ตอนที่ 2,980 : พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับนาย

สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจขัดหวงเหยี่ยนเฟยที่ยืนกรานอย่างดื้อรั้นได้ไหว จำต้องรับผลึกอมตะระดับสูง 500,000 ชิ้นมาแต่โดยดี

ทั้งนี้เพราะหวงเหยี่ยนเฟยกล่าวชี้แจงมาว่า

“ผลึกอมตะระดับสูง 30,000 ชิ้นที่ใช้ประมูลไส้เดือนฝอยทองนั้น เป็นฝ่าบาทมอบมาให้เจ้าโดยเฉพาะ…สาเหตุที่ไฉนฝ่าบาทยินดีจ่ายส่วนนี้ เนื่องเพราะหวังให้เจ้าที่บรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด สามารถสร้างผลงานในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำได้ดีๆ จนเข้าตา 3 นิกาย 2 ตระกูล ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อที่ฝ่าบาทจะได้รางวัลมากกว่าเดิม”

“กล่าวได้ว่าสำหรับเงินส่วนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกติดค้างอะไรในใจ”

“สำหรับ 10,000 ผลึกอมตะระดับสูงที่ข้าเลือกจะหักออกมานั้น เรียกว่าเป็นราคาบุปผาวิญญาณลี้ลับดอกนั้นที่ข้ามอบให้เจ้าไปก็ได้ จึงกล่าวได้ว่าระหว่างเจ้ากับข้า พวกเราก็ไม่มีอันใดติดค้างต่อกันแม้แต่น้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณอะไรข้าเลย”

นั่นคือทั้งหมดที่หวงเหยี่ยนเฟยกล่าว

อย่างไรก็ตามแม้หวงเหยี่ยนเฟยจะชี้แจงเรื่องราวมาแบบนี้ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยัรู้สึกว่าเขาติดค้างหวงเหยี่ยนเฟยอยู่ดี

และต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีแก่ใจ

ไม่ต้องกล่าวถึง 500,000 ผลึกอมตะระดับสูงเลย แม้จะแค่ 1-2 แสนผลึกอมตะระดับสูง ก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆสำหรับหวงเหยี่ยนเฟย!

“เอาล่ะ กล่าวได้ว่าวัตถุประสงค์การมาประเทศตันจี้ของพวกเราคราวนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี พวกเราก็ควรจะกลับกันได้แล้ว”

จากนั้นหวงเหยี่ยนเฟยก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเทียนเจ้ากลับไปเตรียมตัวเถอะ…พรุ่งนี้พวกเราจะเดินทางกลับบประเทศฝูชิวกันแต่เช้า!”

“เข้าใจแล้วลุงหวง”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับฟัง

เช้าวันต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้พาหลิวก่วงหลินมาสมทบกับพวกหวงเจียหลง หวงเหยี่ยนเฟยและผู้เฒ่าโม่ จากนั้นก็เดินทางกลับประเทศฝูชิวทันที

ขามาทั้งหมดเลือกจะอาศัยบนแผ่นหลังผู้เฒ่าโม่ที่คืนร่างเดิม และให้ผู้เฒ่าโม่พาเดินทาง

ขากลับก็เป็นเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามขากลับนั้นมีความแตกต่างจากตอนขามาอยู่บ้าง เพราะบัดนี้คนได้ลดน้อยลงไปหนึ่ง ซึ่งก็คือไป๋กังที่ออกจากประเทศตันจี้ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน

และไป๋กังที่ออกจากประเทศตันจี้ไปก่อน ก็ไม่ได้กลับไปประเทศฝูชิวแต่อย่างไร แต่เดินทางไปกับไป๋เจิ้นเยว่รองหัวหน้าเผ่าพยัคฆ์เหิน เพื่อกลับไปยังเผ่า

ระหว่างเดินทางกลับ ต้วนหลิงเทียนก็พยายามปรับด่านพลังทั้งทำความเข้าใจความลึกซึ้ง พื้นที่แรงโน้มถ่วง ของกฏแห่งดินผ่านวรยุทธ์อมตะ คุกศิลาทมิฬ

กล่าวได้ว่าหลังบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด ด่านพลังของต้วนหลิงเทียนก็ถือว่ามีความก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้น

