ตอนที่ 2,739 จอมราชันอมตะ จักรพรรดิอมตะ

“ที่เจ้ากล่าวมานั่นมันก็แค่ยันต์เร้นกายที่ขุนนางอมตะจารึกสร้างขึ้น”

ชายหนุมชุดขาวเหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมย พลางกล่าว “ยันต์เร้นกายที่ข้าคิดให้นังหนูนั่นใช้ ไม่มีผู้ใดในพื้นที่แดนร้างจักสามารถสัมผัสได้ และต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือของ 3นิกายอมตะใหญ่ ต่อให้ยืนห่างจากนางครึ่งชุ่น ก็มิมีวันสัมผัสถึงตัวนางได้…”

ขณะกล่าวประโยคสุดท้าย น้ำเสียงทั้งท่าทางของชายหนุ่มชุดขาวก็แลดูถือดีหยิ่งผยองนัก

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนพอได้ฟังเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว!

ยันต์เร้นกายนั้น อย่างน้อยๆต้องบรรลุถึงด่านพลังขุนนางอมตะก่อนถึงจะจารึกได้ อย่างไรก็ตาม ยันต์เร้นกายที่ขุนนางอมตะจารึกสร้างขึ้น ก็ไม่อาจหลบสายตาของตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะได้ และถึงจะเป็นยอดเซียนอมตะ ถึงแม้จะมองไม่เห็น ทว่าหากอยู่ใกล้ๆผู้ใช้ยันต์เร้นกาย ก็จะสัมผัสได้ทันทีว่ามีคนล่องหนอยู่…

แต่เป็นธรรมดาว่ายันต์เร้นกายที่ขุนนางอมตะจารึกสร้าง ถือว่าเป็นยันต์เร้นกายทีมีระดับต่ำที่สุด

เกิดผู้ที่จารึกสร้างยันต์เร้นกายเป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะล่ะก็ พลังอำนาจของยันต์เร้นกายก็ย่อมสูงขึ้นทันที ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ไม่มีทางมองเห็นตัวผู้ที่ใช้ยันต์เร้นกายได้เลย

แต่เป็นธรรมดาว่าหากตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะเข้าใกล้ผู้ใช้ยันต์เร้นกายของราชาอมตะ ก็ยังพอจะสัมผัสได้ว่าข้างๆมีคนอยู่ แม้จะมองไม่เห็นก็ตามที

‘ในบรรดา 3 นิกายอมตะใหญ่ของแดนร้าง ไม่มีตัวตนขอบเขตราชาอมตะอยู่แม้แต่คนเดียว…’

ดุจละอองไฟวาบ ต้วนหลิงเทียนฉุกคิดเรื่องราวได้ทันที

‘แถมพี่ใหญ่เผยผู้นี้กล้ากล่าวได้เต็มปากด้วยความมั่นใจ ว่าต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือของ 3 นิกายอมตะใหญ่ในแดนร้าง ก็ไม่มีทางมองเห็นฮ่วนเอ๋อ หรือกระทั่งเข้าใกล้ก็ยังไม่มีทางรู้ตัว!’

‘และหากจะทำให้ยันต์เร้นกายมีผลถึงขั้นตัวตนขุนนางอมตะไม่แม้แต่จะสัมผัสได้ยามเข้าใกล้ล่ะก็…อย่างน้อยๆนั่นก็ต้องเป็นยันต์เร้นกายที่ จอมราชันอมตะ จารึกสร้างขึ้น…’

จอมราชันอมตะ!

นึกถึงจุดนี้ร่างต้วนหลิงเทียนก็อดสั่นสะท้านไปไม่ได้

จอมราชันอมตะนั่น คือตัวตนที่ดำรงอยู่เหนือขอบเขตราชาอมตะ! ให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวล ก็ถือว่าเป็นตัวตนอันทรงพลัง ชนชั้นยอดฝีมือของขุมกำลังระดับแนวหน้าทั้งหลาย…

“พี่ใหญ่เผย…หรือยันต์เร้นกายที่ท่านกล่าวถึง…เป็นยันต์เร้นกายของจอมราชันอมตะ?”

หลังลอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองถามชายหนุ่มชุดขาวอย่างใจจดจ่อ

“ใช่”

ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้า “เจ้าก็เลยไม่ต้องเป็นห่วงหรือกลัวว่านังหนูนั่นจะเข้าไปสถานที่แห่งนั้นกับเจ้าไม่ได้…และไม่เพียงแต่นางจะลอบติดตามเจ้าเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้ นางยังสามารถติดตามเจ้าออกมาจากสถานที่แห่งนั้นได้โดยไม่มีใครในบรรดา 3 นิกายอมตะใหญ่ของแดนร้างรู้ตัว…”

“ฟืด—”

หลังได้รับคำยืนยันของชายหนุ่มชุดขาว ต้วนหลิงเทียนถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง แววตาที่มองจ้องอีกฝ่ายเผยความตกตะลึงไม่น้อย

“พี่ใหญ่เผย…ท่านเป็นยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะเช่นนั้นหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนอดถามออกไปไม่ได้

ในความคิดของเขา ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนหยิบมอบยันต์เร้นกายที่ว่าออกมา ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่อีกฝ่ายจะเป็นคนจารึกเอง

“เปล่า”

ทว่าต้วนหลิงเทียนจำต้องผิดหวัง ชายหนุ่มชุดขาวนั้นตอบปฏิเสธออกมาทันที “ข้าไม่ใช่คนที่จารึกสร้างยันต์อมตะนั่น”

ถึงอย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนยังยืนยันได้เรื่องหนึ่ง

ชายหนุ่มในชุดขาวเบื้องหน้า อาจเป็นถึงเป็นตัวตนขอบเขตราชอมตะ! แต่ถึงจะไม่ใช่ อย่างน้อยๆก็ต้องแข็งแกร่งกว่าสุดยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะของ 3 นิกายอมตะในแดนร้าง!

เพราะสุดท้ายแล้ว เป็นชายหนุ่มชุดขาวกล่าวออกมาเอง ว่าไม่มีใครในแดนร้างทำอะไรมันได้

และตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนร้าง เป็นธรรมดาว่าต้องเป็นเสาหลักของบรรดานิกายอมตะทั้ง 3

“อ่า ข้าเข้าใจแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ในเมื่อมียันต์เร้นกายของจอมราชันอมตะ ต่อให้ฮ่วนเอ๋อจะลอบติดตามข้าเข้าไปในสถานที่ๆว่าก็คงไม่มีใครล่วงรู้…เพราะสุดท้ายแล้วในบรรดา 3 นิกายอมตะใหญ่ก็ไม่มีนิกายไหนมีราชาอมตะอยู่เลย”

“อย่าว่าแต่ขอบเขตราชาอมตะเลย ใน 3 นิกายอมตะใหญ่แดนร้างนั่น…กระทั่งขุนนางอมตะ 9ตำหนัก ยังไม่มีด้วยซ้ำ”

ชายหนุ่มชุดขาวยิ้มกล่าวออกมาอย่างเฉยเมย อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความดูแคลนประการหนึ่งในน้ำเสียง แม้มันจะเลือนรางก็ตาม

“เช่นนั้น…ในบรรดา 3 นิกายอมตะของแดนร้าง ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นแค่ ขุนนางอมตะ 8 ชะตา?”

ได้ยินคำของชายหนุ่มชุดขาว ต้วนหลิงเทียนก็จับประเด็นเรื่องนี้ได้

ในระนาบเทวโลกทั้งมวล ด่านพลัง เซียนอมตะ กับจินเซียนนั้นจะแบบ่งย่อยออกเป็น 7 ขั้นได้แก่

เซียนอมตะจันทร์แดง เซียนอมตะจันทร์แสด เซียนอมตะจันทร์เหลือง เซียนอมตะจันทร์เขียว เซียนอมตะจันทร์น้ำเงิน เซียนอมตะจันทร์คราม เซียนอมตะจันทร์ม่วง

ส่วนขอบเขตจินเซียนก็ได้แค่ จินเซียนตะวันแดง จินเซียนตะวันแสด จินเซียนตะวันเหลือง จินเซียนตะวันเขียว จินเซียนตะวันน้ำเงิน จินเซียนตะวันคราม จินเซียนตะวันม่วง

ส่วนด่านพลังต้าหลัวจินเซียนกับยอดเซียนอมตะนั้น จะแบ่งออกเป็น 5 ขั้นอันได้แก่

ต้าหลัวจินเซียนขั้นเหลือง ต้าหลัวจินเซียนขั้นลี้ลับ ต้าหลัวจินเซียนขั้นปฐพี ต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ และต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอด

สำหรับขอบเขตยอดเซียนอมตะก็เช่นกัน แบ่งออกได้เป็น ยอดเซียนอมตะขั้นเหลือง ยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับ ยอดเซียนอมตะขั้นปฐพี ยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ และยอดเซียนอมตะขั้นสุดยอด

ขอบเขตที่อยู่เหนือยอดเซียนอมตะไปอีกขั้นก็คือขุนนางอมตะ

เหนือขุนนางอมตะก็คือ ราชาอมตะ

เหนือราชาอมตะก็คือตัวตนขอบเขตพลัง จอมราชันอมตะ!

และที่ทรงพลังเหนือกว่าตัวตนขอบเขตจอมราชันอมตะ ก็จะเป็นตัวตนขอบเขต จักรพรรดิอมตะ!!

และไม่ว่าจะเป็นขอบเขตขุนนางอมตะ ราชาอมตะ จอมราชันอมตะ และสุดท้ายจักรพรรดิอมตะนั้น ขั้นพลังย่อยก็จะแบ่งออกเป็น 10 ขั้นเรียกว่า

1 ต้นกำเนิด 2 ยศ 3 ศักดิ์ 4 รูป 5 องค์ประกอบ 6 ผสาน 7 ดารา 8 ชะตา 9 ตำหนัก 10 ทิศ

ในบรรดาขั้นทั้งหลาย 1 ต้นกำเนิดย่อมอ่อนด้อยที่สุด และ 10 ทิศย่อมแข็งแกร่งที่สุด

และจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลายในระนาบเทวโลก ปกติแล้วก็จะมีด่านพลังอยู่ในขอบเขต จักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ!

เพราะมีเพียงตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศเท่านั้น ถึงจะคู่ควรกับนามจักรพรรดิสวรรค์!

แต่เป็นธรรมดาว่า ไม่ใช่มีแต่จักรพรรดิสวรรค์เท่านั้นที่เป็นจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ ตัวตนขอบเขตพลังนี้แต่ไม่ได้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ก็มีให้เห็นไม่น้อย

ตัวตนเช่นนั้นบ้างก็มีพลังฝีมือสู้จักรพรรดิอมตะ 10ทิศคนอื่นไม่ได้ บ้างก็ไม่อยากขึ้นดำรงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ ยังมีแม้แต่ผู้ที่ชมชอบเร้นกายอยู่อย่างสันโดษไม่ข้องแวะเรื่องราวใดๆ มุ่งไขว่คว้าเพียงพลังอำนาจที่เหนือชั้นขึ้นไป

“อืม”

ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้า “ในบรรดา 3 นิกายอมตะ พวกมันล้วนมีตัวตน ขุนนางอมตะ 8 ชะตา ดำรงอยู่”

ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอแสงสว่างวาบ ลอบกล่าววในใจว่า ‘เช่นนั้นพี่ใหญ่เผยผู้นี้…อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 9 ตำหนัก หรืออาจเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ หาไม่แล้วก็เป็นชนนั้นราชาอมตะ!’

“พี่ใหญ่เผย”

ต้วนหลิงเทียนสูดอากาศเข้าลึกๆ ถามต่อว่า “แล้วสถานที่ๆ 3 นิกายอมตะในแดนร้างจะให้ยอดฝีมืออายุไม่ถึง 100 ปีเข้าไปมันอยู่ที่ไหน? คืออะไร? แล้วทำไมถึงได้มีอันตรายนัก?”

“แล้วที่แท้ ท่านต้องการให้ข้าไปเอาอะไรจากในนั้นกันแน่?”

หลังต้วนหลิงเทียนกล่าววถามออกไปรวดเดียวจบ ชายหนุ่มชุดขาวก็เหม่อลอยไปเล็กน้อย แววตาเริ่มฉายแววสลัวคล้ายรำลึกถึงเรื่องราวความหลัง

“สถานที่แห่งนั้น…”

ต้วนหลิงเทียนพบวว่า หลังจากที่ถามไป ชายหนุ่มชุดขาวคล้ายไม่เป็นตัวของตัวเอง เสียงกล่าวยังพึมพำอยู่ในลำคอ

อีกทั้งลึกลงไปในแววตาของชายหนุ่มชุดขาว บัดเดี๋ยวก็ทอประกายสว่างราวยินดี บัดเดี๋ยวก็เปลี่ยนแปลงไปเป็นโศกศัลย์ แฝงความเปลี่ยวเหงา

“สถานที่แห่งนั้น คือโลกใบเล็กที่ตัวตนขอบเขตราชาอมตะเหลือทิ้งไว้ในแดนร้าง”

“โลกใบเล็กนั่น ผู้ที่จะเข้าไปได้ต้องมีอายุน้อยกว่าร้อยปีเท่านั้น…หากผู้ใดมีอายุเกินร้อยปีแล้วพลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตราชาอมตะ ก็ต้องตกตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย…แต่ทว่าหากมีอายุเกินร้อยปีแล้วพลังฝึกปรือเหนือกว่าขอบเขตราชาอมตะ ยามเมื่อย่ำเท้าเข้าไป โลกใบเล็กนั่นก็จะทำลายตัวเองทันที ทุกสิ่งทุกอย่างในนั้นจักสูญสลายหายไปในความว่างเปล่า…”

ชายหนุ่มชุดขาวกล่าว

“และในโลกใบเล็กแห่งนั้น ผู้ที่จะเอาชีวิตรอดได้ ก็มีแต่ตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะขึ้นไปเท่านั้น…หากนังหนูข้างกายเจ้าเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นเหลือง นางก็คงเอาตัวแทบไม่รอด แต่ทว่าในเมื่อนางบรรลุยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับแล้วเช่นนี้ ก็มากพอจะปกป้องตัวเองรวมถึงคนข้างกายได้”

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวกล่าวต่อ

“ฟืด…”

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็อดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้

โลกใบเล็กที่ตัวตนขอบเขตราชาอมตะเหลือทิ้งไว้!

มีแต่ผู้ที่อายุไม่ถึง 100 ปีเท่านั้น จึงจะเข้าไปได้

และภายในนั้น หากไม่ใช่ยอดเซียนอมตะเกรงว่าจะเอาตัวไม่รอด!

และผู้ที่อายุเกินร้อยปี แต่ด่านพลังต่ำกว่าขอบเขตราชอมตะ ทันทีที่ก้าวเข้าไปก็จะถูกพลังของโลกใบเล็กสังหารทันที

ส่วนผู้ที่มีอายุเกินร้อยปี และด่านพลังเหนือกกว่าขอบเขตราชาอมตะ ทันทีที่ก้าวเข้าไป โลกใบเล็กก็จะล่มสลายลง…

เช่นนั้นจึงกล่าวได้ว่า…

ในแดนร้างแห่งนี้ มีเพียงแต่ตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตยอดเซียนอมตะและอายุไม่ถึงร้อยปีเท่านั้นจึงจะอยู่รอดในนั้นได้

“ไฉนราชาอมตะผู้นั้นถึงมาทิ้งโลกใบเล็กเอาไว้ในแดนร้างเช่นนี้เล่า…นี่ยังไม่ใช่กับดักมรณะอีกหรือ”

ในสายตาของต้วนหลิงเทียน

ในแดนร้างแห่งนี้ไม่เคยปรากฏตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะที่อายุไม่ถึงร้อยปีมาก่อนด้วยซ้ำ

และสถานที่แห่งนี้ก็ไร้ซึ่งตัวตนขอบเขตราชาอมตะ

กล่าวอีกอย่างได้ว่า

ในแดนร้างแห่งนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ย่างกรายเข้าไปในนั้น ล้วนต้องตกตายไร้ทางรอด!

แน่นอนว่ามีกรณียกเว้นอยู่

นั่นก็คือ ฮ่วนเอ๋อ

“แล้วผู้คนของนิกาอมตะในแดนร้าง…ไม่มีใครล่วงรู้เลยหรือ ว่าหากด้านพลังยังไม่บรรลุถึงยอดเซียนอมตะ เข้าไปก็มีแต่ตายกับตาย?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงหนัก

“พวกมันย่อมไม่รู้ หาไม่แล้วคงไม่ส่งคนเข้าไปตายอย่างสูญเปล่ามากมาย”

ชายหนุ่มในชุดขาวกล่าว

“ท่าน…ไม่ไปเตือนพวกมันหน่อยหรือ?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกรอบ

“เตือน?”

ชายหนุ่มชุดขาวแสยะยิ้ม “ไฉนข้าต้องไปเตือนพวกมันด้วย? หากพวกมันไม่โลภมากพวกมันจะเข้าไปสำรวจโลกใบเล็กนั่นทำอะไร? ก่อนหน้านี้พวกมันทั้ง 3 นิกายก็ส่งคนไปตายมากมายแต่ก็ยังไม่รู้สำนึก!รั้นจะเข้าไปแสวงโชคให้จงได้!!”

“แมงเม่าบินเข้ากองไฟ!”

หลังกล่าวจบชายหนุ่มชุดขาวก็เริ่มหัวเราะเยาะเย้ย

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างวาบ

“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าคิดเหรอว่าหากข้าไปแจ้งเตือนพวกมันด้วยความหวังดี ว่าโลกใบเล็กแห่งนั้นมิใช่สถานที่ๆพวกมันจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้…แล้วพวกมันจะเชื่อข้า?”

ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยถามอีกครั้ง

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว ค่อยกล่าวต่อว่า “แต่…พี่ใหญ่เผย หากท่านเผยระดับพลังของท่านออกไปแล้วบังคับให้พวก 3 อมตะในแดนร้างรามือจากโลกใบเล็กนั่นเล่า….ไม่ใช่ว่าพวกมันก็จะเลิกส่งคนเข้าไปตายเปล่าหรอกหรือ?”

“แล้วนิกายอมตะทั้ง 3 ในแดนร้างมันเกี่ยวข้องอะไรกับข้าเล่า ไฉนข้าต้องไปสนด้วยว่าพวกมันจะอยู่หรือตาย?”

ชายหนุ่มชุดขาว กล่าวค่อนแคะเสียงเย็น

“ยิ่งไปกว่านั้นข้าจะบังคับให้พวกมันไม่เข้าไปได้ตลอดชีวิตหรือไร? ตอนนี้ต่อให้ข้าสั่งให้พวกมันเลิกส่งคนเข้าไปตายเปล่าได้จริง ทว่าหลังจากนี้เล่า?หากข้าไม่คอยปรากฏตัวมาบังคับพวกมันอยู่เรื่อยข้าเชื่อว่าพวกมันก็ยังจะเริ่มส่งคนไปตายเปล่าเหมือนเดิม…”

“นี่ล้วนเป็นธรรมชาติของผู้คน!”