ตอนที่ 2,988 : อุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะอีกชิ้น!
“น้องต้วน…”
หวงเจียหลงถึงกับต้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ แววตายังทำคล้ายพึ่งเคยเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก!
เดิมทีมันคิดว่ารู้จักน้องต้วนผู้นี้มากพอแล้ว
ทว่าดูเหมือนสิ่งที่มันรู้นั้น ไม่ต่างอะไรจากปลายยอดของภูเขาน้ำแข็งเลย!
‘ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนน้องต้วนถึงเอาชนะข้าได้ในกระบวนท่าเดียว ทั้งๆที่มีด่านพลังขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์และไม่ได้ใช้พลังอำนาจแห่งกฏ…กระทั่งเชวียนจิงอวี่ผู้นั้น ยังไม่อาจทำอะไรน้องต้วนได้ด้วยซ้ำ!’
หวงเจียหลงได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอนไม่หยุด มันรู้สึกว่าตัวเองช่างห่างไกลจากยอดฝีมืออย่างต้วนหลิงเทียนเหลือเกิน
สำหรับคนอื่นๆของประเทศฝูชิวเอง ก็เริ่มทยอยฟื้นสติกลับมากันแล้ว พอแต่ละคนมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ลูกตายังไม่ขาดความเหลือเชื่อ
“ปะ..เป็นไปได้อย่างไร?”
“หรือต้วนหลิงเทียน…จะเข้าใจความลึกซึ้งชนิดที่สองของกฏแห่งดิน?”
“ข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น…หาไม่แล้วไฉนมันถึงเอาชนะองค์ชายรองผู้นั้นได้โดยไร้รอยขีดข่วนเล่า?”
…
หลังได้สติกลับมา คนของประเทศหนันฉี่เอง ก็มองต้วนหลิงเทียนอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ด้านฮ่องเต้หนันฉี่นั้น เมื่อตรวจสอบแล้วพบ่าลูกชายคนรองของมันไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย แววตาที่มันใช้มองต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ผลลัพธ์ดังกล่าว มันไม่เคยคิดฝันมาก่อนจริงๆ
หากมันรู้แต่แรกว่าเรื่องงราวจะจบลงแบบนี้ มันคงไม่คิดท้าผู้อื่นเขาเดิมพันเด็ดขาด เพราะหลังจบเรื่องราวแล้ว เสมือนเป็นมันที่ทุ่มหินทับเท้าตัวเองโดยแท้…
มันอยากให้ฮ่องเต้ฝูชิวต้องอับอาย แต่สุดท้ายคนที่ต้องอับอายกลับเป็นตัวมันเอง…
เสียอุปกรณ์อมตะระดับราชาไปสักชิ้นนั้น ไม่นับเป็นเรื่องใหญ่…
สำหรับมัน เสียหน้านี่…สาหัสกว่ากันหลายขุม!
“ฮ่าๆๆๆ…ฮ่องเต้เชวีย เจ้ายอมแพ้หรือยัง?”
หูหลินอี้ถอนสายตาออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน ก่อนจะหันไปมองถามฮ่องเต้หนันฉี่ด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน ยังระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกอกถูกใจ
ตอนนี้มันรู้สึกได้หน้าเหลือเกิน ยังสะใจเป็นที่สุด!
“ฮ่องเต้หู ข้ายอมรับว่าโชควาสนาของเจ้านั้นดีจริงๆ กระทั่งอยู่ดีๆ ก็มีสุดยอดอัจฉริยะเช่นนี้ปรากฏตัวมาเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณในนามประเทศฝูชิว…”
เชวียหมิงไฉ ที่โดนหูหลินอี้หัวเราะเยยาะใส่ ยังคงความสงบเอาไว้ได้อยู่ ไม่ได้แลดูหัวร้อนแม้แต่น้อย
“จะอะไรก็แล้วแต่…สุดท้ายก็คือเจ้าแพ้ ประเทศหนันฉี่ของเจ้าก็แพ้!”
ได้ยินคำพูดของเชวียหมิงไฉ ไหนเลยหูหลินอี้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามกล่าวอ้างว่าประเทศฝูชิวของมันแค่โชคดี
“ข้าแพ้เดิมพันครั้งนี้แล้วจะอย่างไร…แต่สุดท้ายเจ้าเองก็คงเห็นกับตาแล้วกระมัง ว่าลูกชายของข้าคนนี้เหนือกว่าลูกชายของเจ้าฮ่องเต้หูมากมายเพียงใด?”