และขั้นต่อไป ก็คือขอบเขตขุนนางอมตะแล้ว

สำหรับกฏแห่งดิน ด้วยมีความช่วยเหลือของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าใจความลึกซึ้งเบื้องต้นอย่าง ความหมายแห่งดิน ไดในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน เข้าถึงพลังแห่งกฏได้สำเร็จ

สำหรับความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงนั้น นับเป็น 1 ในความลึกซึ้งของกฏแห่งดิน แม้จะไม่อาจเข้าใจได้ในชั่วข้ามคืนเหมือนความหมายแห่งดิน ทว่าด้วยมีปฐพีเทพแรกกำเนิดช่วยเหลือ ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจมันมากขึ้นทุกขณะ

‘พื้นที่โน้มถ่วง แรงดึงดูด…ที่พบเจอกันอยู่ตลอดก็คือแรงโน้มถ่วง ไม่ว่าจะโลกในชาติที่แล้วหรือระนาบเซียน ไม่เว้นระนาบเทวโลกที่ข้าอยู่ตอนนี้ ทุกแห่งหนล้วนมีแรงโน้มถ่วงกระทำต่อวัตถุมีมวลทั้งสิ้น…’

‘แรงโน้มถ่วงที่ฉุดรั้งให้ผู้คนตกลงผืนดิน หรือที่ในอดีตเข้าใจว่ามันคือความเร่งเข้าสู่จุดศูนย์กลางของโลกนั้น จะฉุดดึงทุกสิ่งให้เข้าสู่แกนโลก นับได้ว่าเป็นแรงโน้มถ่วงทางเดียว’

‘อย่างไรก็ตามความลึกซึ้ง ‘พื้นที่แรงโน้มถ่วง’ ของกฏแห่งดิน ไม่เพียงแต่ต้องเข้าใจแรงโน้มถ่วงทางเดียวเช่นนั้น แต่จำเป็นต้องแตกฉานและเข้าใจถึงแรงโน้มถ่วงทุกทิศทาง’

‘อย่างเช่นหากผสานพลังความลึกซึ้งของพื้นที่แรงโน้มถ่วงกับจุดๆหนึ่ง จุดนั้นก็จะสร้างแรงโน้มถ่วงคอยดึงดูดทุกสิ่งเข้าหามัน และหากควบคุมได้ดั่งใจ ก็สามารถสร้างแรงโน้มถ่วงหลากทิศตามใจต้องการ’

ด้วยมีความช่วยเหลือของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจความหมายของพื้นที่แรงโน้มถ่วงผ่านคุกศิลาทมิฬได้ดีขึ้นทุกขณะ และเริ่มเข้าใจว่าพื้นที่แรงโน้มถ่วงนั้น เป็นความลึกซึ้งของกฏแห่งดินที่มหัศจรรย์ถึงเพียงใด

ในกระบวนการดังกล่าว ยิ่งมาเขาก็ยิ่งตระหนักได้ว่าพื้นที่แรงโน้มถ่วงนั้นสำคัญไฉน ยังได้รับทราบอีกว่าความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงนี้ ยังเป็นความลึกซึ้งที่สำคัญทั้งมีประสิทธิภาพในกฏแห่งดินมาก

‘ตราบใดที่ข้าเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงได้สำเร็จ ข้าก็เสมือนแตกฉานวรยุทธ์อมตะอย่างคุกศิลาทมิฬทันที’

ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความปรารถนาไม่น้อย

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนยังรู้ดี ความลึกซึ้งอย่างพื้นที่แรงโน้มถ่วงที่แฝงมาในวรยุทธ์อมตะคุกศิลาทมิฬนั้น มันก็จัดเป็นความลึกซึ้งเบื้องต้นเท่านั้น

หมายความว่าวรยุทธ์อมตะคุกศิลาทมิฬ อย่างดีก็ช่วยให้เขาเข้าใจความลึกซึ้ง พื้นที่แรงโน้มถ่วง ขั้นตอนเบื้องต้นเท่านั้น

หากเขาคิดจะเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงให้มีความสำเร็จสูงไปกว่านี้ จำเป็นต้องได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจอมราชันที่แฝงความลึกซึ้งของพื้นที่แรงโน้มถ่วงมาฝึกปรือ!

วรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจอมราชันนั้น จะช่วยส่งเสริมให้เขาเข้าใจความลึกซึ้งในกฏต่างๆ จนบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย

และหากเขาคิดจะเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ ก็จำต้องได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจักรพรรดิที่สอดคล้องกันมาฝึกปรือ!

หลังจากผ่านไปอีกราวๆ 10 วัน ในที่สุดพวกต้วนหลิงเทียนก็เดินทางกลับมาถึงพระราชวังหลวงของประเทศฝูชิว

หลังจากเอ่ยคำลากับหวงเหยี่ยนเฟย หวงเจียหลง และขอบคุณผู้เฒ่าโม่แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พาหลิวก่วงหลินกลับไปยังที่พักที่ทางประเทศฝูชิวจัดไว้ให้เขาทันที ตำหนักจวี้หยวน

ทันทีที่กลับมาถึงบ้านลานที่พักในเขตตำหนักจวี้หยวนหลังเดิม ต้วนหลิงเทียนก็บอกหลิวก่วงหลินให้เฝ้าระวังโดยรอบ จากนั้นก็เข้าห้องหับปิดประตูเปิดกางค่ายกลปิดกั้นเร็วไว คิดเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่แรงโน้มถ่วงต่อ ทว่าพอดีเสียงของทองเทพสุดลี้ลับกลับดังขึ้นเสียก่อน “เจ้าหนู นำกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่เจ้าได้รับมาจากประเทศตันจี้ออกมาเสีย”

“หืม?”

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าไฉนทองเทพสุดลี้ลับถึงให้เขาทำแบบนี้ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังสะบัดมือเรียกกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพออกมาอย่างเชื่อฟัง

แม้จะผ่านไปหลายวันแล้วที่ไม่ได้เห็น หากแต่กิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพก็ยังเขียวขจีแลดูสดใหม่ เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิตดุจเดิม

“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าหยดเลือดสักหยดใส่มันเสีย”

ทองเทพสุดลี้ลับกล่าวต่อ

ทว่าหลังจากที่ทองเทพสุดลี้ลับกล่าวจบคำ และต้วนหลิงเทียนกำลังจะจิกนิ้วหยดเลือดตามคำบอกนั้น เสียงของเพลิงเทพโกลาหลพลันดังขึ้นเสียก่อน

“ถึงแม้เจ้าหนูจักมีชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย และพรสวรรค์ดังกล่าวก็มากพอจะให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเป็นนาย…แต่ตอนนี้เจ้าหนูยังมิใช่ขุนนางอมตะ และยังมิได้เปิดโลกใบเล็กเลยด้วยซ้ำ ข้าเกรงว่าคงยังไม่มีคุณสมบัติพอให้พฤกษาเทพยอมรับเป็นนายกระมัง?”

ด้วยวาจาประโยคนี้ของเพลิงเทพโกลาหล ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักกได้ทันที ว่าสิ่งที่ทองเทพสุดลี้ลับบอกให้เขาทำ ก็คือการทำให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเขาเป็นนาย

“อย่างไรเสียเจ้าหนูก็ทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแล้ว หากทำให้พฤกษาเทพกำเนิดยอมรับเป็นนายได้ก่อน ย่อมมีประโยชน์ใหญ่หลวงสำหรับเจ้าหนู…อย่างน้อยๆก็สามารถได้รับผลประโยชน์จากพลังชีวิตอันมหาศาลที่อัดแน่นอยู่ในพฤกษาเทพกำเนิดชีพ กระทั่งยังเพิ่มโอกาสให้เข้าใจกฏแห่งชีวิต”

ทองเทพสุดลี้ลับกล่าว “ข้าเองก็รู้ว่าเจ้าหนูมิใช่ขุนนางอมตะ และยังมิได้เปิดโลกใบเล็กของตัวเอง ซึ่งขาดคุณสมบัติให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเป็นนาย”

“แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…เพราะพวกเรามิได้ลงมืออย่างไรเล่า!”

