WSSTH ตอนที่ 2,692 : เผยตัวตน

‘ดูเหมือน…ตอนนี้ข้าไม่เผยตัวก็คงไม่ได้แล้ว’

บนอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษ ต้วนหลิงเทียนในชุดคลุมปรมาจารย์อมตะปักคำ ‘แผ่นดิน’ ได้แต่ลอบทอดถอนในใจ

พอเห็นผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวเถียนจี้หวี่ เอ่ยขอเวลาออกไป เขาก็ตัดสินใจได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไร

หากเถียนจี้หวี่ซื้อเวลาได้สำเร็จ เขาก็จะปรากฏตัวและช่วงชิงที่ 1 ในการประลอง 16 มณฑลคราวนี้!

ถ้าซื้อเวลาล้มเหลว เขาจะเลือกไม่ปรากฏตัว และค่อยไปชดใช้ให้เถียนจี้หวี่กับเจิ้งชิวในภายหลัง

นั่นเพราะตัวเขาเองก็ได้ให้คำมั่นกับเถียนจี้หวี่กับเจิ้งชิวไว้แล้ว ว่าจะพยายามเต็มที่เพื่อชิงอันดับ 1 ในการประลอง 16 มณฑล และนำโอสถต้าหลัว 3 เม็ดกลับมาให้จงได้

มาตอนนี้เถียนจี้หวี่ก็ซื้อเวลาให้เขาสำเร็จ

ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตา…

“ว่าอย่างไรเล่า! ตกลงเจ้ากล้าพนันกับข้าหรือไม่?”

ขณะเดียวกันนั้นเองเสียงน่ารำคาญหนึ่งก็ดังขึ้นระคายหู ปลุกสติต้วนหลิงเทียนให้กลับมาอยู่กับร่องกับร่อย

เป็นโจวอันรองเจ้าสำนักราชันพิษ พอเห็นว่าเถียนจี้หวี่สามารถซื้อเวลาให้ต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ เช่นนั้นมันจึงรู้สึกว่ามันมีโอกาสพนันกับปรมาจารย์อมตะระดับต่ำของนิกายมังกรบินได้ต่อ

หากเถียนจี้หวี่ซื้อเวลาไม่สำเร็จ เช่นนั้นการประลอง 16 มณฑลก็ถึงกาลยุติทันที เช่นนั้นมันจะเอาอะไรไปพนันกับอีกฝ่าย…

“ยังหน้าด้านได้อีก!!”

รองประมุขนิกายมังกรบิน หวงกวงจี๋ มองจ้องโจวอันตาขวาง สบถคำด่าออกมาเสียงหนัก จากนั้นก็หันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า “ท่านอาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิง อย่าได้สนใจเสียงเห่าหอนของสุนัขเลย…ที่สำคัญนั่นยังเป็นสุนัขบ้า เที่ยวกัดผู้คนไปทั่ว!”

“เห็นชัดว่าสุนัขบ้านี่ คิดตั้งเงื่อนไขพนันเหลวไหลหมายชิงหินอมตะระดับสูง 50,000 กลับคืน!”

กล่าวถึงท้ายประโยค หวงกวงจี๋ ก็หันไปมองโจวอันด้วยรอยยิ้มแสยะทำราวกับจะบอกว่า ‘ลูกไม้โง่ๆของเจ้า บิดามองออกแต่หัววัน’

“หวงกวงจี๋ข้าพนันกับผู้อื่นเขา…แล้วเจ้าจะสอดปากหาบัดซบอะไร!!”

สีหน้าโจวอันมืดคล้ำดำลง ตะคอกคำออกมาด้วยโทสะ

“สอดกับมารดาเจ้า! ท่านปรมาจารย์เทียนหลิงเป็นอาวุโสกิตติมศักดิ์ของนิกายมังกรบินเรา ข้าย่อมไม่คิดปล่อยให้ท่านเจอปัญหาเพราะสุนัขบ้าแถวนี้!!”

