ตอนที่ 445-1 ตามหาพี่ชายกลับมาได้แล้ว
ชายหนุ่มอุ้มจิ่งอวิ๋นเข้ามาในกระโจม เห็นชัดว่าบ้านของคู่สามีภรรยาชราคู่นี้ไม่ใหญ่เท่าครอบครัวด้านข้าง แต่ก็มีที่พอให้พวกเขาสองคน คู่สามีภรรยาชราไปอาศัยในกระโจมของบุตรชายกับลูกสะใภ้ แล้วยกบ้านกระโจมหลังน้อยของตนเองให้พวกเขา
พวกเขาจะมากินเปล่าอยู่เปล่าไม่ได้ ชายหนุ่มจ่ายเงินให้คู่สามีภรรยาเฒ่าตามราคาของแถบเขาอูเปี๋ยเป็นเงินใบมีดหนึ่งร้อยเหรียญ
เงินตราที่ใช้ในตลาดของเผ่าซยงหนีว์ไม่ใช่เหรียญกลมที่มีรูสี่เหลี่ยมตรงกลางอย่างจงหยวน แต่เป็นเงินตราที่รูปลักษณ์คล้ายใบมีดขนาดเล็ก เงินเหล่านี้ใช้สำริดหล่อขึ้นมา มูลค่าใกล้เคียงกับเหรียญกลมของจงหยวนแต่ซื้อสิ่งของได้มากกว่า เงินใบมีดหนึ่งเหรียญเทียบเท่ากับเงินสามถึงห้าอีแปะไม่เท่ากัน เงินใบมีดหนึ่งร้อยเหรียญความจริงนับว่าเป็นค่ากินค่าที่พักที่แพงไม่ธรรมดาอย่างยิ่งแล้ว หากเปลี่ยนเป็นในเมือง ห้องชั้นดีของโรงเตี๊ยมสักแห่งเพิ่งจะราคาเท่ากับเงินใบมีดห้าสิบเหรียญเท่านั้นเอง
ชายหนุ่มคิดว่าสองสามีภรรยาน่าจะซาบซึ้งน้ำตานองหน้าแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าพวกเขาสองคนหนังตาไม่เบิกกว้างสักนิด แล้วใช้ภาษาซยงหนีว์ที่ติดสำเนียงท้องถิ่นอย่างมากบอกเขาว่า กระโจมหลังข้างๆ มีคนมาพักแรมเหมือนกัน ผู้อื่นให้เงินถึงสิบตำลึง!
เงินสิบตำลึงความจริงรวมที่พักของคนสิบเอ็ดคน แพะหันหนึ่งตัว ลูกแพะเกิดใหม่สองตัวสำหรับเอาเดินทางไปด้วย สุรานมม้าอีกสองหม้อใหญ่ เนยแข็งอีกหนึ่งโหลและอีกสารพัด นับดูให้ถี่ถ้วนแล้ว ผู้อื่นก็ไม่ได้เอาเปรียบอะไรสักนิด
แต่สองสามีภรรยาเฒ่าไม่คิดถึงรายการข้าวของเหล่านี้หรอก สรุปก็คือผู้อื่นได้สิบตำลึง พวกเขาก็จะได้น้อยกว่ามากไปไม่ได้!
หลอกรีดไถผู้อื่นมาชั่วชีวิต สุดท้ายมาถูกสองสามีภรรยาในชนบทคู่หนึ่งรีดไถบ้าง ชายหนุ่มคับแค้นจนเกือบจะไม่พักมันแล้ว!
แต่เมื่อนึกถึงต้นเงินต้นทองต้นนั้น เขาก็คิดว่าวันหน้าจะทวงกลับมาให้หนัก คืนนี้ถือเสียว่าตนเองลงทุนก็แล้วกัน!
ชายหนุ่มจ่ายเงินสองตำลึงอย่างปวดใจ
ไม่นานอาหารโอชะ เครื่องดื่มรสโอชาก็ถูกยกเข้ามา
‘พี่ชายกับน้องสาว’ ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ที่แห้งสะอาดตัวหนึ่งเสร็จก็เห็นอาหารร้อนควันฉุยวางอยู่บนโต๊ะไม้ตัวเล็กในกระโจม น้ำแกงกระดูกแพะสองถ้วย สุรานมม้าหนึ่งถ้วย แป้งทอดไส้เนื้อแพะห้าชิ้น นมแผ่นสีเหลืองทองหนึ่งถาด
ทั้งสองคนรีบเร่งเดินทางมาทั้งวันจนหิวโซตั้งนานแล้ว แล้วพวกเขายังเปียกฝนมากอีกจึงรู้สึกหนาวอยู่ไม่น้อย จะบอกว่าถูกทรมานด้วยความหิวโหยและความหนาวเหน็บมาก็ไม่เกินจริงเลยสักนิด
เวลานี้ในที่สุดก็เห็นของกิน ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สำรวมทั้งนั้น พวกเขายกน้ำแกงกระดูกแพะตรงหน้าขึ้นซดอึ้กๆ คำโต
รสชาติของน้ำแกงที่โรยด้วยพริกไทยกับต้นหอมผสมกับรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของกระดูกแพะ เผ็ดแต่ไม่แสบร้อน เมื่อลงไปอยู่ในท้องครึ่งถ้วย ร่างกายก็อบอุ่น ต่อมรับรสทำงานเต็มที่ แป้งทอดสอดไส้ไปจนถึงนมแผ่น อาหารน้อยลงทีละแผ่น ทีละชิ้นอย่างรวดเร็วชนิดที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
เสี่ยวไป๋วิ่งเข้ามาขอแบ่งด้วย แต่เสี่ยวไป๋ไม่กินซี่โครงแพะ มันกินนมแผ่น!
เสี่ยวไป๋ในสายตาของชายหนุ่มเป็นเพียงลูกสัตว์ที่ยังไม่หย่านมตัวหนึ่ง
ชายหนุ่มหันไปมองจิ่งอวิ๋น “สุนัขตัวนี้ของเจ้าซื้อมาเท่าไร”
มันมาของมันเอง
“สีขนไม่เลวเลย” ชายหนุ่มลูบตัวเสี่ยวไป๋ เขาเองก็เคยทำกิจการค้าเสื้อขนสัตว์มาไม่น้อย แต่เพิ่งจะเคยลูบขนสุนัขน้อยที่นุ่มนิ่มขนาดนี้เป็นครั้งแรก สบายจนเขาอยากจะจับเจ้าตัวน้อยที่มากอดไว้
แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นพันธุ์อะไร
แต่พันธุ์อะไรก็ไม่สำคัญแล้ว ด้วยปากของเขา ต่อให้เป็นของจากในหุบเขาก็โม้จนกลายเป็นสมบัติจากวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้าได้ เดี๋ยวกลับไปลองหาเจ้าโง่อีกสักคน เขาก็จะได้รายได้มาอีกก้อน!
พอในใจคิดเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ป้อนนมแผ่นชิ้นหนึ่งให้เสี่ยวไป๋ด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์เพทุบาย
เสี่ยวไป๋ชอบดื่มนมใส่ถ้วย แต่ก็ชอบกินนมแผ่นชิ้นน้อยด้วย!
มันถูไถหัวกับกลางฝ่ามือของชายหนุ่มนิดๆ เป็นการแสดงความขอบคุณ!
ชายหนุ่มไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นสุนัขมาก่อน แต่สุนัขที่น่ารักจนหัวใจเขาถูกความน่ารักหลอมละลายถึงขนาดนี้ เขาไม่เคยพบเจอเป็นตัวที่สอง
“นี่” เขาหันไปมองจิ่งอวิ๋น จวบจนวันนี้เขาก็ยังไม่รู้จักชื่อของจิ่งอวิ๋น เรียกแต่นี่ๆ เช่นนี้ “เจ้าตัวน้อยตัวนี้ของเจ้าใช้ได้เลยนี่ คงจะขายได้ราคาไม่น้อย ฮูหยินกับคุณหนูในเมืองใหญ่พวกนั้นชอบสัตว์ตัวน้อยเช่นนี้ที่สุด นุ่มนิ่มแถมยังเชื่อง..”
เขายังพูดไม่ทันจบ เงาดำเปียกโชกร่างหนึ่งก็ถือดาบเล่มใหญ่พุ่งเข้ามา
“ย้ากกก!”
