War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3068
เห็นเจิ้งหงอี้ปากแข็งยืนกรานไม่ยอมรับผิด ต้วนหลิงเทียนเพียงมองฟังมันด้วยสายตาสงบ และพอเจิ้งหงอี้กล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยถามออกไปอย่างใจเย็นว่า “เจ้าพูดจบรึยัง?”

‘หืม?’

พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังนิ่งอยู่ได้ ในใจเจิ้งหงอี้ก็บังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาทันที ‘เจ้าต้วนหลิงเทียนนี่…หรือมันจะได้หลักฐานอะไรมา?’

ใจเจิ้งหงอี้ไม่อาจไม่กังวล

ตอนที่มันถูกเรียกที่มาที่นี่ มันก็หวั่นๆว่านักฆ่ากกะโหลกเลือดจะไม่ได้เข่นฆ่าผู้ติดตามของต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะตื่น สุดท้ายก็มีโอกาสส่งข้อความถึงต้วนหลิงเทียน ว่ามันเป็นคนที่ทำร้ายและลักพาตัวไปส่งนักฆ่ากะโหลกเลือด!

และตอนนี้มันก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ…ว่านักฆ่ากะโหลกเลือดได้ตายไปแล้ว! ยังคิดว่านักฆ่ากะโหลกเลือดยังคงเฝ้ารอต้วนหลิงเทียนอยู่!!

“ประมุข…ลองดูว่าในนี้มีลูกแก้ววิญญาณของเจิ้งหงอี้ไหม”

ในขณะที่ใจของเจิ้งหงอี้เต็มระส่ำไปด้วยความกังวล ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเรียกแหวนพื้นที่ออกมาวงหนึ่ง ก่อนจะยื่นส่งให้ซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่

ด้านซุนเหลียงเผิงนั้น พอเห็นว่าลูกศิษ์ของตัวเองอย่างเจิ้งหงอี้ยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ไม่ยอมรับว่าจ้างนักฆ่าจากองค์กรกะโหลกเลือดรวมถึงให้ความร่วมมือกับนักฆ่าลักพาตัวคน! ถึงแม้มันจะเชื่อคำพูดต้วนหลิงเทียนมากกว่า แต่มันก็ไม่อาจพูดอะไรได้ เพียงรอให้ต้วนหลิงเทียนแสดงหลักฐานอะไรออกมา

ตอนนี้พอเห็นต้วนหลิงเทียนส่งแหวนพื้นที่วงหนึ่งมาให้ มันก็ตระหนักได้ทันที

จริงด้วย แหวนพื้นที่ของนักฆ่ากะโหลกเลือดอยู่ในมือต้วนหลิงเทียน!

หากเจิ้งหงอี้เป็นคนสมรู้ร่วมคิดกับนักฆ่ากะโหลกเลือดจริง ในแหวนพื้นที่ของนักฆ่ากะโหลกเลือดก็ต้องมีลูกแก้ววิญญาณของเจิ้งหงอี้เก็บไว้!

“เฮอะ! ต่อให้ในแหวนวงนั้นมีลูกแก้ววิญญาณของข้าอยู่ในนั้น แล้วจักบ่งบอกอันใดได้?”

เห็นต้วนหลิงเทียนยื่นแหวนพื้นที่วงหนึ่งให้ซุนเหลียงเผิง เจิ้งหงอี้ก็แสยะยิ้มกล่าวเย้ยออกมา “ในนิกายไม่ทราบมีศิษย์กี่คนที่มีลูกแก้ววิญญาณของข้า ไฉนเจ้าจักไปหามาสักลูกเพื่อใส่ความข้าไม่ได้?”

“อ้อ แล้วถ้าหากข้าบอกว่าแหวนพื้นที่วงนี้เป็นขอนักฆ่ากะโหลกเลือดเล่า?”

ได้ยินคำกล่าวอ้างของเจิ้งหงอี้ ต้วนหลิงเทียนก็หันกลับมาเหลือบมองมันด้วยสายตาเย็นชา มุมปากยังยกยิ้มแสยะบางๆด้วยความสมเพช

พอต้วนหลิงเทียนพูดจบคำ เจิ้งหงอี้ก็ตะลึงไปทันใด

แหวนพื้นที่ของนักฆ่ากะโหลกเลือด!?

หากนั่นเป็นแหวนพื้นที่ของนักฆ่ากะโหลกเลือด…แล้วไฉนมาอยู่ในนมือของต้วนหลิงเทียนได้?

