เล่ม 1 ตอนที่ 368-2 บิดาและบุตรได้พบหน้า

หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก

ตอนที่ 368-2 บิดาและบุตรได้พบหน้า

“เอ๊ะ?” องครักษ์ร่างอวบคลำเอวตนเอง “ป้ายคำสั่งข้าเล่า”

สหายอีกสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน “ลืมเอามาหรือไม่”

องครักษ์ร่างอวบส่ายหน้า “ไม่มีทาง กระทั่งตอนนอนข้ายังพกติดตัวเลย”

“เช่นนั้นก็คงทำหล่นที่ใดสักแห่งน่ะสิ” สหายเอ่ยถาม

องครักษ์ร่างอวบใคร่ครวญโดยละเอียด “น่าจะหล่นอยู่ที่บ้านดินหลังนั้น ก่อนเข้าไปข้ายังจับอยู่เลย ตอนนั้นยังอยู่”

ทั้งสามกลับไปที่บ้านหลังนั้นทันที ป้ายคำสั่งวางอยู่บนกองหญ้า องครักษ์ร่างอวบเก็บป้ายนั้นขึ้นมา หางตาเพียงเหลือบมองไปโดยไม่ได้ตั้งใจก็พลันรู้สึกประหลาด ก่อนหน้านี้ตอนที่มา บนพื้นยังไม่มีน้ำอยู่เลย เวลานี้กลับมีน้ำกองเบ้อเร่อเพิ่มขึ้นมา ซ้ำยังมีรอยพื้นชุ่มน้ำอยู่ตามพื้นอีกด้วย เพียงแต่พอรอยเท้านั้นเหยียบอยู่บนพื้นหญ้าจึงมองเห็นไม่ชัดเพียงนั้น

องครักษ์ร่างอวบสายตาเปลี่ยนเป็นดุดัน “พวกเขาเคยอยู่ที่นี่! สตรีนางนั้นซ่อนตัวอยู่ในโอ่งน้ำนี้! เด็กสองคนนั่น…” เขาพูดพลางใช้เท้าเหยียบเข้าไปในกองหญ้า ภายในมีแต่ความว่างเปล่า เขาลอบสบถออกมาแล้วร้องเรียกสหาย “รีบตามไป! พวกเขาน่าจะยังไปไหนไม่ไกล!”

ทั้งสองตามรอยเท้าที่เดินหายไปนั้นไป

“นายน้อยท่านดูนั่น ข้างหน้ามีบ้านอีกหลังหนึ่งอยู่อีก” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยชี้ไปยังบ้านดินหลังเล็กพลางหยุดฝีเท้า ระหว่างที่เดินมานี้เขาพบเห็นบ้านที่ถูกทิ้งร้างอยู่ไม่น้อย แต่ไม่เจออะไรเลย “คงจะไม่ได้หยุดพักเท้าที่นั่นกระมัง คนไปเจอง่ายออกเพียงนั้น…”

จีหมิงซิวมองบ้างหลังนั้นแล้วไม่รู้เพราะเหตุใดถึงรู้สึกว่ามีแรงดึงดูดมหาศาลให้เขาเดินเข้าไปใกล้

เขาเข้าไปในบ้าน ด้านในมีร่องรอยของคนค้นหา ดูท่าคนเยี่ยหลัวกลุ่มนั้นคงจะค้นที่นี่ไปแล้ว

จีหมิงซิวไปที่ห้องนอน มองร่องรอยบนผ้าปูแล้วยื่นมือไปเทียบดู

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ทำอะไรน่ะ”

จีหมิงซิวมองความยาวที่ตนเทียบมาได้ “ที่นี่เคยมีเด็กนอนหลับมาก่อน ไม่ใช่แค่คนเดียวอีกด้วย แต่รอยนี้ลึกกว่า น่าจะนอนอยู่นานกว่าเล็กน้อย”

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเดาะลิ้น อย่างนี้ก็มองออกด้วย