เชวียหมิงไฉ กล่าวพลางหัวเราะ
“เหอะ! เจ้าอย่าได้คิดกล่าวเปลี่ยนเรื่องเสียให้ยาก”
เมื่อโดนเชวียหมิงไฉกล่าวจี้ใจดำ หน้าหูหลินอี้ก็จมลงทันที “ในเมื่อเจ้าแพ้ก็คือแพ้ แล้วไหนเล่าของเดิมพัน?”
“ก็แค่อุปกรณ์อมตะระดับราชาชิ้นหนึ่ง อยากได้ก็เอาไปสิ”
เชวียหมิงไฉยังคงตอบด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่อีนังขังขอบ โบกมือเบาๆ ก็ปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งผุดจากความว่างโยนส่งไปให้หูหลินอี้ราวขยะชิ้นหนึ่ง
อย่างไรก็ตามกระบี่เล่มดังกล่าว ยังเป็นกระบี่อมตะระดับราชา!
“ต้วนหลิงเทียน”
หลังโยนกระบี่อมตะระดับราชาไปให้หูหลินอี้แล้ว เชวียหมิงไฉก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส “หากท่านสนใจคิดจะเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณในนามของประเทศหนันฉี่เรา…ข้าจักมอบอาภรณ์แสงทองอมตะให้ท่าน”
ทันทีที่วาจาดังกล่าวดังออกมาจากปากเชวียหมิงไฉ ผู้คนก็ตกอยู่ในความแตกตื่นทันที
“เชวียหมิงไฉ ช่างมือเติบอะไรจะขนาดนี้!”
“ให้ตายเถอะอาภรณ์แสงทองอมตะนั่น นับเป็นอุปกรณ์อมตะประเภทชุดเกราะชิ้นเดียวที่ตระกูลราชวงศ์ประเทศหนันฉี่ครอบครองอยู่ด้วยซ้ำ…อีกทั้งราคาอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะแบบนี้ อย่างต่ำๆก็ต้องมีล้านผลึกอมตะระดับสูง นับว่าแพงกว่าอุปกรณ์อมตะระดับราชาทั่วๆไปนับสิบเท่า!”
“ดูเหมือนเชวียหมิงไฉจะประเมินต้วนหลิงเทียนไว้สูงลิบทีเดียว”
“ทำอย่างไรได้เล่า ด้วยพลังฝีมือที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งเผยออกมา เรื่องจะรอดกลับมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณนับว่าง่ายดายอย่างยิ่ง…อีกทั้งหากทำผลงานได้ดีจนติดอยู่ใน 30 อันดับแรกล่ะก็ ผลประโยชน์ที่ฮ่องเต้เชวียจะได้รับ
นั้น น่ากลัวจะไม่ได้ด้อยไปกว่าอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะเลย…”
“ในสายตาข้า มองจากความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ เรื่องจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรก ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ใช่ หากต้วนหลิงเทียนสามารถติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้จริง ผลประโยชน์ที่ฮ่องเต้เชวียจะได้รับ เกรงว่าคงมหาศาลกว่าอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะนั่นหลายเท่า!”
…
เมื่อเห็นว่าเชวียหมิงไฉคิดขุดกำแพงประเทศฝูชิว และใช้อุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะอย่าง อาภรณ์แสงทองอมตะ ดั่งยื่นกิ่งมะกอกให้ต้วนหลิงเทียน ผู้ที่มุงชมโดยรอบก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนเป็นสายตาเดียวกัน
จังหวะนี้กระทั่งเชวียจิงอวี่ที่กลับมายืนข้างเชวียหมิงไฉ ผู้ถือครองอาภรณ์แสงทองอมตะในปัจจุบัน ก็ไม่ได้เผยท่าทีไม่พอใจอะไรออกมาทั้งสิ้น
และราวกับจะสนับสนุนคำพูดของเชวียหมิงไฉ เชวียจิงอวี่ถึงกับถอดอาภรณ์แสงทองอมตะออกมาจากร่างกายทันที
“เจ้า…”
ใบหน้าหูหลินอี้เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก
มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าเชวียหมิงไฉจะหน้าด้านทั้งไร้ยางอายขนาดนี้ อีกฝ่ายถึงกับกล้าขุดกำแพงประเทศฝูชิวต่อหน้าต่อตามันและผู้คนมากมายจริงๆ!
