‘ที่นี่มัน…สถานที่ๆเจียงหลานจัดเตรียมไว้ตั้งแต่ชาติก่อนสินะ?’

เมื่อสองตาของต้วนหลิงเทียนแลเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองถูกส่งตัวมายังถ้ำที่กว้างพอประมาณแห่งหนึ่ง และผนังโดยรอบล้วนเป็นกำแพงหิน ไร้ประตูหน้าต่างหรือช่องทางอันใด เป็นสถานที่ปิดทึบ

“หวงเอ้อ!”

อาศัยหนึ่งห้วงคิด ต้วนหลิงเทียนก็ติดต่อกับจิตวิญญาณอุปกรณ์เทพอย่างหวงเอ้อในทะเลวิญญาณทันนี “หลิงเจวี๋ยอวิ๋นบอกข้าไว้เมื่อครู่ ว่าหากข้ามาถึงที่นี่ ท่านจะช่วยข้าจัดการเรื่องค่ายกลมายาหลอนประสาท”

อย่างไรก็ตาม เสียงต้วนหลิงเทียนพึ่งจะดังในทะเลวิญญาณได้ไม่ทันไร ก่อนที่หวงเอ้อจะทันได้ตอบคำด้วยซ้ำ เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็ดังขึ้นมาเสียก่อน “เจ้าหนูเอย…เรื่องแค่นี้ไหนเลยต้องลำบากหวงเอ้อ อาศัยข้าปฐพีเทพผู้นี้ก็จัดการได้เหลือแหล่แล้ว!!”

เสียงกล่าวท้ายประโยค คล้ายปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินจะอวยตัวเองไม่น้อย!

“เจ้ามีความสามารถอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?”

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

“ธรรมดา!”

ต้วนหลิงเทียนที่เอ่ยถามไปด้วยความประหลาดใจ ก็ได้ยินเสียงตอบด้วยของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินเร็วไว กระทั่งน้ำเสียงเด็กน้อยยังไม่หย่านมมารดาของมัน ยังเต็มไปด้วยความโอ้อวดถึงที่สุด

“หึ!”

ทันใดนั้นเอง เสียงพ่นลมเย็นชาหนึ่งพลันดังขึ้น และต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็บอกได้ไม่ยากว่าเป็นเสียงของทองเทพสุดลี้ลับ และขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็พบว่าทองเทพสุดลี้ลับที่อยู่ใกล้ๆดวงจิตเขา กำลังแผ่พลังลี้ลับขุมหนึ่งให้มุ่งตรงมายังดวงตาของเขา

ทันใดนั้นลูกตาต้วนหลิงเทียนก็เสมือนมีม่านแสงสีทองบางๆฉาบเคลือบ จนสองตาเขากลับกลายเป็นสีทอง

อย่างไรก็ตามม่านแสงบางๆสีทองดังกล่าวเพียงคงอยู่ชั่ววูบหนึ่ง ก่อนจะกลมกลืนหายไปในดวงตาของต้วนหลิงเทียน ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

และพริบตาต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าฉากเรื่องราวเบื้องหน้ามันแปรเปลี่ยนไปพลิกฟ้าคว่ำดิน เขายังอยู่ในถ้ำก็จริง แต่ครานี้มันเป็นโถงถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลนัก! และบริเวณใจกลางถ้ำอันมีทะเลสาบนั้น…ก็มีเกาะกลางทะเลสาบเล็กๆเกาะหนึ่ง! ที่สำคัญเลยก็คือเกาะกลางทะเลสาบดังกล่าว มีต้นไม้สูงใหญ่ต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอย่างน่าเกรงขาม!!

ต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านบนเกาะกลางน้ำดังกล่าว แตกต่างจากต้นไม้ทั่วไป เนื่องเพราะไม่เพียงแต่ลำต้นของมันจะเป็นสีแดงเลือด กระทั่งกิ่งก้านใบก็มีสีแดงเลือดเช่นกัน อีกทั้งรอบๆต้นไม้ยังปรากฏประกายอัสนีสีแดงฉานแล่นวาบแปลบปลาบ!

‘หืม?’

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นบนยอดเขาหมาป่าหอนฟ้า ก็ได้ถูกส่งมาปรากฏตัวในโถงถ้ำสุดไฟศาลแห่งนี้เหมือนเขา ร่างคนรู้จักทั้ง 3 อย่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋น หลินเฟยหยาง และมู่หรงเซี่ยวเซี่ยว ก็ตกอยู่ในสายตาเขาเร็วไว

นอกจากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ยืนสงบนิ่งไม่หันมองซ้ายขวาแล้ว คนอื่นๆไม่ว่าใครล้วนหันรีหันขวางมองสำรวจไปทั่ว และดูเหมือนจะไม่สังเกตุเห็นคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆเลย

‘ดูเหมือนว่าทุกคนจะตกอยู่ในภาพมายากันหมดแล้ว’

เห็นอาการของทุกคน ก็ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาเรื่องราวได้

ก่อนหน้าที่ทองเทพสุดลี้ลับจะลงมือ เขาเองก็พบว่าตัวเองมาปรากฏในถ้ำปิดทึบแห่งหนึ่งที่ไม่ได้กว้างขวางมากมายอะไร และนอกจากตัวเขาแล้ว ก็ไม่มีบุคคลที่ 2 อยู่ในถ้ำดังกล่าวเลย เห็นได้ชัดว่าเขาถูกภาพมายาหลอกตาให้เห็นว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียว

“ทองเทพสุดลี้ลับเจ้าทำงี้ได้ไง เจ้ามาแย่งซีนข้าทำไม!?”

เสียงเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมฟังดูหงุดหงิดของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้นในร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ก่อนหน้านี้มันกำลังจะอวดพลังสามารถ และแก้ไขสถานการณ์ต้วนหลิงเทียนที่ถูกค่ายกลมายาเล่นงานอยู่แล้วเชียว แต่ไม่คิดเลยว่าจะโดนทองเทพสุดลี้ลับแย่งบทซะงั้น!

“ก็แค่ทักษะเล็กๆน้อยๆ แต่เจ้ายังลีลาอยู่นานสองนาน…ข้าผิดอันใดที่ทนดูไม่ไหว?”

ทองเทพสุดลี้ลับเอ่ยออกเสียงเรียบ

“ฮ่าๆๆ…ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ดูเหมือนจะไม่ได้มีแต่เจ้าเท่านั้นที่สามารถจัดการค่ายกลมายาที่นี่ได้ ผู้อาวุโสทองเทพสุดลี้ลับก็สามารถทำได้เช่นกัน และให้ข้าเดาผู้อาวุโสเพลิงเทพโกลาหลก็สมควรทำได้เหมือนกันใช่ไหม?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวหยอกปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินอย่างสนุกกสนาน

คราวนี้ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินก็ไม่ได้ตอบโต้ต้วนหลิงเทียนแต่อย่างไร และต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยากว่าไม่พ้นปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินต้องกำลังจ๋อยอยู่แน่ เพราะโอกาสที่มันจะได้แสดงฝีมือกลับถูกทองเทพสุดลี้ลับชิงลงมือก่อนหน้าตาเฉย…

หลังจากอยู่ร่วมกันมาพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็พอจะเข้าใจลักษณะนิสัยของเหล่าเทพแห่งธาตุที่ก่อเกิดสติปัญญาในร่างเขาอยู่บ้าง

ในบรรดาทั้งหมด เพลิงเทพโกลาหลประหนึ่งผู้อาวุโสที่มากความรู้และมากประสบการณ์

ทองเทพสุดลี้ลับนั้นประหนึ่งคนขรึมๆ หนักแน่น

สำหรับปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินนั้น ประหนึ่งเด็กน้อยซุกซน ถึงแม้ความสามารถจะไม่ได้ด้อยไปกว่าเพลิงเทพโกลาหลและทองเทพสุดลี้ลับ แต่วุฒิภาวะกับจิตใจไม่อาจเทียบทั้ง 2 ได้เลย

“ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้เผลอเผยท่าทีทำราวกับมองผ่านค่ายกลมายานี่ออกเชียว…อีกทั้งหากมีผู้ใดลงมือจู่โจมเข้ามาก็ฆ่ามันทิ้งไปเสีย! แน่นอนว่าหากเจ้ามีอุปกรณ์อมตะจอมราชันอยู่ก็นำมันออกมาใช้ได้ตามสมควร”

เสียงผ่านพลังกล่าวเตือนของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน “แต่อย่าได้ใช้อุปกรณ์เทพหรืออุปกรณ์อมตะจักรพรรดิเด็ดขาด หาไม่แล้วข้าเกรงว่าเจียงหลานนั่นต้องเพิ่มความระวังในตัวเจ้า…หากมันเกิดตื่นตัวอะไรขึ้นมา ยามผลเทพสังเวยสวรรค์ปรากฏ คงยากที่พวกเราจะคว้าเอาไว้ได้”

พอได้ยินเสียงกล่าวเตือนของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็สมควรมองผ่านค่ากลมายาหลอนประสาทที่นี่โดยอาศัยความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณอุปกรณ์เทพแล้วแน่นอน

และแทบจะทันทีที่เสียงผ่านพลังของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นดังจบคำ

ฟุ่บ!

ปรากฏร่างหนึ่งกระพริบวาบเข้ามาในสายตาของต้วนหลิงเทียนพร้อมด้วยเสียงแหวกฝ่าสายลมฉับไว เป็นชายหนุ่มในชุดสีฟ้าคนหนึ่งที่อยู่ๆก็โจนทะยานลงมือเข้ามาด้วยจิตอำมหิต ทั่วร่างมันยังปรากฏประกายอัสนีแล่นวาบแปลบปลาบประหนึ่งเทพสายฟ้า

“กฏสายฟ้ารึ?”

เห็นชายหนุ่มชุดฟ้าดังกล่าวป้อนกระบวนท่าจู่โจมเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่ากฏที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญก็คือกฏสายฟ้า

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

จิ๊ก! จิ๊ก! จิ๊ก! จิ๊ก!

เสียงพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผสานธาตุสายฟ้าดังสนั่น ทั้งยังปรากฏเสียงอัสนีแปลบปลาบดังระงมปานปักษานับพันร่ำร้อง เรียกว่ากระบวนท่าที่อีกฝ่ายป้อนมา นอกจากสภาวะพลังแลดูน่าครั่นคร้ามแล้ว ยังเต็มไปด้วยเสียงข่มขวัญคู่ต่อสู้นัก!

ต้วนหลิงเทียนมองจ้องร่างชายหนุ่มชุดฟ้าที่จู่โจมเข้ามาด้วยความสนใจ พบว่าสองตาที่อีกฝ่ายใช้มองจ้องเขาช่างเย็นชาเหลือเกิน ราวกับเห็นเขาเป็นเหยื่อ ที่หากเข่นฆ่าล่าไม่ได้ก็ไม่คิดเลิกรา…

‘มันสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏสายฟ้าแค่ 2 ประการ…’

เผชิญหน้ากับกระบวนท่าสังหารที่สภาวะพลังน่าครั่นคร้ามของอีกฝ่าย สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงเป็นเส้น จากนั้นเขาก็สะบัดมือขวาอย่างไร้เรื่องราว ปรากฏแหวนวงหนึ่งอันมีมณี 9 เม็ดฝังอยู่โดยรอบ จากนั้นเขาก็เร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ใช้ออกด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 2 ประการ อันได้แก่ธาตุไฟและลุกโหมทันที!

และเพียงสะบัดตบฟาดฝ่ามือพลังไร้สภาพออกไปตามอำเภอใจ ต้วนหลิงเทียนก็สามารถครอบงำอีกฝ่ายได้อย่างหมดจด!

ถึงแม้จำนวนความลึกซึ้งของกฏที่เขาใช้จะมีแค่ 2 ประการเท่ากันกับชายหนุ่มชุดฟ้า แต่สิ่งที่อยู่ในมือเขาก็คืออุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน อานุภาพพลังของมันย่อมทำให้กระบวนท่าฝ่ามือของเขาทรงพลังสุดที่ชายหนุ่มชุดฟ้าจะต้านทานรับได้ไหวทันที

สุดท้ายเมื่อฝ่ามือแรกทำลายพลังสภาวะของอีกฝ่ายหมดสิ้นแล้ว ฝ่ามือที่ 2 พอตบฟาดออกไป ก็ปลิดปลงหนึ่งชีวิตของชายหนุ่มชุดฟ้าได้ไม่ยากเย็น…

“ไม่!!”

ก่อนตายตก ชายหนุ่มุชดฟ้าก็ได้แต่ร่ำร้องออกมาเสียงหลง สายตาของมันยังจับจ้องมายังแหวนที่ประดับไปด้วยมณี 9 เม็ดในมือต้วนหลิงเทียนเขม็ง…มันสมควรพบเห็นความไม่ธรรมดาของแหวนที่ต้วนหลิงเทียนใช้ก่อนตาย

อุปกรณ์อมตะในมือต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ก็คืออุปกรณ์อมตะระดับจอมราชัน แหวน 9 วิญญาณหยางลี้ลับ!

ครั้งที่เขายังอยู่ในพื้นที่ชายแดน พี่ใหญ่เผยที่ความเป็นมาลึกลับได้มอบแหวนวงนี้ให้เขา เพื่อให้เขาใช้มันตามหาแหวนอมตะจอมราชันอีกวงแล้วนำกลับมาให้…แต่จนแล้วจนรอดอีกฝ่ายก็ไม่เคยปรากฏตัวเพื่อรับมันคืน

ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าชายหนุ่มชุดฟ้า

“น่าสนใจจริงๆ…ดูเหมือนเจ้านั่นจะเป็นต้วนหลิงเทียนที่ข้าฝากให้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นไปชวนสินะ อัจฉริยะอีกคนในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวของแดนสวรรค์ใต้ หลิงหลัวเทียน”

ภายในถ้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลที่จุคนเรือนหมื่นได้อย่างไม่แออัด ปรากฏร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิบนต้นไม้สีเลือดที่ตั้งตระหง่านบนเกาะกลางน้ำ สองตามันจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ มุมปากคลี่ยิ้มแสยะเบาบาง

ร่างดังกล่าวก็คือ เจียงหลาน!

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่เจียงหลานสมควรมาปรากฏตัวที่นี่ หลังจากที่พวกต้วนหลิงเทียนถูกส่งตัวมา

เป็นธรรมดาว่าในสายตาของเจียงหลานนั้น ถึงแม้เบื้องหน้าของมันจะมีผู้คนนับหมื่น แต่ทั้งหมดไม่มีวันมองเห็นตัวมัน กระทั่งไม่อาจแลเห็นต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ที่มันปลูกไว้ตั้งแต่ชาติก่อนได้เลย!

ซูบ! ซูบ!

หลังชายหนุ่มชุดฟ้าตายตก ร่างของมันก็เริ่มซูบทั้งแห้งลงอย่างรวดเร็ว โลหิตก็ทะลักออกจากทวารทั้ง 7 แถมดวงจิตเองก็หลุดลอยออกจากร่าง พุ่งเข้าหาต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์!

พริบตาต่อมา ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ประหนึ่งอสูรร้ายตัวเขื่องโหยหิว อ้าปากกระหายเลือดกลืนกินเลือดเนื้อทั้งดวงจิตของชายหนุ่มชุดฟ้าที่ตายตกไปในหนึ่งคำ จากนั้นแสงสีเลือดที่เรืองรองทั่วลำต้น ก็คล้ายจะทอประกายเข้มขึ้นเล็กน้อย

ชายหนุ่มชุดฟ้าที่ตกตายด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นคนแรกในบรรดายอดเซียนอมมตะขั้นสูงสุดนับหมื่นที่ตกตายในถ้ำแห่งนี้

หลังจากมันตาย ก็เริ่มมีคนมากมายถูกฆ่าตายทีละคนๆ และคนที่ตกตายเหล่านี้ ไร้ซึ่งข้อยกเว้นใดๆล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแค่ 2 ประการเท่านั้น และยังตกตายภายใต้เงื้อมมือของผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการทั้งสิ้น

ในเมื่อทุกคนที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่มีด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด เช่นนั้นตัวชี้ขาดว่าผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่าก็คือจำนวนความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจ และอุปกรณ์อมตะที่ใช้ อย่างไรก็ตาม 99 ในร้อยส่วนของพวกมันล้วนใช้อุปกรณ์อมตะระดับราชาทั้งสิ้น ยากจะพบเห็นผู้ใดใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชัน

ด้วยเหตุนี้ทำให้เจียงหลานก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยยู่บ้าง ที่เห็นต้วนหลิงเทียนนำอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันออกมาใช้

แต่ก็เท่านั้น…

ในฐานะที่มันเป็นตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด ในชีวิตนี้มันย่อมได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่ตัวมันเตรียมไว้ตั้งแต่ชาติก่อนมาครองเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นอุปกรณ์อมตะจอมราชันก็ไม่อาจนับเป็นอะไรในสายตามัน!

“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นช่างเป็นอัจฉริยะที่น่ากลัวยิ่งนัก!”

เจียงหลานหันไปมองจ้องชายหนุ่มในชุดสีเทาเร็วไว และทันได้เห็นฉากการลงมือสังหารของชายหนุ่มชุดเทาพอดี ส่วนคนที่ถูกเข่นฆ่าไป ก็กลายเป็นอาหารอันโอชะของต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ตามระเบียบ

“สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งความตายได้ถึง 3 ประการ…ทั้งยังเหมือนกันกับข้าและต้วนหลิงเทียน มีอายุไม่ถึงร้อยปี…พรสวรรค์และความสามารถของมัน นับว่าฝืนฟ้ายิ่ง!”

ถึงแม้เจียงหลานจะยังอายุไม่ถึงร้อยปี และสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำได้ 4 ประการแล้ว…

อย่างไรก็ตามมันรู้ดีแก่ใจ ว่าทั้งหมดเป็นเพราะมันคือจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด

ทว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นหาได้เป็นผู้อมตะที่กลับชาติมาเกิดใหม่เช่นมันไม่ เพราะหากหลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นผู้อมตะกลับชาติมาเกิดใหม่จริง ตัวมันย่อมรับรู้ได้แน่นอน

ด้วยเหตุนี้ความสำเร็จของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นจึงทำให้มันประหลาดใจไม่น้อย

กระทั่งตัวมันเมื่อชาติก่อน ยังไม่เคยพบเคยเห็นผู้ใดที่ไม่ใช่ผู้อมตะกลับชาติมาเกิด แต่สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นโดยที่ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีมาก่อนเลย

“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ หากมันสามารถยืนหยัดอยู่ได้เป็นคนสุดท้าย ข้าอาจพิจารณาเรื่องมอบผลเทพสังเวยที่เหืออีกผลให้มัน…อย่างไรเสียผลเทพสังเวยสวรรค์ก็ต้องปรากฏขึ้น 2 ผล และข้าก็ใช้เองแค่ผลเดียวเท่านั้น…”

“แต่กระนั้น…มันต้องยินยอมให้ข้าปลูกตราทาสในดวงจิตของมัน จนกลายเป็นข้ารับใช้ของข้าเสียก่อน”

จังหวะนี้เจียงหลานอดไม่ได้ที่จะชมมองหลิงเจวี๋ยอวิ๋นด้วยสายตาหลงใหลในอัจฉริยะ…