“ถ้าหากพวกเราร่วมมือกัน พวกเรายังสามารถใช้หนึ่งมือบังฟ้า บีบบังคับให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเจ้าหนูเป็นนายได้สำเร็จ กระทั่งยังหลอมผสานเข้ากับร่างได้อย่างราบรื่น…ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะทำให้พวกเราต้องเสียพลังไม่น้อย แต่นับว่ามันคุ้มค่าอย่างยิ่ง”

“การให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเจ้าหนูเป็นนายล่วงหน้า ไม่เพียงช่วยให้เจาหนูสามารถชำระพลังในร่างให้บริสุทธิ์เท่านั้น ความเร็วทั้งขีดจำกัดในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินยังจักเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ทำให้สามารถก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น…ท่านเองก็รู้ แม้ผลึกเทพที่เจ้าหนูมีจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่อบอวลไปด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินได้ แต่มันก็ไม่อาจชำระให้พลังวิญญาณฟ้าดินนั่นบริสุทธิ์หมดจด”

“ผู้เฒ่าเพลิง…ท่านเองก็สมควรรู้ดีกระมัง ว่าพลังวิญญาณฟ้าดินบริสุทธิ์กับไม่บริสุทธิ์มันส่งผลต่อความเร็วในการบ่มเพาะแตกต่างกันเพียงใด”

ทองเทพสุดลี้ลับร่ายยาวออกมารวดเดียวจบคำ เพลิงเทพโกลาหลที่ได้ฟังก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยตอบ “ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล…”

“พวกเราไม่ว่าใครก็หวังให้เจ้าหนูเติบโตก้าวหน้าขึ้นเร็วๆ”

“เช่นนั้นพวกเรามาร่วมมือกันเพื่อทำให้พฤกษาเทพกำเนิดชีพยอมรับเจ้าหนูเป็นนายล่วงหน้าเถอะ…เรื่องนี้ไม่ต้องให้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินช่วยก็ได้ อาศัยพวกเราสองคนผนึกกำลังกันก็พอถมเถ”

“ท้ายที่สุดแล้วเจ้าตัวน้อยปฐพีก็ยังต้องช่วยเจ้าหนูเข้าใจกฏแห่งดิน”

เพลิงเทพโกลาหลเอ่ยเสนอ

“ข้าเองก็คิดเหมือนท่านผู้เฒ่าเพลิง ข้าเลยไม่คิดจะเรียกปฐพีน้อยนั่นให้ลงมือแต่แรก”

พอทองเทพสุดลี้ลับกล่าวถึงจุดนี้ มันก็เอ่ยเตือนต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “เอาล่ะเจ้าหนู อย่าได้รอช้า…รีบหยดเลือดของเจ้าลงบนกิ่งหลักพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั่นเสีย!”

ถึงแม้การสนทนาระหว่างเพลิงเทพโกลหลกับทองเทพสุดลี้ลับจะทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้อะไรไม่มากนัก แต่อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่ามันมีประโยชน์กับเขาไม่ใช่เล่นๆ

ดังนั้นพอได้รับการกระตุ้นเตือนจากทองเทพสุดลี้ลับ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลังเลใดๆรีบจิกนิ้วและหยดเลือดลงไปยังกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพทันที

ติ๋ง!

ทว่าแทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เลือดหยดหนึ่งของต้วนหลิงเทียนกำลังจะตกลงบนกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ รัศมีพลังสีเขียวอ่อนหนึ่งก็เรืองสว่างออกมาจากกิ่งพฤกษาเทพกำเนิดชีพ และกางกั้นเป็นม่านพลังขับเลือดของต้วนหลิงเทียนหยดนั้นให้หยุดค้างกลางอากาศก่อนสัมผัสถูก มองไปดั่งมีม่านพลังสีเขียวขจีปิดกั้นหยดโลหิตของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ให้ไม่อาจแตะต้องถูกมันได้ นับประสาอะไรกับการรวมผสาน….

ทว่าทันใดนั้นเอง

วู้ม! วู้ม!

พลังสองขุมที่ไม่ได้แปลกปลอมอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียน ได้พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาอย่างพร้อมเพรียง

จากนั้นพลังสีทองกับพลังสีเทาดังกล่าวก็เริ่มม้วนพันดั่งเกลียวเชือกพุ่งไปหลอมรวมเข้ากับหยดเลือดของต้วนหลิงเทียน

พลังมหาศาลสองขุมตอนนี้ได้ถูกอัดเข้าไปในหยดเลือดเล็กๆเพียงหยดเดียว

สุดท้ายแล้วหยดเลือดของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ใหญ่มากมายอะไร

ทำให้หลังพลังสีทองกับพลังสีเทาอัดแน่นลงไปในหยดเลือดเล็กๆดังกล่าว หยดเลือดเล็กๆของต้วนหลิงเทียนก็คล้ายมีมวลมหาศาลขึ้นทันตา ให้ความรู้สึกหนาแน่นหนักหน่วงกว่าเดิมนับพันเท่า

วู้มมม!!

เสียงแผ่วเบาหนึ่งดังขึ้น เป็นหยดเลือดดังกล่าวค่อยยๆกร่อนทำลายม่านพลังขจีเข้าไปอย่างช้าๆ ให้ความรู้สึกเสมือน ‘หยดน้ำกัดเซาะหิน’ ก็ไม่ปาน

จากนั้น

วู้ม!

วู้ม!

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นระรัว ม่านพลังขจีเองก็กำลังถูกเจาะทะลวงจนห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า! หลังผ่านไปไม่กี่สิบลมหายใจ ม่านพลังขจีที่ว่า ก็ถูกหยดเลือดที่อัดแน่นไปด้วยพลังสองขุมเจาะฝ่าเข้าไปได้สำเร็จ!!

ติ๋ง!

และในที่สุดเลือดหยดนี้ของต้วนหลิงเทียนก็ร่วงตกลงสู่พฤกษาเทพกำเนิดชีพได้สำเร็จดั่งหวัง…

อย่างไรมันก็ไม่ใช่พฤกษาเทพกำเนิดชีพต้นสมบูรณ์ เป็นเพียงแค่ 1 ในกิ่งหลักเท่านั้น

เมื่อเลือดหยดนั้นสัมผัสถูกตั่วกิ่งไม้ มันก็เริ่มหลอมรวมเข้ากับกิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพทันที มองไปให้ความรู้สึกคล้ายน้ำกับนมเริ่มผสมกลมกลืน

และในวินาทีนี้เอง ต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงประการหนึ่งระหว่างเขากับพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ยังเป็นความรู้สึกชวนให้พิศวงนัก!

อย่างไรก็ตามด้วยมีการเชื่อมโยงลี้ลับดังกล่าว ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาลที่ท่วมท้นออกมาจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพชัดเจน!

พลังชีวิตอันท่วมท้นสุดไพศาลนี่ ทำให้เขารู้สึกเสมือนพบพานกับขุมพลังไร้ขีดจำกัด! เขาไม่เคยพบเจอขุมพลังชีวิตที่มีพลังอำนาจมากมายมหาศาลปานนี้มาก่อนเลย!!

วิ้งงงง!!

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังดื่มด่ำกับความรู้สึกเอ่อล้นไปด้วยพลังชีวิตมหาศาลนั้นเอง กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพก็ค่อยๆเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าออกมา จากนั้นอัศจรรย์พลันบังเกิด กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่สมควรเป็นวัตถุมีสภาพจับต้องได้ ก็เริ่มกลับกลายเป็นกระแสแสง จากนั้นก็พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขา!!

ด้านต้วนหลิงเทียนเองพอตระหนักได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันดังกล่าว ก็ดึงสติกลับมาและเร่งส่องภายในชมดูร่างกาของตัวเองทันที และพอพบว่ากิ่งหลักกพฤกษาเทพกำเนิดชีพที่กลายเป็นกระแสแสงไปแล้วอยู่ที่ใด เขาก็ตกใจแทบตาย!

สวรรค์!

เขากำลังเห็นอะไรอยู่กัน!?

กิ่งหลักของพฤกษาเทพกำเนิดชีพนั่น บัดนี้ได้กลับกลายไปคล้ายรากไม้โบราณที่หยั่งรากลึกลงบนหัวใจเขา! ยังรัดพันหัวใจของเขาเอาไว้แนบแน่น!!

ขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลขุมหนึ่งทะลักเข้าไปท่วมหัวใจของเขา จากนั้นก็เริ่มแพร่กระจายไปตามเส้นเลือดทั้งชีพจรพลังด้วยความเร็วอันน่ากลัว พริบตาพลังมหาศาลที่ว่าก็แล่นพล่านไปทั่วร่างกายของเขา!

ทันใดนั้นร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในห้องหับก็เปล่งแสงสว่างออกมาเจิดจ้าราวมนุษย์หลอดไฟ เป็นพลังชีวิตอันมหาศาลนัก!

พลังชีวิตมหาศาลลุกโชนปานเพลิงไฟทั่วร่างต้วนหลิงเทียนอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเริ่มหดหายเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียน!!