WSSTH ตอนที่ 3,013 : พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเถอะ

2 ตัว!

พอต้วนหลิงเทียนปริปากออกมา ก็เปิดประตูเห็นภูผาแจ้งไปทันทีว่าเขาต้องการเกราะอมตะระดับราชา 2 ตัว!

ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ทั้ง 5 คนไม่เว้นเชวียจิงอวี่ ก็ขมวดคิ้วยู่ย่น ด้วยรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนข่มเหงผู้คนเกินไป!

แต่กระนั้นพวกมันก็ไม่คิดต่อต้านความเอาแต่ใจของต้วนหลิงเทียน ด้วยเพราะในใจของพวกมันยังพอยอมรับการข่มเหงรังแกดังกล่าวได้! อย่างน้อยๆพวกมันก็เตรียมใจรับสถานการณ์เลวร้าวที่สุดไว้แล้ว การที่ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะฮุบเกราะทั้ง 3 ตัวไปหน้าตาเฉย ก็เสมือนให้ทางเดินพวกมันสายหนึ่ง!!

ส่วนทางด้าน 3 คนที่พึ่งออกมาจากห้องโถงในภายหลังนั้น ด้วยไม่เคยเห็นการลงมือของต้วนหลิงเทียนกับตา พอมาได้ยินวาจาเอาแต่ใจของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ทนไม่ไหวทันที

“เจ้าหนู นี่เจ้าจะไม่โลภมากไปหน่อยหรือ?”

1 ใน 2 คนที่ออกมาหลังสุดมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าอึมครึมกล่าวออกเสียงขรึม

“อะไร? เจ้าไม่พอใจ?”

มันกล่าวจบคำได้ไม่ทันไร ไม่ทันมีเวลาให้อีก 2 คนที่ออกจากโถงภายหลังจะกล่าวเสริม ต้วนหลิงเทียนก็หันขวับไปมองมันปานอัสนี เอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้มบางๆ

“เจ้าอย่างไรก็นับเป็นเด็กน้อยอายุไม่ถึงร้อย ยังหาญกล้าคิดฮุบกลืนเกราะอมตะระดับราชา 2 ชิ้นในคำเดียว นี่เจ้าคิดว่ามีปัญญากลืนมันลงคอจริงๆ?”

ชายวัยกลางคนที่กล่าววาจาออกมา มองจ้องต้วนหลิงเทียนตาดุ เอ่ยคำอย่างท้าทาย

มันพึ่งจะค้นพบว่าต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี

ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียยนจะร้ายกาจอะไรมากมาย เพราะในประวัติศาสตร์ของเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว อัจฉริยะที่อายุไม่ถึงร้อย ที่แข็งแกร่งที่สุดในตำนานอย่างดีก็มีพลังทัดเทียมกับมันเท่านั้น

“อายุไม่ถึงร้อย?”

ชายหนุ่ม 1 ใน 3 คนที่ออกจากโถงภายหลังได้แผ่สำนึกเทวะออกมาทันที ไม่นานมันก็พบว่าอายุต้วนหลิงเทียนยังไม่ถึงร้อยปีจริงๆ “อายุมันยังไม่ถึงร้อยปีจริงๆ…”

“เฮ่ย นี่พวกเจ้าปอดแหกเกินไปหรือไม่? อาศัยเด็กน้อยอายุไม่ถึงร้อยคนหนึ่งจำต้องหวาดกลัวถึงเพียงนี้?”

จากนั้นชายหนุ่มคนดังกล่าวก็หันไปกวาดตามองพวกเชวียจิงอวี่ทั้ง 5 พลางค่อนแคะออกมาอย่างดูแคลน

ทว่าเมื่อพวกเชวียจิงอวี่ถูกชายหนุ่มหันมากล่าวด้วยสีหน้าปรามาสดูแคลน ไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่มีโมโหอะไร กลับกันยังหันไปมองชายหนุ่มด้วยสายตาทำราวกับมองตัวโง่งมแห่งยุค

พวกมันเองเมื่อครู่ยามประมือก็หยั่งวัดพลังฝีมือที่แท้จริงชายหนุ่มได้แล้ว อย่างดีก็แค่พอๆกับพวกมันเท่านั้น พึ่งจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ประการเดียว

“ตกลง พวกเจ้าข้องใจสินะ?”

