ตอนที่ 2966 : คุกศิลาทมิฬ
ในระนาบเทวโลกนั้น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อมตะก็ดี หรือวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังก็ดี ยิ่งระดับสูงขึ้นความแตกต่างของมันก็จะมหาศาลตามไปด้วย โดยเฉพาะความแตกต่างที่จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงขุนนางและราชา!
วรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตราชานั้น ไม่ว่าจะขั้น เหลือง ลี้ลับ ปฐพี สวรรค์ และขุนนาง ก็ล้วนแบ่งแยกออกได้เป็นหลายประเภท ได้แก่จู่โจม ป้องกัน ท่าร่าง สนับสนุน…หรืออาจจะผสมผสานกัน
อย่างไรก็ตามพอมาถึงวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาแล้ว มันไม่มีการจำแนกสายเช่นนั้นอีกต่อไป ใต้หล้าจึงไม่มีวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชา สายจู่โจม สายป้องกัน สายท่าร่าง สายสนับสนุนอะไรให้เห็น
นั่นเพราะวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่มีระดับตั้แต่ราชาขึ้นไปนั้น ล้วนมีจุดหมายคือการเข้าถึงพลังแห่งกฏ และพลังอำนาจแห่งกฏนั้นก็มีสามารถส่งเสริมตัวผู้ใช้ในทุกๆด้าน จะใช้มันเสริมพลังจู่โจม เสริมพลังป้องกัน เสริมการเคลื่อนไหว หรือเพิ่มพูนพลังของตัวเองก็ได้!
ด้วยเหตุนี้เองวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลัระดับราชานั้น จึงเป็นอะไรที่มีค่ามาก ไม่ใช่อะไรที่ระดับขุนนางจะเทียบเทียมได้เลย
ในแง่ของมูลค่าแล้ว วรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชามันมีค่าเหนือกว่าระดับขุนนาง ในจำนวนเท่าที่มากกว่าระดับขุนนางเทียบกับระดับเหลืองด้วยซ้ำ!
‘ดูเหมือนการได้รับกระบี่อมตะจอมราชันจะทำให้รองหัวหน้าเผ่าผู้เฒ่ามีความสุขอย่างมากจริงๆ…กระทั่งวรยุทธ์อมตะกับเวท์พลังระดับราชาที่ท่านเองก็สมควรมีอยู่แค่นั้น กลับหยิบควักออกมามอบให้ผู้อื่น’
ไป๋กังลอบกล่าวในใจ
ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชาเอาไว้นั้น แม้มันจะใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่ยังหายากยิ่งก่ายันต์อมตะเก็บความทรงจำที่ใช้บันทึกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่ใช้กันตามปกติเสียอีก
จุดหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ หากคิดจะบันทึกวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชาลงยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องแตกฉานและเข้าใจถึงกฏที่แฝงมาในวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชาในระดับหนึ่งเสียก่อน หาไม่แล้วก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะบันทึกมันลงไปได้
และเท่าที่ไป๋กังรู้ ในเผ่าพยัคฆ์เหินนั้น มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงกฏในวรยุทธ์และเวทย์พลังจนสามารถบันทึกส่งต่อให้ผู้อื่นได้ และคนๆนั้นก็คือประมุขของเผ่าพยัคฆ์เหินสาขาคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นเอง
อีกทั้งการบันทึกองค์ความรู้ที่เข้าใจลงยันต์อมตะเก็บความทรงจำพิเศษนั้น หาได้ง่ายดายเหมือนการบันทึกความทรงจำลงยันต์อมตะเก้บความทรงจำปกติไม่! ยังต้องใช้พลังและความพยายามไม่น้อยเลยทีเดียว เรียกว่าไม่ต่างอะไรจากถูกสูบกลืนชีวิตไปส่วนหนึ่ง!
