ตอนที่ 2,904 : ไม่รังเกี่ยจที่จะฆ่าเพิ่มอีกคน

เมื่อเผชิญหน้ากับวาจาถามไถ่มาเป็นชุดของหลี่ผิง ประมุขนิกายอมตะสราญรมย์หลิวเสวียนคง ไม่เว้นเหล่าอาวุโสระดับสูงด้านหลังก็ได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆ มากล้นไปด้วยความขมขื่นใจ…

ท่านถามข้า?

แล้วจะให้ข้าไปถามผู้ใด?

นั่นคือสิ่งแรกที่หลิวเสวียนคงและระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์นึกในใจ

แต่เป็นธรรมดาว่าพวกมันก็ได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าพูดออกมา

“อาจารย์ลุง…”

หลิวเสวียนคงได้แต่ยิ้มแหยๆ เอ่ยออกมาว่า “งานสมัชชาเต๋าโอสถที่พึ่งผ่านมา ข้าเองก็ไม่ได้เข้าร่วม…เรื่องที่หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีเป็นเพียงยอดเซียนอมตะขั้นลี้ลับ ล้วนเป็นเรื่องที่ท่านอาจารย์บอกกล่าวมาทั้งสิ้น…”

“ใช่แล้วท่านบรรพบุรุษ!”

เมื่อมีหลิวเสวียนคงเป็นผู้กล้ากล่าวเปิด ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ก็กล่าวตามทันที!

“เรื่องราวที่เกิดขึ้นในงานสมัชชาเต๋าโอสถ พวกเราล้วนรับทราบมาจากบรรพบุรุษหลี่อันทั้งสิ้น”

“ใช่แล้ว ท่านบรรพบุรุษ! พวกเรามิเคยพบเจอต้วนหลิงเทียน หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีผู้นี้มาก่อนเลยสักครั้ง! ย่อมไม่อาจระบุได้ว่าด่านพลังฝึกปรือของมันรั้งอยู่ขั้นใด…”

“ท่านบรรพบุรุษ..”

ได้ยินคำตอบจากเหล่าระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์มากเท่าไหร่ สีหน้าของหลี่ผิงก็ยิ่งมืดลงเท่านั้น สุดท้ายก็ทนไม่ไหว โพล่งคำตะคอกออกมาเสียงดัง “หึ! ฟังที่พวกเจ้าว่ามา…หมายความว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของน้องอันข้าที่ตกตายไปแล้ว?”

“พวกเจ้า…ถึงกับกล้ายกคนตายมาอ้างงั้นหรือ!?”

หลังตะคอกคำด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด น้ำเสียงของหลี่ผิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาถึงขีดสุด ทำให้หลิวเสวียนคงและระดับสูงทั้งหลายถึงกับสะดุ้ง ไม่กล้าพูดอะไรออกมาต่อแม้ครึ่งคำ

เมื่อเห็นว่าหลิวเสวียนคงกับระดับสูงพากันเงียบปากไร้คำจะพูด หลี่ผิงก็หันกลับไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งด้วยใบหน้าเย็นชา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “หากไม่ใช่เพราะข้าได้เห็นกับตาตัวเอง ให้คนอื่นมาพูดให้ตาย ว่าคนที่อายุไม่ถึงร้อยปีคนหนึ่ง สามารถรับการลงมือของข้าที่พึ่งทะลวงผ่านมาถึงขอบเขตราชาอมตะแล้วได้อย่างง่ายดาย…ข้าจักไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด!”

“ในเมื่อเจ้าสามารถรับฝ่ามือเมื่อครู่ของข้าได้อย่างไร้เรื่องราว…เช่นนั้นด่านพลังของเจ้าอย่างน้อยๆก็สมควรบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ หรือไม่แน่เจ้าก็เป็นถึงยอดฝีมือกึ่งราชาอมตะแล้วกระมัง?”

วาจาท้ายประโยคของหลี่ผิง คล้ายจะกล่าวถามหยั่งเชิงต้วนหลิงเทียน

“ยอดฝีมือกึ่งราชาอมตะ?”

ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นมุมปากก็เริ่มคลี่ยิ้มบางๆ

อาการสบายๆไม่แยแสนี้ของต้วนหลิงเทียน พอตกอยู่ในสายตาหลี่ผิง ก็ทำให้หลี่ผิงอดไม่ได้ที่จะใจสั่น ยังเริ่มบังเกิดอาการหวั่นๆขึ้นมา ‘ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ แม้จะเห็นว่าข้าเป็นราชาอมตะ แต่มันยังแลดูมั่นใจได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ?’

