ตอนที่ 2,985 : องค์ชายรอง แห่งประเทศหนันฉี่
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและทุกคนได้ยินเสียงดังกล่าว ทั้งหมดก็พบว่าร่างหูหลินอี้ที่เหินนำอยู่ด้านหน้าได้หยุดชะงักลงกลางหาว ทุกคนก็เลยพากันหยุดตาม จากนั้นค่อยหันไปมองตามต้นเสียง
พอต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆหันไปมอง ก็พบว่าปรากฏร่างกลุ่มคน 12 คนไกลตากำลังเหาะมาทางนี้
ผู้ที่เหินร่างนำอยู่หน้าสุดเป็นชายวัยกลางคนไม่อ้วนไม่ผอม มาในชุดคลุมสีครามน้ำทะเล หว่างคิ้วไม่ขาดสง่าราศีทั้งบารมี เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงส่งมานาน
ด้านหลังถัดจากมัน เห็นเป็นชายชรา 2 คนที่เหาะประกบหลังมันมาดั่งเงาตามตัว สองผู้ชรายังสะพายดาบไว้ด้านหลัง ฝักดาบยังโผล่เฉียงออกมาที่เอวอีกข้าง สีหน้าล้วนเย็นชาไร้อารมณ์ พาลให้ผู้คนสูดได้กลิ่นอายฆ่าฟันมาแต่ไกล
ส่วนเบื้องหลังพวกมัน ก็ปรากฏร่าง 9 ร่างเหินตามมาไม่ห่าง
ในบรรดา 9 ร่างที่ว่าส่วนใหญ่แล้วมีรูปลักษณ์เป็นคนหนุ่มสาว มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน 2 คนและชราอีก 1 เท่านั้น
และกลุ่มนี้ก็มีสตรีเพียงนางเดียว
“ฮ่องเต้เชวีย?”
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนที่กำลังเหินนำผู้คนเข้ามาทางนี้ หูหลินอี้ก็เลิกคิ้วขึ้น จากนั้นก็เหินนำต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทันที
“น้องต้วน ที่กำลังโร่เข้ามานั่นมาจากประเทศหนันฉี่ และคนที่เหินนำหน้าสุดก็คือฮ่องเต้ของประเทศหนันฉี เชวียหมิงไฉ ข้าเคยติดตามท่านพ่อไปเจอมันครั้งหนึ่ง และเป็นราชาอมตะ 2 ยศเหมือนกับฝ่าบาท”
ทันใดนั้นเองเสียงของหวงเจียยหลงหลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ “อย่างไรก็ตามมันกับฝ่าบาทไม่ค่อยจะถูกกันเท่าไหร่…ข้าว่าการพบกันวันนี้ ทั้งคู่ไม่น่าจะจบลงด้วยการคุยกันดีๆได้!”
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็หันไปมองจ้องอีกฝ่ายด้วยความสนใจทันที
จึงเห็นว่าทันทีที่หูหลินอี้กับเชวียหมิงไฉเข้าใกล้กันมากเท่าไหร่ ขอเพียงไม่ใช่คนไม่รู้ประสาย่อมสูดได้กลิ่นดินปืนที่คละคลุ้งขึ้นมาทันที
“ฮ่องเต้เชวีย..”
หูหลินอี้หยุดร่างลง มองเชวียหมิงไฉด้วยสายยตาเย็นชา กล่าวทักออกไปเสียงเรียบ
“ฮ่องเต้หูข้าได้ยินมาว่าในการประลองสวรรค์ใต้เมื่อครึ่งปีก่อนของประเทศฝูชิวเจ้า ปรากฏอัจฉริยะไร้สังกัดไม่ธรรมดาเลยนี่…อาศัยด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ กลับเอาชนะยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้ในกระบวนเดียว แถมยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่ว่ายังเป็นลูกชายที่โดดเด่นที่สุดของเจ้าเมืองตู้อวิ๋นอีกด้วย?”
