ตอนที่ 2,927 : เป็น ‘ตอเหล็ก’ จริงๆ!

“เจ้านับว่ามีใจภักดีไม่น้อย”

ในขณะที่ฮ่วนเอ๋อเริ่มมีโมโหกับสายตาสามานย์ของชาย 8 ใน 9 คนเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องไปยังชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่า ‘พี่รอง’ ค่อยเอ่ยคำออกมาเสียงเบา

จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆยืดขากลับมาอยู่ในท่ายืน จัดชุดคลุมให้เรียบร้อย

หลังจากนั้นร่างเขาก็ลอยไปหยุดข้างๆฮ่วนเอ๋อ ค่อยวางมือบนไหล่ฮ่วนเอ๋อเบาๆ

“พี่หลิงเทียน…ท่านตื่นแล้วหรือ?”

เนื่องจากฮ่วนเอ๋อมัวแต่สนใจคนทั้ง 9 เบื้องหน้า จึงไม่ทันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนได้ตื่นขึ้นมาจากการบ่มเพาะแล้ว

“อ่า”

ต้วนหลิงเทียนยิ้มพลางพยักหน้าให้ฮ่วนเอ๋อ ค่อยกล่าวต่อออกมาว่า “ดูเหมือนต่อไปข้าต้องเป็นฝ่ายพาเจ้าเดินทางแล้วล่ะ…ไม่งั้นไม่พ้นต้องเจอพวกแมลงวันรนหาที่ตายไม่หยุดหย่อน”

ต้วนหลิงเทียนมองฮ่วนเอ๋อด้วยสีหน้าอ่อนโยน และแต่ต้นจนจบเพียงสนใจแต่ฮ่วนเอ๋อเท่านั้น ไม่แม้แต่จะเหลือบแลอีก 9 คนที่ขวางทาง

“ช่างแลดูใจเย็นนัก…”

ขณะเดียวกันชายวัยกลางคนที่รูปร่างปานกลางในชุดผ้าธรรมดา ก็พึ่งจะฟื้นสติหลังจากมองสบตากับต้วนหลิงเทียนตอนแรก

มันเคยเห็นสายตาที่ละม้ายคล้ายเช่นนี้มาก่อนในอดีตมากมาย

ทว่าสายตาที่สงบไม่ยินดียินร้ายนั่น มันเคยเห็นเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น! และสายตาดังกล่าวล้วนจะปรากฏอยู่ในตาของคนที่สามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้อยู่ในกำมือเท่านั้น!!

จังหวะนี้ในใจของชายวัยกลางคนจึงอดไม่ได้ที่จะบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาประการหนึ่ง และยังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

‘ดูเหมือน…ครั้งนี้จะเตะเอาตอเหล็กเข้าให้แล้ว…’

ชายวัยกลางคนลอบกล่าวในใจอย่างหวาดเสียว และหมายโน้มน้าวทั้ง 8 ให้เลิกยุ่งกับทั้งคู่เสีย แต่ทว่าพอเห็นสายตาหื่นกระหายปานคนเสียสติที่ทั้ง 8 มองจ้องฮ่วนเอ๋อ มันก็ได้แต่ล้มเลิกความคิดดังกล่าวไปอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

มันรู้ดี ว่าตอนนี้ให้มันโน้มน้าวทั้ง 8 ให้ตาย ก็ไม่มีทางที่ทุกคนจะเปลี่ยนใจ เรียกว่าพูดให้ตายก็ไร้ประโยชน์

‘ช่างเถอะ…สุดท้ายถ้าไม่ได้พี่ใหญ่ข้าก็คงต้องตายไปนานแล้ว เช่นนั้นครั้งนี้ก็ถือว่าตายทดแทนบุญคุณไปพร้อมกันเถอะ’

หากจะกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ชายวัยกลางคนผู้นี้ยังหวังว่าตัวเองจะดูผิด และมีโชครอดพ้นหายนะ…

แต่เมื่อพบมองสบตากับต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็รู้ดีว่าบัดนี้มันอับโชคแล้ว

“แมลงวัน?”

“ไอ้หนูนั่น…มันถึงกับกล้าเรียกพวกเราว่าแมลงวันงั้นรึ?”

“ไอ้หนูนี่มันอยากตายงั้นหรือ!?”

เมื่อทั้ง 8 คนได้ยยินคำที่ต้วนหลิงเทียนพูดกับฮ่วนเอ๋อ แต่ละคนก็มีโมโหไม่น้อย! อีกฝ่ายกล้าเรียกพวกมันว่าแมลงวัน?

สายตาชายวัยกลางคนร่างเตี้ยที่เหินนำหน้าสุด บัดนี้ฉายชัดถึงความอำมหิตดุร้าย จิตสังหารยังทะลักออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ!

“ไอ้หนู ในเมื่อเจ้ารีบร้อนอยากตายนัก ข้าจะสงเคราะห์ให้เจ้าเอง!”

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนร่างเตี้ยก็คำรามออกมาอย่างดุร้าย ร่างโจนทะยานข้ามฟ้าจี้เข้าหาต้วนหลิงเทียน!

ระหว่างนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างของมันก็ปะทุออกมาประหนึ่งน้ำป่าไหลหลาก หลั่งไหลไปควบรวมไว้ในหมัดขวา ค่อยชกซัดต้วนหลิงเทียนออกไปฉับไวปานฟ้าผ่า!

“หึ!”

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่แยแสการลงมือของชายวัยกลางคนร่างเตี้ย แต่การโจมตีเข้ามาอย่างกะทันหันของอีกฝ่าย ก็ทำให้เขาแค่นคำเสียงเย็นออกมาด้วยความไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง

หลังสบถคำเสียงเย็นแล้ว เพียงใจคิด ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็ปรากกฏแสงพลังสีทางสาดส่องออกมา จากนั้นแสงพลังสีทองดังกล่าวก็เริ่มก่อลักษณ์กลับกลายเป็นพุทธองค์ครอบคลุมเขาเอาไว้

“ราชันไม่เคลื่อนไหว!”

แทบจะทันทีที่เห็นเงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ท่าทีชายวัยกลางคนร่างเตี้ยรวมถึงอีก 8 คนที่เหลือก็เปลี่ยนไปทันที

“ราชันไม่เคลื่อนไหว! นั่นมันวรยุทธ์อมตะระดับขุนนางของนิกายอมตะสราญรมย์! แถมยังเป็นวรยุทธ์ที่ผสานไว้ด้วยการโจมตี ป้องกัน และท่าร่างอีกด้วย!”

“ดูจากเงาร่าพุทธองค์สีทองที่เด่นชัดราวมีชีวิตเช่นนี้ ท่าทางไอหนูชุดม่วงนั่นมันจะฝึกวรยุทธ์อมตะนี่จนแตกฉานแล้ว!”

“หมายความว่ามันสามารถคัดลอกวรยุทธ์อมตะลงยันต์อมตะเก็บความทรงจำให้ผู้อื่นฝึกปรือได้!”

ตอนนี้นอกจากชายวัยกลางคนร่างปานกลางในชุดผ้าธรรมดาแล้ว อีก 8 คนไม่เว้นชายวัยกลางคนร่างเตี้ยล้วนเต็มไปด้วยความโลภถึงขีดสุด!

โดยเฉพาะชายวัยกลางคนร่างเตี้ยที่ควบรวมพลังลงหมัดชกซัดไปทางต้วนหลิงเทียนนั้น ถึงกับเร่งถอนรั้งพลังส่วนใหญ่ หมายยั้งมือ!

“พี่ใหญ่ยั้งมือด้วย!!”

“พี่ใหญ่! ไว้ชีวิตมันก็เหมือนพวกเราได้รับวรยุทธ์อมตะระดับขุนนาง 3 สาย!!”

ในขณะที่ชายวัยกลางคนร่างเตี้ยเร่งถอนรั้งพลัง เสียงของอีก 7 คนที่เหลือก็ดังขึ้นพอดี

เห็นได้ชัดว่าพวกมันกลัวชายวัยกลางคนร่างเตี้ยจะพลั้งมือฆ่าชายหนุ่มเบื้องหน้า!

เพราะตอนนี้ในสายตาของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากคัมภีร์วรยุทธ์อมตะระดับขุนนาง 3 สายเดินได้!

ปง! ปง! ปง!

แม้ชายวัยกลางคนร่างเตี้ยจะตั้งใจยั้งมือแล้ว แต่การโจมตีของมันก็ไม่ได้อ่อนด้อยแต่อย่างไร สภาวะพลังหมัดที่ชกออกไป ยังดุร้ายรุนแรงปานอัสนีฟาด!

อย่างไรก็ตามหมัดที่ทรงพลังฉับไวปานอัสนีบาตของมัน ยามเมื่อตกกระทบผิวเงาร่างพุทธองค์สีทองตัวเขื่องที่ปกคลุมต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ดั่งยุงบินชนกำแพงก็ไม่ปาน ไม่อาจทิ้งร่องรอยใดๆเอาไว้ได้เลย

พุทธองค์ร่างทองตัวเขื่องยังคงแน่นิ่งดั่งขุนเขาไม่ไหวติง สภาวะเข้มแข็งไม่ต่างอะไรจากปราการเหล็กไร้ทลาย พาลให้ผู้คนรู้สึกถึงความน่าเกรงขามประการหนึ่ง!

“สมแล้วที่เป็นวรยุทธ์อมตะระดับขุนนางของนิกายอมตะสราญรมย์ ช่างทรงพลังจริงๆ!”

ชายวัยกลางคนร่างเตี้ย แม้จะพบว่าการลงมือของตัวเองไม่สร้างผลกระทบเลิศล้ำใดๆ ก็ไม่ได้ตระหนักถึงความน่ากลัวของต้วนหลิงเทียนแม้แต่นิดเดียว เพราะมันคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะพลังของราชันไม่เคลื่อนไหวยอดเยี่ยมสมคำร่ำลือ จึงป้องกันการโจมตีทีออมแรงของมันเอาไว้ได้

ทันใดนั้น มันก็เริ่มโจมตีออกไปสืบต่อ

ปง! ปง! ปง!

อย่างไรก็ตาม แม้คราวนี้มันจะเร่งพลังให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม แต่ชายวัยกลางคนร่างเตี้ยก็ไม่อาจสั่นคลอนพุทธองค์ร่างทองตัวเขื่องได้เลย

เผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว ยิ่งมาชายวัยกลางคนร่างเตี้ยก็ยิ่งไม่พอใจ พยายามเร่งระดับพลังเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ!

ตูม! ตูม! ตูม!

ตูม! ตูม! ตูม!

อย่างไรก็ตาม แม้ชายวัยกลางคนร่างเตี้ยจะพยายามเร่งเร้าพลังขึ้นก็แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่อาจสั่นคลอนพุทธองค์ร่างเขื่องได้อยู่ดี!

ในที่สุด ชายวัยกลางคนร่างเตี้ยก็เริ่มตระหนักได้ว่าเรื่องราวมันผิดท่า!

พอมันมองไปยังชายหนุ่มชุดม่วงที่มันไม่แม้แต่จะแยแสก่อนหน้าอีกครั้ง และพบว่าอีกฝ่ายกำลังมองมาที่มันด้วยรอยยิ้มเฉยเมย ปานไม่เห็นมันอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย มันก็หน้าเสียไปทันที!

“นี่มันอะไรกัน!?”

“กระบวนท่าชุดเมื่อครู่…ไม่ใช่ว่าใกล้เคียงกับการลงมือเต็มพลังของพี่ใหญ่แล้วเหรอ ไฉนยังไม่อาจฝ่าปราการป้องกันของเจ้าหนูนั่นได้ล่ะ?”

“จ้าวสวรรค์ช่วย! วรยุทธ์อมตะระดับขุนนางของนิกายอมตะสราญรมย์จะทรงพลังเกินไปหน่อยไหม!?”

“วรยุทธ์อมตะระดับขุนนางของนิกายอมตะสราญรมย์มันจะทรงพลังถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ข้าไม่คิดว่ามันจะร้ายกาจอะไรถึงขนาดนั้นนะ…ต่อให้เป็นพวกเราคนใดคนหนึ่ง ถึงจะแตกฉานราชันไม่เคลื่อนไหว ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับมือพี่ใหญ่ที่ลงมือเต็มกำลังไม่ใช่รึไง?”

ตอนนี้เองในบรรดา 8 คนที่เหลือ นอกจากชายวัยกลางคนชุดผ้าธรรมดา ที่แลดูไม่แปลกใจอะไรกับฉากเรื่องราวเบื้องหน้า อีก 7 คนที่เหลือสีหน้าพวกมันก็เริ่มเปลี่ยนไปไม่หยุด

“เจ้าลงมือใส่ข้าหลายรอบแล้ว…เช่นนั้นตอนนี้ไม่ใช่ว่าถึงตาข้าบ้างเหรอ?”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองชายวัยกลางคนร่างเตี้ยด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน

วูบ!

และพอได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หน้าชายวัยกลางคนร่างเตี้ยก็เปลี่ยนสีไปทันที “ข้า…”

มันอ้าปากออกมาคล้ายคิดจะพูดอะไรบางอย่าง อนิจจากลับสายเกินไป

ฟั่ฟฟ!!

พริบตานั้น พลันอุบัติกระบี่พลังสีม่วงพุ่งวาบไปดั่งดาวตก เสือกแทงเข้ากลางหว่างคิ้วของชายวัยกลางคนร่างเตี้ย ก่อนจะเจาะทะลุพ้นหลังศีรษะ และเมื่อเจาะทะลุหลังหัวไปแล้ว กระบี่พลังเล่มดังกล่าวก็ระเบิดทันที!

ตูมม!!

ซัววว!!

ร่างชายวัยกลางคนถูกแรงระเบิดดังกล่าวป่นปี้จนร่างแหลกเป็นเศษเนื้อ! หยาดพิรุณเลือดเนื้อ เริ่มหล่นร่วงตกฟ้า ขณะเดียวกันแหวนพื้นที่วงหนึ่ง ก็ลอยฝ่าฝนเลือดเนื้อมาเข้ามือต้วนหลิงเทียนอย่างเงีบยงัน

แน่นอนว่าในสายตาของทุกคน ย่อมไม่อาจแลเห็นสิ่งใดได้เลย เพราะการลงมือของต้วนหลิงเทียนมันรวดเร็วเกินไป

เรียกว่าเสียงพูดของต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันได้ดังจบคำดีด้วยซ้ำ ชายวัยกลางคนร่างเตี้ยย พี่ใหญ่ของพวกมันก็กลับกลายเป็นเศษเลือดเนื้อไปแล้ว ตายอย่างที่ไม่อาจตกตายมากไปกว่านี้!

“เฮ่อ…”

ชายวัยกลางคนรูปร่างปานกลางในชุดผ้าธรรมดา ได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ราวับล่วงรู้แต่แรกว่าผลมันจะลงเอยแบบนี้

ส่วนอีก 7 คนนั้น หน้าพวกมันต่างเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง!

เพราะชายวัยกลางคนร่างเตี้ย หรือก็คือพี่ใหญ่ของพวกมันนั้น เป็นขุนนางอมตะเพียงคนเดียวในกลุ่มพวกมัน!

แต่กระนั้นอีกฝ่ายกับถูกเข่นฆ่าในชั่วพริบตา!

ตกตายภายใต้เงื้อมมือของชายหนุ่มชุดม่วงที่แตกฉานราชันไม่เคลื่อนไหว วรยุทธ์อมตะลือชื่อของนิกายอมตะสราญรมย์! อีกทั้งพวกมันยังตระหนักได้ว่า อีกฝ่ายไม่พ้นต้องลงมือเข่นฆ่าพี่ใหญ่ของพวกมันได้ในกระบวนเดียว!!

หนึ่งกระบวนท่า ฆ่าขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด?

ตัวตนเช่นนี้แม้จะอาศัยวรยุทธ์อมตะระดับขุนนางจริง แต่อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 3 ศักดิ์แน่นอน!

“เป็นดั่งที่พี่รองพูดจริงหรือ…พวกเราเตะตอเหล็กเข้าให้แล้ว!”