จีหมิงซิวไปที่ลานด้านหลังต่อ รอยเท้ากับกองน้ำถูกลมพัดจนแห้งไปแล้ว โดยหลักการแล้วก็ดูไม่แปลกอะไร แต่เขาเดินเข้าไปตรงโอ่งน้ำ ยื่นมือเรียวยาวประหนึ่งหยกไปลูบจอกแหนที่อยู่ตามขอบโอ่ง

“นี่มีอะไรอีกล่ะ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยวถาม

“โอ่งน้ำนี้น้ำไม่ลึก หากไม่มีคนมาทำอะไรมัน จอแหนเหล่านี้จะไม่ขึ้นมาถึงตามขอบโอ่งเช่นนี้” จีหมิงซิวพูดพลางย่อตัวลงไป ใช้ไข่มุกจันทร์กระจ่างส่องสว่างลงที่พื้น “บนพื้นก็มีจอกแหน”

เขาเหยียบจอกแหนแล้วเดินไปเดินมา “ระยะก้าวเท่านี้ไม่น่าใช่ของบุรุษ”

เยี่ยนเฟยเจวี๋ยลูบสันจมูก หมายความเช่นไรกัน

จีหมิงซิวเดินมาตรงหน้ากองหญ้าอีกครั้ง ใช้มือโบกพัดเบาๆ ก่อนจะยื่นมือเข้าไปควานหยิบกางเกงเปียกๆ มาได้ตัวหนึ่ง “กางเกงของหลิวเกอร์ จิ่งอวิ๋นกับหลิวเกอร์เคยอยู่ตรงนี้” เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนสายตาจะหยุดมองไปที่โอ่งน้ำนั้น “ยังมีอีกคนอยู่ด้วย”

“อีกคนหนึ่ง?” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยงุนงงไปหมด “หรือว่าพวกเขาจะถูกคนเยี่ยหลัวจับตัวไปแล้ว”

จีหมิงซิวบอกว่า “คนอื่นที่ว่าซ่อนตัวอยู่ในโอ่งน้ำ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่พวกเดียวกับคนเยี่ยหลัว”

เยี่ยเฟยเจวี๋ยกะพริบตาอย่างคิดหนัก “เหตุใดถึงไม่ใช่จิ่งอวิ๋นที่หลบอยู่ในโอ่งน้ำ”

จีหมิงซิวเหลือบมองเขาทีหนึ่ง “โอ่งน้ำสูงเกินไป เขาปีนเข้าไปไม่ได้”

คณะของพวกเขาแยกย้ายกันปฏิบัติการ แล้วเริ่มตามหาร่องรอยของจิ่งอวิ๋นกับหลิวเกอร์

แต่กระนั้นสิ่งที่รวดเร็วกว่าคนก็คือนกเหยี่ยวที่บินอยู่บนท้องฟ้า องครักษ์ร่างอวบหลังจากพบเห็นร่องรอยของพวกจิ่งอวิ๋นทั้งสามคนแล้ว ก็รีบส่งข่าวไปบอกชางจิวทันที ชางจิวเรียกนกเหยี่ยวกลับไป ให้มันไปหาตามละแวกแถวนั้น หลังจากย่นย่อขอบเขตการค้นหาดูแล้ว ไม่ว่าความเคลื่อนไหวใดก็เล็ดรอดไปจากสายตาของนกเหยี่ยวไม่ได้

ไม่นานนกเหยี่ยวก็พบเห็นร่องรอยของพวกจิ่งอวิ๋น มันถลาลงมาจากท้องฟ้า เส้นขนทุกเส้นลู่ลมลงมาอย่างรวดเร็วคล้ายลูกธนูที่หลุดออกจากคันศร พุ่งเข้าหาจิ่งอวิ๋นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว!

ในขณะที่มันกำลังบินไปถึงหลังจิ่งอวิ๋นนั้น อินทรีทองตัวอวบใหญ่ก็โผเข้ามาอีกตัวหนึ่ง แล้วชนมันไปกระแทกเข้ากับต้นไม้!

