ตอนที่ 2,902 : หลี่ผิง ราชาอมตะ?

“ต้วนหลิงเทียน? มันคือต้วนหลิงเทียนงั้นรึ?”

“ที่แท้มันก็คือผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มา แม้จะยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่ได้รับการยอมรับให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงอันดับ 1 ของ 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้?”

“แล้วนี่…มันเรื่องอะไรกันแน่? มันมาทำอะไร?”

หลังจากล่วงรู้ตัวตนของต้วนหลิงเทียนแล้ว ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ก็ตกใจกันยกใหญ่

ฟังจากบทสนทนาของพวกมัน เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงมาปรากฏตัวที่นิกายอมตะสราญรมข์ของพวกมันได้

ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมาด้วยกันกับ จี้ฟ่าน ตถาคตของนิกายอมตะสราญรมย์พวกมันอีก

“เจ้าก็คือหัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อี ต้วนหลิงเทียน งั้นรึ?”

ตอนนี้เอง ประมุขนิกายอมตะสราญรมย์ หลิวเสวียนคง ได้ระงับไฟโทสะในใจที่มีต่อจี้ฟ่านเอาไว้ชั่วคราว จากนั้นก็หันไปมองถามต้วนหลิงเทียนออกมาเสียงหนัก ฟังดูเย็นชาไม่น้อย

“ข้าได้ยินมาว่า…พวกเจ้าเป็นตัวตั้งตัวตี และเห็นพ้องต้องกันเรื่องฆ่าข้าใช่ไหม?”

ต้วนหลิงเทียนไม่ตอบคำถามของหลิวเสวียนคง เพียงกวาดตามองไปยังระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์พลางกล่าวถามอกมาด้วยน้ำเสียงไร้แยแส

“เจ้ามาที่นี่ทำอะไร แล้วใช่อาจารย์ของข้าถูกคนของเจ้าฆ่าหรือไม่?”

หลิวเสวียนคงที่เห็นทีท่าเฉยเมยไม่แยแสมันของต้วนหลิงเทียน กอปรกับอาการผิดปกติของจี้ฟ่าน ในใจก็บังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาประการหนึ่ง

“เปล่า”

คราวนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เพิกเฉยหลิวเสวียนคง เขาส่ายหัวไปมาพลางกล่าวปฏิเสธ

“เปล่า?”

ได้ยินคำตอบของต้วนหลิงเทียน หลิวเสวียนคงก็หยีตามองเพ่งต้วนหลิงเทียนเขม็ง และจากการสังเกตของมันก็พบว่าต้วนหลิงเทียนไม่คล้ายคนโกหก!

ครู่ต่อมาใจที่เป็นกังวลของมันก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย

“หึ! หลี่อันบรรพบุรุษของนิกายอมตะสราญรมย์ไม่เจียมตัวเอง กล้าคิดลงมือต่อปรมาจารย์โอสถต้วน…สุดท้ายจึงถูกปรมาจารย์โอสถต้วนฆ่าตายคามือ!”

ทันใดนั้นเองจี้ฟ่านที่อยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันอย่างไม่ให้ใครทันได้ตั้งตัว เรียกว่าจังหวะนี้มันได้แสดงจุดยืนให้เห็นชัด ว่าอยู่ข้างต้วนหลิงเทียน!

และเมื่อวาจาดังกล่าวของจี้ฟ่านดังล่วงล้ำลำคอออกมา ผู้คนโดยรอบก็เงียบลงทันใด

กระทั่งคนของนิกายอมตะสราญรมย์ที่พึ่งเหินร่างขึ้นมาสมทบ เพื่อชมดูเรื่องราวสนุกสนานยังอดไม่ได้ที่จะตะลึง ถึงกับชะงักร่างค้างกลางหาวเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวของจี้ฟ่าน

เหล่าระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์พอฟื้นสติ ก็เผลอหันหน้ามามองสบตากัน ไร้คำใดจะกล่าว

“ฮ่าๆๆๆ!!”

สุดท้ายก็เป็นอาวุโสระดับสูง อันมีรูปลักษณ์เป็นหลวงจีนชราในจีวรสีเงินที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังหลิวเสวียนคง ระเบิดเสียงหัวเราะทำลายความเงียบออกมา จากนั้นก็ยกยิ้มแสยะกล่าวออกด้วยน้ำเสียงชิงชัง “เหอะ! นี่พวกเจ้าเห็นเราเป็นเด็ก 3 ขวบงั้นเหรอ?”