หวงกวงจี๋สวนกลับอย่างไม่เกรงกลัว

นอกจากตัวต้วนหลิงเทียนเองแล้ว คนอื่นๆบนอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษ ไม่เว้นแม้แต่โจวอันหรือคนในสำนักราชันพิษก็พากันคิดไป…ว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีทางเอ่ยรับเงื่อนไขพนันคราวนี้ของโจวอันแน่

ทว่าทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ข้าพนันกับเจ้าก็ได้…แต่อัตราเดิมพันจำต้องเปลี่ยนแปลงเสียหน่อย! เพราะไม่ว่าผู้ใดขอเพียงยังมีตาก็รู้ทั้งนั้น ว่าเงื่อนไขพนันของเจ้านั้นไม่เป็นธรรมกับข้าอย่างแรง…”

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยวาจาประโยคนี้ออกมา สรรพเสียงบนอัฒจันทร์ที่นั่งสำหรับบุคคลพิเศษก็เงียบหายไปทันที

มิคาด ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำของนิกายมังกรบิน…กลับกล่าววาจาทำนองจะยอมรับการพนันกับโจวอันออกมาเสียอย่างนั้น!

นี่…

ใช่เสียสติไปแล้วหรือไม่!?

จังหวะนี้ไม่เพียงแต่คนนอกกำลังมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาทำราวกับมองคนเสียสติ

กระทั่งคนของนิกายมังกรบินเอง ก็อดไม่ได้ที่จะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหลากอารมณ์ ด้วยไม่เข้าใจจริงๆว่าไฉนอุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงของพวกมันถึงได้บ้าจี้จะไปยอมรับคำท้าของโจวอันได้

กระทั่งโจวอันที่เป็นเสนอการพนันอันเหลวไหลนี้ออกมาเองแท้ๆ ยังมองต้วนหลิงเทียนตาปริบๆด้วยความอื้ออึงเหลือเชื่อ!

เพราะมันก็ไม่คิดไม่ฝันว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้ารับพนัน!

เพราะเรื่องที่มันคิดพนันคราวนี้ มันรู้สึกว่ามันแทบจะชนะเต็มร้อยส่วนแล้ว!

“เจ้า…เจ้าพูดจริง? เจ้าคิดพนันกับข้าจริงๆหรือ?”

โจวอันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาร้อนแรง กล่าวเตือนออกมาเสียงหนักว่า “แต่ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อน หากเจ้าคิดจะพนันกับข้า เจ้าสามารถแทงข้างต้วนหลิงเทียนจะมาเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ได้อย่างเดียว…เพราะข้าแทงข้างต้วนหลิงเทียนไม่มาไปแล้ว!”

โจวอันเกรงว่าที่อีกฝ่ายรับคำท้า เพราะคิดจะแทงข้างต้วนหลิงเทียนไม่มา จึงเร่งกล่าวดักคอเอาไว้ก่อน

หากเป็นเช่นนั้นการพนันคราวนี้ก็ไร้ความหมาย

เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะแทงข้างต้วนหลิงเทียนมาร่วมการประลองให้เสียหินอมตะระดับสูงไปเปล่าๆ!

“หึ!”

ต้วนหลิงเทียนยพ่นลมเสียงขึ้นจมูกอย่างรังเกียจ กล่าวดูแคลนออกมาด้วยเสียงแหบว่า “เจ้าคิดว่าผู้อื่นจะไร้ยางอายเหมือนเจ้าหรือไร?”

หากแต่โจวอันไม่ได้โกรธกับวาจาประชดนี้แม้แต่น้อย

เพราะตอนนี้มันคล้ายเห็นกองหินอมตะระดับสูง 50,000 ก้อนที่โบยบินหลุดมือไป ได้หยุดรอกวักมือเรียกหามันอยู่ “เจ้า…เจ้าจะบอกว่าทั้งหมด แค่เพราะอัตราเดิมพันของข้าไม่เหมาะสมเจ้าเลยรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเท่านั้น?”

