ตอนที่ 2,973 : งงกันเป็นแถบ

ตัวตนขอบเขตราชาอมตะทรงพลังเพียงใด?

ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาที่ใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันประเภทสิ้นเปลืองมา จนได้ครอบครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดในช่วงเวลาสั้นๆจะไม่ได้เข้าถึงพลังแห่งกฏอะไร แต่เขาเองก็ตระหนักถึงพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดขอบเขตราชาอมตะที่มหาศาลนั่นดี…

ทว่าตัวตนที่มีพลังระดับนั้น กลับยังถูกยันต์แผ่นหนึ่งฆ่าตายได้ง่ายๆ?

กล่าวได้ว่าชีวิตของเขาอาจถูกกำหนดด้วยยันต์เพียงชิ้นเดียวจากพวกนายน้อยบ้านรวยมากอำนาจ?

“จริงอยู่ที่จักรพรรดิอมตะสามารถจารึกสร้างยันต์อมตะแห่งกฏที่เข่นฆ่าตัวตนขอบเขตราชาอมตะได้ ทว่าก็ไม่ใช่จะสร้างได้ดั่งใจ มันต้องใช้อะไรหลายๆอย่างทั้งยังมีข้อจำกัดยิบย่อยมากมาย…อีกทั้งจักรพรรดิอมตะที่คิดจะสร้างยยันต์อมตะแห่งกฏเช่นนั้น ต้องทรงพลังมากพอสมควร”

ได้ยินเสียงกระซิบพึมพำด้วยความหวั่นกลัวของต้วนหลิงเทียน หวงเหยี่ยนเฟยก็กล่าวออกมาอย่างประจวบเหมาะ “จากที่ข้าได้ยินมา…จักรพรรดิอมตะที่สามารถจารึกสร้างยันต์อมตะแห่งกฏที่ฆ่าได้กระทั่งราชาอมตะนั้น อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม!”

จักรพรรดิอมตะสมญานาม!

ต้วนหลิงเทียนสูดอากาศเข้าลึกๆ ลูกตาหดเล็กลงเบาๆ

จักรพรรดิอมตะสมญานามนั่น คือจักรพรรดิอมตะที่ผ่านบททดสอบของวิหารเฟิงฮ่าว จนได้รับการยอมรับว่าเป็นจักรพรรดิอมตะที่ทรงพลังเหนือกว่าจักรพรรดิอมตะทั่วๆไป

เรื่องนี้เขาเคยได้ยินมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนแล้ว

อย่างไรก็ตามแดนสวรรค์ใต้ที่เขาอาศัยอยู่ในตอนนี้ ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดก็ยังเป็นแค่จอมราชันอมตะสวรรค์ใต้เท่านั้น

ถึงแม้ว่าจอมราชันอมตะสวรรค์ใต้ จะเป็น ‘จอมราชันอมตะสมญานาม’ แต่อย่างไรก็ตามจอมราชันอมตะสมญานามนั้นกล่าวได้ว่าเป็นแค่สุดยอดฝีมือขอบเขตจอมราชันอมตะเท่านั้น

แม้แต่จักรพรรดิอมตะที่อ่อนแอที่สุด ยังทรงพลังเหนือกว่าจอมราชันอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด!

กล่าวได้ว่าในแดนสวรรค์ใต้แห่งนี้ ไร้ซึ่งตัวตนขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะ! แล้วยังจะนับประสาอะไรกับจักรพรรดิอมตะสมญานาม!!

“นอกจากนั้นแม้จะเป็นนจักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ใช้ว่าจะสร้างยันต์อมตะแห่งกฏที่ทรงมากพอจะเข่นฆ่าราชาอมตะได้ทุกคน อย่างดีก็สามารถฆ่าได้แค่ราชาอมตะทั่วๆไปที่พลังฝีมือไม่ได้กล้าแข็งมากเท่าไหร่ในบรรดาตัววตนขอบเขตราชาอมตะเท่านั้น ราชาอมตะจำพวกนี้ก๊คือผู้ที่เข้าใจกฏไม่สูงพอ”

ได้ยินวาจาถัดมาของหวงเหยี่ยนเฟย ต้วนหลิงเทียนก็พอได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง

หากเป็นแบบนี้เขายังพอรับได้อยู่ หาไม่แล้วมันก็เกินจริงเกินไป…

เพราะสุดท้ายหากวันหนึ่งเขาเป็นราชาอมตะแล้ว แต่กลับต้องมาตายเพราะยันต์อมตะชิ้นหนึ่ง แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!

“4,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”

“4,500 ผลึกอมตะระดับสูง!”