เว้นเสียแต่…นักฆ่ากะโหลกเลือดจะตายไปแล้ว!

จากนั้นก็เห็นว่า ซุนเหลียงเผิงได้เรียกลูกแก้ววิญญาณลูกหนึ่งออกมาจากแหวนด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ มันที่เป็นอาจารย์ของเจิ้งหงอี้ ย่อมคุ้นเคยกับกลิ่นอายพลังวิญญาณของลูกศิษย์ตัวเองดี! และลูกแก้ววิญญาณที่มัหยิบบออกมาจากแหวนพื้นที่นักฆ่ากะโหลกเลือดลูกนี้ เห็นได้ชัดว่ามีพลังวิญญาณของเจิ้งหงอี้ประทับเอาไว้!!

“เป็นเจ้าจริงๆ…ศิษย์สารเลว!!”

ซุนเหลียงเผิงหันมามองเจิ้งหงอี้อีกครั้ง คราวนี้แววตาก็แลดูเยียบเย็นนัก พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดยังปะทุออกมาลุกโชนท่วมร่างปานเพลิงไฟ แผ่ซ่านเจตนาฆ่าฟันอำมหิตออกมาอย่างไม่คิดจะระงับ ราวกับคิดจะฟาดเจิ้งหงอี้ให้ตายตกคามือแทนคำอธิบายให้ต้วนหลิงเทียน

“ท่านอาจารย์!”

เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันจากซุนเหลียงเผิง สีหน้าเจิ้งหงอี้เปลี่ยนไปใหญ่หลวง เร่งกล่าวแก้ตัวออกมาอย่างร้อนรน “ท่านอย่าได้หลงเชื่อมัน…หรือมันบอกว่านั่นเป็นแหวนพื้นที่ของนักฆ่ากะโหลกเลือด ก็ต้องเป็นแหวนพื้นที่ของนักฆ่ากะโหลกเลือดจริงๆ?”

“สารเลวเจ้ายังไม่สำนึกอีก! เป็นข้าเห็นกับตาว่าต้วนหลิงเทียนหยิบแหวนวงนี้ขึ้นมาจากศพของนักฆ่ากะโหลกเลือด!!”

ยิ่งมาเจตนาฆ่าฟันในแววตาซุนเหลียงเผิงยิ่งรุนแรง จากนั้นมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน กล่าวออกอย่างตรงไปตรงมาว่า “ต้วนหลิงเทียน ศิษย์สารเลวของข้าคนนี้เชิญเจ้าประหารมันด้วยตัวเองเถอะ…ฆ่ามันล้างแค้นให้ผู้ติดตามของเจ้า!”

“ขอบคุณประมุข”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นก็ก้มลงไปมองเจิ้งหงอี้ด้วยสายตาเปี่ยมจิตสังหาร

การตายของหลิวก่วงหลินนั้น ทั้งหมดเป็นเพราะเขาคนเดียว

เช่นนั้นไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เขาต้องคืนความุติธรรมให้กับหลิวก่วงหลินที่ตกตายไปอย่างไม่เป็นธรรมให้จงได้!

ตอนนี้ไม่ว่าเจิ้งหงอี้จะกล่าวแถแก้ตัว บอกว่าต้วนหลิงเทียนอาจขโมยลูกแก้ววิญญาณของมันจากศิษย์คนอื่น และนำมาใส่แหวนพื้นที่ของนักฆ่ากะโหลกเลือดทีหลัง แต่ซุนเหลียงเผิงก็ไม่คิดฟังแม้แต่น้อย เพียงมองมันด้วยสายตาเฉยเมย คล้ายไม่แยแสอีกต่อไปว่ามันจะอยู่หรือตาย

วูบ

พอเห็นว่าอาจารย์ของมัน ไม่แยแสคววามเป็นตายของมันอีกต่อไป ทั้งยังสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันอำมหิตที่เอ่อล้นออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน สีหน้าเจิ้งหงอี้ก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน สองตาของมันบัดนี้ฉายชัดถึงความหวาดกลัวจับใจ

และพอเห็นต้วนหลิงเทียนกำลังจะลงมือ เจิ้งหงอี้ที่สีหน้าแปรเปลี่ยนสลับกลับกลายไปไม่หยุด ก็เร่งโพล่งกล่าวออกมาเสียงดัง “ต้วนหลิงเทียน! ไม่ใช่ข้าแค่คนเดียวที่สมรู้ร่วมคิดกับนักฆ่ากะโหลกเลือด! หวังหง…หวังหงเองก็ร่วมมือกับข้าเพื่อจ้างนักฆ่ากะโหลกเลือดมาฆ่าเจ้าด้วย!!”