ในนิกายอตะสราญรมย์ หลี่ผิง นับว่ามีอายุมากที่สุด

ด้วยความที่อยู่มานาน ได้เห็นอะไรมามาก มันก็ย่อมคิดมากตามไปด้วย

และในความคิดของมัน

กระทั่งในเวลาแบบนี้แต่ชายหนุ่มชุดม่วงยังมั่นหน้าอยู่ได้ ก็บ่งชี้ให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ 2 ประการ…

ประการแรกคืออีกฝ่ายเสแสร้งแสดงวางมาดยอดฝีมือ หมายอาศัยนิ่งสงบสยบเคลื่อนไหว ชักนำให้ใจมันบังเกิดความหวั่นเกรง สุดท้ายก็เกิดเป็นความระแวงจนไม่กล้าลงมือเล่นงานอีกฝ่ายอย่างวู่วาม

ประการที่ 2 ก็คือ อีกฝ่ายสมควรมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ และทรงพลังถึงที่สุด! ถึงขั้นไม่แยแสนิกายอมตะสราญรมย์ของมันเลย!!

อย่างแรกไม่เป็นไร…

แต่หากเป็นอย่างหลังขึ้นมา ถึงวันนี้มันจะสามารถเข่นฆ่าอีกฝ่ายได้ แต่นิกายอมตะสราญรมย์ไม่พ้นถึงกาลอวสานเป็นแน่!

“ต้วนหลิงเทียน…”

หลังครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่พักหนึ่ง หลี่ผิงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็งพลางถามออกไปว่า “น้องอัน…เป็นเจ้าฆ่าหรือ?”

“น้องอัน?”

ต้วนหลิงเทียนถึงกับผงะเมื่อได้ยินคำถามของหลี่ผิง

“เป็นหลี่อัน…ลูกพี่ลูกน้องของข้า!”

หลี่ผิงกล่าวเตือนเสียงขรึม

“หลี่อัน?”

ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง กล่าวออกเสียงเบา “หากเจ้าหมายถึงมัน…ก็ใช่ ในเมื่อมันคิดฆ่าข้า เช่นนั้นข้าจึงฆ่ามัน”

“อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนคนที่คิดจะฆ่าข้าไม่ได้มีแค่มันคนเดียวเท่านั้น…แต่ระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์ด้านหลังเจ้าก็อยากจะฆ่าข้าเหมือนกัน”

ขณะกล่าวประโยคท้าย สายตาต้วนหลิงเทียนก็มองกวาดไปยังระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์หลังงหลี่ผิงทั่วๆ กระทั่งไปหยุดมองที่หลิวเสวียนคง พลางแสยะยิ้มกล่าวว่า “ที่ข้ามานิกายอมตะสราญรมย์วันนี้ ก็เป็นเพราะเรื่องนี้ล่ะ”

“พอดี..ข้ามีนิสัยเสียประการหนึ่ง”

“ใครที่มันอยากให้ข้าตาย…ข้าก็ไม่คิดปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่!”

ขณะกล่าววาจาสุดท้าย เสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนที่เดิมเรียบเบา ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชายะเยือก สองตาที่เคยสงบก็ปะทุจิตสังหารอันเยียบเย็นออกมา!

สิ้นคำกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าท่าทีหลี่ผิงก็เปลี่ยนไปทันใด!

กระทั่งสีหน้าของระดับสูงนิกายอมตะสราญรมย์ไม่เว้นหลิวเสวียนคงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง ด้วยรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนกำลังพูดถึงพวกมัน!

เป็นพวกมันเห็นดีเห็นงามด้วย เรื่องที่หลี่อันกับจี้ฟ่านไปยังนิกายอมตะไท่อีในพื้นที่รกร้างเพื่อจัดการต้วนหลิงเทียน กระทั่งก่อนที่หลี่อันจะเดินทางไปฆ่าคน ก็เป็นพวกมันที่หารือกันจนเห็นพ้องต้องกันแล้ว…ว่าจะกำจัดต้วนหลิงเทียน!

วันนั้นไฉนที่พวกมันตัดสินใจเห็นชอบเรื่องกำจัดต้วนหลิงเทียน…ก็เพราะสืบพบแล้วว่าต้วนหลิงเทียนไร้ภูมิหลังอันใด

แต่พอมาดูตอนนี้ ต่อให้อีกฝ่ายจะไร้ภูมิหลัง ทว่าการหารือลงมติดังกล่าวก่อนหน้า ก็เหมือนจะเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์!

เพราะสุดท้ายแล้ว ลูกแกะที่พวกมันคิดเชือดนิ่ม ที่แท้กลับเป็นพยัคฆ์ร้ายขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ หรือแม้กระทั่งยอดฝีมือกึ่งราชาอมตะ!

ตัวตนอันทรงพลังเช่นนี้ไม่ใช่อะไรที่นิกายอมตะสราญรมย์ของพวกมันจะกล้าล่วงเกินได้ง่ายๆหายล่วงรู้แต่แรก!

‘โชคดี…โชคดียิ่งนักที่ท่านบรรพบบุรุษหลี่ผิงสามารถทะลวงด่านพลังได้สำเร็จจนกลายเป็นราชาอมตะ หาไม่แล้วนิกายอมตะสราญรมย์เราคงไร้ผู้ใดต่อกรกับต้วนหลิงเทียนผู้นี้แล้วจริงๆ!’

‘นับว่าฟ้ายังมีตาช่วยเหลือนิกายอมตะสราญรมย์เรา…หากบรรพบุรุษหลี่ผิงมิได้ทะลวงด่านพลังสำเร็จ หรือกระทั่งทะลวงด่านพลังช้าไปอีกไม่กี่วัน น่ากลัวนิกายอมตะสราญรมย์เราวันนี้คงต้องถึงกาลอวสานแน่แล้ว! กระทั่งยอดฝีมือกึ่งราชาอมตะของพวกเราที่เร้นกายใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้จะมาล้างแค้นให้ภายหลัง แต่กว่าจะถึงตอนนั้นพวกเราก็กลายเป็นผีไปหมดสิ้น…’

‘อาศัยพลังฝีมือของท่านบรรพบุรุษหลี่ผิงยามนี้ คิดฆ่ามันคงมิใช่เรื่องยากเย็นอันใด!’

ระดับสูงนิกายอมตะสราญรมย์ อดไม่ได้ที่จะกล่าวในใจด้วยความโล่งอก พวกมันรู้สึกโชคดีนักที่หลี่ผิงทะลวงด่านพลังได้สำเร็จ กระทั่งทะลวงด่านพลังได้ในเวลาที่เหมาะเจาะเป็นที่สุด!

ตอนนี้พวกมันหวังว่าหลี่ผิงจะรีบๆเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายๆไปเสีย!

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หลี่ผิงยังไม่คิดจะลงมือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด

กล่าวอีกอย่างได้ว่า มันยังคงระวังตัวอยู่

“ต้วนหลิงเทียน”

หลี่ผิงมองจ้องต้วนหลิงเทียนย พลางเอ่ยออกเสียงหนัก “ในเมื่อเจ้าก็ฆ่าน้องอันไปแล้ว…เช่นนั้นให้เรื่องมันจบลงแต่เพียงเท่านี้เป็นไร? ข้าเองก็ไม่ได้อยากลงมือกับเจ้านัก”

ถึงแม้ใจหนึ่งมันจะคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจเสแสร้งแสดงวางมาดยอดฝีมือ แต่หลี่ผิงก็ไม่กล้าเสี่ยง

เพราะหากเสี่ยงพลาดขึ้นมา ไม่เพียงแต่มันจะเผชิญหน้ากับหายนะ กระทั่งนิกายอมตะสราญรมย์ก็อาจถึงกาลล่มสลาย!

“ให้เรื่องมันจบลงแค่นี้?”

ได้ยินคำพูดของหลี่ผิง ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “โทษที แต่พอดีข้าไม่คิดจะปล่อยให้มันจบลงง่ายๆ…”

“อย่างไรก็ตามข้าได้ยินจากจี้ฟ่านมาว่า เจ้าหลี่ผิงไม่ได้เข้าร่วมออกเสียงอะไรตอนที่พวกมันเห็นชอบเรื่องข้าฆ่า”

“ดังนั้นวันนี้ข้าก็ไม่คิดจะเอาชีวิตของหลี่ผิงเจ้า…แต่คนอื่นอย่าหวังจะได้เห็นวันพรุ่ง!”

กล่าวถึงท้ายประโยค สายตาต้วนหลิงเทียนก็เหลือบมองกวาดไปทางหลิวเสวียนคงและอาวุโสระดับสูงด้านหลัง เพราะจี้ฟ่านก็ได้ลอบส่งเสียงผ่านพลังบอกเขาแล้ว ว่าพวกมันล้วนเห็นชอบเรื่องฆ่าเขาทั้งสิ้น!

“ต้วนหลิงเทียน ท่านบรรพบุรุษของพวกเราทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะแล้ว…นับเป็นความเมตตาอันใหญ่หลวงที่ท่านบรรพบุรุษมิคิดฆ่าเจ้า! หากเจ้ายังกล้าพล่ามไร้สาระอันใดอีก ระวังท่านบรรพบุรุษเราจะจบชีวิตของเจ้า!!”

อาวุโสคนหนึ่งของนิกายอมตะสราญรมย์ มองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวตะโกนออกมาเสียงเย็น

“ใช่! คิดฆ่าพวกเรา…เจ้าถามความเห็นท่านบรรพบุรุษแล้วหรือยัง?”

อาวุโสของนิกายอมตะสราญรมย์อีกคนกล่าวเสริม

ส่วนเหล่าอาวุโสที่มีระดับสูงกว่านี้รวมถึงหลิวเสวียนคงผู้เป็นประมุข แม้จะยังไม่ได้เอ่ยออกมาเป็นคำพูด แต่สายตาที่ใช้มองหลี่ผิงก็เสมือนกำลังมองฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายอยู่

ยิ่งไปกว่านั้นท่าทีของพวกมันยังแลดูเชื่อมั่นถึงที่สุด ว่าหลี่ผิงสามารถคุ้มครองพวกมันให้ปลอดภัยไร้เรื่องราวได้แน่นอน!

“โฮ่? ดูเหมือนว่า…พวกเจ้าจะคิดว่าหลี่ผิงเป็นยันต์กันตายของพวกเจ้าสินะ…”

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มออกมา ยังเป็นรอยยิ้มที่แลดูสดใสนัก!

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มสดใสดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน พอตกอยู่ในสายตาของหลี่ผิง ก็ทำให้หลี่ผิงยิ่งรู้สึกหวั่นเกรงต้วนหลิงเทียนมากขึ้น

“ต้วนหลิงเทียน ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นเสาหลักของนิกายอมตะสราญรมย์ หากเจ้าฆ่าพวกมัน ก็มิต่างอันใดจากคิดทำลายนิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเรา…”

หลี่ผิงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจัง เสียงเข้ม “แต่ก็จริงที่เรื่องราวครั้งนี้ทางนิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเราเป็นฝ่ายผิดต่อเจ้าก่อน…เช่นนั้นขอเพียงเจ้ามิคิดฆ่าพวกมัน พวกเรายินดีชดใช้ให้เจ้าจนพอใจ”

“ไม่ว่าเจ้าต้องการอันใดก็ตาม ขอเพียงยังอยู่ในวิสัยที่นิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเราจะจัดการได้ พวกเราสามารถชดใช้ให้เจ้าได้ทั้งสิ้น”

วาจาดังกล่าวของหลี่ผิงง เห็นชัดว่ามันเลือกหนทางประนีประนอม

แต่แน่นอนว่าจะประนีประนอมกันได้ ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานหนึ่งเสียก่อน…

นั่นคือต้วนหลิงเทียนไม่คิดเข่นฆ่าคนของนิกายอมตะสราญรมย์อีกต่อไป…

อันที่จริงตั้งแต่วินาทีแรกที่ทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้นั้น หลี่ผิงก็คิดจะเดินทางออกจาก 6 พื้นที่ภาคตะวันออก ไปจากพื้นที่ชายแดน มุ่งหน้าเข้าสู่ภาคกลาง

กระทั่งก่อนที่จะทะลวงด่านมันยังวางแผนเรื่องนี้ไว้แล้ว

ด้วยเหตุนี้มันจึงรู้ตัวดีว่ามันไม่อาจรั้งอยู่นิกายอมตะสราญรมย์ได้นาน กระทั่งไม่คิดจะรั้งอยู่…เพราะหากยังเสียเวลาเอ้อระเหยอยู่ที่นี่ ไม่เพียงแต่ด่านพลังของมันจะถดถอยจากราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปยังกึ่งราชาอมตะเท่านั้น

กระทั่งในภายภาคหน้าถึงมันจะออกเดินทางไปยังภาคกลางแล้ว แต่ด่านพลังที่ถดถอยไป ก็ยากจะทะลวงฝ่าขึ้นมายังขอบเขตราชาอมตะอีกครั้ง!

และวันนี้หากต้วนหลิงเทียนฆ่าหลิวเสวียนคงกับระดับสูงทั้งหมด ก็ไม่ต่างอะไรจากการทำลายนิกายอมตะสราญรมย์!

นี่เป็นเรื่องที่มันไม่อยากจะเห็น กระทั่งไม่อนุญาตให้เกิดขึ้น!

“ท่านบรรพบุรุษ!”

“ท่านบรรพบุรุษ!”

พอหลี่ผิงกล่าววาจาประนีประนอมดังกล่าวจบคำ นอกจากหลิวเสวียนคงที่พอจะตระหนักได้ถึงเรื่องที่หลี่ผิงกำลังเป็นกังวลอยู่ ด้านระดับสูงคนอื่นๆของนิกายอมตะสราญรมย์นั้น อดไม่ได้ที่จะสับสนงุนงงไปเป็นแถบ

เพราะพวกมันทั้งหมดหวาดกลัวความตายจนสิ้นสูญความเยือกเย็นไปจนหมด ในใจจึงคิดแต่อยากจะให้หลี่ผิงฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายๆไปเสีย ตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต!

“พวกเจ้า! นี่พวกเจ้าไม่ทันฉุกคิดถึงเรื่องนี้บ้างเลยหรือไร? ต้วนหลิงเทียนนั่นมันหาญกล้าเผชิญหน้ากับอาจารย์ลุงที่ทะลวงถึงราชาอมตะแล้วอย่างไร้ความหวั่นหวาด! ไม่เห็นหรือไร ว่าสีหน้ามันเฉยเมยไม่คล้ายกริ่งเกรงอันใดแม้แต่น้อย…เช่นนั้นพวกเจ้าคิดว่ามันไร้พื้นเพความเป็นมาอันใดจริงๆหรือ?”

“มันที่ยังอายุไม่ถึงร้อยปี ไม่เพียงแต่สมควรบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว เผลอๆมันอาจบรรลุถึงกึ่งราชาอมตะด้วยซ้ำ…พวกเจ้าว่ามันจะไร้ภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ได้เหรอ?”

“ตอนนี้อาจารย์ลุงกำลังประนีประนอมกับมันอยู่…พวกเจ้าไม่เข้าใจหรือไรว่าอาจารย์ลุงล้วนกำลังกังวลอยู่ ว่าหากลงมือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนไป ขุมกำลังเบื้องหลังมันอาจบันดาลโทสะฆ่าล้างนิกายอมตะสราญรมย์ของพวกเรา!”

เมื่อเห็นเหล่าอาวุโสยังหาญกล้ากล่าววาจายุยงให้ฆ่าคนอย่างไม่รู้สถานการณ์ หลิวเสียนคงก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวเตือนพวกมันอย่างเคร่งเครียด! พาลให้พวกมันพร้อมใจกันปิดปากเงียบกริบทันที!!

และพอพวกมันลองคิดตาม ก็ดูเหมือนว่ามีโอกาสสูงจริงๆ ที่จะเป็นแบบนั้น!

เช่นนั้นการฆ่าต้วนหลิงเทียน นับว่าเสี่ยงเกินไป!

“ขอโทษที…”

อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญหน้ากับการประนีประนอมยอมลงของหลี่ผิง แต่ต้วนหลิงเทียนเพียงหยีตาลง จากนั้นลูกตาที่หดเล็กก็ฉายแววเยียบเย็นเรืองขึ้น “ที่ข้ามาวันนี้มีจุดประสงค์เดียวเท่านั้น และนั่นคือฆ่าพวกมัน! กล่าวได้ว่านอกจากชีวิตของพวกมันแล้ว ข้าไม่ต้องการการอะไรในนิกายอมตะสราญรมย์ทั้งสิ้น!”

“เจ้าหลี่ผิง เพียงยืนชมดูเรื่องราวเงียบๆเถอะ…”

“หากเจ้าสอดมือเข้ามายุ่ง ข้าต้วนหลิงเทียนก็ไม่รังเกียจที่จะฆ่าเพิ่มอีกคน!”