“เอาล่ะ! เช่นนั้นตราบใจที่เจ้ายินดีแทงข้างต้วนหลิงเทียนมาเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑล…ข้ายินดีเพิ่มเงินพนันของข้าเป็น 200,000 หินอมตะระดับสูง! เท่านี้เจ้าพอใจหรือยัง!?”

“ตราบใดที่เจ้าชนะ…ข้าจะเอาหินอมตะระดับสูง 200,000 ก้อนให้เจ้า! แต่ถ้าข้าชนะ เจ้าก็จ่ายข้ามา 50,000 หินอมตะระดับสูงเท่านั้น”

โจวอันกล่าว

“ฮ่าๆๆๆ!!”

แทบจะทันทีที่โจวอันกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า “รองเจ้าสำนักโจว เจ้าพึ่งจะควักหินอมตะระดับสูง 50,000 ก้อนมาจ่ายข้า…ตอนนี้อย่าว่าแต่หินอมตะระดับสูง 200,000 ก้อนเลย ข้าเกรงว่าในตัวเจ้าคงมีหินอมตะระดับสูงไม่ถึงแสนก้อนด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่?”

ถึงแม้ว่าสำนักราชันพิษนั้นสมควรร่ำรวยเหนือจวนผู้ว่าการทั้ง 16 มณฑลที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระราชวังฉิน

อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าอาศัยทรัพย์สินส่วนตัวของรองเจ้าสำนักราชันพิษ คงไม่มีทางร่ำรวยขนาดนั้น!

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงบอกได้ทันที

ในมือของโจวอัน ไม่มีทางถือหินอมตะระดับสูงอยู่เกิน 200,000 ก้อนแน่ๆ!

“หากรองเจ้าสำนักโจวคิดจับหมาป่าขาวมือเปล่า…ขออภัยด้วยที่ข้าคร้านจะพนันกับเจ้า!”

(เหมือนกับ จับเสือมือเปล่า)

พอกล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็อดหัวเราะประชดออกมาอีกรอบไม่ได้

“จริงอยู่ที่ตัวข้าไม่มีหินอมตะระดับสูงติดตัวถึง 200,000 ก้อน…แต่เจ้ากลัวว่าสำนักราชันพิษของข้าจะไม่มีปัญญาจ่ายหินอมตะระดับสูง 200,000 ก้อนให้เจ้าไหวเชียวหรือ?”

ตอนแรกโจวันก็วางแผนจับหมาป่าขาวมือเปล่าจริงๆ อย่างไรก็ตามพอถูกต้วนหลิงเทียนรู้ทันทั้งกล่าวแฉ มันก็ก้มหน้าเขียวปั๊ดลงไปด้วยความอาย จากนั้นมันก็เงยหน้าขึ้นมากล่าวยกอ้างสำนักราชันพิษ ว่าอย่างไรเสียหินอมตะระดับสูง 200,000 ก้อนสำนักราชันพิษของมันจ่ายไหวแน่นอน!

“เจ้า? อาศัยเจ้าสามารถเป็นตัวแทนของสำนักราชันพิษได้ด้วย?”

ต้วนหลิงเทียนยังคงหัวเราะแดกดันไม่หยุด

“เหลวไหล!”

โจวอันได้ยินคำดูหมิ่นก็ปรี๊ดแตก กล่าวตะคอกออกมาดังลั่นอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษ “ข้าโจวอันผู้นี้เป็นถึงรองเจ้าสำนักราชันพิษ อีกทั้งยังเป็นถึงน้องชายแท้ๆของเจ้าสำนักราชันพิษ…แล้วเจ้าคิดว่าข้ายังไม่อาจเป็นตัวแทนของสำนักราชันพิษได้หรือ?”

“อ้อ…ดูเหมือนจะเป็นข้าที่ดูเบาเจ้าไปแล้ว…”

ต้วนหลิงเทียนหยีตากล่าวออกเสียงเบา

“หยุดพล่ามเหลวไหลเสียที!”

