WSSTH ตอนที่ 3,018 : ต้วนหลิงเทียนผู้ร้ายกาจ!

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงตงฟางจิ่นหลุนดังจบคำ ห้วงอากาศรอบตัวมันก็คล้ายสั่นสะเทือนเลือนลั่น จากนั้นร่างคนทั้งคนก็อันตรธานหายไปทันที!

ทั้งหมดที่ทุกคนเห็นก็คือประกายอัสนีสายหนึ่ง ที่ฟาดผ่าลงไปยังเบื้องล่าง เป็นร่างตงฟางจิ่นหลุนที่เปี่ยมไปด้วยพลังสายฟ้ากำลังดิ่งลงไปฉับไวดั่งอัสนีฟาด!

ความลึกซึ้ง ‘อัสนีฟาด’ ของกฏสาฟ้า!

หากคิดจะใช้พลังความลึกซึ้งอย่างอัสนีฟาด แน่นอนว่าจำต้องเข้าใจความลึกซึ้งอย่างความหมายแห่งสายฟ้าให้ได้เสียก่อน เช่นนั้นก่อนที่ดิ่งร่างไปเป็นประกายอัสนี พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของตงฟางจิ่นหลุนจึงผสานไปด้วยพลังสายฟ้า

เป็นธรรมดาว่าอาจมีวิธีอื่น

เปรี๊ยะ!!

ซัวว!!

กล่องเป้าหมายของตงฟางจิ่นหลุน ก็เป็นกล่องใบเดียวกันกับที่ชายวัยกลางคนอันตกตายด้วยน้ำพิฆาตวิญญาณก่อนหน้าคว้าหยิบ และทันทีที่ร่างดั่งประกายอัสนีของตงฟางจิ่นหลุนลุมาถึงและคว้าจับกล่องเอาไว้ พลังลี้ลับที่ผิวกล่องก็เริ่มกำจายออกไปโดยยรอบอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ไม่ทันที่น้ำพิฆาตวิญญาณจะม้วนตลบกลืนร่างตงฟางจิ่นหลุน คนก็หอบหิ้วกล่องรวมทั้งศพของชายวัยกลางคนเหินทะยานโผล่พ้นวงล้อมของคลื่นน้ำพิฆาตวิญญาณไปแล้ว!

เช่นนั้นน้ำพิฆาตวิญญาณจึงได้แต่ม้วนกลืนอากาศธาตุเข้าไปคำหนึ่ง…

เปรี๊ยง!!

ตงฟางจิ่นหลุนดิ่งลงไปปานอัสนีฟาด ขากลับก็พุ่งทะยานขึ้นมาฉับไวปานอัสนีฟาด! มันคว้ากล่องทั้งหอบหิ้วขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย เมื่อขึ้นมาลอยยังจุดปลอดภัยแล้ว มันค่อยพลิกกล่องปล่อยให้ศพชายวัยกลางคนที่นอนฟุบอยู่ร่วงตกลงไปในน้ำพิฆาตวิญญาณ ก่อนที่จะจมหายไปในไม่กี่ลมหายใจ…

‘เร็วจริงๆ…’

‘ความเร็วที่ระเบิดออกมาในชั่วพริบตาของมัน…เทียบกับสุมาฉุนแล้วเหมือนจะรวดเร็วกว่าด้วยซ้ำ’

มองตงฟางจิ่นหลุนอีกครั้ง แววตาต้วนหลิงเทียนฉายให้เห็นถึงความประหลาดใจอยู่บ้าง

นั่นเพราะเมื่อครู่ ความเร็วในการเคลื่อนไหวของตงฟางจิ่นหลุน มันรวดเร็วสุดที่น้ำพิฆาตวิญญาณจะตามได้ทัน เช่นนั้นจึงไม่อาจกระทบถูกเปล่งพลังทำลายวิญญาณอะไรได้

แกร่ก!

ท่ามกลางสายตาของทุกคน ตงฟางจิ่นหลุนที่พลิกกล่องไปมา ก็คล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง พอมันตบลงไปมุมหนึ่งของกล่องเบาๆ ตัวกล่องก็เริ่มเปิดออกทันที เปิดเผยทุกสิ่งที่อยู่ด้านในท่ามกลางสายตาสนใจของทุกผู้คน…

“เอ่อ…”

ทว่าเมื่อกล่องถูกเปิดออกมา ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง กระทั่งตัวตงฟางจิ่นหลุนเองยังต้องขมวดคิ้วยู่ย่นเป็นปม

นั่นเพราะหลังกล่องเปิดออกมา…ด้านในกลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเก็บเอาไว้เลย!

เห็นฉากดังกล่าว ทุกคนพลันตระหนักได้ทันที

“ดูเหมือนว่าไม่ใช่ทุกกล่องที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำพิฆาตวิญญาณจะมีสมบัติเก็บไว้…”

อย่างไรก็ตามแม้จะรู้เรื่องนี้แล้ว แต่สายตาทุกคนยังกวาดมองไปยังกล่องทั้งหลายที่ลอยล่องเหนือผิวน้ำพิฆาตวิญญาณตาเป็นมัน…

บางกล่องอาจว่างเปล่าบ๋อแบ๋จริง แต่ต้องมีบางกล่องที่กักเก็บสมบัติเลิศล้ำเอาไว้!

ฟุ่บบ!!

ทันใดนั้นบังเกิดเสียงแหวกฝ่าสาลมหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่คลื่นลมแรงอันหอบกลิ่นอายความหมายแห่งน้ำแข็งอันเยียบเย็นจะแผ่มากระทบถูกร่างผู้คน พาลให้ทั้งหมดรู้สึกเสมือนฤดูหนาวมาเยือนในฉับพลัน

“แม่นางโอวหยาลงมือแล้ว!”

เป็นโอวหยา ศิษย์อัจฉริยะของด่านน้ำแข็งยะเยือก ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดสตรีเพียงหนึ่งเดียวในที่นี้เคลื่อนไหวลงมือ!

ทั้งหมดเห็นร่างโอวหยาโรยตัวลงไปปานเทพธิดาน้ำแข็ง พริบตาก็เจียนบรรลุถึงกล่องหนึ่งที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำพิฆาตวิญญาณ

ซัวว!

ครืนนน!!

เมื่อโอวหยาบรรลุถึงกล่องใบหนึ่ง และสัมผัสมัน ปรากฏการณ์เดิมก็อุบัติขึ้น น้ำพิฆาตวิญญาณโถมมาดั่งคลื่นสมุทรคุ้มคลั่งคิดม้วนกลืนร่างบางในหนึ่งคำ!

เมื่อเห็นว่าร่างบางของโอวหยา เจียนจะโดนคลื่นน้ำพิฆาตวิญญาณม้วนกลืนร่างเต็มที หลายคนที่จับจ้องชมดูเรื่องราวอยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดหายใจลงด้วยความลุ้นระทึก!

อย่างไรก็ตาม ในห้วงพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ

เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ! เปรียะ!

เสียงหนึ่งพลันดังระงมขึ้นระรัว และท่ามกลางทุกสายตาของผู้คน ห้วงอากาศรอบตัวโอวหยา เสมือนจับตัวเป็นม่านน้ำแข็งทรงกลมดังดวงแก้วน้ำแข็ง! ปิดกั้นทั้งแช่น้ำพิฆาตวิญญาณโดยรอบให้จับตัวเป็นน้ำแข็งในฉับพลัน!!

เพล๊ง!!

โอวหยาที่หอบหิ้วกล่องใบหนึ่ง พุ่งทะยานขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อดวงแก้วน้ำแข็งที่ปกคลุมรอบกายกระทบถูกคลื่นน้ำพิฆาตวิญญาณที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง พวกมันก็แตกสลายเป็นละอองระยับ ร่วงตกไปกองบนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณน้ำแข็งเบื้องล่างที่เป็นดั่งลานน้ำแข็งหย่อมหนึ่งดังกราว

จนเมื่อโอวหยาเหินร่างขึ้นมาถึงตำแหน่งที่นางลอยอยู่ก่อนหน้า ดวงแก้วน้ำแข็งรอบกายจึงค่อนสลายตัวลง น้ำพิฆาตวิญญาณที่จับตัวแข็งอันติดมากับดวงแก้วก็เริ่มร่วงตกลงไปเช่นกัน ก่อนที่จะถึงเบื้องล่างมันก็เริ่มละลายกลายเป็นน้ำอีกครั้ง

และผิวน้ำพิฆาตวิญญาณรอบๆกล่องที่จับตัวเป็นลานน้ำแข็งเมื่อครู่ ก็ค่อยๆละลายหวนคืนกลับสู่สภาพเดิม…

“เจ๋งโคตร!”

“พลังแช่แข็งอันร้ายกาจ! สมแล้วที่เป็นความลึกซึ้ง เยือกแข็ง ของกฏน้ำแข็ง!”

“ให้ตายเถอะ! กระทั่งน้ำพิฆาตวิญญาณยังถูกนางแช่แข็งได้ ความลึกซึ้งเยือกแข็งช่างทรงพลังอะไรจะขนาดนี้! น่ากลัวยิ่งนัก!!”

เมื่อเห็นว่าโอวหยาได้รับกล่องมาอย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาอย่างตื่นตาตื่นใจ

พวกมันหลายคนนั้น แม้จะเข้าถึงพลังแห่งกฏแล้วก็จริง แต่ความลึกซึ้งที่เข้าใจ ก็มีแค่ความหมายแห่งกฏเท่านั้น ไม่อาจสำแดงความสามารถอันยอดเยี่ยมร้ายกาจของกฏได้เช่นนี้เลย

เมื่อเทียบกับคนที่เข้าใจความลึกซึ้งที่สองของกฏแล้ว พวกมันนับว่าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

แม้ความหมายแห่งกฏ จะเป็นความลึกซึ้งของกฏเช่นกัน แต่พลังที่มอบให้ก็อ่อนด้อยกว่าความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏมากนัก ทำได้แค่เสริมพลังทุกด้านประมาณหนึ่ง ไม่มีความสามารถโดดเด่นเฉพาะทางเช่นนี้

“เอ่อ..กล่องเปล่าอีกแล้ว?”

ท่ามกลางสายตาของทุกคน ในที่สุดกล่องในมือโอวหยาก็ถูกเปิดออกมา พบว่าด้านในมันโล่งโจ้งไม่มีสิ่งใดนอกจากอากาศธาตุ

จังหวะนี้หน้างามของโอวหยาอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มแห้งๆออกมาอย่างขื่นขม เสียงใสดังขึ้นเบาๆ “โชคร้ายยิ่ง…”

“นั่นมัน…ร่างแยกรึ!?”

ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งโพล่งดังขึ้นจากกลุ่มคนที่ลอยร่างอยู่ทางฝั่งตงฟางจิ่นหลุนและโอวหยา

และแต่เดิมฝั่งของตงฟางจิ่นหลุนและโอวหยาที่มี 8 คนนั้น ก็คงเหลือแค่ 7 คน เพราะชายวัยกลางคนผู้หนึ่งได้ตกตายไปแล้ว

ได้ยินเสียงอุทานดังกล่าว พอตงฟางจินหลุนกับโอวหยาหันไปชมดูเรื่องราว ทั้งคูก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ

ฟุ่บ!

เพราะในเวลาชั่วพริบตา ทั้งคู่ก็เห็นร่างชายหนุ่มชุดเทาอันมีสองตาแดงฉานปานก้อนหิตคนหนึ่งดิ่งร่วงลงจากฟ้า บรรลุถึงกล่องใบหนึ่งบนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณ และกำลังคว้าจับกล่องอยู่

ซัว!

ครืนนน!!

น้ำพิฆาตวิญญาณปะทุมาดั่งคลื่นสมุทรคุ้มคลั่ง ม้วนกลืนร่างชายหนุ่มสองตาแดงฉานปานก้อนเลือด หากทว่ากลับไม่อาจส่งผลกระทบใดๆต่อร่างดังกล่าวได้เลย

จากนั้นทั้งหมดก็เห็นชายหนุ่มสองตาแดงงฉานปานก้อนเลือดใช้พลังขับน้ำวิญญาณที่เปียกชุ่มไปทั่วร่างออกอย่างรังเกียจ และเหินร่างขึ้นมาพร้อมหอบหิ้วกล่องมาด้วยอย่างไม่รีบไม่ร้อน

ชายหนุ่มสองตาแดงเลือดที่ว่า ก็คือร่างแฝดแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั่นเอง มันไม่มีวิญญาณอะไร จะมีก็แต่ร่างกายเท่านั้น

ในเมื่อไร้ซึ่งวิญญาณ น้ำพิฆาตวิญญาณก็ไม่ต่างอะไรจากน้ำเปล่า ไร้ซึ่งผลกระทบใดๆต่อร่างแฝดแห่งความตายทั้งสิ้น

และท่ามกลางสายตาของทุกผู้คน ร่างแฝดแห่งความตายก็เหินลอยมาถึงหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก่อนที่จะซ้อนทับเข้ากับร่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋น รวมผสานเป็นหนึ่งเดียว กล่องที่ถือขึ้นมาก็ไปอยู่ในมือหลิงเจวี๋ยอวิ๋นแทน

แกร่ก!

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไม่รอช้าเปิดกล่องในมือออกทันที จนพบว่าด้านในมีดาบยาว 4 ฉื่อเล่มหนึ่งอยู่ภายใน และจากกลิ่นอายคมกล้าดุร้ายเหนือดาบอมตะระดับราชาทั่วไปที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวดาบ ก็บอกได้ทันทีว่ามันคือดาบอมตะระดับราชาที่ได้รับการขัดเกลหล่อเลี้ยงด้วยพลังของจอมราชันอมตะมาพักหนึ่ง!

“เฮ่ ดูเหมือนข้าจะยังพอมีโชคไม่เลวทีเดียว”

หลิงเจวี๋ยอวิ๋นหันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน ด้วยน้ำเสียงท้าทาย “ยังไงเล่า เจ้าจะลองดูบ้างรึเปล่า?”

เผชิญกับสีหน้าท้าทายราวกับจะท้าแข่งว่าใครจะได้ของดีกว่ากันของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆโรยตัวลงปังกล่องใบหนึ่งบนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณอย่างไม่รีบไม่ร้อน

และกล่องที่ว่ายังเป็นกล่องที่มีขนาดเล็กที่สุด ในบรรดากล่องทั้งหมดที่ลอยอยู่บนผิวน้ำพิฆาตวิญญาณอีกด้วย!

แน่นอนว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาหยุดลอยใกล้ๆกับกล่องและเอื้อมมือออกมาคว้าจับกล่องใบนั้น มวลน้ำพิฆาตวิญญาณโดยรอบก็เริ่มกลับกลายเป็นคุ้มคลั่ง คลื่นยักษ์ดั่งปากกระหายเลือดของอสูรสมุทรสาดโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง!

หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีทีท่าว่าจะหลบหลีก หรือป้องกันคลื่นน้ำพิฆาตวิญญาณอันคุ้มคลั่งจากทั่วสารทิศแต่อย่างใด! คนเพียงยืนนิ่งอยู่เฉยๆคล้ายอยากรับทราบถึงพลังอำนาจทำลายวิญญาณของน้ำพิฆาตวิญญาณ!!

“หืม?!”

เห็นฉากดังกล่าว หลิงเจวี๋ยอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะย่นคิ้ว เนื่องเพราะกระทั่งมันเองหากไม่ใช้ร่างแฝดแห่งความตาย ก็ไม่กล้าทานรับน้ำพิฆาตวิญญาณด้วยร่างเนื้อตรงๆ

ดังนั้นพอเห็นต้วนหลิงเทียนกระทำแบบนี้ มันจึงอดไม่ได้ที่จะงุนงงสงสัย

เป็นธรรมดาว่ามันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะโง่งมถึงขั้นคิดฆ่าตัวตาย เพราะมันรู้ดีว่าคนอย่างต้วนหลิงเทียนไม่มีวันทำอะไรโง่เขลาอย่างหาเรื่องตายแน่นอน

“มันเสียสติไปแล้วหรือไร!?”

“มันคิดว่าตัวเองเป็นร่างแฝดแห่งความตายของหลิงเจวี๋ยอวิ่นรึไร ถึงได้หาญกล้าใช้ร่างเนื้อทานรับพลังของน้ำพิฆาตวิญญาณเช่นนั้น! นี่ไยมิใช่รนหาที่ตายอีกเล่า!?”

“ต้วนหลิงเทียนนั่นมันเสียสติไปแล้ว! เลอะเลือนแล้ว!!”

เชวียจิงอวี่กับคนอื่นๆตกใจกับการกระทำของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย และไม่อาจเข้าใจได้จริงๆว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้ทำอะไรสิ้นคิดเช่นนี้ ร่างเลือดเนื้อของผู้คนยังจะไปเทียบกับร่างแฝดแห่งความตายได้หรือ?

หากจังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนใช้ทักษะป้องกันตัวอะไรบ้าง พวกมันจะไม่แปลกใจเลย

แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับลอยตัวรออยู่เฉยๆ ไม่ลงมือใช้พลังใดๆทั้งสิ้น!

เห็นได้ชัดว่าคนคิดใช้ร่างเลือดเนื้อทานรับน้ำพิฆาตวิญญาณแล้วจริงๆ!

“หาที่ตาย!”

ตงฟางจิ้นหลุนมองต้วนหลิงเทียน พลางยกยิ้มแสะด้วยความดูแคลน

โอวหยาเองก็มองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา อย่างไรก็ตามในแววตาของนางกลับฉายชัดถึงความสงสัยไม่น้อย

ปกติแล้วสัมผัสที่ 6 ของสตรีค่อนข้างมีความแม่นยำทีเดียว

ถึงแม้นางจะแลเห็นว่าชายหนุ่มชุดม่วงคนนั้นคล้ายคนกำลังรอรับความตาย แต่สัญชาตญาณของนางกลับบอกว่าเรื่องราวหาได้ง่ายดายดั่งที่ตาเห็นไม่!

คนที่สามารถเข้ามาในวังจอมราชันอมตะได้ ไหนเลยจะธรรมดาสามัญ ย่อมไม่มีใครรนหาที่ตายอย่างโง่เขลาเช่นนี้

‘แบบนี้นี่เอง…’

หลังต้วนหลิงเทียนยกกล่องได้ไม่ทันไร เขาก็สัมผัสได้ว่าที่แท้ตัวกล่องได้แผ่พลังลี้ลับขุมหนึ่งไปกระตุ้นให้น้ำพิฆาตวิญญาณโดยรอบเคลื่อนไหว จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงความเยียบเย็นของน้ำพิฆาตวิญญาณที่สาดโถมเข้ามาทั่วร่างชัดเจน ยังรู้สึกเย็นพอๆกับเอาถังน้ำแข็งมาราดรดลงหัวกลางหน้าหนาว…

‘นี่น่ะเหรอพลังของมัน…’

ขณะเดียวกันกับที่น้ำเย็นสาดโถมเข้าใส่ร่าง ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณล้างผลาญหลายขุมที่โถมถันเข้ามาจากทุกส่วนของร่างกาย และต่างพากันบึ่งตรงไปทางดวงจิตของเขา!

อย่างไรก็ตามเพียงแค่มันเข้าใกล้ดวงจิต พลังล้างผลาญทั้งหลายก็ถูกพลังลี้ลับของทองเทพสุดลี้ลับสลายทำลายไปหมดสิ้นในชั่วพริบตา!

เรียกม่านพลังสีทองสลัวๆอันลี้ลับของทองเทพสุดลี้ลับ ได้ปิดกั้นพลังล้างผลาญของน้ำพิฆาตวิญญาณได้หมดจด! มันไม่อาจบุกเข้าสู่ดวงจิตไปสำแดงพลังอำนาจล้างผลาญวิญญาณในทะเลวิญญาณของต้วนหลิงเทียนได้อย่างสิ้นเชิง!!

ในเมื่อไม่อาจเข้าสู่ดวงจิตไปสำแดงพลังล้างผลาญในทะเลวิญญาณ ก็ไม่อาจทำอะไรวิญญาณต้วนหลิงเทียนได้…

ท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของทุกคน ร่างต้วนหลิงเทียนที่เปียกมะล่อกมะแล่กไปด้วยน้ำพิฆาตวิญญาณ ก็ค่อยๆเหินกลับขึ้นมากลางอากาศอย่างไม่รีบไม่ร้อน ระหว่างนั้นคนก็เปล่งพลังระเหยน้ำที่เปียกทั่วกาย สุดท้ายก็เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

“จ้าวสวรรค์ช่วย! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…มันทำได้อย่างไร? ไฉนมัน…ถึงไม่ตายเล่า!?”

หลายคนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความแตกตื่น

“ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้น ข้าเชื่อว่ามันสมควรมีอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางขึ้นไปพกติดตัวเป็นแน่! เพราะตราบใดที่เป็นอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางขึ้นไป ย่อมสามารถปิดกั้นพลังอำนาจของน้ำพิฆาตวิญญาณได้ชะงัด!”

อย่างไรก็ตามในบรรดาผู้คนที่กำลังตกตะลึง ก็มีบางคนที่คาดเดาอะไรบางอย่างได้

“อุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางขึ้นไป? บ้าไปแล้ว เจ้าไม่รู้หรือว่าในบรรดาอุปกรณ์อมตะทั้งหมด อุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณนั้นหาได้ยากที่สุด…กระทังในแง่มูลค่าแล้ว เครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนาง ยังสูงกว่าเกราะอมตะระดับราชาเสียอีก!”

“หากมันมีอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางพกติดตัวจริง เช่นนั้นก็ไม่แปลกที่มันจะหาญกล้าใช้ร่างเลือดเนื้อต้านทานน้ำพิฆาตวิญญาณ!”

“เหอะๆ มันมีเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางแบบนี้…เหมือนการทดสอบรอบที่สองของวังจอมราชันอมตะ เอาของขวัญมาให้มันเปล่าๆ!!”

ทุกคนที่กำลังพูดถึงเรื่องนี้ นอกจากพวกเชวียจิงอวี่ที่รับทราบพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน และไร้ความกล้าคิดช่วงชิงอะไร ด้านผู้คนอีกฝั่งไม่เว้นตงฟางจิ่นหลุน ล้วนมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอิจฉาริษยา ราวกับทนรอพุ่งมาช่วงชิงอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณไปจากต้วนหลิงเทียนไม่ไหวแล้ว!

“เจ้าหนู เจ้ามีอุปกรณ์อมตะประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณระดับขุนนางพกติดตัวมาด้วยงั้นรึ?”

และเป็นตงฟางจิ่นหลุนที่ไม่อาจทนอำนาจยั่วยวนได้ไหว ออกตัวเป็นคนแรก มันมองจ้องมาทางต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยชา พลางถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น!

อย่างไรก็ตามแม้สายตาของมันจะเย็นชาไร้แยแสแลดูเฉยเมย หากแต่ถ้ามองสำรวจให้ดี จะพบว่ามีประกายแห่งความโลภหนึ่งฉายให้เห็นรางๆ!