ตอนที่ 2721 : โรงเตี๊ยมหลิวเหนียน!
“ได้เลยพี่หลิงเทียน!” ด้วยสุดจะทนมาอยู่นาน พอได้ยินคาของต้วนหลิงเทียน ลูกตาดั่งสระยามสารททั้งคู่ใต้ผ้าคลุม ก็เผยประกายเยียบเย็นวูบหนึ่ง จับจ้องไปยังสตรีชราที่โจนทะยานเข่นฆ่าสังหารมาทางต้วนหลิงเทียน! หญิงชรานางนี้พลังฝึกปรือสมควรไม่ใช่ชั่ว และตัดสินจากความเร็วในการกระโจนร่างเข้ามา อย่างน้อยๆก็สมควรเป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นปฐพี… อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ยังอยู่ในขอบเขตต้าหลัวจินเซียน ย่อมไม่อาจนับเป็นตัวอะไรได้ต่อหน้าฮ่วนเอ๋อ! วู้มม! เปรี๊ยะ!!
เพียงแค่ฮ่วนเอ๋อยกมือขึ้นมาอย่างไร้เรื่องราวทันใดนั้นเหนือฝ่ามือก็ปรากกฏไอเย็นยะเยือกหนึ่งขึ้น ทาให้ห้วงอากาศเหนือฝ่ามือของนางคล้ายจะถูกแช่แข็งจนแน่นิ่งไปในฉับพลัน! ครู่ต่อมาฮ่วงเอ๋อก็สะบัดมือออกไปส่งๆ ทันใดนั้นไอเย็นดังกล่าวก็พัดเข้าใส่หญิงชราที่โจนทะยานเข่นฆ่าสังหารไปทางต้วนหลิงเทียนฉับไว! และไม่ทันที่นางจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด ไอเย็นดังกล่าวก็ปกคลุมไปทั่วร่างของหญิงชราเสียแล้ว! และภายใต้สายตาหลายร้อยพันคู่บนถนน หญิงชราที่ว่าก็ถูกแช่เป็นรูปปั้นน้าแข็งในเสี้ยวพริบตา! กระทั่งแต่ละคนยังแลเห็นสีหน้าแววตาอันหวาดผวาของหญิงชราได้ชัดเจน!!
ฟิ่วว! รูปปั้นน้าแข็งยังคงพุ่งเข้าหาต้วนหลิงเทียนตามแรงเฉื่อย แต่ความเร็วของมันก็น้อยกว่าตอนที่หญิงชรากระโจนเข่นฆ่าเข้ามาอยู่มาก “พี่หลิงเทียน” ฮ่วนเอ๋อร้องทักเบาๆ จากนั่นร่างนางก็วูบมาหยุดข้างต้วนหลิงเทียน ค่อยเอื้อมมือไปจับมือต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง พาต้วนหลิงเทียนหลบหญิงชราที่เป็นน้าแข็งได้อย่างง่ายดาย เพล๊ง!!
รูปปั้นน้าแข็งดังกล่าว เมื่อร่วงตกกระแทกพื้นก็จาต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ หญิงชรา ตาย! อันที่จริงหญิงชราได้ตายไปตั้งแต่ตอนที่ร่างของนางถูกแช่เป็นน้าแข็งแล้วด้วยซ้า… เช่นนั้นเมื่อร่างที่เป็นน้าแข็งของนางแตกเป็นเสี่ยงๆแบบนี้ ก็กล่าวได้ว่านางตายโดยไร้ศพให้กลบฝัง… “ฮู่มมม!!” “ฮู่มมม!!” …
การลงมือของทั้งสองคนย่อมทาให้สัตว์อสูร 9 หัวตัวเขื่องที่ลากรถไร้หลังคาตื่นตัวไม่น้อย มันมองจ้องต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่ทาร้ายเจ้านายด้วยสองตาแดงฉาน ก่อนที่จะกระโจนเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋ออย่างดุร้าย ราวกับคิดจะขย้าฉีกร่างทั้งคู่ล้างแค้นให้นาย!! ฟิ้วว!! ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดซัดรังสีกระบี่ผ่าร่างสัตว์อสูรตัวเขื่อง ฮ่วนเอ๋อที่เร็วกว่าก็ได้ลงมือออกไปเรียบร้อย ไอเย็นขุมหนึ่งพุ่งผ่านร่างมันไปในพริบตา และการลงมือคราวนี้ของฮ่วนเอ๋อไม่เพียงแต่จะแช่ร่างสัตว์อสูรตัวเขื่อง 9 หัวให้เป็นน้าแข็งเท่านั้น ยังทาให้พื้นถนนรอบๆตัวสัตว์อสูรไม่กี่จั้งกลายเป็นลานน้าแข็งไปด้วย
มองแล้วเสมือนเป็นประติมากรรมน้าแข็งสัตว์อสูร 9 หัวที่จงใจสร้างขึ้นมาตั้งแสดงกลางถนนจริงๆ “แม่นางโจว…เห็นแก่หน้าตระกูลโจว ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง ต่อไปหวังว่าเจ้าจะรู้ว่าอะไรมันดีต่อตัว” ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะจูงมือฮ่วนเอ๋อเพื่อพาไปหาโรงเตี๊ยมที่พักต่อ เขาก็หันไปเหลือบมองโจวชู่ตงที่ทรุดอยู่บนพื้นไม่ไกลด้วยท่าทางดูไม่ได้ พลางกล่าวเสียงเบา… หลังกล่าวจบคา ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับฮ่วนเอ๋อด้วยรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ ฮ่วนเอ๋อ” “อื้ม” ฮ่วนเอ๋อพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังค่อยเดินตามต้วนหลิงเทียนไปต้อยๆ แต่ก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็ส่งเสียง
ผ่านพลังถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสงสัยอย่างอดไม่ได้ “พี่หลิงเทียนทาไมท่านไม่ฆ่านางด้วยล่ะ เมื่อครู่นางถึงกับคิดจะฆ่าข้าด้วย…” “ฮ่วนเอ๋อเราฆ่านางไม่ได้ เพราะข้าไม่อยากให้พวกเราต้องร่อนเร่ไปไหนอีกครั้งทั้งๆที่พึ่งมาถึงเมืองหลวงของประเทศเถิงหลงได้ไม่ทันไร…หรือฮ่วนเอ๋ออยากกับไปเดินทางต่อ? ข้าเลยคิดจะพักอยู่ที่นี่สักพักแล้วหากจะไปไหนจริงๆ เราค่อยว่ากันภายหลัง” ต้วนหลิงเทียนกล่าวสืบต่อว่า “และคุณหนู 4 ของตระกูลโจวเมื่อครู่ ดูแล้วนางมีพื้นเพไม่ธรรมดา…หากพวกเราฆ่านางไปนั่นย่อมเป็นการยั่วโทสะของตระกูลโจว รวมถึงตระกูลราชวงศ์…” “คิดฆ่านางมันง่ายนิดเดียว แต่ตอนนี้หากพวกเราฆ่านางไปก็ไม่คุ้ม”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบก็ระบายลมหายใจเบาๆ หากเขาคิดจะฆ่าโจวชู่ตงจริง เขาคงไม่ยั้งมือไว้แต่แรก ถึงแม้ด่านพลังฝึกปรือของโจวชู่ตงจะเทียบได้กับเขา เป็นจินเซียนตะวันเขียวเหมือนกัน หากแต่ความแข็งแกร่งของเขามันช่างแตกต่างจากด่านพลังฝึกอย่างมาก ต่อให้ไม่ต้องใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนแต่เขาก็ฆ่าต้าหลัวจินเซียนทั่วๆไปได้ง่ายดาย นับประสาอะไรกับคนที่ยังอยู่ในขอบเขตจินเซียน? หลังได้ฟังคาพูดยืดยาวของต้วนหลิงเทียนแล้วฮ่วนเอ๋อก็พยักหน้างึกๆ แม้จะยังไม่เข้าใจอะไรเลยก็ตาม…
ถนนสายหลักอันกว้างใหญ่ บัดนี้จมอยู่ในความเงียบงันไร้เสียงใด ทุกคนได้แต่เหม่อมองต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อค่อยๆเดินจากไป… จนเมื่อแผ่นหลังของทั้งคู่หายลับไปที่ปลายถนนสุดสายตา ทุกคนก็หวนกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง และทันทีที่ฟื้น ต่างก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ แต่ละคนได้แต่หันหน้ามองสบตากัน แววตายังทาราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ “ร้ายกาจนัก!”