ดาบเล่มใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยเพลิงโทสะพุ่งตรงมาหาพวกเขา บนใบดาบใหญ่โตวาววับมีหยาดน้ำฝนเกาะแวววาว น้ำฝนกระเซ็นใส่เต็มหน้าของชายหนุ่ม ชายหนุ่มหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อน
ตอนที่ดาบเล่มนั้นกำลังจะฟันลงบนร่างพวกเขานั่นเอง เจ้าตัวน้อยที่แทะนมแผ่นอยู่ตัวนั้นจู่ๆ ก็กระโจนขึ้นมา ใช้กรงเล็บตบโจรร้ายทีเดียวปลิวกระเด็น
ชายหนุ่มตกใจจนนิ่งอึ้ง…
เฉียวเวยถูกเสียงหวีดร้องของจูเอ๋อร์ปลุกให้ตื่น เมื่อนางตั้งสติได้ก็ได้ยินเสียงผิดปกติ นางมองวั่งซูกับจีหมิงซิวที่อยู่ด้านข้างก่อน ทั้งสองคนยังอยู่ดี นางจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อหันไปมองสือชี กลับเห็นว่าสือชีไม่อยู่แล้ว
นางสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่งแล้วเปิดประตูกระโจมออกมา เห็นศิษย์เอกที่กำลังเดินมาด้านนี้เข้าพอดี
นางมองโจรร้ายกลุ่มหนึ่งที่กำลังสู้กับสือชีอยู่ไม่ไกลแล้วถามเรียบๆ ว่า “ผู้ใด”
ศิษย์เอกเข้ามาในกระโจมแล้วปาดน้ำฝนออกจากใบหน้า บอกว่า “กองโจรน่ะ คิดว่าคงเล็งพวกเรามานานมากแล้ว จึงอยากจะฉวยโอกาสที่พวกเราหลับปล้นชิงข้าวของของพวกเรา”
บนทุ่งหญ้ามีกองโจรอาละวาดเป็นปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อย่างเข้าฤดูหนาว เมื่อข้าวของขาดแคลน กองโจรก็ยิ่งนั่งไม่ติด พวกเขาเดินทางเป็นขบวนใหญ่โตเอิกเกริก แถมรถม้าที่นั่งมายังเป็นรถม้าชั้นเลิศ อาชาศึกที่ขี่ก็เป็นอาชาชั้นเยี่ยมที่สุด ไม่ถูกเพ่งเล็งถึงจะแปลก
โจรกระจอกไม่กี่คนไม่อยู่ในสายตาของเฉียวเวย แต่นางไม่อยากลากผู้บริสุทธิ์มาเอี่ยวด้วยเพราะตนเอง จึงให้ศิษย์เอกไปดูใกล้ๆ ว่ามีโจรคนใดบุกเข้าไปในบ้านของพวกคนเลี้ยงสัตว์หรือไม่
ศิษย์เอกจำได้ว่ากระโจมด้านข้างมีคู่สามีภรรยาอายุมากคู่หนึ่งอาศัยอยู่ ขณะที่เขากำลังคิดจะพาคนไปดูสักหน่อยก็เห็นโจรสวมเสื้อหนังสัตว์คนหนึ่งปลิวออกมาจากกระโจมหลังด้านข้าง มองแวบแรกคิดว่าโจรกระโจนออกมาเอง แต่เมื่อมองใหม่อีกหนถึงรู้ว่าเขาถูกคนถีบออกมาต่างหาก
โจรถลาลงไปในแอ่งโคลน ล้มคว่ำหัวทิ่มดิน
ต่อจากนั้นก็มีโจรบุกเข้าไปอีกหลายคน ทว่าทุกคนต่างถูกคน (เพียงพอน) ถีบ (ตบ) กระเด็นออกมาทั้งหมดไม่มีข้อยกเว้น
มุมปากของศิษย์เอกกระตุก สองสามีภรรยาเฒ่าหลังค่อม เส้นผมมีสีขาวแซมประปรายคู่นั้นที่แท้ก็เก่งกาจขนาดนี้เชียวหรือ ยอดฝีมือซ่อนอยู่ในหมู่ชาวบ้านสินะเนี่ย!
เสี่ยวไป๋ตบโจรปลิวไปติดกันเจ็ดแปดคน ดวงตาของชายหนุ่มก็เบิกโตจนเกือบจะถลนออกมา
นี่เป็นลูกสุนัขที่ทั้งนุ่มนิ่มทั้งน่ารักนั่นจริงหรือ
เหตุใดจึงดุร้ายเช่นนี้เล่า!
จะว่าไปแล้วเด็กน้อยเจ้าเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่ดุร้ายขนาดนี้เอาไว้จะไม่เป็นอะไรจริงหรือ!
แม่ของเจ้ารู้หรือไม่เนี่ย!
(จิ่งอวิ๋น ก็ท่านแม่ให้ข้ามาเอง!)
เสี่ยวไป๋ตบโจรเสร็จก็กลับมากินนมแผ่นน้อยข้างกายจิ่งอวิ๋นต่อ คล้ายกับว่าเพียงพอนน้อยที่ดุร้ายเรี่ยวแรงมหาศาลตัวนั้นเมื่อครู่เป็นเพียงภาพหลอนในหัวของชายหนุ่มเพียงคนเดียว…
*****************************