พวกจิ่งอวิ๋นได้ยินเสียงยังคิดว่าเป็นเสียงคนเยี่ยหลัวตามมา พอหันไปมองก็อึ้งงันไปทันที

เหตุใดถึงมีนกอยู่สองตัวได้

นกตัวใหญ่ตัวหนึ่ง กับนก…ตัวมหึมาอีกตัวหนึ่ง!

อินทรีทองมีขนาดใหญ่กว่านกเหยี่ยวอยู่หลายเท่านัก นกเหยี่ยวไม่ใช่คู่ปรับของมัน มันถูกปีกของอินทรีทองโบกไปโบกมาจนขนร่วงกราวลงกับพื้น

จนถึงเวลานี้ พวกจิ่งอวิ๋นทั้งสามคนยังมองไม่ออกเลยว่าเหตุใดนกตัวใหญ่ทั้งสองตัวถึงได้ตีกันขึ้นมา จนกระทั่งองครักษ์ของเยี่ยหลัวพบเห็นร่องรอยของพวกเขาแล้วเงื้ออาวุธไล่ตามมาถึงพวกเขา

องครักษ์ร่างอวบตะโกนเสียงดังว่า “พวกเขาอยู่นั่นไง! ไปจับตัวมาเร็ว!”

องครักษ์สิบกว่านายกรูกันเข้าไปโดยพลัน สวินหลันคว้ามือเด็กสองคนไว้แล้วออกวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตาทันที!

แต่พวกองครักษ์วิ่งกันเร็วมากจริงๆ แค่เพียงพริบตาก็ตามพวกเขาทันแล้ว แต่กระนั้นในขณะที่พวกเขายื่นมือจะไปคว้าตัวพวกจิ่งอวิ๋นนั้น อินทรีทองก็กระพือปีกบินเข้ามาชน! เช่นกัน ทำเอาองครักษ์สองคนที่วิ่งเร็วที่สุดกระเด็นล้มลงกับพื้น

ช่วงแรกทุกคนมัวแต่สนใจจะไล่ตามจิ่งอวิ๋นจึงไม่ได้มองขึ้นไปเหนือศีรษะ แต่พอได้เพ่งมองโดยละเอียดก็ถึงกับตะลึงค้างไป

นี่มิใช่อินทรีทองของตระกูลกู่หรอกหรือ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วเหตุใดถึงได้ทำร้ายพวกเขา

ทุกคนไม่มีเวลาใคร่ครวญว่าเพราะเหตุใด อินทรีทองบินมาทางพวกเขาอีกครั้ง จงอยปากอันน่าสยดสยองของมันจิกตาองครักษ์ร่างอวบจนมืดบอด องครักษ์ร่างอวบเจ็บปวดจนลงไปร้องดิ้นอยู่กับพื้น ทุกคนพากันชักกระบี่ล้อมอินทรีทองเอาไว้

พวกจิ่งอวิ๋นดูออกว่านกยักษ์ตัวนี้กำลังคุ้มครองพวกเขาอยู่ จึงอาศัยจังหวะที่นกยักษ์ถ่วงเวลาคนเยี่ยหลัวไว้รีบวิ่งเข้าไปในป่าลึก

มีองครักษ์หมายจะไล่ตามไป แต่ทุกคนก็ถูกอินทรีทองชนกระเด็กกลับมา

องครักษ์นายหนึ่งที่สะพายธนูอยู่ด้านหลังจึงตัดสินใจไม่เดินหน้าต่อ ถอยหลังหลายก้าวไปหลบอยู่หลังต้นไม้ ง้างคันธนูเล็งตรงไปยังก้นของจิ่งอวิ๋น

เสียงฟึ่บดังขึ้นพร้อมธนูที่พุ่งออกไป!

จิ่งอวิ๋นหักเลี้ยวพอดี ธนูดอกนั้นเลยพุ่งเข้าปักต้นไม้!