“แข็งแกร่งจริงๆ! พลังฝีมือของสตรีชุดขาวนางที่มีงอบผ้าคลุมหน้านั่นร้ายกาจยิ่ง!” “ด่านพลังฝึกปรือของนาง อย่างน้อยๆต้องบรรลุถึงยอดเซียนอมตะ!” “มิผิด! มีแต่ยอดเซียนอมตะเท่านั้นถึงจะมีความแข็งแกร่งระดับนี้ได้…พวกเจ้าเองก็ทราบกันดีว่าสตรีชราข้างคุณหนู 4 ตระกูลโจว ก็มีชื่อเสียงไม่น้อย นางยังเป็นถึงต้าหลัวจินเซียนขั้นปฐพีชนชั้นยอดฝีมือ” “ยอดเซียนยอมตะงั้นหรือ…ความเป็นมาของทั้งคู่ท่าทางจะไม่ใช่เล่นๆแล้ว!” “ยังจะธรรมดาได้รึไง ไม่เห็นหรือว่ากระทั่งฆ่าคนสกุลโจวไปแล้ว แต่ยังกล้าเดินอ้อยอิ่งในเมืองหน้าตาเฉย ไม่มีที
ท่าว่าจะเร่งรุดออกจากเมืองหลวงแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ไม่ได้เห็นตระกูลโจวอยู่ในสายตา…” “อย่างไรเสียพวกมันไม่ได้ฆ่าคุณหนู 4 ตระกูลโจว ก็นับว่าไว้หน้าตระกูลโจวมากแล้ว” … เหล่าผู้ที่สัญจรบนถนนบางคนก็หันกลับมามอง โจวชู่ตง คุณหนู 4 สกุลโจว และพอเห็นว่าจนถึงตอนนี้นางยังไม่มีเรี่ยวแรงจะเดินไปไหน ทุกคนก็เบาเสียสนทนาลงงจนไม่ต่างอะไรจากเสียงกระซิบ ส่วนอีกด้าน
ต้วนหลิงเทียนที่พาฮ่วนเอ๋อเดินไปในเมืองหลวงของประเทศเถิงหลงพักใหญ่ ในที่สุดเขาก็เดินมาถึงโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่แลดูหรูหราไม่เบา สาเหตุที่ ทาไมเขาถึงต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะพบเจอโรงเตี๊ยมแห่งนี้ เพราะต้วนหลิงเทียนจงใจเลือกกิจการที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับสกุลโจว หรือให้กล่าวก็คือ…โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นของตระกูลเหนียน! ตระกูลเหนียนก็เป็นตระกูลระดับต้นๆของประเทศเถิงหลงเช่นกัน อานาจก็เทียบได้กับตระกูลโจว นอกจากนี้ก็คล้ายๆกับตระกูลโจว เพราะคนของตระกูลเหนียนบางคนก็เกี่ยวดองกับเชื้อพระวงศ์เช่นกัน “โรงเตี๊ยมหลิวเหนียน…”
โรงเตี๊ยมใหญ่อันเป็นกิจการของตระกูลเหนียนแห่งนี้ ชื่อว่า ‘โรงเตี๊ยมหลิวเหนียน’ มีพื้นที่บริเวณกว้างขวางใหญ่โตนัก มีห้องหับทั้งสิ้น 999 ห้อง และทั้งหมดเป็นเรือนพักที่มีลานส่วนตัว เรือนพักแต่ละหลังยังได้รับการตกแต่งอย่างดี ที่สาคัญมีค่ายกลรวมวิญญาณจัดตั้งไว้ให้… เรือนพักทั้ง 999 หลังนั้น ราคาเข้าพักคิดเป็นคืนๆ แต่ละคืนยังต้องเสียหินอมตะระดับสูงสุด 10 ก้อน เรียกว่าคนทั่วไปไม่อาจจ่ายไหว ‘มีเรือนพักทั้งสิ้น 999 หลัง…และราคาที่พักสูงถึงขนาดนี้ ขอแค่มีคนเข้าพักสักครึ่ง พวกมันก็ได้รับหินอมตะระดับสูงสุดถึง 5,000 ก้อน’
‘วันละ 5,000 สิบวันก็ 50,000 เดือนนึงก็ 150,000 ปีนึง 1,800,000…รวยแท้!’ ต้วนหลิงเทียนที่ถูกเสี่ยวซือของโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนนาไปเข้าที่พัก และในขณะที่เดินไปยังที่พัก สายตาเขาก็สอดส่องดูที่ทางไปเรื่อย แต่ในใจลอบตื่นตระหนกกับรายได้ของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ไม่น้อย (เสี่ยวซือ = ข้ารับใช้,พนักงานชั้นผู้น้อย คาเรียกรวมๆ เหมือนเสี่ยวเอ้อ) “น้องชาย พอดีข้าพึ่งเคยมาพักโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเจ้าน่ะ…เจ้าช่วยแนะนาโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของเจ้าให้ข้าฟังได้รึเปล่า?” หลังจากดูที่ทางแลครุ่นคิดอะไรปเรื่อยเปื่อยได้สักพัก ต้วนหลิงเทียนก็หันไปถามเสี่ยวซือที่นาทาง
“ย่อมได้ท่านลูกค้า” เสี่ยวซือขานรับด้วยน้าเสียงเคารพสุภาพ ค่อยกล่าวออกมาว่า “ท่านลูกค้า แม้ท่านจะเห็นว่าค่าที่พักของโรงเตี๊ยมเล็กๆของพวกเรามันแพงไม่น้อย…แต่ขอท่านลูกค้าเชื่อมั่นได้เลยว่าที่นี่คุ้มกับราคาที่ท่านจ่ายไปแน่! ที่นี่ไม่เพียงแต่จะมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีที่สุดในบรรดาโรงเตี๊ยมที่พักของเมืองหลวงเท่านั้น…แต่ยังไม่มีใครกล้ามาก่อกวนใจท่านในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเราแน่! เพราะที่โรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเรามียอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะคอยเฝ้าอยู่ตลอดเวลา!!” “ลูกค้าที่มาเข้าพักโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเรา เว้นเสียแต่จะไปมีเรื่องกับตระกูลราชวงศ์ของประเทศเถิงหลง หรือไปมีเรื่องกับขุมกาลังที่ทรงพลังเหนือกว่าประเทศอมตะระดับสูงมา…หาไม่แล้วการเข้าพัก
โรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเราหนึ่งวัน ก็เหมือนปลอดภัยไร้เรื่องราวไปอีกวัน….” “เหตุผลที่ไฉนทางโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเราคิดราคาเข้าพักสูงนัก ก็เป็นเพราะเหตุนี้เช่นกัน…เพราะการเข้าพักในโรงเตี๊ยมของพวกเราก็เสมือนมียันต์กันตาย” ขณะกล่าวถึงจุดนี้ เสี่ยวซือก็หยุดลง ได้ยินคาของเสี่ยวซือ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงจ้า ก่อนหน้านี้เหตุผลที่เขาเลือกโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนแห่งนี้ ก็เพราะรู้ว่ามันเป็นกิจการของตระกูลเหนียน ตระกูลที่เป็นคู่แข่งของตระกูลโจว! แต่คิดไม่ถึงเลยว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้ จะสามารถคุ้มครองเขาได้จริงๆ
“งั้น…หมายความว่า ต่อให้ข้าจะไปมีเรื่องกับตระกูลโจวมา แต่ถ้าอยู่ที่นี่ก็ปลอดภัยไร้เรื่องราวงั้นเหรอ?” ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม “ตระกูลโจว?” ได้ยินคาถามของต้วนหลิงเทียน เสี่ยวซืออึ้งไปเล็กน้อย ค่อยยิ้มกล่าวออกมาด้ววยน้าเสียงปกติ “นั่นมันแน่อยู่แล้วท่านลูกค้า! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เดิมทีตระกูลเหนียนของพวกเราก็ไม่ถูกกับตระกูลโจว และไม่มีวันปล่อยให้พวกตระกูลโจวกล้ามาเหิมเกริมอวดเบ่งที่นี่เลย…ต่อให้เป็นขุมกาลังอื่นๆที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตระกูลโจว โรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเราก็ไม่เกรงกลัวผู้ใด! ”