เชวียหมิงไฉมองถามหูหลินอี้ด้ววยรอยยิ้มบางๆ “แต่ข้ามิทราบ ว่าผู้ใดคือผู้ฝึกตนอัจฉริยะไร้สังกัดคนดังนั่นกัน?”
พอกล่าวจบคำ สายตาของเชวียหมิงไฉ ก็กวาดมองไปยังกลุ่มคนด้านหลังหูหลินอี้ทันที สุดท้ายสายตามันก็ไปหยุดลงที่ต้วนหลิงเทียน…เห็นได้ชัดว่ามันทำการบ้านมาดี หาข้อมูลของต้วนหลิงเทียน อัจฉริยะที่อยู่ๆก็โผล่ขึ้นในประเทศฝูชิวมาแต่แรก
“ข้าเองก็ได้ยินมาว่าองค์ชายรองของประเทศหนันฉี่เจ้าเองไม่เพียงแต่จะบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแล้ว แต่ยังเข้าถึงกฏแห่งสายฟ้า สุดท้ายก็สยบปราบยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดในประเทศหนันฉี่ของเจ้าเรียบเลยนี่…อะไร? หรือฮ่องเต้เชวียคิดให้องค์ชายรองของเจ้า ชี้แนะต้วนหลิงเทียนของประเทศตันจี้ข้า?”
พอกล่าวจบมุมปากของหูหลินอี้ก็ยกยิ้มแสยะดูแคลนออกมา
หากวันนี้ประเทศฝูชิวของมันไม่มีต้วนหลิงเทียนอยู่ด้วยล่ะก็ มันบอกได้เลยว่า มันไม่มั่นใจจะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายจริงๆ…!
อย่างไรก็ตามด้วยมีต้วนหลิงเทียนอยู่ทั้งคน มันไม่กลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเชวียหมิงไฉแม้แต่น้อย กระทั่งยังเต็มไปด้วยความมั่นใจล้นปรี่!
เพราะในความคิดของมัน
ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะเอาชนะองค์ชายรองแห่งหนันฉี่ไม่ได้ แต่คงไม่ยากที่จะรับมืออีกฝ่ายได้อย่างเท่าเทียม
“สมแล้วที่เป็นสหายเก่าข้า…นับว่าไม่มีใครรู้จักข้าดีเท่าฮ่องเต้หูแล้วจริงๆ…แล้วว่าไงเล่า? ฮ่องเต้หู…เจ้าสนใจจะพนันกับข้าสักตาไหม? ว่าระหว่างองค์ชายรองของประเทศหนันฉี่ข้ากับต้วนหลิงเทียนของประเทศฝูชิวเจ้า ผู้ใดมันจักแน่กว่ากัน!”
เชวียหมิงไฉกล่าววจบ มุมปากก็เผยรอยยิ้มแสยะออกมาอย่างท้าทาย
เห็นท่าทีมั่นใจทั้งลำพองของเชวียหมิงไฉ หูหลินอี้อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
จากนั้นในหูต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงผ่านพลังของหูหลินอี้ดังขึ้นทันที “ต้วนหลิงเทียน เชวียหมิงไฉกับข้านั้นเป็นศัตรูที่ต้องฆ่ากันให้ตายไปข้าง ที่มันคิดพนันกับข้าวันนี้ ไม่พ้นมันต้องการให้ข้าแพ้และเสียหน้า..”
“เอาเช่นนี้เป็นไร หากเจ้าคิดช่วยข้าเล่นกับมันสักตา หากเจ้าแพ้ข้าจะจ่ายเอง…แต่ถ้าเจ้าชนะ ไม่ว่ามันเอาอะไรมาลงเดิมพันข้าจะให้เจ้าทั้งหมด และแม้ผลจะออกมาเสมอข้าก็จะให้ค่าเหนื่อยเจ้า”
สำหรับเชวียหมิงไฉแล้ว ผู้ที่จะลงมือก็คือลูกชายคนรองของมัน อีกฝ่ายย่อมสนับสนุนการกระทำของบิดาอย่างมันอยู่แล้ว…
อย่างไรก็ตาม สำหรับหูหลินอี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ผู้ฝึกตนอิสระเท่านั้น และความสัมพันก็เรียกว่าอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ เช่นนั้นหาก
มันคิดจะให้ต้วนหลิงเทียนลงมือ มันยังต้องถามความเห็นต้วนหลิงเทียนเสียก่อน!
“ฝ่าบาทเกรงใจไปแล้ว…จัดไปอย่าให้เสียเถอะ!”
ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับไปทันใด กระทั่งแววตายังลุกโชนขึ้นมาปานเพลิงไฟ ท่วมท้นไปด้วจิตต่อสู้!
ฟังจากที่หูหลิงอี้บอกมา…
องค์ชายรองแห่งหนันฉี่ที่ว่า เหมือนจะเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าถึงพลังแห่งกฏสายฟ้าแล้ว
‘ตั้งแต่ที่ข้าเข้าใจความลึกซึ้งเบื้องต้นอย่างความหมายแห่งดิน ข้าก็ไม่ได้ประมือกับใครสักคน…อยู่ดีๆก็มีคนมาให้ลองมือถึงที่ปานหินลับกระบี่ เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยๆก็จะได้รู้ว่าเสียทีว่าอาศัยพลังที่มีตอนนี้ ข้าจะทำได้ขนาดไหน’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างคึกคักอักโข
หลังได้รับฟังคำตอบเห็นชอบจากต้วนหลิงเทียน สองตาหูหลินอี้ก็ลุกวาวขึ้นมาสว่างโร่ ยังบังเกิดความมั่นใจล้นปรี่ หันไปมองเชวียหมิงไฉ พลางเชิดหน้าหยีตากล่าวตอบ “ในเมื่อฮ่องเต้เชวียคิดเดิมพัน ข้าก็จะเดิมพันเป็นเพื่อนสักครา…แต่ไม่ทราบฮ่องเต้เชวียคิดใช้สิ่งเดิมพันอันใด?”
“อุปกรณ์อมตะระดับราชาสักชิ้นเป็นไร?”
เชวียหมิงไฉกล่าวออกเสียงเรียบ
สำหรับมันแล้วเรื่องพนันขันต่ออะไรเป็นเรื่องรอง สิ่งที่มันต้องการมากที่สุดคือเห็นหูหลินอี้แพ้พ่ายขายหน้า! มันอยากให้อริเก่าของมันผู้นี้ต้องอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย!!
“ย่อมได้!”
หูหลินอี้ไม่แปลกใจอะไรที่จะควักอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาลงเดิมพันแค่ชิ้นเดียว เพราะมันรู้อยู่แล้วว่าเชวียหมิงไฉไม่ได้สนใจของเดิมพันอะไรทั้งสิ้น อีกฝ่ายแค่อยากเห็นมันแพ้พ่ายอับอายเท่านั้น!
แต่มีหรือที่มันจะไม่คิดแบบเดียวกัน?
ในเมื่อเชวียหมิงไฉอยากให้มันอับอายขายหน้านัก ไหนเลยมันจะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องอับอายขายหน้าบ้าง?
“องค์ชายรองแห่งหนันฉี่เข้าใจกฏแห่งสายฟ้าแล้วจริงๆหรือ?”
“จริง! ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงขององค์ชายรองประเทศหนันฉี่มาบ้าง เห็นว่าอายุเพียงแค่ 200 กว่าปี แต่ไม่เพียงจะบรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแล้วทว่ายังนับเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนยอมตะขั้นสูงสุดอีกด้วย…ที่สำคัญที่สุดก็คือมันเข้าใจกฏแห่งสายฟ้าแล้ว!”
“ผู้ใดก็ตามที่อ้างว่าตัวเองเข้าใจในกฏใดกฏหนึ่ง อย่างน้อยๆต้องเข้าใจความลึกซึ้งบางชนิดของกฏนั้นเสียก่อน…กล่าวได้ว่าอย่างน้อยๆ องค์ชายรองหนันฉี่ ก็เข้าใจความลึกซึ้งข้อหนึ่งของกฏแห่งอัสนี!”
ทางฝั่งของประเทศฝูชิว ชายหนุ่ม 3 คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากหวงเจียหลงกับต้วนหลิงเทียน เริ่มกระซิบกระซาบคุยกันเบาๆ
“ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่เข้าใจกฏแห่งสายฟ้างั้นหรือ! พลังฝีมือของมัน ข้าเกรงว่าคงเอาชนะ…ได้ในกระบวนท่าเดียวเช่นกัน!”
แม้ชายหนุ่มคนหนึ่งจะจงใจละคำพูดบางคำไว้ไม่กล่าวออกมา แต่จากสายตาที่มันหันไปมองหวงเจียหลงโดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าใครก็บอกได้ทันทีว่าคำพูดที่มันละไว้ก็คือชื่อของหวงเจียหลงนั่นเอง
“เหอะ!”
หวงเจียหลงที่ได้ยินทั้งเห็นอีกฝ่ายมองมา ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปสบถคำเสียงเย็นมองจ้องกลับไปตาขวาง พาลให้ชายหนุ่มผู้นั้นสะดุ้งไป หน้าซีดขวัญเสีย เหงื่อไคลไหลย้อยทันที
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องพื้นเพภูมิหลังอะไรของหววงเจียหลงที่เหนือกว่ามันทุกทาง
กระทั่งพลังฝีมือของหวงเจียหลงยังเหนือกว่ามันไม่น้อย…
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเหินร่างออกไปลอยเคียงข้างฮ่องเต้ฝูชิว และการกระทำดังกล่าวก็ทำให้หวงเจียหลงหันกลับมามองต้วนหลิงเทียนและเลิกสนใจชายหนุ่มพูดไม่ระวังทันที สิ่งนี้ทำให้ชายยหนุ่มคนดังกล่าวพอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
มันรู้ดีหากหวงเจียหลงคิดฆ่ามันทิ้งด้วยโทสะ อีกฝ่ายก็สามารถลงมือได้ทันทีอย่างไร้ลังเล
เพราะต่อให้หวงเจียหลงจะฆ่ามันทิ้งต่อหน้าต่อตาฮ่องเต้ฝูชิว แต่ก็คงไม่มีความผิดอะไร
ชายหนุ่มอีก 2 คนที่เหลือพากันปิดปากเงียบกริบ ด้วยกลัวว่าจะเผลอยั่วโมโหหวงเจียหลงเข้า
“น้องต้วน…ท่านมั่นใจว่าจะชนะมันไหม? องค์ชายรองแห่งประเทศหนันฉี่นั่น มันไม่ใช่เล่นๆเลย…”
หวงเจียหลงส่งเสียงผ่านพลังถามต้วนหลิงเทียน
“ข้าไม่เคยเจอมันมาก่อนด้วยซ้ำ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าต้องชนะมันแน่? ก็แค่ข้าจะพยายามให้เต็มที่”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับ
“มาแล้ว!”
และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังตอบหวงเจียหลง คนของประเทศฝูชิวก็ได้เห็นว่า
ในบรรดาคน 9 คนที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังเชวียหมิงไฉบุตรแห่งสวรรค์ของประเทศหนันฉี่ มีชายหนุ่มรูปร่างสมส่วนผู้หนึ่งลอยร่างออกมาหยุดข้างๆเชวียหมิงไฉ
และมองไปปราดเดียวก็พบความละม้ายคล้ายกันอย่างมากระหว่างเชวียหมิงไฉกับชายหนุ่มผู้นี้ หากไม่ใช่เพราะว่าชายหนุ่มผู้นี้ยังแลดูอ่อนวัยกว่าเชวียหมิงไฉมาก อาจจะมีคนเข้าใจผิดว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องกันก็เป็นได้!
“องค์ชายรองที่เข้าใจกฏแห่งสายฟ้าแล้ว…กระทั่งพวกเรา 8 คนร่วมมือกันยังแพ้พ่ายในกระบวนเดียว!”
นอกจากชายหนุ่มที่พึ่งเหินร่างออกไปหยุดลอยข้างเชวียหมิงไฉแล้ว อีก 8 คนที่ร่วมเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำ ก็พากันมองจ้องแผ่นหลังของชายหนุ่มด้วยสายตาเร่าร้อน
แผ่นหลังนี้ คือแผ่นหลังของผู้ที่สามารถยืนหยัดในเวทีประลองสวรรค์ใต้หนันฉี่โดยไร้ผู้ใดทาบติดปานเทพสงคราม!
“กฏแห่งสายฟ้านั้นทรงพลังเกินไป…การโจมตีขององค์ชายรองปกติก็ทรงพลังอยู่แล้ว พอผสานรวมกับพลังแห่งกฏสายฟ้าเข้าไป ก็กลายเป็นอะไรที่น่าพรั่นพรึงนัก! หากไม่ใช่ว่าวันนั้นองค์ชายรองยั้งมือเอาไว้ พวกเราทั้ง 8 อย่างน้อยๆไม่พ้นต้องตายไปกว่าครึ่ง!!”
“ข้าได้ยินมาว่าอัจฉริยะของประเทศฝูชิวนั่น ไม่ได้ใช้พลังของกฏอันใดในการประลองสวรรค์ใต้…ข้าว่ามันน่าจะยังเข้าไม่ถึงพลังแห่งกฏกระมัง?”
“กฏไหนเลยเป็นอะไรที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ…ประการแรกต้องมีความเข้าใจสูงส่ง ประการที่สองต้องมีโชควาสนา เพราะอย่างไรเสียวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชา ที่มีพลังแห่งกฏแฝงเร้นก็ไม่ใช่ว่าจะได้กันมาครองง่ายๆ”
…
ฟังจากที่คนทั้ง 8 กล่าวคุยกัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันเองก็รู้จักต้วนหลิงเทียนไม่น้อย และเชื่อว่าไม่พ้นต้วนหลิงเทียนต้องแพ้พ่ายองค์ชายรองของพวกมันแน่นอน
“ประเทศหนันฉี่ เชวียจิงอวี่”
องค์ชายรองแห่งหนันฉี่ที่ลอยร่างข้างๆฮ่องเต้หนันฉี่ มองต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างข้างฮ่องเต้ฝูชิวด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวออกเสียงเบา
“ประเทศฝูชิว ต้วนหลิงเทียน”
ต้วนหลิงเทียนก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้าท่าทีสงบ
ขณะเดียวกันฮ่องเต้หนันฉี่ไม่เว้นฮ่องเต้ฝูชิว รวมถึงคนอื่นๆของทั้งสองประเทศ ก็เริ่มถอยห่างออกไป เว้นระยะให้ 2 คนมีพื้นที่ได้เผชิญหน้ากันเต็มที่
“หือ? ตรงนั้นมีผู้คนกำลังจะตีกันหรือ?”
“ดูเหมือนมีขุมกำลัง 2 ขุมที่มีเรื่องกันแน่แท้…ช้าก่อน! นั่นมิใช่หูหลินอี้ฮ่องเต้ฝูชิวหรอกรึ?”
“จริงด้วย ส่วนนั่นหากข้าจำไม่ผิด สมควรเป็นฮ่องเต้หนันฉี่ใช่หรือไม่?”
“มิผิด สองคนนี้เขม่นกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…ดูทรงแล้วไม่พ้นยอดเซียนอมตะที่พวกมันพามากำลังจะสู้กันเป็นแน่!”
…
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของคนประเทศฝูชิวกับหนันฉี่ ได้ดึงดูดผู้คนให้เหินร่างเข้ามามุงชมด้วยความสนใจทันที!