“ในแหวนพื้นที่ของนักฆ่ากะโหลกเลือดคนก่อน สมควรมีเกราะอมตะระดับราชาตัวหนึ่งที่คล้ายเถาวัลย์สีเขียวโปร่งแสงอยู่ และยังเป็นเกราะอมตะระดับราชาที่ผ่านการขัดเกลาหล่อเลี้ยงจากจอมราชันอมตะแล้ว! มันคือเกราะเถาวัลย์แก้วที่หวังหงจ่ายเป็นค่ามัดจำให้นักฆ่ากะโหลกเลือด!!”

เมื่อสัมผัสได้ว่าความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้และเป็นดั่งชะตาที่มิอาจหลีกเลี่ยง เจิ้งหงอี้ก็กัดฟันกล่าวออกมาอย่างดุร้าย หมายลากหวังหงให้ลงนรกไปกับมันด้วย!

ด้วยวิธีนี้ต่อให้มันจะถูกประหารตายตก แต่อย่างน้อยๆหวังหงก็ต้องร่วมหัวจมท้ายตกตายไปพร้อมกันกับมันด้วย!

แต่ถ้าหากหวังหงไม่ถูกประหาร ก็ไม่แน่ว่ามันจะต้องตาย!

นับว่านี่เป็นความพยายามครั้งสุดท้ายของมันแล้ว

“หวังหง”

จิตสังหารในแววตาของต้วนหลิงเทียนปะทุขึ้นมาอีกรอบ จากนั้นก็หันไปกล่าวกับซุนเหลียงเผิงเสียงเย็น สองตายังมองจ้องสบตาอีกฝ่ายยเขม็ง “ประมุข…ดูเหมือนว่าเรื่องที่อาวุโสใหญ่บอกข้ากับท่านวันก่อน ท่าทางจะไม่ใช่ความจริง”

“ศิษย์สารเลว เจ้ามีหลักฐานหรือไม่!?”

ซุนเหลียงเผิงหันไปมองจ้องเจิ้งหงอี้พลางเอ่ยถามเสียงหนัก

แม้ปากมันจะกล่าวถามออกไป หากแต่ในใจนั้นเชื่อไปแล้วเต็มสิบส่วนว่าหวังหงมีเอี่ยวด้วยจริงๆ

“ท่านอาจารย์ ข้าไม่มีหลักฐานอันใดหรอก…แต่ข้าสามารถนัดนางมาคุยได้ ตราบใดที่ท่านซ่อนตัวแอบฟัง ย่อมได้ยินเรื่องที่ข้าคุยกับนาง เช่นนั้นท่านก็ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะใส่ร้ายนาง”

เจิ้งหงอี้กล่าว

หวังหงนั้น ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทางองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดได้ส่งนักฆ่าอีกคนมาแล้ว กระทั่งไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วยเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เช่นนั้นเจิ้งหงอี้จึงส่งข้อความติดต่อไปหานางโดยบอกว่า บัดนี้นักฆ่าคนใหม่ขององค์กรกะโหลกเลือดได้มาถึงแล้ว และคิดจะชวนนางไปพบด้วยกัน จึงนัดนางออกมาพบในที่ลับตา

หวังหงที่ได้รับข้อความก็ไม่ได้เอะใจสงสัยอะไ รเพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องมีนักฆ่าคนใหม่มา จึงเร่งรุดมาหาเจิ้งหงอี้ทันที

“เจิ้งหงอี้ แล้วนักฆ่าคนใหม่ที่ทางองค์กรกะโหลกเลือดส่งมามีด่านพลังฝึกปรืออันใด? ข้าได้ยินจากท่านปู่มาว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนสมควรถือครองพลังขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศอยู่…”

พอพบเจอเจิ้งหงอี้ หวังหงก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความอยากรู้ทันที

“หากเป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะทั่วไป…ข้าเกรงว่าจะไม่อาจฆ่าเจ้าต้วนหลิงเทียนนั่นได้”

หวังหงยังเอ่ยต่อออกมา โดยที่ไม่รอฟังคำตอบของเจิ้งหงอี้ด้วยซ้ำ

“ท่านได้ยินแล้วกระมัง”

พอเสียงกล่าวถามของหวังหงดังจบคำ เจิ้งหงอี้ก็หันไปกล่าวคำกับความว่างเปล่า พอหวังหงได้ยินดังนั้น นางก็หน้าเสียไปทันที ในใจของนางยังบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาประการหนึ่ง!

“หวังหง ที่แท้เจ้ามีส่วนกับเรื่องนี้ด้วยจริงๆ!”

วินาทีต่อมา ในสายตาของหวังหงก็เห็นร่างซุนเหลียงเผิงกับต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นมาปานภูตผี!

ขณะที่ซุนเหลียงเผิงกล่าว สองตาก็มองจ้องไปยังหวังหงด้วยโทสะ!

มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆหวังหงจะมารวมหัวทำชั่วกับเจิ้งหงอี้แบบนี้ หรือนางไม่คำนึงบ้าง ว่าปู่ของนางเป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ในนิกาย?

ด้านต้วนหลิงเทียนก็มองหวังหงด้วยสายตาชืดชาไร้อารมณ์ ทำราวกับกำลังมองคนตาย!

“ประ…ประมุข!”

ตั้งแต่ที่เห็นเจิ้งหงอี้หันไปมองอากาศว่างเปล่าแล้วกล่าววาจาเมื่อครู่ออกมา หวังหงก็รู้สึกใจคอไม่ดีอยู่แล้ว ตอนนี้พอเห็นว่าซุนเหลียงเผิงกับต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน นางก็ตกตะลึงอึ้งไปโดยสมบูรณ์!

หลังจากกลับมารู้สึกตัว นางก็หันไปถลึงตามองเจิ้งหงอี้อย่างดุร้าย กัดฟันกล่าวออกมาอย่างอาฆาต “เจิ้งหงอี้ เจ้าจะตายไฉนไม่ตายไปคนเดียว! ไม่คิดเลยว่าเจ้ายังจะลากข้าลงน้ำไปด้วย!!”

หากหวังหงยังไม่รู้ตัวอีกว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เกรงว่าชีวิตที่อยู่มาหลายร้อยปีของนาง คงไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัขแล้ว

หลังได้ยินคำสารภาพของเจิ้งหงอี้กับหวังหงแล้ว ซุนเหลียงเผิงก็ติดต่อไปหาผู้อาวุโสใหญ่รวมถึงผู้อาวุโสคนอื่นๆของนิกายอมตะเป้าผู่ทันที เพื่อหารือเรื่องจะจัดการกับเจิ้งหงอี้และหวังหงอย่างไร…

“เรื่องนี้ชั่วร้ายเกินไปจนข้ามิอาจรับไหว! หากศิษย์เข่นฆ่ากันเองเพื่อช่วงชิงข้ายังพอเข้าใจได้…แต่ถึงกับจ้างนักฆ่าด้านนอกให้มาลงมือแบบนี้ มันจะมากเกินไปแล้ว!!”

รองประมุขนิกายจางกวงเจิ้ง ที่เป็นคนนำต้วนหลิงเทียนมายังนิกายอมตะเป้าผู่ แผดเสีงกล่าวออกมาอย่างโมโห “ข้าเห็นว่าสมควรประหารศิษย์สารเลวทั้งคู่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง! ต่อไปจักได้มิเกิดเรื่องอุบาทว์พรรค์นี้ขึ้นในนิกายเราอีก!!”

“ข้าเห็นด้วยกับรองประมุขจาง”

รองประมุขอีกคนของนิกายอมตะเป้าผู่ อันเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างหน้าตาปานกลาง กล่าวเห็นด้วยเรื่องประหารเจิ้งหงอี้กับหวังหง

นอกจากตัวหวังเชียนจ้านผู้อาวุโสใหญ่ของนิกายอมตะเป้าผู่ปู่ของหวังหงที่ยังไม่พูดอะไร อาวุโสคนอื่นๆของนิกายอมตะเป้าผู่ล้วนเห็นด้วยเป็นเอกฉันท์กับรองประมุขทั้งสอง

“อาวุโสใหญ่ท่านคิดเห็นอย่างไร”

ซุนเหลียงเผิงหันไปมองถามหวังเชียนจ้าน

พร้อมกันนั้นเหล่าอาวุโสคนอื่นๆรวมถึงรองประมุขทั้ง 2 ก็หันไปมองจ้องหวังเชียนจ้านเช่นกัน สร้างแรงกดดันให้หวังเชียนจ้านอย่างหนัก

“ประหารก็ประหารเถอะ”

หวังเชียนจ้านเอ่ยคำเสียงเบา พอพูดจบมันก็หันหลังแล้วเหินร่างจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย

แม้น้ำเสียงของหวังเชียนจ้านฟังแล้วจะคล้ายไร้แยแส แต่อาวุโสของนิกายอมตะเป้าผู่ทั้งหมดย่อมเข้าใจดีว่าตอนนี้หวังเชียนจ้านรู้สึกอย่างไร ดังนั้นจึงไม่มีใครคิดว่าอีกฝ่ายจะหยาบคายยที่เลือกจะจากไปดื้อๆแบบนี้

หลังจากนั้นเจิ้งหงอี้กับหวังหงก็ถูกตัดสินโทษประหาร โดยซุนเหลียงเผิงเองก็มอบหมายหน้าที่เพชรฆาตให้ต้วนหลิงเทียนลงมือด้วยตัวเอง นับว่าเป็นการเอาใจต้วนหลิงเทียน

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รั้งรออะไร เลือกจะสะบัดมือส่งๆสร้างกระบี่พลังตัดหัวหวังหงก่อน จากนั้นก็หันไปมองเจิ้งหงอี้ พลางเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย “เจิ้งหงอี้ ข้ายังอยากรู้เรื่องหนึ่ง…ใครมันเป็นคนค้ำประกันให้เจ้ากันแน่? เจ้าถึงสามารถทำให้องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดออกภารกิจสังหารข้าได้?”

พอต้วนหลิงเทียนกล่าวถามเรื่องนี้ออกมาอาวุโสของนิกายอมตะเป้าผู่ทุกคนในจุดเกิดเหตุ ก็หันไปมองเจิ้งหงอี้เพื่อรอฟังคำตอบเช่นกัน

องค์กรกะโหลกเลือด เป็น 1 ใน 3 องค์กรมือสังหารระดับแนวหน้าของแดนสวรรค์ใต้ เกณฑ์การจ้างวานนับว่าสูงมาก

ผู้ที่คิดจ้างงานองค์กรกะโหลกเลือด จำต้องมีผู้ค้ำประกันเป็นผู้นำขุมกำลังระดับ 6 หรือไม่ก็ต้องเป็นจอมราชันอมตะ

นอกเหนือจากนี้ เกรงว่าคงต้องมีเส้นสายภายในเท่านั้น

ทุกคนรู้สึกว่าเจิ้งหงอี้สมควรมีเส้นสายภายในมากกว่า ถึงสามารถจ้างงานองค์กรกะโหลกเลือดได้

“ข้าจะตายอยู่แล้ว…ทำไมยังต้องบอกเจ้าด้วย”

เจิ้งหงอี้กล่าวเย้ย

“หากเจ้าสารภาพมาตามตรง ข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างรวบรัดโดยมีสภาพศพสมบูรณ์…หาไม่แล้วข้าจะแล่เนื้อเถือหนังเจ้า!”

(แล่เนื้อเถือหนัง คือการใช้มีดค่อยๆเฉือนร่างทีละชิ้นๆจนครบพันชิ้น เพื่อให้เจ็บปวดทรมาณที่สุดจนกว่าจะตาย)

สองตาต้วนหลิงเทียนพลันปะทุจิตฆ่าฟันอำมหิตออกมา น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความเย็นชา พาลให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกเสมือนติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ

แล่เนื้อเถือหนัง!

ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน สีหน้าเจิ้งหงอี้ก็เปลี่ยนไปทันใด ยังซีดลงราวกระดาษ!

และเมื่อเห็นจิตสังหารอำมหิตในแววตาต้วนหลิงเทียน เจิ้งหงอี้ก็รู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้พูดเล่น

“ครั้งหนึ่งที่ข้าออกไปด้านนอกนิกาย ข้าบังเอิญไปเจอลูกชายของตัวตนระดับสูงขององค์กรกะโหลกเลือดกำลังตกที่นั่งลำบาก จึงได้ช่วยเหลือมันเอาไว้…มันก็เลยมอบลูกแก้ววิญญาณไว้ให้ข้า และรับปากข้าว่าจะช่วยออกภารกิจสังหารให้ข้า 2 ครั้ง”

เจิ้งหงอี้ที่หวาดกลัวต้วนหลิงเทียนจะทรมาณมันจนตายด้วยวิธีแล่เนื้อเถือหนัง ก็รีบกล่าวออกไปตามตรงด้วยความตื่นตระหนก