“กระทั่งแขกที่มาเข้าพักโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเรากว่า 8 ส่วน ก็ล้วนเป็นผู้ที่หลบเลี่ยงศัตรูมาทั้งสิ้น…เช่นนั้นขอท่านลูกค้าโปรดมั่นใจในความปลอดภัยของโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนเราได้เลย” เสี่ยวซือกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับ “และเป็นธรรมดาว่านอกจากการรับรองความปลอดภัยแล้ว ทางโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนของพวกเรา ให้ค่าเรื่องความเป็นส่วนตัวต่อท่านลูกค้าที่สุด เช่นนั้นนอกจากค่ายกลรวมวิญญาณเพื่อให้ลูกค้าได้มีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะแล้ว พวกยังมีค่ายกลป้องกันการบุกรุกรวมถึงค่ายกลปิดกั้นเสียง เพื่อมิให้ผู้ใดสามารถรบกวนท่านลูกค้าได้”
วาจาท้ายประโยคของเสี่ยวซือ ต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะ? ตอนนี้ด้วยมีฮ่วนเอ๋อเจ้าของผลึกเทพอยู่ ต่อให้เป็นสถานที่ๆนกยังไม่อยากแวะเวียนไปขับถ่าย ต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนมันให้กลายเป็นสถานที่อันมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ดีที่สุดสาหรับเขาได้ทันที เช่นนั้นที่เขามาพักโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนแห่งนี้ ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น ‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนข้ามาถึง ข้ารู้สึกว่าด้านนอกมีผู้คนซุ่มจับตามองหน้าประตูโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนอยู่หลายสิบคน…ดูเหมือนผู้ที่ซุ่มจับตาดูอยู่จะเป็นศัตรูของ
แขกที่มาพักงั้นสินะ ทั้งหมดคงรอให้คนที่เข้าพักหมดเงินค่าห้องและออกไปเอง…’ เมื่อนึกถึงเรื่องคนนับสิบๆที่ซุ่มรออยู่หน้าโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจแล้วว่าพวกมันมาทาอะไร “น้องชายเจ้าเรียกว่าอะไร?” หลังมาถึงประตูหน้าเรือนพัก ต้วนหลิงเทียนก็ยื่นหินอมตะระดับสูงไปให้เสี่ยวซือพลางถามด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณท่านลูกค้า” เมื่อได้รับหินอมตะระดับสูงสุด 1 ก้อน สองตาของเสี่ยวซือก็ลุกวาวสว่างจ้า มันพุ่งมือไปรับหินอมตะด้วยความเร็วปานฟ้าผ่า เร่งกล่าวขอบคุณก่อนใดอื่น “ท่านลูกค้า ท่านเรียกข้าว่าเสี่ยวลิ่วก็ได้”
“ได้” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคา ค่อยกล่าวต่อว่า “เสี่ยวลิ่ว วันหน้าข้าอาจมีธุระบางประการคิดรบกวนเจ้า…เจ้าบอกช่องทางติดต่อมาเถอะ ข้ารับรองว่าจะไม่เอาเปรียบเจ้าแน่” “ท่านลูกค้า หากท่านมีอะไรคิดใช้งานข้า เพียงท่านนาผ้าสีแดงผืนนี้มาแขวนที่ประตูก็พอขอรับ” เสี่ยวลิ่วไม่รอช้า ควักผ้าสีแดงผืนหนึ่งส่งให้ต้วนหลิงเทียนทันที “หากข้าเห็นผ้าสีแดงเมื่อใด ข้าจะรีบมาหาท่านลูกค้าทันที”