ดังนั้นจึงทำให้ยันต์อมตะเก้บความทรงจำที่บันทึกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาไว้ มีค่าสูงลิบลิ่ว
“วรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดิน…”
พอไป๋เจิ้นเยว่กล่าวบอกว่ามีวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาอะไรบ้างออกมา ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งเป้าไปที่วรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินทันที เพราะเขาก็จดจำคำที่เพลิงเทพโกลาหลกับทองเทพสุดลี้ลับเคยบอกเขาไว้ได้เป็นอย่างดี
ทองเทพสุดลี้ลับเคยบอกเขาไว้แล้วว่า…ตราบใดที่เขาช่วยให้มันสามารถยกระดับพัฒนาไปสู่ขั้นที่ 3 ได้ ถึงตอนนั้นหากเขาได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชาขึ้นไปที่มีกฏแห่งทองแฝงอยู่ อีกฝ่ายก็ช่วยให้เขาเข้าใจกฏแห่งทองที่แฝงอยู่นั้นในเวลาอันสั้น!
เพลิงเทพโกลาหลเองก็บอกเขาไว้เช่นกัน ว่าตราบใดที่เขาได้รับวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาขึ้นไปที่มีกฏแห่งไฟ อีกฝ่ายก็สามารถทำให้เขาเข้าถึงกฏแห่งไฟได้ในเวลาสั้นๆ
เขาจึงมั่นใจว่า…
หากเขาได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชาขึ้นไปที่มีกฏแห่งดิน ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเองก็ต้อมีความสามารถในการช่วยเหลือส่งเสริมเขาให้เข้าถึงกฏแห่งดินในเวลาอันสั้นเช่นกัน!
ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ไป๋เจิ้นเยว่พูดถึงวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินออกมา ใจเขาจึงเต้นไปไม่เป็นจังหวะ อารมณ์ภายในยังพุ่งพล่านขึ้นมาอย่างยากจะสงบลงได้ในเวลาอันสั้น
จากนั้นไม่ทันไร เสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็ดังขึ้นพอดี ยิ่งเป็นการตอกย้ำความมั่นใจให้เขา!
“วรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินกับเวทย์พลังระดับราชาธาตุลม?”
ความใจกว้างของไป๋เจิ้นเยว่ ยังทำให้หงเจียหลงตกตะลึงไปเช่นกัน และมันก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะดึงสติให้กลับมาอยู่กับร่องกับรอยได้ และพอมันรู้สึกตัวมันก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนทันที
“น้องต้วน ท่านเลือกก่อนเลย”
หวงเจียหลงกล่าวเสีงดังฟังชัด
แต่เป็นธรรมดาว่าในใจของมันยังมุ่งหวังครอบครองเวทย์พลังระดับราชาธาตุลม…เพราะหากให้เทียบกับวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินแล้ว เวทย์พลังระดับราชาธาตุลมมีแนวโน้มว่าจะมุ่งเน้นไปในแง่ของการจู่โจมและท่าร่างมากกว่า
ส่วนกฏแห่งดินนั้น มันรู้สึกว่าสมควรเน้นหนักไปที่การป้องกันและสนับสนุน
อย่างไรก็ตาม ในความคิดมัน ในเมื่อตัวมันเองยังอยากได้เวทย์พลังระดับราชาธาตุลม เช่นนั้นน้องต้วนของมันก็ไม่พ้นต้องการเวทย์พลังระดับราชาธาตุลมเช่นกัน
ดังนั้นมันจึงตัดสินใจให้ต้วนหลิงเทียนเลือกก่อน ด้วยคิดเสียสละเวทย์พลังระดับราชาธาตุลมให้ต้วนหลิงเทียน!
“ข้า?”
ได้ยินคำพูดดังกล่าวของหวงเจียหลง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองอีกฝ่ายด้วยความอึ้งพักหนึ่ง ทว่าไม่ได้กล่าวแย้งอะไร จากนั้นก็ค่อยๆหันไปมองไป๋เจิ้นเยว่
และฉากดังกลาวก็ทำให้หวงเจียหลงลอบทอดถอนในใจเล็กน้อย
ก็แน่อยู่แล้ว
เวทย์พลังระดับราชาธาตุลมย่อมมีความเย้ายวนใจไม่น้อย และความเย้ายวนใจที่ว่าก็มากพอทำให้น้องต้วนของมันยากจะกล่าวปฏิเสธออกมาได้!
ในวินาทีนี้ กระทั่งคนที่เหลือในโถงพระราชวังก็คิดไปทำนองเดียวกัน
อย่างไรก็ตามหลังต้วนหลิงเทียนหันไปมองไป๋เจิ้งเยว่ได้ไม่ทันไร เขาก็กล่าวตอบออกมาชัดถ้อยชัดคำ และวาจาชัดถ้อยชัดคำดังกล่าวก็ทำให้หวงเจียหลงและคนอื่นๆตกใจไม่น้อย
“ผู้อาวุโส ข้าอยากได้วรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดิน”
เสียงต้วนหลิงเทียนดังเข้าหูทุกคนชัดเจน
หวงเจียหลงนั้นแลดูจะมีความเกรงใจ แต่เขานั้นหาได้มีความเกรงใจแม้แต่น้อย และสาเหตุที่ทำให้เขาต้องการวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดิน ก็เพราะในร่างเขามีปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ที่สามารถช่วยให้เขาเข้าใจกฏแห่งธาตุดินที่แฝงอยู่ในวรยุทธ์อมตะนี้ได้ในเวลาอันสั้น
“น้องต้วน ท่านไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก…”
หวงเจียหลงคลี่ยิ้มเจื่อนๆออกมา ขณะเดียวกันมันก็ลอบรู้สึกผิดในใจอยู่บ้าง เพราะเมื่อครู่มันคิดไปว่าน้องต้วนผู้นี้เองก็คงอยากได้เวทย์พลังระดับราชาธาตุลม จนถึงขั้นไม่คิดจะปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงการเลือกก่อน และไม่ยอมแพ้ให้มันในเรื่องนี้…
แต่ตอนนี้ดูเหมือนเหตุผลที่น้องต้วนของมันไม่คิดปฏิเสธหรือยอมแพ้อะไร เป็นเพราะอีกฝ่ายได้ตัดสินใจไว้แต่แรกว่าจะมอบเวทย์พลังระดับราชาธาตุลมให้มัน! ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะละอายใจ เพราะมันเสมือนใช้ความคิดคนถ่อยไปหยั่งวัดวิญญูชน!!
น้องต้วนของมันต่างหาก…ที่ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด! ชิงเลือกวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินออกมาทันที!!
และจังหวะนี้ไม่ว่าใครก็คิดว่าที่ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจเลือกไปแบบนั้น เป็นเพราะคิดมอบเวทย์พลังระดับราชาธาตุลมให้หวงเจียหลง!
“เจ้าหนู เจ้าคิดให้ดี…”
ไป๋เจิ้นเยว่มองจ้องต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวเตือนออกมาเสียงขรึม “ถึงแม้ว่าวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดิน ที่เจ้าเคยรู้มานั้นจะมีกฏแห่งธาตุดินที่ส่งเสริมเรื่องการโจมตีกับท่าร่างอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินส่วนใหญ่ ค่อนข้างจะเน้นหนักไปในของการป้องกันและสนับสนุน…”
“และข้าขอกล่าวบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลย ว่าวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินที่ข้ามีนั้น มันค่อนข้างเน้นหนักไปในแง่ของการสนับสนุนมากกว่าด้านใด”
ไป่เจิ้นเยว่กล่าว
“ห๊ะ! ไอ้พวกนี้มันมิชอบกฏแห่งดินรึ!? แม้กฏแห่งดินจะมีความลึกซึ้งไม่กี่ข้อที่ส่งเสริมการโจมตี แต่หากไถ่ถามถึงพลังอำนาจของกฏแห่งดินข้อที่ส่งเสริมเรื่องการโจมตีแล้ว ข้าบอกได้เลยว่ามันทรงพลังไม่ใช่ชั่ว ยังสามารถทัดเทียมกับผู้อื่นได้อย่างไม่เสียเปรียบ ยังมีพลังหนักหน่วงเป็นอันดับต้นๆด้วยซ้ำ!!”
เสียงเด็กชายวัยปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้นในร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความขุ่นขึ้ง มันอดไม่ได้ที่จะมีโมโหขึ้นมาที่พบว่าพวกไป๋เจิ้นเยว่และคนอื่นๆดูแคลนกฏแห่งธาตุดิน!
“นอกจากนั้นกฏแห่งธาตุดินกล่าวไปแล้วเสมือนต้นกำเนิดกฏเกณฑ์ของธาตุทั้ง 5 ก็ว่าได้…นอกจากฏพิเศษบางประการอย่าง เวลา มิติ กลืนกิน ทำลายล้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกฏแห่งธาตุลม สายฟ้า น้ำแข็ง ก็มิใช่ล้วนก่อเกิดจากธาตุธรรมชาติทั้ง 5 หรือไร?”
“ในบรรดากฏที่ข้ากล่าวมา ธาตุดินล้วนยืนหนึ่งในเรื่องของการป้องกัน! ให้มีพลังโจมตีดุร้ายรุนแรงมากแค่ไหนแต่ตัวบางเฉียบยังจะมีประโยชน์อันใด?!”
เห็นได้ชัดว่าปฐพีเทพแรกกำเนิดของขึ้นไม่น้อย โพล่งคำโวยวายอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่หยุด…
“ข้าตัดสินใจดีแล้ว ข้าต้องการวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินของท่าน”
ต้วนหลิงเทียนมองสบตาไป๋เจิ้นเยว่พลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงท่าทางจริงจัง
ตอนนี้พอได้ฟังคำถามเตือนของไป๋เจิ้นเยว่ กับคำพูดมีโมโหของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ในที่สุดเขาก็รู้…
ว่าไฉนหวงเจียหลงและคนอื่นๆถึงได้แสดงท่าทีแบบนั้นออกมาตอนเขาเลือกวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดิน
ที่แท้ในสายตาของคนส่วนใหญ่ กฏแห่งลม มีแน้วโน้มว่าจะมุ่งเน้นไปในแง่ของการโจมตีมากกว่ากฏแห่งดิน ดังนั้นหากเป็นคนที่ยังไม่เข้าใจกฏอันใด หากเลือกได้ก็มักจะเลือกกฏแห่งลมมากกว่า
หากไม่มีปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินอยู่ในร่าง บางทีต้วนหลิงเทียนก็อาจจะเลือกแบบนั้นเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามตอนนี้ในร่างของเขามีปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดำรงอยู่ หมายความว่าสำหรับตัวเขาในปัจจุบัน วรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!
“น้องต้วน ท่านไม่ต้องเห็นแก่ข้าหรอก…”
หวงเจียหลงคลี่ยิ้มขื่นขมออกมา
“พี่เจียหลง ข้าไม่ได้เห็นแก่ท่านแต่อย่างใด เป็นข้าต้องการวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินจริงๆ”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา เขายังรู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้เขาพูดออกไปแค่ไหน แต่หวงเจียหลงก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี
เป็นธรรมดาที่เขายังรู้อีกว่า เว้นเสียแต่เขาจะเล่าเรื่องปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินออกไปให้ฟัง ไม่งั้นหวงเจียหลงก็ต้องคิดว่าเขาเกรงใจไม่เลิก
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะกล่าวอธิบายอะไรทั้งนั้น
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็รับยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินมาจากไป๋เจิ้นเยว่ และมันเป็นวรยุทธ์อมตะระดับราชาที่มีชื่อเรียกว่า คุกศิลาทมิฬ!
แคร่ก!
และเมื่อต้วนหลิงเทียนบดขยี้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่บันทึกวรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดิน ข้อมูลมหาศาลก็เริ่มหลั่งไหลเจ้าสู่จิตใจของเขา
และข้อมูลดังกล่าวก็คือ ข้อมูลของวรยุทธ์อมตะ คุกศิลาทมิฬ
“วรยุทธ์อมตะระดับราชาธาตุดินคุกศิลาทมิฬนี่ จะช่วยให้เจ้าเข้าใจความลึกซึ้งเบื้องต้นของ ‘ความหมายธาตุดิน’ รวมถึงความลึกซึ้งเบื้องต้นของ พื้นที่แรงโน้มถ่วง ในกฏแห่งธาตุดินได้”
เมื่อข้อมูลอันมหาศาลของคุกศิลาทมิฬหลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของต้วนหลิงเทียน เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ก็ดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ
“ในบรรดาพวกมัน ความหมายของธาตุดิน ก็คือความลึกซึ้งของกฏแห่งธาตุดินเบื้องต้น ‘ความหมายพื้นฐาน’ …ส่วนพื้นที่แรงโน้มถ่วงนั่น ก็เป็นความลึกซึ้งเบื้องต้นข้อหนึ่งของกฏแห่งธาตุดินที่เน้นในด้านการสนับสนุน”
กล่าวถึงจุดนี้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ก็จงใจกล่าวเสริมออกมาต่อว่า “ถึงแม้จะเป็นความลึกซึ้งเบื้องต้นของกฏแห่งธาตุดินที่เน้นในด้านสนับสนุน ทว่าพื้นที่แรงโน้มถ่วงนี้กมีพร้อมทั้งการโจมตีและการป้องกัน!”
คำอธิบายเพิ่มเติมนี่ เห็นได้ชัดว่าปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินจงใจกล่าวเพื่อระบายความไม่พอใจ ที่พวกไป๋เจิ้นเยว่และคนอื่นๆคิดว่ากฏแห่งธาตุดินนั้นอ่อนด้อยในเรื่องของการโจมตีออกมา
“ในเมื่อวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาขึ้นไป ล้วนมุ่งเน้นให้ผู้คนเข้าถึงกฏ…แล้วทำไมยังต้องมาแบ่งแยกออกเป็นวรยุทธ์อมตะ กับเวทย์พลังอีกเล่า? ไม่ใช่ว่าฟังดูแล้วมันก็เหมือนๆกันหรือไร?”
ต้วนหลิงเทียนยกล่าวถาม
“จุดประสงค์หลักของการแบ่งแยกนั้น ก็เพื่อแยกความแตกต่างว่าความลึกซึ้งนั้น มันส่งเสริมอันใดกันแน่ ระหว่างพลังภายในหรือพลังภายนอก! วรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชาขึ้นไปนั้น โดยปกติแล้วจะมีแต่ความลึกซึ้งที่มุ่งเน้นไปในแง่ของการเสริมพลังบางชนิดอยู่”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว
“ความลึกซึ้งในแง่ของการเสริมพลังภายในหรือภายนอก?”
ต้วนหลิงเทียนงุนงง
“ก็ยกตัวอย่างเช่นวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังที่มีระดับต่ำกว่าราชาที่เจ้าเคยฝึกปรือมา บางอย่างก็แค่หนุนเสริมพลังกระบวนท่าของเจ้าให้เพิ่มพูนใช่ไหม? มิได้เพิ่มพูนพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเจ้าโดยตรง…สิ่งนี้จึงเรียกว่าการเสริมพลังภายนอก”
“คุกศิลาทมิฬ ที่เจ้าได้มาก็เหมือนกัน มันเป็นประเภทของการเสริมพลังภายนอก หากเจ้าบรรลุถึงมันยามแตกฉาน เจ้าก็จะสามารถสร้างพื้นที่กักกันอันมีแรงโน้มถ่วงมหาศาลเพื่อหยุดยั้งศัตรู และพลังของมันจะขึ้นอยู่กับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของเจ้า”
“ส่วนเวทย์พลังระดับต่ำกว่าราชาลงมา ที่เห็นชัดที่สุดก็คือเวทย์พลังสนับสนุนที่เจ้าใช้ มันสามารถยกระดับพลังเซียนยอมตะต้นกำเนิดให้เจ้าโดยตรงเลยมิใช่หรือ? สิ่งนี้จึงเรียกว่าการส่งเสริมพลังภายใน…”
“ในเมื่อตาแก่นั่นนำเวทย์พลังระดับราชาธาตุลมออกมาให้เจ้าเลือก นั่นหมายความว่าความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่แฝงอยู่ในเวทย์พลังระดับราชานี้ เป็นความลึกซึ้งที่ส่งเสริมพลังภายใน!”
ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวออกมารวดเดียวจบ
“และโดยส่วนใหญ่แล้วเวทย์พลังระดับราชาขึ้นไป ล้วนมีความลึกซึ้งประเภทส่งเสริมพลังภายในทั้งสิ้น กลับกันวรยุทธ์อมตะระดับราชาขึ้นไปนั้น ก็มุ่งเน้นไปที่ความลึกซึ้งของการส่งเสริมพลังภายนอก จะโจมตี ป้องกัน ท่าร่าง หรือสนับสนุนก็แล้วแต่…”
เสียงของเพลิงเทพโกลาหลพลันดังขึ้นสืบต่อ ช่วยให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจเรื่องราวมากขึ้น