และในระหว่างที่ต้วนหลิงเทียนกับหวงเหยี่ยนเฟยคุยกัน ราคาของยันต์อมตะแห่งกฏ ‘ยันต์ศรอัสนีปะทุ’ ก็ถีบตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็แตะถึงราคา 4,800 ผลึกอมตะระดับสูง

“ยันต์ศรอัสนีปะทุนี่ ดูจากพลังทำลายของมันแล้ว สมควรถูกจอมราชันอมตะผู้หนึ่งสร้างขึ้น…ด้วยพลังอานุภาพของมัน กอปรกับการใช้ได้แค่ครั้งเดียว คงเป็นเรื่องยากที่ราคาประมูลจะเกิน 5,000 ผลึกอมตะระดับสูง”

วินาทีถัดมา คล้ายจะเป็นการยืนยันคำพูดของหวงเหยี่ยนเฟยก็ไม่ปาน เพราะเมื่อราคาประมูลแตะถึง 5,000 ผลึกอมตะระดับสูงแล้ว ก็ไม่มีใครคิดจะประกวดราคาแข่งอีกเลย…

“ถึงแม้ว่ายันต์ศรอัสนีปะทุจะดี แต่เต็มที่ก็มีไว้ให้ลูกหลานพกติดตัวเอาไว้ใช้เท่านั้น…ทั้งมันก็ใช้ได้ครั้งเดียว ในดินแดนพันประเทศ ยันต์อมตะแห่งกฏระดับนี้ สามารถขายออกได้ในราคา 5,000 ผลึกอมตะระดับสูงก็นับว่ามากแล้ว”

“หากยังมีใครคิดเสนอราคาแข่งอีก ไม่พ้นคงโดนลาเตะหัวมาเป็นแน่!”

“5,000 ผลึกอมตะระดับสูง…นับว่าเป็นราคาที่เหมาะกับยันต์ศรอัสนีปะทุแล้วล่ะ”

ในโถงประมูล เสียงซุบซิบดังขึ้นทำนองเดียวกัน

“5,000 ผลึกอมตะระดับสูงครั้งที่ 1…”

“5,000 ผลึกอมตะระดับสูงครั้งที่ 2…”

บนเวทีประมูล ชายชราชุดเทาเมื่อเห็นว่าราคานิ่งแล้ว มันก็เริ่มกล่าวนับออกมาด้วยน้ำเสียงท่าทางเฉยเมย “5,000 ผลึกอมตะระดับสูงครั้งที่ 3…”

“ขาย!”

พอกล่าวจบคำ ชายชราชุดเทาเพียงโบกมือเบาๆคราหนึ่ง ยันต์ศรอัสนีปะทุ ที่ลอยอยู่เหนือฝ่ามือของมันก็คล้ายกลับกลายเป็นอัสนีสายหนึ่งฟาดผ่าไปทางผู้ที่ประกวดราคาประมูลสูงสุดทันที

ครู่ต่อมายันต์ศรอัสนีปะทุ ก็มาหยุดลงเบื้องหน้าชายววัยกลางคนผู้หนึ่ง และหยุดลอยแน่นิ่งคล้ายรอให้มันคว้าไป

ฟุ่บ!

ขณะเดียยกันกับที่ชายวัยกลางคนรับยันต์ศรอัสนีปะทุมาเก็บ มันก็หยิบผลึกอมตะระดับสูง 5,000 ก้อนออกมา จากนั้นก็นำใส่แหวนพื้นที่ และใช้พลังไร้สภาพหอบหิ้วส่งไปถึงมือชายชราชุดเทากลางเวที

ฉากเรื่องราวดังกล่าวอธิบายได้คำเดียวว่า “ยื่นหมูยื่นแมว”

“ต่อไปจักเป็นรายการประมูลชิ้นที่สอง โอสถอมตะระดับขุนนางขั้นกลาง โอสถเป้าหยวน…และโอสถเป้าหยวนก็มีราคาประมูลเริ่มต้นที่ 5,000 ผลึกกอมตะระดับสูงสุด”

ชายชราชุดเทาบนเวทีประมูลกล่าวจบก็สะบัดมือเรียกขววดโอสถออกกมาขวดหนึ่ง จากนั้นก็เปิดขวดและเทโอสถในขวดออกมาให้เห็นเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็เก็บกลับไป

“โอสถเป้าหยวน?”

ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

โอสถเป้าหยวนนั้น เป็นโอสถอมตะชนิดหนึ่งที่พบได้ทั่วไปในระนาบเทวโลก อย่างไรก็ตามผู้ที่จะหลอมปรุงมันได้ก็มีแต่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางขึ้นไปเท่านั้น

โอสถเป้าหยวนนั้นแบ่งออกเป็นระดับต่างๆได้แก่ โอสถเป้าหยวนระดับขุนนาง โอสถเป้าหยวนระดับราชา และโอสถเป้าหยวนระดับจอมราชัน

และโอสถเป้าหยวนทั้ง 3 ระดับยังแบ่งย่อยออกได้อีก 3 ขั้น อันได้แก่ขั้นต่ำ ขั้นกลาง และขั้นสูง…ในบรรดาทั้ง 3 ขั้นสูงย่อมดีที่สุด และที่เลวร้ายที่สุดก็คือขั้นต่ำ

‘โอสถเป้าหยวนระดับขุนนางขั้นกลาง…สามารถทำให้พลังในร่างของขุนนางอมตะเพิ่มขึ้น 2 ขีดขั้น และจะดำรงอยู่เป็นเวลา 1 เค่อ’

‘และเป็นธรรมดาว่าหากผู้ที่ใช้มันเป็นขุนนางอมตะ 9 ตำหนัก ด่านพลังจะถูกยกระดับไปถึงขอบเขตขุนนางอมตะขั้นสูงสุดเป็นเวลา 15 นาทีเท่านั้น…และต่อให้ขุนนางอมตะ 10 ทิศใช้มัน ผลที่ได้รับก็จะเป็นดุจเดียวกัน เพราะมันไม่อาจทำลายขีดจำกัดของด่านพลังได้…’

ในฐานะที่เป็นปรมจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงคนหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้จักโอสถเป้าหยวนเป็นอย่างดี

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ราคาของโอสถเป้าหยวนก็พุ่งไปแตะ 8,000 ผลึกอมตะระดับสูงแล้ว!

เพราะสุดท้ายแล้วโอสถเป้าหยวนนี้ หากขุนนางอมตะที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตายนำออกมาใช้ มันก็อาจสามารถพลิกกลับสถานการณ์ได้เลย!

สุดท้ายโอสถเป้าหยวนจึงถูกปิดประมูลไปในราคา 13,000 ผลึกอมตะรดับสูง!

จากนั้นชายชุดเทาก็เริ่มนำสิ่งของประมูลรายการที่ 3 ออกมา

อย่างไรก็ตามรายการประมูลหลังจากนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นโอสถอมตะ ไม่ก็ยันต์อมตะเท่านั้น แม้คุณภาพจะสูงขึ้นเรื่อยๆ และราคาก็ถีบตัวสูงขึ้นตามติด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกสนใจอะไร…

“ต่อไปสิ่งของที่จะนำขึ้นประมูลในรายการที่ 9 ก็คือไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัว…ไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัวนี้ เมื่อนำขึ้นประมูลพร้อมกัน เช่นนั้นราคาเริ่มต้นของพวกมันก็คือ 30,000 ผลึกอมตะระดับสูง!”

ชายชราชุดเทาบนเวทีประมูลกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด พลางสะบัดมือเรียกสิ่งมีชีวิตเล็กๆ 2 ตัวออกมา

อย่างไรก็ตามชายชราพูดจบไปได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเปิดราคาประมูลออกมาเลย

กลับกัน หลายคนถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง

“มารดามันเถอะ…ไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวกลับมีราคาเริ่มต้น 30,000 ผลึกอมตะระดับสูง…เท่าที่ข้ารู้มาอย่างดีไส้เดือนฝอยทอง 2 ตั ราคามันก็ไม่น่าจะเกิน 15,000 ผลึกอมตะระดับสูงมิใช่หรือไร กล่าวได้ว่าราคานั่นมันนับรวมราคาแต่ละตัวจากตลาดมืดที่ขายแพงที่สุดแล้วด้วยซ้ำ…แต่ตระกูลราชวงศ์ตันจี้ กลับกล้าเปิดราคาประมูลเช่นนี้ออกมาได้จริงๆ!!”

“เหอะๆ…หากไม่ใช่เพราะตระกูลราชวงศ์ตันจี้รู้ว่าประเทศฝูชิว ประเทศโม่หลุน และประเทศตงงหมิงต่างกำลังต้องการไส้เดือนฝอยทองทั้ง 2 ตัวมันจะกล้าเปิดราคาเช่นนี้ออกมาหรือไร? ของที่มีราคามิใช่ของหายากหรือล้ำค่า แต่เป็นของที่ผู้คนต้องการอย่างเร่งด่วนต่างหาก…ราคาไส้เดือนฝอยทองคู่นี้ไหนเลยจะเอาราคาตลาดมืดในอดีตมาเทียบได้”

“มิผิด แม้ไส้เดือนฝอยทองจะมีขายในตลาดมืดอยู่บ่อยและมีราคาสูงพอสมควร แต่กล่าวไปมันมีไม่เพดานราคาแต่อย่างไร…”

ในขณะที่ทุกคนในโถงประมูลเริ่มสนทนากันอย่างออกรส พลันมีเสียงสงบราบเรียบหนึ่งงแว่วดังออกมาจากห้องส่วนตัวของประเทศฝูชิว

“30,000 ผลึกอมตะระดับสูง”

และเจ้าของเสียงดังกล่าวก็คือ หวงเหยี่ยนเฟย ที่เป็นผู้เปิดราคาประมูลออกไป!