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง หูหลินอี้ ก็ส่งกระบี่อมตะระดับราชาในมือของตัวเองให้ต้วนหลิงเทียน ขณะเดียวกันก็สะบัดมือส่งยันต์อมตะที่มีแสงพลังสีฟ้าเรืองรองออกมาแผ่นหนึ่งไปให้ต้วนหลิงเทียน
“นั่นคือยันต์อมตะสถิตย์วายุ ที่สร้างขึ้นโดยฝีมือของราชาอมตะ 7 ดารา สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว หากแต่หลังเจ้าบดขยี้ใช้มันแล้ว ตัวเจ้าจะได้รับความเร็วที่ทัดเทียมกับตัวตนขอบเขตราชาอมตะเป็นเวลา 1 เค่อ…”
กล่าวถึงท้ายประโยค หูหลินอี้หยุดลงเล็กน้อย ค่อยกล่าวเสริมออกไปว่า “ความเร็วที่ว่า ยังรวดเร็วเหนือราชาอมตะทั่วๆไปส่วนใหญ่อีกด้วย…”
เห็นได้ชัดว่ายันต์อมตะ ‘สถิตย์วายุ’ นั้น เป็นรางวัลพิเศษที่หูหลินอี้ให้ต้วนหลิงเทียนหลังจากเอานะเชวียจิงอวี่ได้
“เร็วกว่าราชาอมตะทั่วไปส่วนใหญ่รึ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนลุกวาวขึ้นมาทันที มือคว้ารับยันต์อมตะดังกล่าวเร็วไว พลางถามออกไปโดยไม่รู้ตัว “แล้วเร็วกว่าฝ่าบาทรึเปล่า?”
“เหอะๆ ความเร็วสูงสุดของข้า…ยังรวดเร็วไม่เท่าครึ่งหนึ่งของความเร็วที่ได้จากยันต์แผ่นนี้ด้วยซ้ำ…”
หูหลินอี้ตอบด้วยรอยยิ้มขื่นขม
ยันต์สถิตย์วายุที่มันมอบให้ต้วนหลิงเทียนนั้น กล่าวไปในระดับหนึ่งแล้ว…ก็เป็นดั่งเครื่องรางช่วยชีวิตสำหรับมัน!
ด้านต้วนหลิงเทียนพอได้ยินคำตอบของหูหลินอี้ สองตาเขาก็ยิ่งสว่างจ้าขึ้นมาทันที
สำหรับเขาแล้ว ยันต์อมตะที่มีพลังดังกล่าว ถึงแม้จะใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แถมยังมีระยะเวลาแสดงผลไม่นาน แต่มูลค่าของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอุปกรณ์อมตะระดับราชาทั่วไปเลย!
“เฮอะ!”
ตอนนี้เองฮ่องเต้หนันฉี่พลันพ่นลมสบถออกมา พลางกล่าวด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “หูหลินอี้ เจ้าช่างตระหนี่ยิ่งนัก…”
หลังงกล่าวเยาะเย้ยหูหลินอี้แล้ว เชวียหมิงไฉ ก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงยังเป็นกันเองกว่าเดิมหลายส่วน “สหายน้อยหลิงเทียน ตราบใดที่ท่านเต็มใจเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณในนามประเทศหนันฉี่ของเรา ข้าไม่เพียงแต่จะมอบอาภรณ์แสงทองอมตะให้ท่านเท่านั้น แต่ข้ายังจะมอบยันต์อมตะระดับราชาให้ท่านอีก 2 แผ่น…”
“หนึ่งในนั้นก็คือยันต์สถิตย์วายุเหมือนกับที่หูหลินอี้มอบให้ท่าน…ส่วนอีกแผ่นนั้น เป็นยันต์อมตะระดับราชาที่มีพลังอำนาจสังหารทัดเทียมกับการลงมือเต็มกำลังของราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด…หากท่านสบโอกาสเหมาะๆ ต่อให้เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ ท่านก็อาจสังหารมันได้…”
เชวียหมิงไฉกล่าวถึงจุดนี้ ก็หันไปเหลือบมองหูหลินอี้ด้วยสีหน้าดูแคลน กล่าวเกทับออกมาว่า “แถมยันต์อมตะสายโจมตีที่ว่า นับว่ามีค่ามากกว่ายันต์สถิตย์วายุที่หูหลินอี้มอบให้ท่านถึง 3 เท่าเสียอีก…”
ในระนาบเทวโลกนั้น ยันต์อมตะประเภทจู่โจมที่ทรงพลังค่อนข้างมีค่าเป็นอย่างมาก
ดังนั้นแล้ว ในแง่ของมูลค่านั้น ยันต์อมตะประเภทจู่โจมที่มีพลังทัดเทียมกับการลงมือของราชาอมตะ ย่อมมีค่ามากกว่ายันต์ประเภทสนับสนุนที่จะมอบความเร็วทัดเทียมขอบเขตราชาอมตะหลายเท่า
ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!
…
ได้ยินข้อเสนอของเชวียหมิงไฉ หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ!
เพราะจากข้อเสนอทั้งหมดที่เชวียหมิงไฉกล่าวมา หากต้วนหลิงเทียนทำได้แค่รั้งอยู่ใน 30 อันดับแรก…ของรางวัลจาก 3 นิกาย 2 ตระกูลที่เชวียหมิงไฉจะได้รับ น่ากลัวจะยังไม่เท่าค่าตัวต้วนหลิงเทียนที่จ่ายออกไปด้วยซ้ำ!
“เจ้า…”
หูหลินอี้โมโหเชวียหมิงไฉจนพูดอะไรไม่ออก!
เพราะข้อเสนอที่เชวียหมิงไฉยื่นออกมาให้ต้วนหลิงเทียนนั้น ในแง่ของมูลค่าแล้วต่อให้ต้วนหลิงเทียนกลับออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณโดยติด 30 อันดับแรก ยังมากกว่ารางวัลที่เชวียหมิงไฉจะได้รับจาก 3 นิกาย 2 ตระกูลเสียอีก!
ต้วนหลิงเทียนมีแต่ต้องรั้งอยู่ใน 10 อันดับแรกเท่านั้น เชวียหมิงไฉถึงจะได้กำไร
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ต้วนหลิงเทียนจะสร้างผลงานได้ไม่ดีพอ แต่เรื่องที่ติดอยู่ใน 30 อันดับแรกก็คงง่ายไม่ต่างอะไรกับกินข้าวดื่มน้ำ
กล่าวได้ว่าเชวียหมิงไฉได้ดีดลูกคิดรางแก้วมาดีจริงๆ หากมันได้ต้วนหลิงเทียนไปอย่างมากก็แค่ขาดทุนเล็กน้อย กลับกันหากได้กำไรขึ้นมา ย่อมได้กำไรมหาศาล! และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประเทศฝูชิวจะต้องพบกับความเสียหายครั้งใหญ่ และมันในฐานะฮ่องเต้ก็เสมือนล้มเหลวที่ไม่อาจรักษาคนของตัวเองไว้ได้!!
หูหลินอี้จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกใหญ่ จากนั้นก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายยตาจริงจัง พลางสะบัดมือเรียกบางสิ่งออกมาจากความว่างเปล่า
และท่ามกลางสาตาของทุกคน เหนือฝ่ามือของหูหลินอี้ ก็ปรากฏเกราะอ่อนสีแดงตัวหนึ่งลอยล่องอยู่
เกราะอ่อนสีแดงที่ว่า คล้ายถักทอมาจากเกล็ดเล็กๆสีแดงมากมาย อีกทั้งยังแต่ละเกล็ดยังเย็บประสานได้อย่างละเอียดประณีต ไม่เห็นรอยต่อแม้แต่น้อย อีกทั้งตัวตัวเกราะอ่อนสีแดงที่ว่า ยังเปล่งแสงสีแดงเรืองรองออกมาตลอดเวลา เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดาสามัญ!
นอกจากนั้นเหนือฝ่ามือของหูหลินอี้ ยังปรากฏวัตถุประหลาดทรงกลมปานลูกปัดเหล็กที่มีรอยตะปุ่มตะป่ำเป็นหลุมเป็นบ่อสีดำสนิทไม่สะท้อนแสง แลดูธรรมดาไร้ใดโดดเด่นอีกชิ้น
“นั่นมัน…เกราะอ่อนระดับราชางั้นรึ!?”
“ให้ตายเถอะ ที่แท้ฮ่องเต้ฝูชิวกลับมีชุดเกราะอมตะระดับราชาอยู่ด้วย? มันช่างเก็บซ่อนได้ลึกยิ่ง…เพราะก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยได้ยินข่าวใดๆ เรื่องที่ฮ่องเต้ฝูชิวได้เกราะอมตะระดับราชามาครองแบบนี้เลย!”
“อย่าบอกนะ…ว่ามันคิดจะมอบเกราะอ่อนนั่นให้ต้วนหลิงเทียน?”
“เหอะๆ ดูเหมือนว่าข้อเสนอของเชวียหมิงไฉจะทำให้หูหลินอี้ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้จริงๆ…คราวนี้ข้าว่าต้องมีลอบกระอักเลือดกันบ้าง!”
……
หลายคนที่เห็นเกราะอ่อนเกล็ดแดงดังกล่าว สามารถบอกได้ทันทีว่านี่คืออุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะ!
“เสด็จพ่อ…กลับมีเกราะอมตะระดับราชาด้วย?”
กระทั่งหูจี้หย่ง องค์ชาย 4 แห่งประเทศฝูชิว ยามนี้ก็ได้แต่มองเกราะอ่อนสีแดงเหนือฝ่ามือของหูหลินอี้ด้วยสายตาอื้ออึง มันรู้สึกไม่อยากจะเชื่อสองตาตัวเองจริงๆ!
เห็นได้ชัดว่ากระทั่งมันองค์ชาย 4 แห่งประเทศฝูชิว ลูกชายที่โดดเด่นที่สุดของฮ่องเต้ฝูชิว ยังไม่รู้เรื่องที่บิดาตัวเองครอบครองเกราะอมตะระดับราชาด้วยซ้ำ!
“อุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะ!?”
ต้วนหลิงเทียนที่เห็นเกราะอ่อนสีแดงที่ลอยเหนือฝ่ามือหูหลินอี้ ก็ทำตาลุกวาวขึ้นมาทันที
เขาเองก็รู้ดีแก่ใจ ว่าพลังป้องกันของอุปกรณ์อมตะระดับราชาสายป้องกันที่เขามีนั้น ในแง่ของพลังป้องกันแล้ว มันไม่อาจเทียบอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะได้เลย…
เพราะร่มในมือเขาแม้จะเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่มีความสามารถโดดเด่นในแง่ป้องกัน แต่ต้องทราบว่าพื้นเพเดิมมันเป็นอาวุธ…ย่อมสู้ชุดเกราะที่สร้างมาเพื่อปกป้องผู้ใช้โดยเฉพาะไม่ได้อยู่แล้ว!
‘หากข้าได้เกราะอมตะระดับราชานั่นมา…ความแข็งแกร่งของข้าจะก้าวหน้าขึ้นไปอยู่ในอีกระดับเลยทีเดียว!’
ด้วยความที่รู้เรื่องนี้ดีแก่ใจ ต้วนหลิงเทียนจึงอดไมได้ที่จะชมมองเกราะอ่อนสีแดงเหนือฝ่ามือหูหลินอี้ตาเป็นมัน เพลิงแห่งความปรารถนายังลุกโชนขึ้นมาในดวงตาอย่างยากจะปกปิด
“ต้วนหลิงเทียน ของ 2 อย่างนี้ท่านเลือกไปสักชิ้นเถอะ…แม้หินประหลาดก้อนนี้จะแลดูธรรมดา แต่นับว่ามันมิใช่ของธรรมดาแน่นอน เพราะต่อให้ข้าลงมือสุดกำลัง ก็ยังไม่อาจสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ ความสามารถในการป้องกันของมัน นับว่าเหนือกว่าชุดเกราะอมตะระดับราชาเสียอีก”
หูหลินอี้กล่าว ให้ต้วนหลิงเทียนเลือกของเหนือฝ่ามือมันไปอย่างหนึ่ง
“ทองเทพสุดลี้ลับขั้นแรก!!”
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเลือกเกราะอ่อนสีแดงโดยที่ไม่ทันได้เหลือบมองของอีกอย่าง เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน พลันโพล่งดังขึ้นในหัวเขา