องครักษ์ง้างธนูอีกครั้ง อินทรีทองพุ่งเข้าไปหาองครักษ์ที่ยิงธนู แต่กระนั้นครั้งนี้เปลี่ยนเป็นมันที่ถูกล้อมไว้แทน มันไม่อาจฝ่าวงล้อมออกไปได้ กระพือปีกบินวนอยู่ลอบหนึ่งแล้วเบนทิศบิ่นไปหาจิ่งอวิ๋นแทน

ธนูดอกที่สองขององครักษ์ทะยานออกไป อีกเพียงนิดก็จะยิงโดนอยู่แล้ว อินทรีทองคว้าหัวไหล่จิ่งอวิ๋นแล้วยกเขาขึ้นมา!

ธนูเลยยิงโดนเพียงความว่างเปล่า

จิ่งอวิ๋นมองพื้นดินที่ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ สีหน้าที่นิ่งขรึมมาตลอดทั้งคืนในที่สุดก็ไม่อาจรักษาไว้ได้อีก เขาตะโกนร้องอย่างเสียขวัญ “อ๊ากๆๆๆ – ข้ากลัวความสูง—”

สองหูจีหมิงซิวพลันกระดิก “จิ่งอวิ๋น?!”

องครักษ์ยิงธนูมาทางนี้อีกครั้ง อินทรีทองหลบหลีกได้ทุกดอกไป

องครักษ์เลยตัดสินใจไม่เล็งไปที่จิ่งอวิ๋นแล้ว เปลี่ยนเป้าหมายไปที่อินทรีทองแทน ธนูสามดอกยิงออกไปพร้อมกัน พุ่งตรงไปใส่ศีรษะและลำตัวของอินทรีทอง!

อินทรีทองเบี่ยงตัวหลบไปได้สองดอก เดิมทีดอกที่สามก็สามารถหลบได้หากมันไม่ได้หิ้วตัวจิ่งอวิ๋นอยู่ ธนูดอกที่สามถากกรงเล็บข้างขวาของมันไป กรงเล็บข้างขวาถูกความคมของหัวธนูบาดแตก ด้วยความเจ็บมันจึงปล่อยตัวจิ่งอวิ๋นลงไป

“อ๊าก—” จิ่งอวิ๋นร้องลั่น

อินทรีทองถลาลงมาอีกครั้ง ในขณะที่จิ่งอวิ๋นใกล้จะตกลงถึงพื้น มันก็คว้าตัวจิ่งอวิ๋นไว้ได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง

องครักษ์พลันยินดี เวลานี้แหละ! ยามอยู่บนพื้นดิน เจ้าจะยังเป็นคู่ปรับกับข้าอีกรึไม่

องครักษ์ขึ้นธนูดอกใหม่ ธนูดอกนี้พุ่งตรงเข้าที่ตัวของอินทรีทอง อินทรีทองเจ็บจนร้องครวญครางออกมาแล้วตกลงกับพื้นพร้อมจิ่งอวิ๋น

โชคดีที่จิ่งอวิ๋นไม่ได้บาดเจ็บอะไร เขารีบลุกขึ้นลูบอินทรีทองที่หายใจรวยริน “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

อินทรีทองร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด

เมื่อไม่มีอินทรีทองแล้ว แค่เด็กคนหนึ่งจะเท่าไรกัน เหล่าองครักษ์ยิ้มเยาะพลางเดินล้อมเข้ามา ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ หลิวเกอร์ถูกสวินหลันกอดเอาไว้แน่น สวินหลันปิดปากบุตรชายไว้ไม่ให้เขาส่งเสียงอะไรออกไปได้

หลิวเกอร์ดิ้นสู้สุดแรง น้ำตายังไหลออกมาด้วยความร้อนรน

องครักษ์ที่ยิงธนูเก็บธนูพลางยิ้มเยาะหยัน เขายื่นมือไปจับตัวจิ่งอวิ๋น แต่ยังไม่ทันได้จับ ธนูดอกหนึ่งก็พุ่งเข้าแทงทะลุหัวใจ

เขามองลูกธนูตรงหน้าอกอย่างไม่อยากเชื่อ แล้วหมุนตัวกลับมาอย่างนิ่งอึ้ง

ท่ามกลางความมืดมิด จีหมิงซิวในชุดขาวราวหิมะ กำลังเดินสีหน้าเรียบเย็นเข้ามา