“เฮ่ท่านพ่อ ไฉนครั้งนี้ท่านลงมือเร็วนักเล่า? นี่มิใช่ตัวท่านเลยนี่นา?”

หวงเจียหลงอดประหลาดใจสงสัยไม่ได้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันติดตามบิดาตัวเองเข้าร่วมการประมูลสิ่งของ แต่ปกติแล้วต่อให้บิดามันอยากได้ของสิ่งไหน ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเป็นผู้กล่าวเปิดราคาประมูล

และเหตุการณ์ต่อมา ก็ทำให้หวงเจียหลงนั่งอึ้งไปตาปริบๆ

กระทั่งไม่ใช่แค่หวงเจียหลงเท่านั้นที่นั่งอึ้ง แม้แต่ทุกคนในโถงประมูลก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง “นี่…พวกเจ้าน่ะ ไม่ใช่บอกเองหรอกหรือ…ว่าประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงเองก็ต้องการไส้เดือนฝอยทองคู่นั้นด้วย?”

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะโค้งคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

และเหตุผลความแปลกใจของเขา และอาการตกตะลึงของหวงเจียหลงและคนด้านนอกโถงประมูลนั้น ก็คือเรื่องที่หลังจากหวงเหยี่ยนเฟยยกล่าวเปิดประมูลไปแล้วแท้ๆ แต่ทางด้านห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุนกับตงหมิงยังคงเงียบเสียง ไร้ความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น

ในโถงประมูลเหล่าผู้ที่มารอดูชมการแข่งขันช่วงชิงประมูลไส้เดือนฝอยทอง ดั่งมหาศึก 3 ก๊กช่วงชิงดินแดนของประเทศเรือนเคียงทั้ง 3 ก็นั่งเหวอไปตาปริบๆ หันรีหันขวางมองสลับไปยังห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงไม่หยุด

ความบันเทิงของพวกมัน อยู่ที่ใดแล้วเล่า?

“30,000 ผลึกอมตะระดับสูง ครั้งที่ 1…”

“30,000 ผลึกอมตะระดับสูง ครั้งที่ 2…”

บนเวทีประมูลนั้น ชายชราชุดเทาที่มักคงความสงบแลดูชืดชาไร้แสต่อสิ่งใดอยู่เสมอ บัดนี้ยังแลดูเสียอากการไปบ้าง มันไม่อาจคงความสงบได้เหมือนเคย หว่างคิ้วขดย่นเป็นปม กระทั่งการกล่าวประกาศครั้งที่ 2 เสียงยังดังขึ้นเป็นพิเศษ

และลูกตามันก็กลอกไปมามองสลับไประหว่างห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงเช่นกัน หากแต่พบว่าแม้มันจะรอท่าอยู่นานสองนาน แต่ทั้งสองห้องกลับไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ

สุดท้ายแม้สายตาจะฉายถึงความแปลกใจ ทั้งรู้สึกว่าเรื่องราวมีอะไรผิดท่า แต่ชายชราชุดเทาก็ยังต้องกระทำหน้าที่ของตัวเองสืบต่อ “30,000 ผลึกอมตะระดับสูง ครั้งที่ 3…ขาย!”

เมื่อชายชรากล่าวจบคำ ก็หมายความว่าไส้เดือนฝอยทองในมือของมันคู่นี้ ได้กลับกลายเป็นของประเทศฝูชิวเรียบร้อยแล้ว

“เฮ่ ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกันแน่? พี่ชายท่านนี้ท่านมิใช่คนวงในหรอกรึ ไหนท่านว่าประเทศโม่หลุนกับประเทศตงหมิงก็ต้องการไส้เดือนฝอยทองอย่างมากนี่นา?”

“ขออภัยสหายท่านนี้ด้วย ข้าพเจ้าเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น…คนของประเทศโมห่หลุนกับประเทศตงหมิงคงมิได้เผลอหลับไปแล้วหรอกนะ?”

“นั่นสิ ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าคนของประเทศตงหมิงกับประเทศโม่หลุนกำลังคิดอะไรกันอยู่…”

“พวกมันไฉนไม่เคลื่อนไหว…พวกมันทำอันใดอยู่กันแน่?”

ในขณะที่โถงประมูลเต็มไปด้วยเสียงฮือฮาด้วยความไม่เข้าใจ ภายในห้องส่วนตัวของประเทศโม่หลุนกับตงหมิงก็ยากจะสงบอยู่ได้เช่นกัน

ณ ห้องส่วนตัวของคนประเทศโม่หลุน

“ท่านอาเหลียน ไฉนท่านไม่ประมูลแย่งไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวนั่นมาเล่า ท่านบอกเองมิใช่หรือว่าจะประมูลมาให้ข้าให้ได้…แล้วที่แท้นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

องค์ชาย 7 แห่งประเทศโม่หลุนขมวดคิ้วมองถามชายวัยกลางคนแลดูน่ากรงขามในชุดสีน้ำเงินข้างๆด้วยความสับสน น้ำเสียงยังฟังดูก้าวร้าวเล็กน้อย

ถึงแม้ตัวมันจะรู้ดีว่าต่อให้ได้ไส้เดือนฝอยทองนั่นมา แต่โอกาสที่จะหลอมให้เป็นโอสถเฉียนจินได้จะริบหรี่เต็มที…

แต่สุดท้ายให้ริบหรี่เพียงใดแต่ก็ถือว่ามีความหวัง

ทว่าหากไม่ได้มาแม้กระทั่งไส้เดือนฝอยทอง 2 ตัวนั่น ก็ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวความหวังอันใดด้วยซ้ำ!

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินแลดูน่าเกรงขามผู้นี้ อย่างไรก็คือยอดฝีมือที่เป็นรองจากฮ่องเต้โม่หลุน เป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดอันร้ายกาจ ดังนั้นแม้องค์ชาย 7 จะบังเกิดความไม่พอใจ แต่มันทำได้เต็มที่ก็คือกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก้าวร้าวขึ้นมาเล็กน้อย ไม่กล้าฟาดงวงฟาดงาอะไรมาก

“พอดีข้าได้รับเสียงผ่านพลังหนึ่งจากหวงเหยี่ยนเฟยแห่งประเทศฝูชิวมา…ดังนั้นข้าจึงคิดตัดสินใจล้มเลิกการประมูลไส้เดือนฝอยทองเสีย”

ได้ยินคำถามร้อนใจขององค์ชาย 7 และสัมผัสได้ถึงสายตาสงสัยที่มองมาจากคนของประเทศโม่หลุนที่ติดตามมาด้วย ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกหาว่าอาเหลียน ยังคงยกถ้วยชาขึ้นมาจิบบางๆ แลดูไม่ได้อีนังขังขอบอะไรเลย

ภายในห้องส่วนตัวของคนจากประเทศตงหมิง

“ผู้เฒ่าหู…ไฉนท่านถึงยอมแพ้การประมูลเล่า นอกจากนั้นท่านยังไม่ยอมให้ข้ากล่าวประกวดราคาอีก…นี่ท่านคงไม่ได้คิดทอดทิ้งพี่เจวี๋ยอวิ๋นหรอกนะ?”

“แล้วหากท่านไม่ได้ไส้เดือนฝอยทองคู่นี้ไป ท่านจักไปชี้แจงท่านพ่อข้าอย่างไร?”

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเงินขมวดคิ้วแลดูปั้นปึ่ง มองถามชายชราจากประเทศตงหมิงที่มาเข้าร่วมการประมูลที่เมืองหลวงประเทศตันจี้ครั้งนี้ ด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วเห็นได้ชัดว่าหงุดหงิดไม่น้อย

“องค์ชายรอง…แม้ท่านจะเป็นองค์ชายคนหนึ่ง หากแต่การควบคุมตัวเองของท่าน ยังนับว่าด้อยกว่าสหายน้อยเจวี๋ยอวิ๋นอยู่มาก…”

ชายชราเหลือบมองชายหนุ่มชุดคลุมสีเงินด้วยสายตาอ่อนใจ ค่อยหันไปมองชายหนุ่มชุดเทาสีหน้าท่าทีสงบเฉยเมยที่นั่งข้างๆด้วยสายตาลุกวาว

แต่ต้นจนจบนั้น อีกฝ่ายแม้จะเห็นว่ามันไม่ได้คิดเข้าร่วมการประมูลไร แต่กลับยังสามารถคงความสงบเอาไว้ได้หน้าไม่เปลี่ยนสี…แลดูไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรแม้แต่น้อย!