โจวอันตะคอกเสียงเย็น “หากเจ้าจะพนันก็พนัน…หากไม่กล้าเล่นก็แค่เอ่ยปากบอกมาว่าไม่กล้า!!”

“เรื่องพนัน ข้าย่อมพนัน…”

ต้วนหลิงเทียนมองโววอันด้วยสายตาลึกซึ้งกล่าวออกเสียงหนัก “อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่คิดว่าอาศัยหินอมตะระดับสูงของเจ้าแค่ 200,000 ก้อน มันจะไม่เอาเปรียบข้ามากไปหน่อยหรือ?”

“หาไม่แล้วเอาเช่นนี้ดีหรือไม่? เปลี่ยนให้ข้าไปแทงข้างต้วนหลิงเทียนไม่มาเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ด้วยหินอมตะระดับสูง 200,000 ก้อนเอง ส่วนเจ้าเพียงแทงข้างต้วนหลิงเทียนจะมา 50,000 ก้อนแทน?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวต่อ

“หึ! เช่นนั้นเจ้าก็ว่าราคามาเถอะ ว่าอยากให้ข้าลงหินอมตะระดับสูงเท่าใดกันแน่!”

เป็นธรรมดาที่โจวอันไม่อาจยอมรับข้อเรียกร้องดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนได้

เนื่องจากมันคิดถี่ถ้วนดีแล้ว ว่าไพ่ตายของมณฑลจิ่วโยว ‘ต้วนหลิงเทียน’ ที่ว่า ไม่มีทางมาปรากฏตัวเพื่อเข้าร่วมการประลอง เอาตอนครึ่งชั่วยามสุดท้ายนี้แน่นอน!

เพราะหากต้วนหลิงเทียนผู้นั้นคิดจะมาจริงๆ ก็คงมาถึงตั้งนานแล้ว!

“500,000 หินอมตะระดับสูง”

ต้วนหลิงเทียนอ่ยเสียงค่อย

“ย่อมได้! ข้าจะพนันกับเจ้าด้วยหินอมตะระดับสูง 500,000 ก้อน!”

โจวอันเห็นด้วยทันที

ด้วยมันรู้สึกว่างานนี้มันชนะใสๆ เช่นนั้นแล้วเพื่อชิงหินอมตะระดับสูง 50,000 ก้อนที่ต้วนหลิงเทียนฉกไป จะให้มันแทงพนันปากเปล่าด้วยหินอมตะระดับสูง 500,000 ก้อนแล้วจะอย่างไร?

ตอนนี้โจวอันก็ไม่ทันได้คิดเลย

ว่าคนในชุดคลุมลมสีดำเบื้องหน้าได้ลวงให้มันก้าวเข้ามาทีละก้าวๆ

มันยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

ว่าตอนนี้มันได้ถลำลึกเข้ามาติดบ่วงอีกฝ่ายอย่างยากจะถอนตัวแล้ว

“อ่อ นอกจากนี้…ข้ายังมีเงื่อนไขอีกอย่าง”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“พูด!”

โจวอันขมวดคิ้วกล่าวออกด้วยน้ำเสียงรำคาญ

“เจ้าต้องไปเชิญท่านอ๋อง 3 ให้มาเป็นสักขีพยานการเดิมพันระหว่างเราครั้งนี้ด้วย…เพราะสุดท้ายแล้วด้วยความไร้ยางอายของเจ้า ข้ากลัวจริงๆว่าพอเจ้าแพ้เจ้าจะกลับคำพูดแล้วเบี้ยวหนี้ข้า!”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวระบุเงื่อนไขออกมาเสียงหนัก

“เจ้า….”

พอได้ฟังต้วนหลิงเทียนเอ่ยว่ามันซึ่งๆหน้าว่าไร้ยางอาย ทั้งกล่าวทำนองว่ามันจะเบี้ยวเงินพนันหากแพ้ มันก็มีโมโหไม่น้อย

“เอาล่ะ ข้าสามารถเป็นสักขีพยานให้กับการเดิมพันของพวกเจ้า!”

ตอนนี้เอง อ๋อง 3 ก็เหินลอดผ้าม่านออกมาอีกรอบ มาหยุดลอยและมองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง

ด้วยมันเองก็คิดไม่ออกจริงๆ

ว่าไฉนปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำผู้นี้ ถึงต้องลำบากให้มันออกมาเป็นสักขีพยานด้วย

อีกฝ่ายมองไม่ออกจริงๆหรือว่าการเดิมพันครั้งนี้อย่างไรโจวอันก็ต้องชนะ?

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มันไม่คิดใส่ใจ กระทั่งยังมีความสุขนักที่ได้เป็นสักขีพยานเรื่องราวน่าสนุกสนานคราวนี้ และมันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วพอแพ้ ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะผู้นี้จะทำหน้าอย่างไร

“ขอบคุณอ๋อง 3”

หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณแล้ว เข้าก็ส่งแหวนพื้นที่อันมีหินอมตะระดับสูง 50,000 ก้อนเก็บไว้ให้อ๋อง 3

“ครบถ้วน”

หลังยืนยันได้ว่าในแหวนมีหินอมตะระดับสูงครบ 50,000 ก้อน อ๋อง 3 ก็หันไปมองกล่าวกับโจวอันเสียงเรียบ “หากเจ้าแพ้พนัน หินอมตะระดับสูจำนวน 500,000 ก้อน เปิ่นหวางจะส่งคนไปเก็บจากสำนักราชันพิษของเจ้าเอง…จากนั้นเปิ่นหวางจะส่งคนนำไปมอบให้นิกายมังกรบิน”

“มิรบกวนท่านอ๋อง 3 ให้ลำบาก หากข้าแพ้พนันคราวนี้ พอข้ากลับไปถึงสำนักราชันพิษเมื่อใด ข้าจะเร่งนำหินอมตะระดับสูงดังกล่าวมามอบให้ท่านอ๋อง 3 ที่วังฉินแห่งนี้ด้วยตัวเองทันที!”

โจวอันกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่แยแส

เพราะตอนนี้ในหัวมันไม่มีความคิดว่าจะแพ้อยู่เลย

“เช่นนั้นก็ดี”

อ๋อง 3 พยักหน้ารับทราบ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

มันไม่ได้กังวลเรื่องที่ โจวอัน รองเจ้าสำนักราชันพิษจะกล้าเบี้ยวเลย…

พอเห็นอ๋อง 3 พยักหน้าลง เป็นอันบอกว่าการพนันครั้งนี้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้คนในอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษหลายต่อหลายคนก็ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับกำลังมองโง่งม

“ขอบคุณสำหรับหินอมตะระดับสูง 500,000 ก้อนของเจ้า”

ทว่าทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนที่กล่าวขอบคุณออกมา พลันยกมือขึ้นเลิกโม่งคลุมหัวออกเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาเยาว์วัย มองแล้วไม่ต่างอะไรกับชายหนุ่มอายุราวๆ 25 ปี…!

ที่สำคัญเสียงกล่าวยังไม่ได้แหบแห้งเหมือนก่อนหน้า ทว่าสุขุมนุ่มลึกนัก!

เปิดเผยตัวตนออกมา!

“เออะ!!”

พอต้วนหลิงเทียนเลิกโม่งคลุมหัวออกจนเผยให้เห็นรูปโฉม ผู้คนในอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษก็ประหลาดใจกันยกใหญ่!

ก่อนหน้านี้ตอนได้ยินเสียงของร่างในชุดคลุมปรมาจารย์อมตะที่แหบพร่า พวกมันก็คิดไปว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นผู้ที่ชราแล้ว…

แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่านั่นจะเป็นการดัดเสียง!

ภายใต้ชุดคลุมนั่น ที่แท้กลับเป็นชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ!