WSSTH ตอนที่ 3,055 : นักฆ่าจากกะโหลกเลือด

ณ หลิงหลัวเทียน

ภายในเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว ของแดนสวรรค์ใต้

ห่างออกไปทางตะวันออกราวๆ 80,000 – 100,000 ลี้ของนิกายอมตะเป้าผู่นั้น เป็นพื้นที่ราบทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล

และห่างออกไปจากนิกายอมตะเป้าผู่ทางตะวันออก 100,000 ลี้ จะพบเจอทะเลสาบแห่งหนึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งหญ้า ทะเลสาบดังกล่าวมีลักษณะคล้ายวงกลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 2 ลี้ น้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าใส

เรียกว่าทะเลสาบที่ตั้งอยู่กลางทุ่งหญ้าผืนนี้ มองจากฟ้าสูงแล้วประหนึ่งมีคนนำกระจกทรงกลมมาวางตั้งเอาไว้ก็ไม่ปาน ผืนน้ำใสดั่งกระจกนั่นปรากฏภาพสะท้อนเมฆขาวฟ้าครามเบื้องบน อีกทั้งยามแสงตะวันร้อนสาดส่องลงมา ผิวน้ำยังทอประกายระยิบระยับดั่งผลึกแก้ว

ฟุ่บบ!

ดั่งสายลมกรรโชกมาหอบหนึ่ง สูงขึ้นไปบนฟ้าเหนือทะเลสาบ ปรากฏร่างในชุดสีม่วง

“หืม?”

ร่างในชุดสีม่วงไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียนที่เร่งรุดเดินทางออกมาจากนิกายยอมตะเป้าผู่ และพอมาถึงสถานที่นัดหมาย เขากลับไม่พบเจอใครเลย สำนึกเทวะที่แผ่ออกไปล้วนพบเจอแต่ความว่างเปล่า

ที่ไฉนต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะจดหมายที่เขาได้รับมามีส่วนเกี่ยวข้องกับฮ่วนเอ๋อ

ในเมื่อผู้ที่เขียนจดหมายถึงเขาจงใจนัดให้เขามาที่นี่ เช่นนั้นจะช้าจะเร็วคนก็ต้องมาแน่นอน

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ร้อนใจอะไร เริ่มนั่งขัดสมาธิลงกลางอากาศ ทำความเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมโดยมีเพลิงเทพโกลาหลให้ความช่วยเหลือ

ด้วยมีเพลิงเทพโกลาหลช่วยเหลือ ความลึกซึ้งลุกโหมของเขานั้น ก็เข้าใจใกล้บรรลุถึงขั้นตอนเบื้องต้นเต็มที

‘ด้วยอัตราความก้าวหน้าระดับนี้…ภายในครึ่งปีข้าต้องเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมได้แน่นอน’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

แน่นอนว่าคำเข้าใจได้แน่ที่ต้วนหลิงเทียนพูดถึง ก็คือเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเท่านั้น เนื่องจากวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชามันช่วยให้เข้าถึงพลังแห่งกฏได้เพียงเท่านี้

อย่างไรก็ตาม แม้ต้วนหลิงเทียนจะนั่งขัดสมาธิและทำความเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมกลางอากาศ แต่เขาก็ไม่ใช่ไม่ระวังตัว สำนึกเทวะยังแผ่ออกไปตรวจสอบรอบกายเสมอ ขอเพียงมีใครล่วงล้ำเข้ามาในรัศมี ไม่ว่าพลังฝึกปรืออีกฝ่ายจะเหนือกว่าเขาหลายขั้น หากเจ้ามาอยู่ในระยะเขาย่อมจับบสัมผัสได้ไม่ยาก กระทั่งยังตอบสนองเรื่องราวได้ทันท่วงที

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนทำความเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมเหนือทะเลสาบกลางทุ่งหญ้า คน 2 คนในนิกายยอมตะเป้าผู่ก็ยุ่งวุ่นวายไม่น้อย

สองคนที่กำลังยุ่งวุ่นวาย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเจิ้งหงอี้ ศิษย์สายตรงลำดับ 3 ของซุนเหลียงเผิงประมุขนิกาอมตะเป้าผู่ กับหวังหง หลานสาวของผู้อาวุโสใหญ่นิกายอมตะเป้าผู่

ตอนนี้ทั้งคู่ได้แบ่งหน้าที่กันออกไปตรวจสอบอาวุโสขอบเขตราชาอมตะของนิกายยอมตะเป้าผู่ เพื่อดูว่ามีใครหายไปจากที่พักหรือไม่

ทั้งคู่ทำแบบบนี้ ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักฆ่าจากองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด

จะอย่างไรนักฆ่าที่องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดส่งมาครั้งนี้ ก็เป็นแค่ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น แม้พลังฝีมือจะดี แต่ในนิกายอมตะเป้าผู่ก็มีอาวุโสที่ทรงพลังเหนือกว่ามันมากมาย

ในฐานะนักฆ่าขององค์กรมอสังหารกะโหลกเลือดแน่นอนว่าย่อมมีความระวังตัวสูง เช่นนั้นหลังจากที่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนงับเหยื่อและออกเดินทางมาตามนัด มันก็สั่งให้เจิ้งหงอี้ไปยืนยันว่ามีขอบเขตราชาอมตะของนิกายอมตะเป้าผู่คนใดออกจากนิกายไหม และมันก็เฝ้ารอคำตอบดังกล่าวก่อนที่จะตัดสินใจลงมือทำอะไร

หลังผ่านไป 3 วัน เจิ้งหงอี้กับหวังหงก็มาเจอกันอีกครั้ง

“คนที่ข้าไปตรวจดูทั้งหมดล้วนอยู่ในนิกายทั้งหมด ด้านเจ้าเล่า?”

หวังหงเอ่ยถามเจิ้งหงอี้ทันที

“ด้านข้าก็เหมือนกัน”

เจิ้งหงอี้พยักหน้ารับ จากนั้นก็ไม่รอช้า เร่งใช้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณรายงานเรื่องงราวให้นักฆ่าขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดที่รอข่าวทันที

“ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้ชนชั้นอาวุโสของนิกายอมตะเป้าผู่เรา นอกจากที่ออกไปงานด้านนอกยังไม่กลับมาแล้ว ไม่มีใครออกจากเขตนิกายเลย…ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนนั่นจะไม่ได้ลอบติดต่อกับใคร และขอความช่วยเหลือผู้ใดทั้งสิ้น”

นี่เป็นข้อความที่เจิ้งหงอี้รายงานไป จากนั้นมันก็เร่งส่งข้อความไปอีกประโยคเป็นการเยินยอนักฆ่าจากองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด “ท่านผู้อาวุโสช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ไม่เพียงล่อให้ต้วนหลิงเทียนออกไปเพียงลำพังได้ ยังทำให้มันไม่กล้าติดต่อหาคนช่วยได้เช่นนี้ เป็นฝีมืออันแยบคายจริงๆ”

“อืม”

น่าเสียดายที่คำประจบเยินยอของเจิ้งหงอี้ถูกลิขิตให้ไร้ผล นักฆ่าขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดสนใจแต่เรื่องที่สั่งเท่านั้น กับเจิ้งหงอี้มันไม่แยแสแม้แต่น้อย

“ได้เวลาปิดงานเสียที…”

บริเวณรอบนอกพื้นที่ทุ่งหญ้าที่ติดกับป่ารก ชายวัยกลางคนร่างผอมที่นั่งอยู่กลางอากาศเหนือพื้นดินไม่มากก็ลุกขึ้นยืนทันที

ครู่ต่อมาสาตามันก็มองจองไปยังที่ราบทุ่งหญ้าเบื้องหน้า จิตสังหารอำมหิตยังเริ่มแผ่ซ่านออกมาอย่างน่ากลัว

“ดูเหมือนหน่วยข่าวกรองขององค์กรจะถูกต้อง…คนชื่อ ‘ฮ่วนเอ๋อ’ มีความสำคัญกับมันนัก”

“อย่างไรก็ตาม…เจ้านั่นมันออกมาตามนัดโดยที่ไม่บอกผู้ใดเลยจริงๆ? นี่มันไม่เอะใจบ้างหรือไรว่าจดหมายนั่นอาจเป็นการล่อมันออกมาสู่หายนะ?”

“หรือ…มันคิดจริงๆว่าหากมาตามนัดหมายข้า แล้วชีวิตมันจะไม่ตกอยู่ในอันตรายใดๆ?”

“ช่างเป็นเด็กน้อยที่ไร้เดียงสานัก”

หลังกล่าวพึมพำอยู่พักหนึ่งจนจบ ชายวัยกลางคนในชุดคลุมลมดำก็คลี่ยิ้มเย็นชาออกมา จากนั้นคนก็คล้ายกลับกลายเป็นอัสนีสีดำ พุ่งเข้าสู่ที่ราบทุ่งหญ้าไปด้วยความเร็วสูง

ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลใต้ผืนฟ้าคราม แม้ให้ความรู้สึกมีอิสระเสรี แต่มุมหนึ่งก็แลดูอ้างว้างให้ความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวพิกล

ทะเลสาบกระจกอันตั้งอยู่กลางทุ่งหญ้านั้น มองไกลๆแล้วยังคล้ายมุกมณีที่หล่นร่วงลมาจากฟ้าไปฝังตัวบนทุ่งหญ้าอยู่บ้าง ทำให้แลดูงดงามสะดุดตาเป็นพิเศษ

เหนือทะเลสาบ ร่างชายหนุ่มในชุดสีม่วงยังคงนั่งขัดสมาธิหลับตากลางหาว คนคล้ายกำลังพักผ่อนจิตใจ แต่ถ้าใครสังเกตรอบกายให้ดี จะพบว่าปรากฏคลื่นความร้อนกำจายออกมาเป็นระลอกๆแล้วระลอกเล่า

หากไม่ใช่กลางวันแต่เป็นกลางคืน ระรอกคลื่นความร้อนดังกล่าวสมควรถูกพบเห็นได้ไม่ยาก เพราะมันเรืองแสงสีแดงปานเพลิงไฟ

เป็นพลังจากความลึกซึ้ง ลุกโหม ของกฏแห่งไฟ!

ชายหนุ่มชุดม่วงที่ว่า ก็คือต้วนหลิงเทียนเอง

ต้วนหลิงเทียนนั่งขัดสมาธิกลางหาวเป็นเวลา 2-3 วันแล้ว เขากำลังเฝ้ารอให้คนที่ส่งจดหายถึงเขาปรากฏตัว แต่เนิ่นนานอีกฝ่ายก็ไม่มาเสียที

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รออยู่เฉยๆ แต่เลือกจะทำความเข้าใจความลึกซึ้งลุกโหมไปพลางๆ เช่นนั้นจึงไม่รู้สึกว่าเวลา 2-3 วันมันเนิ่นนานอะไร

‘มาแล้ว!’

ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนที่หลับตานั่งขัดสมาธิกลางหาว อยู่ๆก็ลืมตาขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันคนก็ลุกขึ้นยืนในฉับพลัน สองตายังหันขวับไปจับจ้องความว่างเปล่าไกลตาทิศทางหนึ่ง

และแทบจะพร้อมๆกันกับที่สายตาเขามองทอดไป

ฟุ่บ!

ร่างสีดำอยู่ๆก็ผุดโผล่ขึ้นมาในความว่างเปล่าปานภูตผี เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมลมดำผู้หนึ่ง

ใบหน้าที่โผล่พ้นโม่งคลุมนั้น ช่างซูบผอมเหลือเกิน แก้มอีกฝ่ายตอบลงจนเห็นโหนกแก้มนูนเด่น กลิ่นอายพลังไร้สภาพที่แผ่ออกมาทั่วกายให้ความรู้สึกชั่วร้ายมืดดำ พาลให้คนใจสั่นไม่น้อย

“หืม?”

หลังชายวัยกลางคนในชุดคลุมลมดำปรากฏขึ้นไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นลายปักกะโหลกไขว้สีแดงเลือดนกที่ปักไว้กลางอกของมัน

สัญลักษณ์กะโหลกไขว้สีแดงเลือดนกนั่น ยามชุดคลุมกระพือเบาๆตามสายลม ยังชวนให้รู้สึกเหมือนหยดโลหิตหลั่งไหล แลดูน่ากลัวพิกล

“องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด?”

ต้วนหลิงเทียนเงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาชืดชาของชายววัยกลางคนร่างผอม พลางเลิกคิ้วถาม

ก่อนที่เขาจะมานิกายอมตะเป้าผู่ เขาไม่รู้จักองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดแม้แต่น้อย ยิ่งไม่รู้เลยว่าลายปักบนอกเสื้อของอีกฝ่ายคือสัญลักษณ์ประจำองค์กร

ทว่าหลังมาอยู่ในนิกายอมตะเป้าผู่ และได้ใช้เวลาศึกษาหาคามรู้ในหอตำรานานกว่า 3 เดือน ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจโครงสร้างอำนาจในแดนสวรรค์ใต้ รวมถึงเรื่องราวอื่นๆอีกมากมาย

ในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้นก็รวมถึง 3 องค์กรมือสังหารระดับพระกาฬของแดนสวรรค์ใต้ด้วย และองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดที่เป็นดั่งฝันร้ายนั่น แน่นอนว่าเขาก็ทราบข้อมูลไม่น้อย

นักฆ่าขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด มักจะสวมชุดคลุมลมดำทั้งมีสัญลักษณ์กะโหลกไขว้ปักอยู่บริเวณอกให้เห็นได้ชัดเจน

นอกจากนั้น ระดับของนักฆ่าก็สามารถระบุได้คร่าวๆจากลายปักดังกล่าว

“นับว่าเจ้ามีความรู้กว้างขวางไม่เลว ถึงกับรู้ได้ทันทีว่าข้าคือนักฆ่าจากองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด”

ชายวัยกลางคนที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไร้อารมณ์เอ่ยออกเสียงเฉย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ในใจของมันเสมือนมีมรสุมขนาดย่อมก่อตัว เพราะมันสังเกตเห็นได้ชัดเจน ว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้กลับรู้ตัวตั้งแต่ตอนที่มันเหินร่างมา

เรื่องนี้สำหรับมันแล้ว เป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก!

เพราะสุดท้ายมันก็เป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด ส่วนอีกฝ่ายเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอันกระจ้อยร่อยเท่านั้น!

“ฮ่วนเอ๋ออยู่ไหน”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงเรียบ ไม่ได้แยแสแววตาเฉยเมยของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

“ฮวนเอ๋อ?”

ชายวัยกลางคนผงะไปเล็กน้อย ค่อยกล่าวออกมาเคล้าเสียงหัวเราะ “เหอะๆ ไม่มีฮ่วนเอ๋ออันใดทั้งงสิ้น…ทั้งหมดเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อล่อให้เจ้าออกมาจากนิกายอมตะเป้าผู่เท่านั้น”

“แค่ว่า ข้าไม่อยากจะเชื่อจริงๆเจ้ายังหาญกล้าออกมาเพียงลำพังดั่งที่ข้าต้องการ…ดูเหมือนว่าคนชื่อฮ่วนเอ๋อจะมีความสำคัญกับเจ้าจริงๆ”

“ฟังจากชื่อแล้ว นางสมควรเป็นสตรีสินะ…”

“น่าเสียดายที่วันนี้อัจฉริยะเช่นเจ้าต้องตายเพราะสตรี!”

ขณะกล่าววาจาท้ายประโยค น้ำเสียงของชายวัยกลางคนมากล้นไปด้วยความเย้ยหยัน!

“เช่นนั้น…เจ้าก็ไม่รู้สินะว่าฮ่วนเอ๋ออยู่ไหน?”

ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้น อย่างไรก็ตามในใจกลับรู้สึกโล่งอกขึ้นมา

“ไอ้หนู ข้ามิใช่พึ่งพูดไปหรือว่าทั้งหมดเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อล่อเจ้า?”

ชาวัยกลางคนหัวเราะเยาะอีกรอบ

“แม้จะเป็นแค่ข้ออ้างเพื่อล่อข้ามา แต่อย่างน้อยๆนับว่าหน่วยข่าวกรองขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเจ้าไม่เลวเลบทีเดียว ถึงได้ล่วงรู้เรื่องฮ่วนเอ๋อ กระทั่งรู้ว่าสามารถใช้นางเพื่อล่อข้าออกมาได้”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเบา

“แล้วเจ้าบอกได้หรือไม่ ว่าใครเป็นคนจ้างวานองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดให้มาฆ่าข้า เพราะเท่าที่ข้ารู้มา คิดจะติดต่อองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็มีคุณสมบัติจะทำได้”

ต้วนหลิงเทียนมองจ้องตาชายวัยกลางคนเขม็งพลางจี้ถามออกไป

“เจ้ารู้มากทีเดียว…”

ชายวัยกลางคนมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาทำราวกับมอง ‘คนตาย’ เอ่ออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส “เจ้าเองก็เป็นเพียงคนกำลังจะตายเท่านั้น กล่าวไปต่อให้บอกคนที่กำลังจะตายก็คงไม่เป็นไร…แต่น่าเสียดายที่องค์กรกะโหลกเลือดของเรามีกฏ!”

“เจ้าจงตายไปพร้อมกับความเสียใจทั้งความโง่งมของตัวเองเถอะ!”

พอชายวัยกลางคนกล่าวประโยคนี้จบ ความว่างเปล่ารอบๆตัวมันก็เริ่มสั่นสะเทือน รัศมีพลังอันเกรี้ยวกราดหนึ่งสาดปะทุออกจากร่าง!

พร้อมกันนั้นเจตนาฆ่าฟันอำมหิตขุมหนึ่งก็เริ่มแผ่ซ่านออกมาบีบคั้นไปในบรรยากาศ!

ครู่ต่อมา

ฟุ่ฟฟฟ!!

ร่างวัยกลางคนอยู่ๆก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนปานภูตผี จากนั้นก็ยกมือขึ้นง้างหมัดทั้งชกออกมาเร็วไว รอบหมัดท่วมท้นไปด้วยพลังเซียนอมตะสีฟ้า เห็นชัดว่ามันได้ผสานหลอมรวมพลังจากกฏแห่งน้ำเอาไว้!

ปงงง!!

หมัดที่ชกออกมา ประหนึ่งมังกรวารีโผล่ทะยานพ้นลำน้ำ ยังจี้ตรงเข้าไปยังหน้าผากต้วนหลิงเทียน เห็นได้ชัดว่ามันคิดระเบิดศีรษะต้วนหลิงเทียนให้แหลกในหมัดเดียว!

ชายวัยกลางคนชกหมัดออกไปด้วยอิริยาบถผ่อนคลาย ทำราวกับมันเชื่อมันว่าต้วนหลิงเทียนถูกลิขิตให้ตกตายด้วยหมัดนี้ของมันแน่แล้ว!

อย่างไรก็ตาม ลูกตามันจำต้องเบิกกว้างค้างแข็ง สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง

หมับ!

ในขณะที่ลุกตามันเบิกกว้างค้างแข็งและสีหน้าเปลี่ยนไปใหญ่หลวงนั้น ก็บังเกิดเสียงเบาๆหนึ่งดังขึ้น และเสียงนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นต้นตอความตกใจของชายวัยกลางคน!

เพราะมันเห็นว่า ต้วนหลิงเทียนที่ประหนึ่งยืนรอรับความตายแน่ๆแล้วนั้น คล้ายยกมือขึ้นมาตามอำเภอใจไร้เรื่องราว หากแต่ฝ่ามือที่ปรากฏแสงพลังสีกากีนั่น กลับคว้าจับหมัดเปี่ยมพลังเกรี้ยวกราดของมันเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย!