็คือต้วนหลิงเทียน?”

สีหน้าฉินอวี่ตอนนี้แทบดูไม่ได้

“พวกเราแค่สงสัยเท่านั้น ไม่อาจยืนยันอะไรได้”

เห็นสีหน้าเป็นกังลของฉินอวี่ อ๋องฉินก็เอ่ยปลอบออกมาทันที “อย่างไรก็ตามตอนนี้ในบรรดาผู้ที่สมควรเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑล ก็เหลือแค่ต้วนหลิงเทียนของมณฑลจิ่วโยวคนเดียว…จริงอยู่ที่ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนอื่น”

ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นคนอื่น แต่ในใจอ๋องฉินรู้สึกอย่างแรงกล้า ว่ายอดฝีมือจากนิกายสือหังเซียนสมควรเฝ้ารอต้วนหลิงเทียนอยู่แน่นอน!

เพราะนอกจากต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่อายุไม่ถึงร้อยปีแต่พลังฝีมือเกือบจะเทียบได้กับต้าหลัวจินเซียน ตัวอ๋องฉินก็ไม่อาจนึกภาพได้ออกเลย ว่าในเขตวังฉินของมัน ยังจะมีใครที่ยอดฝีมือของนิกายสือหังเซียนจำต้องออกมาดักรอฆ่าแบบนี้

ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งมันเอง ตอนที่มันได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนเมื่อปีก่อน มันยังตกใจแทบตาย!

เพราะมันไม่เคยคิดฝันมาก่อน ว่าในเขตปกครองของวังฉินมันจะมีตัวตนเช่นนี้ปรากฏขึ้น!

อายุไม่ถึงร้อยแต่เข่นฆ่ายอดฝีมือขอบเขตจินเซียนตะวันม่วงได้ราวตัดหญ้าฆ่าไก่ กระทั่งผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้ต้าหลัวจินเซียนคนก่อน ยังเอ่ยปากยอมรับออกมาตรงๆว่าสู้ไม่ได้…

แม้ด้านอ๋อง 3 จะกำลังกล่าวปลอบฉินอวี่อยู่ แต่ในใจมันก็คิดไม่ต่างอะไรกับอ๋องฉิน และเชื่อว่าที่ยอดฝีมือจากนิกายยิ่งใหญ่ระดับนั้นมา ไม่พ้นต้องมาเพื่อต้วนหลิงเทียนแน่

ถึงมันเองก็ไม่ทราบว่าไฉนประมุขนิกายสือหังเซียนที่ยิ่งใหญ่ จะถึงขั้นส่งอาวุโสหลักออกมาดักฆ่าต้วนหลิงเทียนแบบนี้ แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง

‘ต้วนหลิงเทียนหวังว่าตอนนี้เจ้าจะยังปลอดภัยดีอยู่…และหวังว่าเจ้าจะไม่มาเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลคราวนี้เสียจักดีกว่า’

ฉินอวี่ลอบกล่าวในใจอย่างเงียบงัน

ก่อนหน้านี้มันก็คิดอยากให้ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมาได้ทันเวลาอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตามพอได้รับทราบเรื่องจากปากลุงทั้ง 2 มันก็ไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนโผล่มาเลย

“ข้าหวังว่าต้วนหลิงเทียนจักไม่มา…”

อ๋อง 3 กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

“ข้าก็เช่นกัน แม้ทางวังฉินเราอยากต้อนรับต้วนหลิงเทียนมากเพียงใด…แต่ในเมื่อเขาเป็นสหายของอวี่เอ๋อ และยอดฝีมือจากนิกายสือหังเซียนนั่นอาจจะมาดักฆ่าเขา ข้าก็หวังว่าคนอย่าได้มาเสียประเสริฐกว่า”

อ๋องฉินกล่าวเสริม

ปงงง!!

ซัวว!

เสียงระเบิดสนั่นจนพื้นสะเทือนดังขึ้น เป็นด้านนอกผ้าม่านของชั้นลอยตอนนี้ ปรากกฏคลื่นลมวิปริตพัดกระหน่ำเข้ามาอย่างแรง ไม่เพียงชั้นลอยพิเศษแห่งนี้ กระทั่งงอัฒจันทร์รอบเวทีประลองก็คล้ายจะสะเทือนไปอยู่บ้าง

และต้นตอความเคลื่อนไหวใหญ่โตดังกล่าว ก็เกิดจากการปะทะกันอย่างรุนแรงของ 2 ร่างเหนือเวทีประลอง

เป็นไพ่ตายของมณฑลผิงชาน หยางจิ้น กำลังปะทับ ฉู่เหยียน ไพ่ตายของมณฑลหลิวฟงอย่างดุเดือด พลังฝีมือทั้งคู่แลดูก้ำกึ่งกันนัก มองไปไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบเลย ดูท่าการประลองครานี้จะไม่จบลงง่ายๆเสียแล้ว

กระทั่งอ๋องฉินกับอ๋อง 3 ยังถูกการปะทะดังกล่าวเรียกความสนใจ พากันมองไปยัง 2 ร่างที่ปะทะกันด้านนอกทันที

คงเหลือเพียงฉินอวี่เท่านั้นที่ยังนั่งเครียดก้มหน้าก้มตา คิ้วขมวดแน่นเป็นปม เฝ้าอธิษฐานในใจ ว่าขออย่าให้ต้วนหลิงเทียนมาที่นี่เลย…

สาเหตุที่ไฉนฉินอวี่เป็นแบบนี้ เพราะต้วนหลิงเทียนเป็นสหายเพียงคนเดียวของมัน เช่นนั้นมันจึงไม่อยากให้เพื่อนต้องเกิดเรื่อง…

นอกจากนั้นมันก็ไม่ได้สนใจอะไรกับการประลองด้านนอกแม้แต่น้อย

เพราะไม่ว่าจะเป็นหยางจิ้นหรือฉู่เหยียน ใครจะได้ที่หนึ่งก็ไม่มีอะไรสำคัญกับมันเลย…

กระทั่งอ๋องฉินกับอ๋อง 3 เองก็อยากให้ต้วนหลิงเทียนแคล้วคลาดปลอดภัย

เพราะต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะเป็นสหายของหลานชายพวกมันเท่านั้น ยังเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตหลานชายของพวกมันอีก! ทว่าหากต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นมา แล้วเป็นเป้าหมายของยอดฝีมือของนิกายสือหังเซียนจริง พวกมันก็จนปัญญาจะช่วยแล้ว…

แต่ถ้าเป้าหมายของยอดฝีมือผู้นั้น ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีภัย…

เช่นนั้นในเมื่อสุดท้ายพวกมันก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ปลงเรื่องต้วนหลิงเทียน…

ตอนนี้ความสนใจของพวกมันก็ถูกการประลองด้านนอกดึงดูดความสนใจไม่น้อย ยังมองจ้องหยางจิ้นกับฉู่เหยียนเขม็งด้วยอยากรู้ว่าจะเป็นผู้ใดคว้าชัยชนะไปครอง

ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นหยางจิ้นหรือฉู่เหยียนก็ยังไม่เคยแพ้ใครในการประลองเลย สุดท้ายทั้งคู่จึงต้องสู้กันเพื่อชิงอันดับ 1!

“ข้าได้ยินมานานแล้วว่ามณฑลผิงชานปรากฏอัจฉริยะรุ่นเยาว์นามหยางจิ้น กระทั่งยังเป็นอัจฉริยะที่หลายพันปี มณฑลผิงชานก็ยากจะพบเจอ…วันนี้พอได้เห็นกับตา นับว่าฝีมือมันสมคำร่ำรือจริงๆ”

อ๋อง 3 กล่าวออกมาพลางถอนหายใจ

“ฉู่เหยียนผู้นั้นก็ไม่เลวเลยย…มันกับบิดานับซ่อนได้ลึกนัก แต่ก่อนข้าเพียงรู้ว่าในมณฑลหลิวฟงมีสตรีไม่เขียนคิ้วอย่างฉู่อวี้เท่านั้น มิคาดกลับมีอัจฉริยะอย่างฉู่เหยียนที่เหนือกว่าฉู่อวี้อยู่อีกคน”

อ๋องฉินกล่าว

“พี่ใหญ่…ท่านว่าในสองคนนี้ ผู้ใดจะเป็นฝ่ายชนะหรือ?”

อ๋อง 3 กล่าวถาม

“ตอนนี้ข้าก็ยังดูไม่ออก…อย่างไรก็ตามมองจากสภาพการณ์ตอนนี้แล้ว ทั้งคู่สูสีกันนัก หากจะตัดสินแพ้ชนะกันจริงๆ ก็ต้องดูว่าใครจะเสียสมาธิก่อนกัน หากผู้ใดเสียสมาธิก่อน แม้จะเป็นชั่วพริบตาแต่อีกฝ่ายย่อมสามารถฉกฉวยโอกาสได้สำเร็จ เผด็จศึกคว้าอันดับ 1 ในการประลองมาครองได้ในบัดดล…”

อ๋องฉินกล่าวออกเสียงเข้มด้วยความมั่นใจ

“ข้าก็คิดเหมือนท่าน”

อ๋อง 3 พยักหน้า

ด้านนอกผ้าม่าน

ตอนนี้ความสนใจของเหล่าผู้ชมทั้งหลายก็ล้วนหยุดอยู่กับการประมือกลางหาวเช่นกัน ไม่ว่าจะหยางจิ้นหรือฉู่เหยียนต่างก็ไม่มีใครยอมใครทั้งนั้น

“พลังฝีมือหยางจิ้นผู้นี้ร้ายกาจยิ่ง นับว่าสมคำร่ำลือจริงๆ”

“ข้าเองก็ได้ยินชื่อเสียงหยางจิ้นมานาน แต่ไม่รู้เลยว่ามันแน่แค่ไหน…วันนี้ในที่สุดข้าก็ได้เห็นกับตา”

“หากไม่มีม้ามืดอย่างฉู่เหยียน และต้วนหลิงเทียนคนนั้นไม่มา…การประลอง 16 มณฑลครานี้นับว่าหยางจิ้นยืนหนึ่งอย่างไร้ผู้ต้านจริงๆ…”

“นั่นสิ ผู้ใดจะไปคิดว่านอกจากฉู่อวี้แล้ว มณฑลหลิวฟงยังมีตัวตนอย่างฉู่เหยียนอยู่อีก”

“แต่ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะมาหรือไม่มา…คราวนี้อย่างไรใน 10 อันดับแรกของการประลอง 16 มณฑล คนของมณฑลหลิวฟงกลับได้ตำแหน่งไปถึง 2 ที่สำคัญยังเป็นพี่น้องกันอีกด้วย นับว่าครั้งนี้มณฑลหลิวฟงได้สร้างชื่อใหญ่โตในเขตวังฉินแล้วจริงๆ”

“ผู้ว่าการมณฑลหลิวฟงชาติที่แล้วไปกอบกู้สวรรค์มาหรือ…ถึงได้มีบุตรประเสริฐถึงสองคน ช่างน่าอิจฉายิ่ง”

เสียงซุบซิบพูดคุยดังระงมไปทั่ว

ฟังจากบทสนทนาแล้ว ทั้งหมดเห็นว่าการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ ฉู่เหยียนนับเป็นม้ามืดนอกสายตาอย่างแท้จริง ทั้งยังมีหลายคนที่อิจฉาฉู่ถิงซวนผู้ว่าการมณฑลหลิวฟงไม่น้อย ที่มีลูกชายลูกสาวที่ร้ายกาจขนาดนี้

ส่วนด้านฉู่ถิงซวนที่ทุกคนกำลังกล่าวถึงนั้น ตอนนี้มันก็นั่งชมดูเรื่องราวบนอัฒจันทร์อย่างสงบ ไม่ได้เผยสีหน้าอะไรเป็นพิเศษแม้จะได้ยินเสียงซุบซิบโดยรอบ

อย่างไรก็ตามหากมองสังเกตมันให้ดี

จะพบว่าลึกลงไปในแววตาของมันช่างลุกวาวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างถึงที่สุด!

มีบุตรีอย่างฉู่อวี้และบุตรชายอย่างฉู่เหยียน

บิดาเช่นมันยังจะต้องการอะไรอีก?

“ท่านอาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิง…ท่านว่าผู้ใดจะชนะ?”

บนอัฒจันทร์ที่นั่งสำหรับบุคคลพิเศษ รองประมุขนิกายมังกรบิน หวงกวงจี๋ หันไปมองถามชายในชุดคลุมดำที่นั่งอยยู่ไม่ไกล

ชายในชุดคลุมดำ หรืออาวุโสกิตติมศักดิ์ของนิกายมังกรบินคนนี้ ก็คือปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำ ที่สวมใส่ชุดปรมาจารย์อมตะปักคำ ‘แผ่นดิน’ ลายเพลิง…

อย่างไรก็ตามไม่มีใครทราบเลยว่าปรมาจารย์ผู้นี้ ที่แท้จะเป็นไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยวที่ผู้คนกล่าวถึงมาโดยตลอด

ต้วนหลิงเทียน!

“พลังฝีมือทั้งคู่ค่อนข้างสูสีก้ำกึ่ง…ตอนนี้คงยากจะบอกได้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ”

ได้ยินคำถามของหวงกวงจี๋ ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงแหบ

“ข้าก็คิดเช่นนั้น”

หวงกวงจี๋พยักหน้า “ในเมื่อพลังฝีมือก้ำกึ่ง เช่นนั้นก็ต้องดูว่าใครจะแน่วแน่กว่ากัน หากเพียงผู้ใดฟุ้งซ่านเพียงเล็กน้อย คงต้องแพ้พ่ายในพริบตา…”

“แต่…”

เสียงหวงกงจี๋ดังงไม่ทันจบคำดี ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวแทรกออกมาว่า “ข้าคิดว่าฉู่เหยียนมีโอกาสชนะมากกว่า”

“ฉู่เหยียน บุตรชายของผู้ว่าการมณฑลหลิวฟงน่ะหรือ?”

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หวงกวงจี๋อดแปลกใจไม่ได้ จึงเอ่ยถามต่อว่า “อาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิง ไฉนท่านถึงกล่าวเช่นนั้นเล่า…จากรูปการณ์ตอนนี้เห็นชัดว่ายากตัดสินแพ้ชนะนี่นา?”

“นี่เป็นแค่การวิจารณญาณส่วนตัวของข้าเท่านั้น…สุดท้ายเรื่องราวก็ใช่ว่าจะเป็นดั่งที่ข้าคิด”

คิ้วใต้โม่งคลุมของต้วนหลิงเทียนยักขึ้นเล็กน้อย กล่าวออกเสียงเบา..