“อาศัยเด็กน้อยขนอุยอายุไม่ถึงร้อยปีคนหนึ่ง แต่เจ้ากลับบอกว่ามันเป็นคนฆ่าบรรพบุรุษหลี่อัน? น่าขันสิ้นดี!!”

ขณะกล่าวสีหน้าหลวงจีนชราก็เผยให้เห็นถึงความไม่เชื่อแจ่มชัด

“เลอะเลือน! จี้ฟ่านผู้นี้สมองเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ!!”

“ตอนที่มันประกาศถอนตัวออกจากนิกายอมตะสราญรมย์เรา ข้าก็คิดว่ามันใช่เสียสติไปแล้วหรือไม่…มาตอนนี้ดูเหมือนว่าสติมันจะเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ!!”

“ข้าไม่ทราบจริงๆ ว่ามันไปโดนผู้อื่นทรมานอันใดมาถึงได้แปรพักตร์ไปเช่นนี้ แต่มันคิดเหรอว่าอาศัยวาจาเหลวไหลไม่กี่คำพวกเราจักเชื่อ? อาศัยไอ้หนูนี่น่ะรึ ฆ่าบรรพบุรุษหลี่อันได้? มีแต่ตัวโง่งมเท่านั้นจึงเชื่อ!!”

หลังจากนั้นพอเหล่าอาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์กลับมารู้สึกตัว พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งคำออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ และรู้สึกว่าท่าทางจี้ฟ่านจะเสียสติไปแล้วจริงๆ

“ข้า สติเลอะเลือน?”

ได้ยินวาจาของอาวุโสระดับสูงทั้งหลาย จี้ฟ่านก็ลอบเย้ยหยันในใจ หากแต่มันไม่คิดจะอธิบายอะไรออกมาแม้ครึ่งคำ

เพราะมันเองก็รู้ดี…

ว่าต่อให้มันอธิบายจนปากฉีกก็ไร้ประโยชน์! หากปรมาจารย์โอสถต้วนไม่ลงมือให้เห็นกับตา เกรงว่าคงไม่มีใครในโลกจะเชื่อได้ลงคอ ว่าปรมาจารย์โอสถต้วนเป็นผู้ที่ฆ่าหลี่อันตายกับมือจริงๆ!!

‘คราวนี้ข้าได้ทรยศนิกายอมตะสราญรมย์ ทั้งร่วมมือกับมันไปแล้วเต็มตัว…หวังว่าหลังจากลงมือทำลายรากฐานนิกายอมตะสราญรมย์เสร็จ มันจะรักษาสัญญาเรื่องไว้ชีวิตข้าจริงๆ’

จี้ฟ่านละสายตาจากคนของนิกายอมตะสราญรมย์มาจับจ้องแผ่นหลังของชายยหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ในใจลอบภาวนาอย่างลับๆ

เพราะสุดท้ายแล้ว ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ก็สามารถตัดสินชะตากรรมของมันได้ในหนึ่งห้วงคิด!

“หนวกหู!”

เมื่อคนของนิกายอมตะสราญรมย์เริ่มกล่าววาจาดูแคลนกันไม่หยุดปาก ต้วนหลิงเทียนที่รู้สึกรำคาญก็สบถคำออกมาเสียงเย็น

และเสียงสบถเยียบเย็นนี้ ก็แฝงเร้นไปด้วยพลังอำนาจขุมหนึ่ง ทำให้มันดังสนั่นกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณหลายลี้ ยากที่จะมีใครไม่ได้ยิน!

อีกทั้งคราวนี้ต้วนหลิงเทียนยังจงใจแสดงพลังอำนาจออกมา ทำให้คลื่นเสียงแฝงพลังดังกล่าว ประหนึ่งคลื่นสมุทรสุดคุ้มคลั่งกำจายออกไปอย่างเกรี้ยวกราด!!

พริบตาต่อมา

“อ๊าคค!!”

“อั่ก!!”

“อ่อค!”