สายตาต้วนหลิงเทียนละออกจากร่างชายวัยกลางคนไปมองถามชายหนุ่มที่พึ่งพูด พลางยกยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ไอ้หนู อย่าได้มาเสแสร้งวางมาดลึกลับอันใดกับข้าให้เสียเวลา ข้าหาได้หลงกลเจ้าไม่! หากเจ้าคิดจะฮุบเกราะอมตะระดับราชา 2 ตัวจริง เช่นนั้นก็เอาชนะข้าให้ได้เสียก่อน!”

เห็นรอยยิ้มมีเลศนัยของต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มก็กล่าวเย้ยออกมาอย่างท้าทาย

เห็นได้ชัดว่าจนบัดนี้ มันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังวางมาดยอดฝีมืออยู่

“แล้วเจ้าเล่า…มีปัญหาอะไรหรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนเมินชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปมองถามชายคนที่พึ่งออกจากห้องโถงมา ในเวลาไล่เลี่ยกับที่เขากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นคุยกันจบ

ชายคนนี้ไม่รีบตอบคำ เพียงมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจริงจังครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกถึงวาจาพวกเชวียจิงอวี่ทั้ง 5 ตอนที่มันพึ่งออกมาจากโถง

ถ้อยคำของทุกคนยังชัดเจนใจ

“อายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ!”

“เพ่ย! ทั้งคู่ล้วนมีอายุไม่ถึงร้อย! จ้าวสวรรค์ช่วย! ที่แท้พวกมันเป็นใครมาจากไหนกันแน่!? อายุเท่านี้ก็ร้ายกาจเยี่ยงปีศาจแล้ว วันหน้าจะร้ายกาจถึงเพียงใดกัน?”

“ต้วนหลิงเทียน กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นรึ…หากทั้งคู่ไม่ด่วนตายไปซะก่อน วันหน้าต้องมีเชื่องเสียงเลื่องระบือไปทั่วเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวแน่นอน”

“เหอะๆ ด้วยพรสวรรค์ของทั้งคู่ เมื่อเติบโตขึ้น เวทีคงไม่จำกัดอยู่แค่เขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยวหรอก แต่คงเป็นทั่วทั้งแดนสวรรค์ใต้เลยมากกว่า!”

เมื่อนึกถึงวาจาดังกล่าว กอปรกับเห็นนสายตาสงบนั่นของต้วนหลิงเทียน มันจึงเลือกที่จะนิ่งๆเอาไว้ก่อน

“ดูเหมือนว่าในบรรดาพวกเจ้า 3 คน จะมีแค่เจ้าที่ไม่ได้ข้องใจอะไร”

ต้วนหลิงเทียนเห็นการตัดสินใจของชายคนนี้ก็หยีตามองมันเล็กน้อย ค่อยหันกลับไปมอง 2 คนที่ไม่พอใจเขา พลางเอ่ยออกเสียงเบาว่า “ในเมื่อพวกเจ้าไม่พอใจข้า…เช่นนั้นก็เข้ามาพร้อมกันเลยเถอะ”

สิ้นคำกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ย่ำพื้นลงคราหนึ่ง แม้แลดูไม่รุนแรงหากแต่ผืนดินคล้ายจะสะเทือนไปราวมีแผ่นดินไหวเบาๆ!

พริบตาต่อมา

ฟุ่บ!

ร่างต้วนหลิงเทียนพร่ามัวไปไม่ทันไร คนก็พุ่งวูบมาหยุดอยู่เบื้องหน้าชายวัยกลางคนกับชายหนุ่มที่ไม่พอใจเขาแล้ว เรียกว่าพร้อมจะเผชิญหน้ากับพวกมันทั้งคู่พร้อมๆกัน!

สองคนนี้พอได้ยินว่าเขาต้องการเกราะอมตะระดับราชา 2 ตัว พวกมันก็เผยความไม่พอใจออกมาทันที อีกทั้งวาจาของพวกมันยังฟังดูมั่นใจในตัวเอง รวมถึงคลางแคลงสงสัยความสามารถของเขาแต่แรก!

“พร้อมกัน?”

ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มก็หัวเราะเสีงเย็น เอ่ยคำด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ “ไอ้หนู อย่าว่าแต่สอง อาศัยข้าคนเดียวก็จัดการเจ้าได้!”

“โฮ่”

ต้วนหลิงเทียนหยีตามองชายหนุ่มเขม็ง มุมปากเริ่มยกยิ้มมีเลศนัยอีกครั้ง “แล้วข้าจะรอดู”

“เฮอะ!”

แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ชายหนุ่มก็พ่นลมสบถเสียงเย็น จากนั้นร่างมันก็ไหววูบคราหนึ่ง คนคล้ายกลับกลายเป็นเส้นสายอัสนีฟาดผ่าไปทางต้วนหลิงเทียน!

ในมือของมันปรากฏดาบสั้นระดับราชา พิจารณาจากกลิ่นอายพลังแหลมคมที่แผ่ซ่านออกมาไม่ใช่ชั่วแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อุปกรณ์อมตะระดับราชาธรรมดาๆ

แต่สมควรเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาที่ได้รับการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะ!

นอกจากนั้นเมื่อชายหนุ่มชักดาบสั้นออกมา นอกเหนือจากวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่ฝึกปรือจะโคจรใช้ออกมาพร้อมๆกัน พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันยังเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง หนุนเสริมให้ดาบสั้นทรงพลังขึ้นไปอีกขั้น

“ความลึกซึ้ง ความหมายแห่งทอง ขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น?”

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังแหลมคมทั้งแกร่งกร้าวที่อัดแน่นอยู่ในดาบสั้นของชายหนุ่ม ต้วนหลิงเทียนก็คาดเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายได้เข้าใจความลึ้กซึ้งแรกของกฏแห่งทองอย่างความหมายแห่งทองจนบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้ว

กฏของธาตุทองนั้นโดดเด่นเรื่องการโจมตี นอกจากความลึกซึ้งที่มีพลังครอบคลุมไม่กี่ข้อ เรียกว่าความลึกซึ้งส่วนใหญ่ของมันจะเน้นหนักไปในแง่ของการเสริมอำนาจจู่โจม ทั้งทำให้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดมีคุณสมบัติแหลมคมแกร่งกร้าวขึ้น

วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!

ดาบสั้นในมือของมันยิ่งมายิ่งแปล่งแสงสีทองสว่างเจิดจ้า จากนั่นเริ่มปรากฏรังสีพลังแหลมคมสีทองก่อรลักษณ์ในความว่างเปล่าขึ้นมาม้วนวนรอบร่างของมัน พาลให้ร่างคนเปล่งแสงเรืองรองออกมาปานดวงตะวัน!

อีกทั้งรังสีพลังแหลมคมสีทองที่ม้วนวนรอบกายมัน เมื่อร่างมันบรรลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนแล้วตวัดดาบสั้นปาดไปทางลำคอของต้วนหลิงเทียน รังสีพลังแหลมคมสีทองดังกล่าวก็พุ่งมาประทับยังคมดาบ ยังผลให้ตัวดาบของมันยิ่งมายิ่งสว่างไสวยากชมมองตรงๆ!

วู้มมมม!!

เรียกว่าดาบสั้นของมันบัดนี้ได้ส่องสว่างเจิดจ้าเสียจนขับไล่ความมืดมิดทั้งมวลออกไปจนหมด!

ความสนใจของทุกคนก็ไปหยุดอยู่ที่พลังอานุภาพที่ดาบสั้นสำแดงออกหมดสิ้น!

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมองเขม็งของทุกคน ร่างต้วนหลิงเทียนที่ยืนนิ่ง ก็ค่อยๆก้าวออกไปหาดาบสั้นที่ฟันฟาดจี้มายังลำคออย่างไม่อีนังขังขอบ!

พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่โคจรแล่นพล่านอยู่ภายในที่พร้อมปะทุแต่แรก บัดนี้กลับกลายเป็นสีกากี ยังโคจรใช้ออกด้วยวรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังเร็วไว ถ่ายทอดลงสู่กระบี่หนักไร้คมเล่มเขื่องที่ไม่ทราบเรียกออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จนตัวดาบเริ่มกู่ร้องออกมาประหนึ่งมีชีวิต!

ทันใดนั้น กระบี่หนักไร้คมเล่มเขื่อง ก็แผ่ซ่านพลังอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลออกมาอย่างน่าเกรงขาม!

“เจ้ากลับเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแล้วจริงๆ…ทั้งเป็นความหมายแห่งดินที่บรรลุขั้นตอนเบื้องต้นแล้ว?”

ชายหนุ่มที่พุ่งร่างรวมรั้งพลังฟันดาบสั้นปาดมาทางลำคอต้วนหลิงเทียน หยีตาลง สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง

แต่เป็นธรรมดาว่ามันไม่ได้แปลกใจอะไรมากมาย

เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะมายืนอยู่ที่นี่ได้ ก็คือผู้ที่ผ่านการทดสอบแรกมาแล้ว อย่างน้อยๆพลังฝีมือก็ต้องอยู่ในระดับเดียวกับมัน

แต่เรื่องที่จะแข็งแกร่งกว่ามันนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะแน่นัก!

‘ให้มันเข้าใจความลึกซึ้งอย่างความหมายแห่งดินถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นแล้วจะอย่างไร? สุดท้ายมันก็มีอายุไม่ถึงร้อยปี หรือประสบการณ์ในการต่อสู้จะมีเหนือข้าได้…อาศัยเพลงดาบไม้ตายข้าไม่กี่เพลง สุดท้ายมันก็ต้องตกตายภายใต้คมดาบข้า!!’

จังหวะนี้ชายหนุ่มชายหนุ่มเปี่ยมล้นไปดว้ยความมั่นใจ สภาวะดาบสั้นสีทองยิ่งมายิ่งกล้าแข็ง ราวกับมันได้เห็นแสงแห่งชัยชนะเป็นที่เรียบร้อย!

อย่างไรก็ตามเสี้ยวพริบตาต่อมา เมื่อได้เห็นฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ลูกตาของมันก็จำต้องหดหยีเล็กลง ใบหน้าเริ่มฉายถึงความตกตะลึง

‘นิ…นี่มันอะไรกัน มันไม่กลัวตายรึไร!?’

ในสายตาของชายหนุ่ม มันคิดว่าชายต้วนหลิงเทียนอย่างไรก็ต้องเร่งขวางกระบี่หนักไร้คมนั่นเพื่อป้องกันไม่ให้ดาบสั้นมันปาดลำคอ ไม่ก็ต้องออกกระบวนท่าฟันกระบี่สกัดกั้นดาบสั้นของมัน

แต่อีกฝ่ายกลับเลือกที่จะฟันกระบี่หนักใส่มันอย่างดุร้าย!

อีกทั้งแม้ดาบสั้นมันเจียนจะปาดถึงลำคออยู่รอมร่อ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าว่าจะแยแสอันใด! คล้ายอีกฝ่ายกำลังจะใช้เนื้อหนังลำคอรับดาบ แล้วอาศัยกระบวนท่ากระบี่พลีชีพตายตกไปพร้อมๆกับมัน!!

ที่สำคัญเมื่อเห็นถึงแววตาเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ไม่ได้มีอาการหวั่นไหวของต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มก็มองออกว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้เล่นเกมวัดใจว่าผู้ใดจะหลบก่อน แต่เห็นชัดว่าคิดฟันหนึ่งกระบี่สังหารมันจริงๆ

“ไอ้บ้าเอ๊ย!”

หลังจากสบถคำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ ชายหนุ่มก็เร่งเบี่ยงร่างหมายหลบกระบี่ที่ต้วนหลิงเทียนฟันผ่ามาเร็วไว

แน่นอนว่าเมื่อมันเลือกที่จะเบี่ยงร่างหลบ พลังสภาวะรุกโหมในดาบสั้นก็ถดถอยลง อย่างไรก็ตามดาบสั้นยังแผ่พุ่งรังสีพลังขุมหนึ่งเข่นฆ่าไปยังลำคอของต้วนหลิงเทียนตามเดิม!

ทว่าเมื่อคลื่นพลังจากดาบสั้นซัดมาเจียนถึงลำคอต้วนหลิงเทียน ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนพลันอุบัติม่านพลังหนึ่งขึ้นมาปิดกั้นหยุดยั้งคลื่นพลังสะบั้นจากดาบสั้นของชายหนุ่มได้อย่างง่ายดาย

ด้วยความที่ชายหนุ่มเร่งรีบฉากร่างหลบกระบี่ต้วนหลิงเทียนอย่างฉุกละหุก พลังของมันย่อมไม่อาจหนุนเนืองต่อเนื่อง ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้นแม้จะฟันพลาด แต่พลังสภาวะกระบี่ไม่เพียงไม่เสียเปล่า คนถ่ายน้ำหนักอย่างแยบคาย ฟันกระบี่หนักออกไปอีกกระบวนอย่างดุดัน!

สุดท้ายชายหนุ่มที่เห็นว่าสภาวะกระบี่ขอต้วนหลิงเทียนครานี้ดุร้ายเกินต้านทาน จึงเลือกกระทำเลียนแบบต้วนหลิงเทียน เสือกดาบสั้นทะลวงจี้ไปยังหว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนบ้าง หมายให้ต้วนหลิงเทียนเบี่ยงกระบี่ไปขวางกั้น

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะเล่นตามเกมของมัน ท่านแทงดาบก็แทงมา ข้ายังคงจะฟันท่านให้ตาย! กระบี่หนักเล่มเขื่องจี้เข้าชายโครงชายยหนุ่มอย่างดุร้าย หมายฟันคนให้ขาดเป็นสองท่อน!!

ชายหนุ่มเห็นดังนั้นในใจก็บังเกิดความกลัวตาย จึงได้แต่ปะทุพลังชั่วชีวิตเร่งรุดถีบเท้าถอยร่างออกไป กระบวนท่าเสือกแทงดาบสิ้นสูญไปในทันที!!

เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มเลือกจะถอย

เรื่องราวจึงจบลงไม่ต่างอะไรจากกระบวนแรก

ชายหนุ่มที่ถอยไป ตอนนี้ก็เริ่มชักสีหน้าอัปลักษณ์

มันไม่ทราบบังเกิดความอับอายขายหน้าเพราะวัดใจแพ้หรือคุ้มคลั่งขึ้นมาแล้วจริงๆ แต่หลังจากตั้งหลักได้แล้ว มันก็เลือกจะรวมรั้งพลังทั้งหมดสู่ดาบสั้นแล้วโจนทะยานจู่โจมสังหารเข้ามาเป็นกระบวนที่สาม และครานี้ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะคิดใช้กระบวนท่าแลกชีวิต มันก็ตัดสินใจว่าจะไม่ถอยสืบไป!

“ไอ้หนู ให้ข้าชมดูหน่อยเถอะ ว่าที่แท้เจ้าคิดจะตายไปพร้อมกับข้าจริงหรือไม่!!”

เรียกว่ากระบวนท่าที่ 3 นี้ ต่างจู่โจมเข้ามาดั่งกระบววนแรก…หนึ่งคิดปาดลำคอ หนึ่งคิดฟันสะพายแล่ง! ที่ต่างคือคราวนี้มันไม่คิดหลบหนีให้สภาวะรุกคืบสิ้นสูญ แต่เลือกจะแลกกันไปข้าง!!

ปงงงง!!

อย่างไรก็ตามดาบสั้นของมันที่ว่องไวกว่ากระบี่หนักของต้วนหลิงเทียน แม้จะบรรลุถึงลำคอต้วนหลิงเทียนก่อนจริง แต่ไม่อาจหั่นเฉือนเลือดเนื้ออันใด! เพียงถูกต้านทานเอาไว้ด้วยม่านพลังลักษณ์เกราะอ่อนเกล็ดแดง!!

ในเงาร่างเกราะอ่อนเกล็ดแดงยังมีพลังสีเหลืองแก่ขุมหนึ่งฉาบทับเอาไว้บางๆ แต่ให้ความรู้สึกราวกับไร้สิ่งใดทะลวงฝ่าไปได้!

แน่นอนว่านั่นคือพลังของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน!

“เจ้า…เจ้าเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 2 ของกฏแห่งดินแล้ว!?”

สีหน้าชายหนุ่มเปลี่ยนไปใหญ่หลวง และในที่สุดวินาทีนี้มันก็ตระหนักได้ว่าไฉน 5 คนนั่นถึงได้แลดูหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนนัก ทั้งปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนคว้าเกราะอมตะระดับราชานั่นไป 2 ชิ้นโดยไม่ขัดข้อง!

เปรี๊ยงงง!!

และในขณะที่มวลอารมณ์เสียใจของชายหนุ่มเริ่มเอ่อล้นขึ้นมาท่วมใจ กระบี่หนักไร้คมของต้วนหลิงเทียนก็ฟันมาถึงตัวมันแล้ว อีกทั้งยังผ่าม่านพลังป้องกันของมันเข้ามาได้ในพริบตา!