ชายทั้ง 7 ที่หน้าเปลี่ยนเป็นสีซีด พวกมันได้แต่หันหน้ามามองสบตากันด้วยความหวาดกลัว จากนั้นก็ไม่ทันที่พวกมันจะได้คุยอะไรกัน ต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดพลังสังหารพวกมันทั้ง 7 ในเสี้ยวพริบตา

กระทั่งขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด ต้วนหลิงเทียนอาศัยเพียงลงมือส่งๆกระบวนเดียวยังฆ่าได้

ไม่ต้องกล่าวถึงทั้ง ยอดเซียนอมตะอย่างพวกมันทั้ง 7 เลย

“เจ้าไปเก็บแหวนพวกมันมา”

และในขณะที่ชายวัยกลางคนรูปร่าปานกลางในชุดผ้าธรรมดา กำลังรอรับความตายจากต้วนหลิงเทียนที่เข่นฆ่าคนในกลุ่มของมันจนหมดแล้วอย่างเงียบงัน เสียงต้วนหลิงเทียนพลันดังเข้าหูมัน พาลให้มันผงะไปด้วยความตกใจไม่น้อย

“อะไร หรือเจ้าอยากตกตายไปพร้อมกับพวกมันนัก?”

เมื่อเห็นว่าชายวัยกลางคนแลดูงุนงงไม่เข้าใจเรื่องราว ต้วนหลิงเทียนก็มองถามมันออกไปด้วยความสนใจ

จนเมื่อได้ยินคำถามกระตุ้นเตือนสติของต้วนหลิงเทียน ชายวัยกลางคนก็เริ่มตอบสนองเรื่องราว และพุ่งไปเก็บแหวนพื้นที่ทั้ง 7 ที่แทบร่วงตกพื้นหลังทุกคนตายตกกลับมา

“ใต้เท้า…เชิญ…”

หลังจากเก็บแหวนทั้ง 7 มายื่นให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว ชายวัยกลางคนก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความวิตกกังวล ว่าที่แท้ต้วนหลิงเทียนคิดจะจัดการกับมันอย่างไรกันแน่

อย่างไรก็ตาม ในใจมันอดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกอยู่บ้าง

เพราะพิจารณาจากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนชายหนุ่มชุดม่วงจะไม่ได้คิดเข่นฆ่ามัน

“เจ้าเก็บไว้เถอะ”

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองชายวัยกลางคนพลางกล่าวเสียงเรียบ

เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะแปลกกใจอยู่บ้าง ทว่าทันใดนั้นมันก็ต้องชะงักไปทันทีเพราะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันพลังอันน่าพรั่นพรึงขุมหนึ่งแผ่ออกมาจากร่างของต้วนหลิงเทียน

ซู่มมม!!

ครืนนน!!

แรงกดดันพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนตอนนี้ เป็นแรงกดดันของพลัง ที่แตกต่างจากการลงมือเข่นฆ่าสังหารคนในกลุ่มมันเมื่อครู่ทั้งหมด! เพราะนี่คือแรงกดดันพลังจากพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของราชาอมตะ 5 องค์ประกอบ!!

ปงงง!!

แรงกดดันพลังดังกล่าว แม้จะไม่ได้มุ่งร้ายชายวัยกลางคน แต่ยามเมื่อปกคลุมลงมา กลับทำให้มันรู้สึกเสมือนมีค้อนอันเขื่องฟาดทุบลงกลางอก เลือดลมทั่วร่างของมันกลายเป็นสับสนปั่นป่วน สติยังเริ่มพร่ามัวราวกับจะดับลงได้ทุกขณะ!

“โคจรพลังตามเคล็ดบ่มเพาะของเจ้าเสีย ใช้โอกาสนี้ทะลวงจุดตีบตันในคราเดียว…”

และในช่วงเวลาที่สติของชายวัยกลางคนเริ่มพร่าเลือน เสียงไม่แยแสของต้วนหลิงเทียนก็ถูกควบแน่นเป็นกระแสพลังสายหนึ่ง พุ่งเข้าหูมันโดยตรง!