ตอนที่ 435-2 ล่องูออกจากถ้ำ (5)
วังหลวงเป็นสถานที่ซึ่งเพียงชั่วลมหายใจ เหตุการณ์ก็พลิกผันได้พันหมื่น มีมารดาที่สูงส่งเพราะบุตรชาย แล้วก็มีบุตรชายที่ตกต่ำเพราะมารดา เสด็จแม่ของเจ้าเด็กน้อยน่าสงสารคนนี้ตำแหน่งไม่สูงนัก ทำให้เขาไม่ได้รับความสำคัญสักนิดแต่ต่อให้ไม่ได้รับความสำคัญอีกเท่าใด เขาก็ยังมีบิดาเป็นรัชทายาทอยู่ดี
บุตรชายทั้งสองคนของเจ้าเมืองคนก่อนเข้ามาพักในตำหนักบูรพาอย่างไม่คิดอะไรทั้งสิ้น ส่วนในตำหนักบูรพาเองมีคุณหนูกับคุณชายน้อยจากตระกูลใหญ่ต่างๆ หลายคนถูกส่งเข้าตำหนักมาเป็นพระสหายเพื่อผูกมิตรกับเจ้าของตำหนัก ในหมู่เด็กเหล่านั้นมีฮองเฮาอยู่ด้วย
ความจริงแล้วฮ่องเต้มีพี่น้องอยู่มากมาย แต่ไม่ทราบว่าฮองเฮาตาบอดหรืออย่างไร ทุกวันจึงเอาแต่เล่นกับเด็กตัวจ้อยน่าสงสารที่น้ำมูกยืดย้อยห้อยติดจมูกทั้งวันคนนั้น
แน่นอนว่าผ่านไปนานมากกว่าเจ้าตัวจ้อยน่าสงสารคนนั้นจะทราบว่าแม่นางน้อยที่สูงกว่าตนเองครึ่งศีรษะคนนั้นความจริงแล้วอายุน้อยกว่าตนเองหนึ่งปี
ลูกชายสองคนของเจ้าเมืองคนเก่าเริ่มแรกเข้ากับกลุ่มสหายไม่ค่อยได้นัก มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างที่เล่นกันอยู่ทั้งสองคนพลัดตกน้ำไป แต่ฮองเฮาที่เดินผ่านมาช่วยทั้งสองคนขึ้นมาได้
เจ้าเมืองคนเก่ารู้สึกขอบคุณแม่นางตัวน้อยอย่างมาก บังเอิญว่าตนเองไม่มีบุตรสาวพอดี เขาจึงรับนางเป็นธิดาบุตรธรรม
เจ้าเมืองคนเก่ารักฮองเฮาอย่างยิ่ง ตอนกลับเมืองผูเขาจึงพาฮองเฮากลับไปด้วย การจากไปหนนี้กินเวลาเนิ่นนานหลายปี
เรียกได้ว่าฮองเฮาเติบใหญ่มาที่เมืองผู
ปีที่ฮ่องเต้อายุสิบสามชันษา เขาติดตามอดีตฮ่องเต้ออกไปว่าราชการที่เมืองผูและได้บังเอิญพานพบกับฮองเฮาอีกครั้ง แม่นางน้อยสมัยเด็กกลับมาปรากฏตัวในร่างสาวน้อยเรือนร่างระหง ฮ่องเต้รู้สึกราวกับพระองค์ได้พบกับเทพธิดา พูดกันตามตรงรูปโฉมของฮองเฮานับได้ว่าอยู่ในระดับกลางๆ เท่านั้น นางยังห่างชั้นจากยอดหญิงงามผู้ได้ฉายาว่างามล่มเมืองอีกไกลทีเดียว แต่ครานี้ผลัดถึงตาฮ่องเต้สายตาฝ้าฟางบ้างแล้ว พระองค์รู้สึกว่านางงดงามยิ่งนัก ไม่ว่าตรงไหนๆ ก็งาม จึงดึงดันดื้อรั้นจะสู่ขอนางให้จงได้
ยามนั้นฮ่องเต้มีพื้นที่หยัดยืนมั่นคงในจวนรัชทายาทแล้ว เขาฉลาด ขยันขันแข็ง อีกทั้งยังประจบเอาใจบิดาแท้ๆ กับท่านปู่เก่ง อดีตฮ่องเต้คิดว่าเป็นเรื่องดีงามเรื่องหนึ่ง แต่เจ้าเมืองคนก่อนไม่ค่อยยินดีนัก เพราะเขามองฮองเฮาเป็นบุตรสาวแท้ๆ ของตนเองมานานแล้ว เขาเป็นห่วงว่าหากฮองเฮาแต่งเข้าไปเป็นเชื้อพระวงศ์ อาจจะทนรับกับกฎเกณฑ์ในราชวงศ์ไม่ไหว
ฮ่องเต้สาบานกับเจ้าเมืองคนก่อนว่าวันหน้าพระองค์จะรักเดียวใจเดียวต่อฮองเฮา จะไม่ยอมให้ฮองเฮาต้องคับแค้นทุกข์ใจเป็นอันขาด
แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าฮ่องเต้โม้ไปอย่างนั้นเอง สนมในวังหลังมีเพิ่มมาคนแล้วคนเล่าไม่ซ้ำแบบ เจ้าเมืองคนก่อนโกรธจนแทบจะอกแตกตาย ซ้ำร้ายฮองเฮายังมาจากไปตั้งแต่ยังสาว เจ้าเมืองคนก่อนจึงรู้สึกว่าฮองเฮาถูกฮ่องเต้พรากวันเวลาอันงดงามในชีวิตไปอย่างไร้ค่าจวบจนวันตาย ด้วยความโกรธเขาจึงตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับฮ่องเต้
ฮ่องเต้รู้ตัวว่าเป็นฝ่ายผิดจึงไม่กล้าโกรธเจ้าเมืองคนเก่า เรื่องของเมืองผูเขาจึงพยายามลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง สมัยก่อนแต่ละปีเมืองผูจะส่งบรรณาการมาจำนวนหนึ่ง แต่หลังจากเจ้าเมืองคนใหม่ขึ้นมารับตำแหน่งก็ไม่เคยส่งบรรณาการมาให้ราชสำนักอีกเลย
ฟังมาถึงตรงนี้ในที่สุดเฉียวเวยก็เข้าใจแล้วว่าความรักระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮาเป็นมาอย่างไร นางยังเคยฉงนอยู่เลยว่านับแต่โบราณฮ่องเต้ส่วนใหญ่มักไร้หัวใจ เหตุไฉนท่ามกลางการต่อสู้ในวังหลวง เขากลับไม่เคยปล่อยให้ฮองเฮาถูกข่มเหงรังแก ที่แท้บนโลกใบนี้ก็ไม่มีความรักที่ไร้ต้นสายปลายเหตุและไม่มีความเกลียดชังที่ไร้ต้นสายปลายเหตุจริงๆ
เพียงแต่ว่าเขาทำเพราะธิดาบุญธรรมเพียงคนเดียวจริงหรือ ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกว่ามีสายสนกลในบางอย่างที่คนนอกไม่รู้
เฉียวเวยลูบคาง “หากเป็นเช่นนี้ พวกเราคงได้แต่ภาวนาอย่าให้พวกนางเดินทางผ่านเมืองผู”
มิเช่นนั้นด้วยความเคียดแค้นชิงชังที่เจ้าเมืองมีต่อฮ่องเต้และราชำสนัก พวกเขาคงจะยินดีอย่างยิ่งที่จะปล่อยศัตรูของอัครมหาเสนาบดีออกไปอย่างเต็มใจ
ทว่าฟ้าไม่เป็นดั่งใจคน สิ่งที่เฉียวเวยกังวลที่สุดเกิดขึ้นแล้ว
ตอนพลบค่ำคณะเดินทางมาถึงเมืองฉีสุ่ยแล้วเข้าพักที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่งที่นัดแนะไว้กับแม่ทัพตัวหลัวล่วงหน้า ตอนเข้าไปในโรงเตี๊ยม องครักษ์ของแม่ทัพตัวหลัวก็รอคอยอยู่ก่อนแล้ว
องครักษ์คำนับจีหมิงซิวเสร็จก็รายงานอย่างขึงขัง “รายงานใต้เท้า วันแรกที่แม่ทัพได้ข่าวจากท่านก็ส่งคนออกตรวจตราเมืองทันที เมืองหยวนอันถูกแม่ทัพค้นหาทุกซอกมุมซ้ำถึงสามรอบ ไม่พบคนที่อัครมหาเสนาบดีต้องการหา”
แววตาของจีหมิงซิวเย็นยะเยือกขึ้นทันควัน
เฉียวเวยบีบนิ้วมือแน่นแล้วถามว่า “พวกเขาจะปลอมตัวหนีรอดไปหรือไม่”
องครักษ์ตอบอย่างนอบน้อม “ตอบฮูหยิน แม่ทัพบอกว่าเป็นไปไม่ได้ขอรับ”
หากเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็คงไม่ได้เดินทางผ่านเมืองหยวนอัน
ถ้าเช่นนั้นพวกเขาเดินทางผ่านที่ใดเล่า เมืองเหลียวหรือเมืองผู
ไม่นานนัก องครักษ์ของเจ้าเมืองเหลียวก็รีบเร่งเดินทางมาถึงโรงเตี๊ยม เจ้าเมืองเหลียวมีความสัมพันธ์อันดีกับราชสำนัก แม้ตัวเขาจะไม่ทุ่มแรงค้นหาเฉกเช่นแม่ทัพตัวหลัว แต่เขาก็เปิดประตูเมืองกว้าง ยินดีต้อนรับหลี่อวี้ให้นำกำลังทหารเข้ามาค้นหาในเมือง หลี่อวี้ค้นเมืองเหลียวจนแทบจะพลิกเมืองแล้วแต่ก็ไม่พบร่องรอยของจิ่งอวิ๋นกับวั่งซู
ผลลัพธ์ที่หลี่อวี้สรุปได้ก็คือ…พวกเขาไม่อยู่ที่เมืองเหลียว
“หมายความว่าเดินทางผ่านเมืองผูอย่างนั้นหรือ” เฉียวเวยหันไปมองจีหมิงซิว
ฝ่ามือใหญ่ของจีหมิงซิวกำเป็นหมัด ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ ฉายแววเย็นชาขึ้นมานิดๆ “พักหนึ่งคืน เช้าวันพรุ่งนี้ไปเมืองผู”