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังโหยหวนขึ้น ยังมีเสียงกระอักโลหิตดังขึ้นพร้อมเพรียง เรียกว่าเสียงสบถแฝงพลังครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน ทำร้ายพวกมันหนักหนาแล้ว!

และผู้ที่กระอั่กเลือดทั้งกรีดร้อง ล้วนเป็นเหล่าอาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ทั้งสิ้น

สำหรับเหล่าศิษย์ของนิกายอมตะสราญรมย์ หรือตัวตนที่พลังฝึกปรือไม่ถึงขั้นนั้น ไม่มีแม้แต่โอกาสจะส่งเสียงกรีดร้องใดๆ ร่างของพวกมันหล่นร่วงตกฟ้าปานหุ่นกระบอกไร้ด้าย กลับกลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือนเกลื่อนพื้น มองไกลๆยังคล้ายหยาดพิรุณพร่ำพรมอยู่บ้าง เพียงแค่หยาดพิรุณที่พร่ำพรมลงมาคราวนี้เป็นผู้คนก็เท่านั้น!!

“พลังอันใดกัน! ศิษย์เราตายแล้ว!?”

“บัดซบ! ล้วนตกตายหมดสิ้นแล้ว!!”

ตอนนี้เองเหล่าอาวุโสระดับสูงที่กระอักเลือดออกมา พอรู้สึกตัวแล้วเห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ก็อดไม่ได้ที่จะแตกตื่นกันยกใหญ่ กระทั่งหลิวเสวียนคงเองยังหน้าเสียไป เมื่อเห็นศิษย์นับร้อยพันตกตายไปในลักษณะนี้!

ต้องทราบด้วยว่าศิษย์ที่เหินร่างขึ้นมาคราวนี้ อย่างต่ำล้วนมีด่านพลังขอบเขตยอดเซียนอมตะ! ไม่มีผู้ใดอ่อนด้อยไปกว่ายอดเซียนอมตะแม้แต่คนเดียว!!

ตอนนี้ผู้ที่ยังสามารถลอยร่างเหนือน่านฟ้าของนิกายอมตะไท่อีได้ ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่บรรลุด่านพลังเหนือขอบเขตยอดเซียนอมตะทั้งสิ้น!

อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ หากแต่ผู้ที่ด่านพลังสูงไม่ถึงขั้น ตอนนี้แก้วหูล้วนแตกทะลุ หยาดโลหิตสีคล้ำไหลย้อยออกมาจากหู ยังมีผู้ที่ปรากฏลโลหิตไหลออกจากทวารทั้ง 7 แลดูน่าสยดสยองนัก!

อาศัยหนึ่งคำสบถ ก็ฆ่าคนนิกายอมตะสราญรมย์ที่ด่านพลังยังไม่บรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ ที่เหินร่างขึ้นมาชมดูเรื่องราวบนฟ้าหมดสิ้น!!

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

จังหวะนี้เหล่าอาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ที่ยังมีชีวิตรอด ถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็ด! บริเวณขมับเริ่มปรากฏเหงื่อเม็ดเขื่องผุดซึม!!

พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแวววตาก็ฉายชัดถึงความหวาดผวาพรั่นกลัว เจือไว้ด้วยความตื่นตระหนกไม่อยากจะเชื่อ!

กระทั่งตัวประมุขนิกายอมตะสราญรมย์อย่างหลิวเสวียนคง ผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 9 ตำหนักแล้ว ในแววตาก็อดไม่ได้ที่จะเผยความหวั่นหวาดออกมาลึกล้ำ

ถึงแม้การลงมือเข่นฆ่าโดยใช้คลื่นเสียงสังหารเช่นนี้ ตัวมันก็สามารถกระทำได้…

อย่างไรก็ตามมันลองถามตัวเองดูก็ตอบได้ทันที ว่าถึงจะกระทำได้…แต่ก็ไม่มีทางลงมือด้วยท่าทีปลอดโปร่งไร้เรื่องราวเยี่ยงชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าได้เลย!!

‘บัดซบ! ด่านพลังของมัน…อยู่เหนือข้าไม่ผิดแน่!’

‘อีกทั้งต่อให้เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ แต่ก็ไม่มีทางลงมือได้อย่างไร้เรื่องราวเช่นมัน!’

‘หรือว่า…ด่านพลังของมันบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว?’

ในห้วงเวลาดุจฟ้าแลบ ความคิดของหลิวเสวียนคงได้โลดแล่นไปไวจี๋ และในที่สุดมันก็ตัดสินได้ ว่าต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องเป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะแล้วแน่นอน!

‘ดูเหมือนว่า…คนที่ลงมือสังหารท่านอาจารย์ จะเป็นมันจริงๆ!’

หลังจากตระหนักได้ถึงพลังของต้วนหลิงเทียน แม้แต่ตัวหลิวเสวียนคงก็ไม่อาจไม่สนใจวาจาที่จี้ฟ่านพึ่งกล่าวไปก่อนหน้าได้อีกต่อไป!

เรียกว่าตอนนี้จะหลิวเสวียนคงหรืออาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ที่ลอยร่างอยู่บนฟ้า ไม่มีใครไม่หวาดกลัวเสียขวัญ พาลให้บรรยากาศเหนือฟ้ากลายเป็นหดหู่อึมครึมนัก!

ตึง! ตูม! โครม!

โผละ! แผละ!

ตอนนี้เองเสียงร่างผู้คนกระแทกพื้นจนกลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือนก็พึ่งจะดังขึ้นมาถึงบนฟ้า ดุจดั่งดุริยางค์นรกที่บรรเลงเข้าหูระดับสูงนิกายอมตะสราญรมย์ได้อย่างประจวบเหมาะ…

และปรากฏการณ์ดังกล่าว ยังสร้างความตื่นตระหนกให้กับเหล่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ที่อยู่ด้านล่าง ถิ่นที่อยู่ของนิกายอมตะสราญรมย์เริ่มดังระงมไปด้วยเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจเสียขวัญ

“นิ…นี่มันอันใดกัน!?”

“เกิดอะไรขึ้น!?”

เหล่าศิษย์นิกายอมตะสราญรมย์ ที่โชคดีรอดชีวิตเพราะไม่ได้เหินร่างขึ้นมา เมื่อได้เห็นซากศพแหลกเหลวนับร้อยพันที่เกลือนพื้น ทั้งติดค้างอยู่บนหลังคา ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก จมูกสูดได้กลิ่นโลหิตไปทั่ว

ตูมมม!!

ครืนนน!!

….

ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางเสียงตื่นตระหนกตกใจ อยู่ๆเสียงระเบิดหนึ่งพร้อมแรงสั่นสะเทือนพลันอุบัติขึ้น! ทว่าคราวนี้แตกต่างจากตอนที่ หลี่ผิง บรรพบุรุษนิกายอมตะสราญรมย์พึ่งรับทราบการตายของหลี่อันอยู่บ้าง เพราะปรากฏการณ์สั่นสะเทือนดังกล่าวดำเนินไปนานกว่า!!

และความเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็ดึงดูดความสนใจต้วนหลิงเทียนเช่นกัน

‘พลังวิญญาณฟ้าดินนี่มัน…’

ทันใดนั้นสายตาของต้วนหลิงเทียนก็หันไปจับจ้องมองลึกเข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งของนิกายอมตะสราญรมย์ด้านล่าง พริบตาต่อมาสำนึกเทวะยังแผ่ไปปกคลุมอาณาบริเวณดังกล่าวทันที

“น่าสนใจดีนี่…”

จากนั้น มุมปากต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆคลี่ยิ้มแสยะ แววตายังทอประกายเรืองขึ้นวาบหนึ่งคล้ายกำลังพบพานเรื่องราวสนุกสนาน…

ครืนนนน!!

ตึงงง!!

ถิ่นที่อยู่ของนิกายอมตะสราญรมย์แถบนั้น ปรากฏคลื่นสั่นสะเทือนจนทำให้อาคารพังทลาย และเหตุการณ์ดังกล่าวยังดำเนินไปกว่า 1 เค่อ ค่อยหยุดลง…

“ฮ่าๆๆๆ…!!”

“หึๆ ฮ่าๆๆๆ!!!”

และหลังจากปรากฏการณ์สั่นสะเทือนจนอาคารพังพินาศจบสิ้นลง ก็ปรากฏเสียงหัวเราะอันเปี่ยมล้นไปด้วยความพึงพอใจดังกระหึ่มขึ้นมาทั่วนิกายอมตะสราญรมย์ ยังดังมาจากจุดศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนของถิ่นที่อยู่เบื้องล่างนั่น!!

“ในที่สุด! ข้าหลี่ผิง ก็ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้เสียที!!”

หลังเสียงหัวเราะหยุดลง เสียงชราอันเปี่ยมล้นไปด้วยความปิติยินดีก็กังวาลขึ้นตามติด แน่นอนว่าคนนิกายอมตะสราญรมย์ทั้งหมดที่ยังมีชีวิตอยู่ ล้วนได้ยินกันชัดถนัดหู!!

จังหวะนี้ถิ่นที่อยู่ของนิกายอมตะสราญรมย์ ก็เงียบสงัดลงอีกครา

และหลังความเงียบสงัด ก็ดั่งพายุวาจาอุบัติ หากแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนกหลังได้เห็นพิรุณเลือดเนื้อแต่อย่างใด แต่เป็นความตกใจระคนยินดี บรรยากาศสยดสยองยังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

“ข้า…ข้าได้ยินไม่ผิดใช่หรือไม่? ท่านบรรพบุรุษหลี่ผิง…ท่าน…ท่านกล่าวว่าทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้วงั้นหรือ!?”

“บรรพบุรุษหลี่ผิงของพวกเรา ได้กลายเป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะแล้วหรือ!?”

“นิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเรา ไม่ปรากฏราชาอมตะให้เห็นมาหลายพันปีแล้วใช่ไหม!?”

นับว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายพันปีเลยทีเดียว ที่นิกายอมตะสราญรมย์อุบัติตัวตนราชาอมตะ!

“อาจารย์ลุง…ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้แล้ว!?”

จังหวะนี้หลิวเสวียนคงที่เมื่อครู่ตกอยู่ในความหวาดกลัว เพราะคาดเดาว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะ ก็เสมือนได้เห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด ลูกตายังทอประกายจ้าขึ้นมาด้วยความหวังความยินดี!!

เมื่อครู่มันยังคิดอยู่เลย…

ว่าหากต้วนหลิงเทียนเป็นราชาอมตะขึ้นมาจริงๆ กระทั่งอาจารย์ลุงของมันที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายอมตะสราญรมย์ ณ เวลานี้ น่ากลัวจะไม่อาจเอาชนะต้วนหลิงเทียนได้…

กระทั่งยังอาจจะพ่ายแพ้ตายตก!

แต่บัดนี้ อาจารย์ลุงของมันได้ทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว! เรียกว่าหมอกมืดที่เริ่มปกคลุมท่วมใจของมัน ได้ถูกปัดเป่าจนสลายไปทันใด!!

“ฟ่านเอ๋อกลับมาแล้วหรือ?”

หลังจากนั้นครู่ต่อมา สำนึกเทวะอันทรงพลังขุมหนึ่ง ก็ได้กำจายออกมาปกคลุมไปทั่วถิ่นที่อยู่ของนิกายอมตะสราญรมย์ ครอบคลุมมาถึงน่านฟ้าเหนือนิกาย พร้อมกับมีเสียงชราหนึ่งดังขึ้นตามติด

เห็นได้ชัดว่าสำนึกเทวะของเจ้าเสียง ได้ค้นพบจี้ฟ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ปรมาจารย์โอสถต้วน…เจ้าของเสียงเมื่อครู่ ก็คือบรรพบุรุษอีกคนของนิกายอมตะสราญรมย์ หลี่ผิง”

ตอนนี้เองจี้ฟ่านก็หันไปกล่าวบอกต่อต้วนหลิงเทียนทันที

และขณะกล่าวประโยคท้าย แววตามันก็เริ่มปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมา “ตอนนี้มัน…ดูเหมือน…จะทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้แล้ว!”

เมื่อจี้ฟ่านกล่าวจบคำ มันก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง

จังหวะนี้มันกลัวที่จะเห็นความหวาดกลัวในสายตาของต้วนหลิงเทียนเหลือเกิน เพราะสิ่งนั้นย่อมบ่งบอกว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่มั่นใจว่าจะจัดการหลี่ผิงที่พึ่งทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้…

มันไม่อยากเห็นอะไรแบบนั้นจริงๆ!!