ตอนที่ 2,697 : หญิงชราปรากฏตัว!

ในขณะที่ใบกระบี่มหึมาตบฟาดร่างฉู่เหยียนนั้น ด้วยการควบคุมอันแยบคาย ต้วนหลิงเทียนก็ถอนรั้งพลังส่วนใหญ่ออกมาเรียบร้อย

หากเขาไม่ถอนรั้งพลังกลับมาล่ะก็ น่ากลัวฉู่เหยียนคงได้ตัวแตกเป็นหมอกโลหิตไปแล้ว…

“เป็นเจ้าอ่อนให้ข้าแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ฉู่เหยียน

“พี่ใหญ่…ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?!”

เสียงไพเราะหนึ่งแว่วดังเข้าหู ทันใดนั้นปรากฏร่างบางย่ำเท้าไม่กี่ก้าว คนคล้ายไต่บันไดเมฆขึ้นมากลางหาว บรรลุถึงข้างกายฉู่เหยียนฉับไว ช่วยประคองร่างสะบักสะบอมเอาไว้…

“ไม่เป็นไร…”

ฉู่เหยียนส่ายศีรษะไปมา หากแต่ลึกลงไปในแววตา กลับเผยให้เห็นถึงความทดท้อนอ่อนใจหลายส่วน

มิคาดแม้ปากน้องสาวถามไถ่ถึงอาการมันราวเป็นห่วง ทว่าเสียงผ่านพลังที่ส่งตรงเข้าหู ช่างจี๊ดใจผู้เป็นพี่อย่างมันเสียเหลือเกิน…นั่นเพราะน้องสาวตัวดี กลับบอกให้มันผู้พี่แนะนำตัวนางให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักซะงั้น!!

ดั่งคำ ‘สตรีเติบใหญ่รั้งไว้ไม่อยู่’ โดยแท้…

อย่างไรก็ตามในเมื่อน้องสาวมันที่ปกติห้าวหาญเยี่ยงวีรสตรี จนผู้คนพากันเรียกนางว่าสตรีไม่เขียนคิ้ว แลคล้ายจะถูกใจบุรุษอย่างต้วนหลิงเทียนเหมือนสตรีธรรมดาขึ้นมา มันก็รับคำขอแต่โดยดี เร่งมองต้วนหลิงเทียน พลางผายมือไปทางฉู่อวี้ กล่าวแนะนำออกมาว่า “ต้วนหลิงเทียน…นี่น้องสาวของข้าเอง เรียกว่าฉู่อวี้”

“แม่นางฉู่อวี้”

ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าให้ฉู่อวี้อย่างสุภาพ

“ยินดีที่ได้รู้จักเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ต้วน…”

อาการแรกเมื่อเอ่ยทักต้วนหลิงเทียนของฉู่อวี้ พาลให้ผู้คนตกตะลึงแทบตาย! มิคาดสตรีที่ห้าวหาญดุดันมาตลอด วันนี้กลับเผยทีท่าขวยเขินเอียงอายราวดรุณีน้อยแรกรักต่อหน้าต้วนหลิงเทียน!!

ฉากนี้ กระทั่งฉู่เหยียนที่อยู่ข้างๆ ยังเหวอถึงขั้นลืมควบคุมพลังไปวูบหนึ่ง คนเซจนแทบร่วงตกจากฟ้า

นั่นเพราะกระทั่งฉู่เหยียนเองก็ไม่คิดไม่ฝันทั้งไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ว่าน้องสาวมันที่เข้มแข็งแกร่งกร้าวมาตั้งแต่ยังเล็ก จนไม่ต่างอะไรจากมันมีน้องชายอีกคน กลับเผยกริยาขวยเขินเหมือนดรุณีน้อยบ้านอื่นออกมาได้จริงๆ…

‘น้องสาวข้า ช่างเอาแต่ใจเสียจริง…’

ฉู่เหยียนลอบทอดถอนในใจ

“ตอนนี้ยังมีผู้ใดคิดท้าทายต้วนหลิงเทียนอีกหรือไม่?”

ในขณะที่ฉู่อวี้กำลังมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหลงใหลเป็นปลื้มอย่างไม่คิดจะปิดบัง เรียกว่าทอดสะพานให้เต็มพิกัด จนทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกระอักกระอ่วนไปไม่เป็นอยู่บ้าง อยากจะไปให้พ้นจากตรงนี้เร็วไว! ทว่าทันใดนั้นเองเสียงของพิธีกรดำเนินการประลอง 16 มณฑลก็ดังขึ้นพอดี!!

ต้วนหลิงเทียนรีบหันไปมองพิธีกรดังกล่าว ราวกับอีกฝ่ายคือผู้ช่วยที่มาได้ทันเวลา…

“ตามกฏของการประลอง 16 มณฑลคราวนี้…ต้วนหลิงเทียนยังถือว่าอยู่ในอันดับ 1 เพียงชั่วคราวอยู่! และนอกจากฉู่เหยียนอันดับ 2 ที่พึ่งแพ้พ่ายให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว อันดับ 3 ถึงอันดับ 10 หากผู้ใดยังกังขา สามารถท้าทายต้วนหลิงเทียนได้!”

พิธีกรจากวังฉินกล่าวสืบต่อ

ทว่าพอพิธีกรกล่าวประโยคดังกล่าวจบคำ ผู้คนทั้งหลายรอบๆเวทีประลองก็ได้แต่เบ้ปากมองบน “เหอะๆ พิธีกรช่างมีอารมณ์ขันยิ่ง! อาศัยพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกเมื่อครู่ สามารถบดขยี้ฉู่เหยียนได้ราบคาบเพียงนั้น ผู้ใดยังจะหาญกล้าท้าต้วนหลิงเทียนอีก นั่นมันหาเรื่องทำร้ายตัวเองชัดๆ!”

“นั่นน่ะสิ! อีก 8 คนที่เหลือก็ล้วนพ่ายแพ้ฉู่เหยียนมาแล้วทั้งนั้น…มาตอนนี้กระทั่งฉู่เหยียนยังเสียท่าต้วนหลิงเทียน พวกมันท้าต้วนหลิงเทียน ยังต่างอะไรกับหาเรื่องเจ็บตัว?”

“พวกเจ้าก็พูดไป พิธีกรไหนเลยจะไม่ทราบ หากแต่นี่เป็นหน้าที่ๆต้องกระทำให้กระจ่าง พูดไปตามระเบียบเป็นพิธีก็เท่านั้น อย่างไรต้วนหลิงเทียนก็พึ่งมาแล้วเอาชนะฉู่เหยียนไปคนเดียว จะให้มันรับอันดับ 1 โดยไม่ถามคนอื่นเลยก็ไม่ใช่เรื่องมิใช่หรือ?”

“จริงของเจ้า…”

รอบๆเวทีประลองก็มีผู้ชมที่เข้าใจเรื่องง่ายๆได้เร็วไว โดยไม่ต้องคิดอะไรให้มาก

และก็อย่างว่า พิธีกรนั้นพูดให้พอเป็นพิธีจริงๆ เพราะสุดท้ายแล้วถึงมันจะรู้แก่ใจว่า คงไม่มีใครในบรรดาทั้ง 8 กล้าเอ่ยคำท้าทายต้วนหลิงเทียนจริงๆ! แต่ถ้ามันไม่ถามให้กระจ่าง ก็ไม่ต่างอะไรกับมันทำหน้าที่บกพร่อง จนให้ผู้อื่นเอาไปกล่าวอ้างภายหลังได้…

“เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีผู้ใดท้าประลองต้วนหลิงเทียน…เช่นนั้นอันดับในการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ ก็ได้ตัดสินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว!”

พอเห็นว่าแม้จะผ่านไปเนิ่นนาน แต่อีก 8 คนก็ไม่กล่าวอะไร พิธีกรผู้ดำเนินการประลอง ก็ตัดสินใจกล่าวคำตัดสินออกมา

อันดับการประลอง 16 มณฑล สุดท้ายก็ตัดสินตามอันดับชั่วคราวล่าสุด!

อันดับที่ 1 ต้วนหลิงเทียน มณฑลจิ่วโยว!

อันดับที่ 2 ฉู่เหยียน จากมณฑลหลิวฟง

อันดับที่ 3 หยางจิ้น จากมณฑลผิงชาน

อันดับที่ 4 จงเจี๋ยมิ่ง จากมณฑลไท่ผิง

อันดับที่ 5 เริ่นเฟย จากมณฑลหงอวิ๋น

อันดับที่ 6 จางเจี้ยนหง จากมณฑลเหมยฮัว

อันดับที่ 7 ฉู่อวี้ จากมณฑลหลิวฟง

อันดับที่ 8 โม่ชิว จากมณฑลชิวหลี

อันดับที่ 9 ถงหยวน จากมณฑลหม่าหยา

อันดับที่ 10 เหยียนชื่อหู่ จากมณฑถงซิน

การประลอง 16 มณฑลได้จบลงแล้ว

ในอัฒจันทร์ที่นั่งข้างเวทีประลองส่วนของมณฑลผิงชาน หวังฉี่หลิงผู้ว่าการมณฑลผิงชาน แม้จะไม่กล้าพูดอะไรออกมา หากทว่าสายตาของมัน ก็คอยเหลือบไปมองหญิงชราในชุดคลุมสีเทาเป็นระยะๆ แววตาฉายชัดถึงความสับสนและไม่เข้าใจ ว่าไฉนจนป่านนี้แล้วอีกฝ่ายยังนั่งนิ่งไม่ลงมือเสียที?

เป้าหมายสังหารของนาง ก็คือต้วนหลิงเทียนไม่ใช่หรือไร?

‘หญิงชรานางนี้…อย่าได้บอกข้าเชียวว่าพอเห็นต้วนหลิงเทียนหล่อเหลาเข้าหน่อยจึงบังเกิดอาการใจอ่อน ไม่คิดลงมือแล้ว? นางคิดกินเด็กหนุ่มหรืออย่างไร?’

หวังฉี่หลิงอดนึกสัปดนขึ้นมาไม่ได้…

“นั่นไง อย่างที่ข้าคิดไว้แต่แรกไม่มีผิด…อันดับที่ 1 ในการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ ไม่พ้นต้วนหลิงเทียนแห่งมณฑลจิ่วโยวจริงๆ!”

“นับว่าต้วนหลิงเทียนช่างเลือกเวลาปรากฏตัวได้เหมาะเจาะยิ่งนัก…หากปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้ เกรงว่าผู้อื่นคงไม่มีลุ้นจะได้รับอันดับ 1 ในการประลอง 16 มณฑลเลย…”

“จะอย่างไรก็ช่าง วันนี้นับว่าข้ามาไม่เสียเที่ยวแล้วจริงๆ ได้เห็นอัจฉริยะน่กลัวอย่างต้วนหลิงเทียนกับตาช่างคุ้มเวลานัก…ตัวตนเช่นนี้ในภายภาคหน้าเกรงว่าคงก้าวไกลสุดที่พวกเราจะจินตนาการได้ออก…”

“นั่นมันแน่อยู่แล้ว”

“ตราบใดที่คนไม่ตกตายไปกลางคัน…กระทั่งประเทศอวิ๋นเหยียนเรายังคับแคบเกินไป…”

“ด้วยพรสวรรค์ของมันเรื่องจะออกจากประเทศอวิ๋นเหยียนก็เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น…ความสำเร็จในภายภาคหน้าเกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ เท่านี้เวทีที่สามารถโลดแล่นได้ก็เป็นประเทศอมตะระดับสูงขึ้นไปแล้ว…”

“ขุนนางอมตะ…ด่านพลังที่อยู่เหนือ ยอดเซียนอมตะ…ว่ากันว่ากระทั่งประเทศอมตะระดับสูง เผลอๆก็ไม่มีตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะด้วยซ้ำ!”

ถึงแม้ว่าการประลอง 16 มณฑลจะสิ้นสุดลงแล้ว หากแต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่คิดจะจากไปไหน

ทั้งหมดยังคงนั่งสนทนาหารือกับสหายอย่างออกรส หัวข้อก็วนเวียนอยู่แต่กับเรื่องต้วนหลิงเทียน

ในวาจาที่กล่าวถึงกันมากที่สุด ก็เป็นเรื่องที่จากนี้ต้วนหลิงเทียนจะเป็นเช่นไร วันหน้าจะบรรลุถึงขอบเขตพลังไหน ใช่จะทะลวงถึงขุนนางอมตะได้หรือไม่…

สำหรับพวกมันนั้น

ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ ก็เป็นตัวตนอันไร้ผู้ต้าน และดำรงอยู่แค่ในเรื่องเล่าเท่านั้น…

เพราะอย่างน้อยๆในเขตปกครองวังฉินแห่งนี้ ก็ไม่ปรากกฏตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะผ่านมาให้เห็นในที่สาธารณะ เป็นเวลาหลายยร้อยปีแล้ว…

‘ดูเหมือนว่า หญิงชรานั่นจะไม่มา…’

เหนือขึ้นไปจากเวทีประลอง ต้วนหลิงเทียนที่ยังคงลอยค้างกลางฟ้าก็สอดส่ายตามองไปรอบๆ สุดท้ายก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ต้วนหลิงเทียน!”

ในขณะที่ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวเอ่ยทักต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงยินดี และต้วนหลิงเทียนก็กำลังจะหันไปทักทายคนของมณฑลจิ่วโยวนั้นเอง…

เสียงแหบชราอันเย็นชาหนึ่ง พลันดังขึ้น

“เจ้าคือ ต้วนหลิงเทียน อดีตแม่ทัพของกองทัพมังกรดำแห่งเมืองเฉวี่ยโยวภายใต้มณฑลจิ่วโยวใช่หรือไม่?”

แม้เสียงกล่าวจะไม่ได้ดังมากมายอะไร หากแต่คล้ายมีเวทมนตร์ก็ไม่ปาน มันดังสะท้านเข้าหูทุกผู้คนอย่างแจ่มชัด และทำให้ทุกคนหันมองไปรอบๆ เพื่อหาต้นเสียงทันที

“เป็นผู้ใด้เอ่ยขึ้นกัน?”

ครู่ต่อมาท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย ร่างในชุดคลุมสีเทาหนึ่ง ก็ค่อยๆเหินลอยขึ้นมาจากอัฒจันทร์ที่นั่งของมณฑลผิงชาน ไปยังฟ้าเบื้องบนอย่างไม่รีบไม่ร้อน

“นั่นมันคิดจะทำอะไรของมันกัน?”

เหล่าคนของมณฑลผิงชาน ยกเว้นผู้ว่าการมณฑลอย่างหวังฉี่หลิง ล้วนสับสนงุนงงกับการกระทำของหญิงชราในชุดคลุมสีเทาไม่น้อย…

พรึ่บ!

ร่างในชุดคลุมสีเทาได้เอื้อมมือไปเลิกชุดคลุมออก เผยรูปโฉมที่แท้จริงออกมาให้เห็น เหมือนกับที่ต้วนหลิงเทียนกระทำก่อนหน้า…

เป็นสตรีชราในชุดคลุมธรรมดาๆ มองประเมินแล้วแลดูไม่ต่างอะไรกับสตรีชราอายุ 70 กว่าๆ

บัดนี้ สตรีชราที่ว่ากำลังย่ำเท้าเหยียบอากาศเดินเข้าไปหาต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รีบไม่ร้อน

‘นางน่ะหรือคือหญิงชราที่เจ้าเมืองหลิ่วเอ่ยถึง ว่าพลังฝีมือไม่ด้อยไปกว่าผู้ว่าการมณฑล…แต่ข้ารู้สึกว่าพลังของนางกระทั่งไม่ด้อยไปกว่าอ๋องชินแห่งวังฉินด้วยซ้ำ!’

ตั้งแต่ที่ได้ยินคำถามของหญิงชรา สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปเป็นจริงจัง เริ่มคิดหาทางหนี ทว่าจากสำนึกเทวะเขาก็สัมผัสได้ทันที ว่าความว่างเปล่าโดยรอบคล้ายถูกพลังไร้สภาพอันทรงพลังขุมหนึ่งผนึกกักเอาไว้แล้ว…

ถึงแม้พลังไร้สภาพที่แผ่ปกคลุมโดยรอบจะแผ่กลิ่นอายเพียงเบาบาง แต่ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ชัดเจนถึงความไม่ธรรมดาของมัน!

และด้วยระดับพลังของเขาในปัจจุบัน ผู้ที่สามารถทำให้เขาบังเกิดความรู้สึกกดดันได้ โดยอาศัยแค่กลิ่นอายพลังเช่นนี้…สมควรเป็นตัวตนขอบเขตพลังยอดเซียนอมตะขึ้นไปเท่านั้น!

ที่สำคัญถ้าเป็นแค่ยอดเซียนอมตะทั่วๆไป คงไม่ทำให้เขารู้สึกกดดันหนักหน่วงขนาดนี้!!

“เป็นนาง!?”

ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว เถียนจี้หวี่ ที่กำลังจะต้อนรับต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังได้ยินเสียงของหญิงชรา จนเห็นร่างในชุดคลุมเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริง หน้ามันก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง ยังอดอุทานออกมาอย่างเสียขวัญไม่ได้!

สตรีชรานางนี้หาใช่คนแปลกหน้าสำหรับมันไม่ นางก็คือสตรีชราที่มาถามหาต้วนหลิงเทียนถึงจวนผู้ว่ามันเมื่อเกือบปีก่อนนั่นเอง

วันนั้นตั้งแต่ที่หญิงชราอาศัยเพียงแรงกดดันพลังก็ทำร้ายมันจนบาดเจ็บภายใน มันก็ตระหนักได้ทันที…

ว่าสตรีชรานางนี้พลังฝึกปรือสมควรอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขึ้นไปแน่นอน…แถมอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นชนชั้นยอดฝีมือของยอดเซียนอมตะ!

‘นาง…นางกลับมาดักรอที่นี่จริง!?’

‘นอกจากนั้น…นางยังซ่อนตัวอยู่ข้างกายผู้ว่าการมณฑลผิงชานมาโดยตลอด!!’

เถียนจี้หวี่ไม่เคยคิดเอาไว้เลย…

ว่าสตรีชรานางนี้มาแล้ว แถมยังมาถึงตั้งแต่แรก! เพียงแต่คนสวมใส่ไว้ด้วยชุดคลุมสีเทาปกปิดหน้าตา นั่งอยู่ข้างๆ หวังฉี่หลิง ผู้ว่าการมณฑลผิงชาน!

“หืม!?”

และในขณะที่เถียนจี้หวี่เผลออุทานอกมาด้วยความตกใจนั้นเอง หญิงชราที่ย่ำเท้าเหยียบอากาศไปทางต้วนหลิงเทียน ก็หยุดชะงักลงทันที

นางค่อยๆหันมาเหลือบมองมา สุดท้ายพอเห็นเถียนจี้หวี่ ตาสีโคลนก็เผยประกายแหลมคม กล่าวออกเสียงเบา “ข้าเกือบลืมเจ้าไปแล้ว…”

“ข้ายังคงจำได้…ตอนที่ข้าไปถามหาต้วนหลิงเทียนที่จวนของเจ้า ตัวเจ้าได้กล่าวตอบข้าไว้ว่า…ต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะมาเข้าร่วมการประลอง 16 มณฑลที่นี่ใช่หรือไม่?”

กล่าวถึงท้ายประโยคยิ่งมาแววตาของหญิงชราก็ยิ่งทวีความแหลมคม ยังเผยประกายเยียบเย็นวูบวาบ!

“อะ…อาวุโส…”

พอได้ยินเสียงเย็นชาของหญิงชรา และสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่เริ่มแผ่ออกมาจากร่างหญิงชรา เถียนจี้หวี่ก็หวาดกลัวจนหน้าเปลี่ยนสี มันเร่งกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนกทันที “ท่าน…ท่านเข้าใจผิดแล้ว…ข้าน้อยไม่รู้จริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะมาที่นี่…ข้าน้อยไม่รู้จริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะมาที่นี่!!”

แม้ตอนนี้มันจะอยู่ในวังฉิน กระทั่งอ๋องฉินก็ยังอยู่ที่นี่ หากแต่เถียนจี้หวี่กลับไม่รู้สึกปลอดภัยแม้แต่นิดเดียว…

อ๋องฉินนั้นไม่เพียงเป็นผู้ที่มีอำนาจเหนือสุดในเขตปกครองของวังฉินเท่านั้น…ยังเป็นตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะคนหนึ่ง!

ถึงกระนั้นสตรีชรานางนี้ หากตัดสินจากกลิ่นอายพลังอันเข้มแข็งของนาง เป็นไปได้สูงที่นางจะไม่ใช่ยอดเซียนอมตะธรรมดาๆ…นางเป็นชนชั้นสุดยอดฝีมือ!!

ให้ถอยหลังหมื่นก้าวยังกล่าวได้ว่า….

แม้พลังฝีมือของสตจรีชรานางนี้อาจจะแค่ทัดเทียมกับอ๋องฉินแห่งวังฉิน ทว่าคิดจะเข่นฆ่าสังหารมันนั้น ยังง่ายดายประหนึ่งบี้มด!

แม้แต่อ๋องฉินก็ไม่อาจหยุดนางได้!

เพราะอย่างน้อยๆ ให้มันไปยืนในจุดเดียวกันกับอ๋องฉิน มันก็ไม่มีวันหยุดสตรีชรานางนี้แน่นอน! หากนางคิดจะฆ่าผู้ว่าการมณฑลอันเป็นเจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆคนหนึ่งใต้บัญชา…!!