ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ส่ายหัวไปมาอีกรอบ
“อย่าว่าแต่กิ่งของพฤกษาเทพกำเนิดชีพเลย ต่อให้เป็นพฤกษาเทพกำเนิดชีพทั้งต้นก็ไม่มีประโยชน์กับข้าเลย…ถึงแม้พฤกษาเทพกำเนิดชีพมันจะช่วยให้ผู้คนเข้าใจกฏแห่งชีวิตและยังมีพลังอำนาจอีกมาก อย่างไรก็ตามพลังทั้งหมดของมันก็เกี่ยวข้องกับกฏแห่งชีวิต หมายความว่าข้าถูกกลิขิตให้ไม่อาจใช้ประโยชน์อะไรจากมันได้”
“สายเลือดที่สืบทอดต่อๆกันมาของตระกูลข้า เป็นตัวกำหนดให้ชั่วชีวิตข้ามิอาจเกี่ยวข้องกับกฏแห่งชีวิตได้ และพฤกษาเทพกำเนิดชีพเองเมื่อสัมผัสได้ถึงสายเลือดข้า มันก็จะผลักไสทั้งไม่มีวันอยู่ร่วมกับข้าแน่นอน”
ฟังจากคำตอบของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ได้บอกให้รู้ถึงเรื่องหนึ่งแจ่มชัด
ไม่ใช่ว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นไม่ต้องการพฤกษาเทพกำเนิดชีพ
ทว่าปัญหาอยู่ที่ อีกฝ่ายไม่อาจใช้พฤกษาเทพกำเนิดชีพได้…
“แบบนี้นี่เอง…”
ได้ยินคำตอบของหลิงเจวี๋อวิ๋นต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักถึงต้นสายปลายเหตุ ขณะเดียวกันก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามสืบต่อว่า “ถึงเจ้าจะใช้มันไม่ได้ แต่เจ้าก็สามารถบอกคนของประเทศตงหมิงได้นี่นา ว่าพฤกษาเทพกำเนิดชีพมันเป็นสมบัติล้ำค่าขนาดไหน…ข้าเชื่อว่าหากคนของประเทศตงหมิงรู้คุณค่าของพฤกษาเทพกำเนิดชีพแล้ว พวกมันย่อมไม่คิดเอาเปรียบเจ้าแน่นอน”
“ก็จริงที่หากข้าบอกพวกมันแล้ว พวกมันอาจจะรู้ถึงคุณประโยชน์ของพฤกษาเทพกำเนิดชีพ…แต่ถ้าข้าเล่าเรื่องนี้ ชาติกำเนิดของข้าไม่เสี่ยงเปิดเผยรึไง”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นส่ายหัวไปมา จากนั้นมุมปากก็ยกยิ้มแสยะมากรังเกียจ “แล้วเรื่องที่เจ้าบอกว่าพวกมันจะไม่เอาเปรียบข้า…เจ้าคิดจริงๆเหรอว่าพวกมันจะปัญญาให้อะไรดีๆข้าได้?”
พอได้ฟังต้วนหลิงเทียนก็คลิ้มแหยๆออกมาทันที
เขาก็นึกขึ้นได้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะอย่างไรก็คือนายน้อยตระกูลลับจากระนาบเทพ ยังจะมีของล้ำค่าใดในประเทศอมตะระดับ 8 ที่อยู่ในสายตาของอีกฝ่าย?
ฟุ่บ! ฟุ่บ!
หลังจากผ่านไป 5 วัน ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่เร่งรุดเดินทาง ก็มาถึงเมืองอีกแห่งที่อยู่ภายใต้การปกครองโดยตรงของคฤหาสน์เอี้ยนซาน เหมือนๆกันกับเหมืองฝูซานที่อยู่ภายใต้การปกครองโดยตรงของคฤหาสน์เฉวียนโยว
และเมืองแห่งนี้ก็มีชื่อเรียกว่า เมืองเทียนจี่
หลังจากเข้ามาในเมืองเทียนจี่แล้ว ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็ไปตระเวนหาที่พัก สุดท้ายก็ไปใช้บริการที่พักอันเป็นกิจการของคฤหาสน์เอี้ยนซาน ยังเลือกจะจับจองที่พักที่ดีที่สุด
เมื่อพักอาศัยอยู่ในลานที่พักที่ดีที่สุดแบบนี้ ต่อให้จะเป็นนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักทั้ง 2 ขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด ก็อย่าได้หวังจะแตะต้องพวกเขาได้แม้แต่ปลายเล็บ!
นอกเสียจากนักฆ่าทั้ง 2 เบื่อชีวิตคิดรนหาที่ตาย หาไม่แล้วพวกมันไม่มีทางบุกเข้ามาก่อการที่นี่แน่นอน
“หืม? ยันต์อมตะเก็บความทรงจำอะไรเยอะแยะล่ะเนี่ย?”
ต้วนหลิงเทียนกับหลิงเจวี๋อวิ๋นที่ได้บ้านลานที่พักแล้ว พอเข้ามายังที่พักต้วนหลิงเทียนก็พบว่าภายในห้องหับนอกจากสิ่งอำนวยความะสดวกในการใช้ชีวิตแล้ว มุมหนึ่งยังมีชั้นวางยันต์อมตะเก็บความทรงจำเอาไว้เป็นตั้งๆ ไม่ต่างชั้นวางหนังสือ
แน่นอนว่าเพียงสังเกตเห็นลักษณะยันต์อมตะเก็บความทรงจำเหล่านี้ ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ในพริบตาว่ามันเป็นยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่ใช้ได้เรื่อยๆ
อีกทั้งขอบชั้นวางยังมีป้ายบอกรายละเอียดคร่าวๆว่า เป็นยันต์อมตะเก็บความทรงจำเรื่องราวใด
ยันต์อมตะเก็บความทรงจำบันทึกเรื่องราวสำคัญๆต่างๆในอวี้หวงเทียนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน หวังว่าท่านลูกค้าจักเพลิดเพลิน…
“เอ่อ?”
“พวกนี้มัน…ต่างอะไรกับหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารในโลกเก่าข้าล่ะเนี่ย?”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาพลางยิ้ม ไม่คิดเลยว่าที่พักอันเป็นกิจการของคฤหาสน์เอี้ยนซาน จะมีบริการเอาใจลูกค้าดีขนาดนี้ ถึงกับจัดเตรียมยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่ไม่ต่างอะไรจากหนังสือพิมพ์ให้แขกที่เข้าพักด้วย
พอดีกับที่ต้วนหลิงเทียนตอนนี้ไม่มีอะไรทำ เพราะเขายังรอให้พลังของผลเทพสังเวยสวรรค์ถูกร่างกายเขาดูดซับโดยสมบูรณ์อยู่
ระหว่างเดินทางมายังเมืองเทียนจี่แห่งนี้ ด่านพลังของเขาก็ทะลวงมาถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 5 องค์ประกอบแล้ว และหากนับเวลากันจริงๆ มันก็พึ่งผ่านไปแค่ 8 วันเท่านั้นตั้งแต่ที่เขากลืนผลเทพสังเวยสวรรค์ลงท้อง
อย่างไรก็ตามด่านพลังขั้นหลังๆ ก็จะยิ่งใช้เวลามากขึ้นเรื่อยๆ
ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ ตอนแรกหลังเขากินผลเทพสังเวยสวรรค์ไป มันก็ใช้เวลาแค่ 1 วันกับอีก 1 คืนเพื่อทำให้เขาทะลวงผ่านขอบเขตยอดเซียยนอมตะขั้นสูงสุดมาถึง ขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด และใช้เวลา 2 วันกับอีก 1 คืนเพื่อทำให้เขาทะลวงจากขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดมาถึง ขุนนางอมตะ 2 ยศ
และเวลาที่ใช้ในการทะลวงผ่านจากขุนนางอมตะ 2 ยศไปขุนนางอมตะ 3 ศักดิ์ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน และการทะลวงจากขุนนางอมตะ 3 ศักดิ์ไป ขุนนางอมตะ 4 รูป จนถึงขุนนางอมตะ 5 องค์ประกอบก็กินเวลาไปแล้วทั้งสิ้น 8 วัน
เรียกว่าด่านพลังขั้นหลังยิ่งมาก็จะยิ่งใช้เวลามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สุดท้ายแล้วหลังจากที่กินผลเทพสังเวยสวรรค์เข้าไป ก็จะใช้เวลาราวๆ 1 เดือนเท่านั้น ก็สามารถบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศได้แล้ว
ทว่าจนบัดนี้ แม้ด่านพลังจะทะลวงถึงขุนนางอมตะ 5 องค์ประกอบแล้ว แต่พลังที่ช่วยให้ทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏจากผลเทพสังเวยสวรรค์นั้นยังไม่ปรากฏ
แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร เขาเชื่อว่ามันต้องดำเนินการไปเป็นขั้นเป็นตอนอะไรทำนองนี้แน่ และที่เขาต้องทำก็คือรอไปอีก 20 วันเศษๆเท่านั้น
‘ตลอดช่วงเวลา 20 กว่าวันหลังจากนี้ ด้วยพลังในร่างที่เพิ่มพูนขึ้นตลอดเวลาข้าคงไม่อาจบ่มเพาะพลังอะไรได้แน่นอน กระทั่งจะทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟก็คงไม่ได้…เช่นนั้นนับว่ายันต์อมตะเก็บความทรงจำพวกนี้ ก็มาได้ถูกเวลาพอดี อย่างน้อยๆข้าก็จะได้ไม่เบื่อตายซะก่อน…’
‘แถมไม่แน่อาจมีเรื่องราววสำคัญๆอะไรในบันทึกพวกนี้ที่ข้าเคยรู้จักมาก่อน…อย่างไรเสียจักรพรรดิสวรรค์ของอวี้หวงเทียนแห่งนี้ ก็คือจักรพรรดิหยกในตำนานของบ้านเกิดข้า…’
จักรพรรดิหยกนั้น เป็นที่รู้จักกันดีในนาม ‘เง็กเซียนฮ่องเต้’ เป็นดั่งผู้นำเหล่าเทพเซียนทั้งหลายในตำนานปรัมปราของจีน
(เง็กเซียนฮ่องเต้ เป็นสำเนียงเป็นฮกเกี้ยนผสมแต้จิ๋ว ปกติจีนกลางจะเรียก อวี้หวงต้าตี้ หรือ อวี้หวงซ่างตี้)
พอคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้า หลังเดินไปนอนเอนหลังบนเตียงแล้ว ก็ใช้พลังหอบหิ้วยันต์อมตะเก็บความทรงจำบนชั้นมากองไว้ข้างๆ ค่อยหยิบยันต์อมตะดังกล่าวขึ้นมาแผ่นหนึ่ง พลางแผ่สำนึกลงไป
“บุตรชายคนที่ 3 ของจอมราชันอมตะคงหมิง แห่งแดนคงหมิง…อายุไม่ทันถึงร้อยปี ก็สามารถทะลวงถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด? อีกทั้งหลังเปิดโลกใบเล็ก ก็สามารถทำความเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ของกฏแห่งมิติถึงขั้นตอนเบื้องต้นได้สำเร็จ?”
ยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นแรกที่ต้วนหลิงเทียนใช้ ก็ได้บอกเล่าเรื่องราวของลูกชายคนสุดท้องของจอมราชันอมตะคงหมิงแห่งแดนคงหมิงของอวี้หวงเทียน
พอได้รับข้อมูลจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที…ว่าก่อนที่ลูกชายคนที่ 3 ของจอมราชันอมตะคงหมิงจะทะลวงถึงขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด อีกฝ่ายสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติอยู่ก่อนแล้ว 3 ประการ
จนเมื่อสามารถทะลวงผ่านถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้สำเร็จ อีกฝ่ายก็อาศัยช่วงเวลาที่เปิดโลกใบเล็กทำความเข้าใจกฏแห่งมิติเพิ่มเติม จนในที่สุดก็สามารถเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 ของกฏแห่งมิติได้สำเร็จ
“อายุไม่ถึงร้อยปี บรรลุขอบเขตขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิดและเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติ 4 ประการ…ความสำเร็จเพียงเท่านี้ ก็ทำให้ลูกชายคนที่ 3 ของจอมราชันอมตะคงหมิง ถูกนับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะแห่งแดนคงหมิงที่ยากจะปรากฏขึ้นในรอบหมื่นปีแล้วงั้นหรือ?”
หลังได้รับทราบเรื่องราวในยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นแรก ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวไปมาพลางกล่าวพึมพำด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนให้มองไปทั่วระนาบเทวโลก หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับข้าก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นอัจฉริยะในรอบพันปีเช่นกันสินะ…”
“ที่สำคัญหลังจากผ่านไปอีก 20 วัน…หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับข้าก็จะกลายเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว…”
“ด้วยอายุที่ยังไม่ถึงร้อยปี เข้าใจความลึกซึ้ง 3 ประการถึงขั้นตอนเบบื้องต้นกับริเริ่มเข้าใจความลึกซึ้งประการที่ 4 แถมบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ…ในระนาบเทวโลกตัวตนเช่นนี้ก็คงยากปรากฏในรอบแสนปีกระมัง?”
“หรือ…กระทั่งในรอบล้านปี อาจไม่มีคนอย่างหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับข้าปรากฏขึ้น?”
ถึงแม้วาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำกับตัว จะออกแนวอวตัวเองหน่อยๆ แต่อย่างไรเสียในใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับความสำเร็จของบุตรชายคนที่ 3 ของจอมราชันอมตะคงหมิงผู้นี้อยู่บ้าง
แน่นอนว่าที่ทำให้เขาตกใจก็แค่เชาว์ปัญญาของอีกฝ่ายเท่านั้นไม่ใช่ด่านพลังของอีกฝ่าย
“ก่อนจะทะลวงถึงขุนนางอมตะ 1 ต้นกำเนิด ก็สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้ถึง 3 ประการแล้ว…ไม่ว่าลูกชายคนเล็กของจอมราชันอมตะคงหมิงผู้นี้จะพบพานวาสนาอันใดมาหรือมีเชาว์ปัญญาสูงล้ำแต่กำเนิด ก็ล้วนบ่งบอกว่ามันไม่ธรรมดาจริงๆ”
กฏแห่งมิติจะอย่างไรก็คือ 1 ใน 4 กฏสูงสุด ไม่เพียงลึกลับยากหยั่งถึง แต่ยังหาทางทำความเข้าใจได้ยากจริงๆ
ต้องทราบด้วยว่าที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นสามารถทำความเข้าใจกฏแห่งความตายที่เป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดได้ นั่นก็เพราะสายเลือดของอีกฝ่ายมีส่วนช่วยเหลืออย่างมาก
ที่สำคัญ หลิงเจวี๋ยอวิ๋นเป็นใคร?
นั่นคือคนของตระกูลลับในระนาบเทพอย่างดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ กระทั่งมีสายเลือดของผู้แข็งแกร่งที่สุดไหลเวียนอยู่ในร่าง!
แต่ลูกชายคนที่ 3 ของจอมราชันอมตะคงหมิงผู้นี้ เป็นแค่ลูกชายของผู้ครองดินแดนคงหมิงที่เป็นดินแดนหนึ่งในอวี้หวงเทียนเท่านั้น พื้นเพของอีกฝ่ายเรียกว่าถูกฐานะของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นบดขยี้ยับเยิน!
จอมราชันอมตะคงหมิง ก็เป็นแค่จอมราชันอมตะสมญานามคนนึงเท่านั้น…
ในอวี้หวงเทียนมีดินแดนอย่างดินแดนคงหมิงมากมาย จอมราชันอมตะสมญานามเองก็มีมากมายนับไม่ถ้วน จอมราชันอมตะคงหมิงก็แค่หนึ่งในนั้น…
เมื่อดูจากสิ่งนี้แล้ว ก็บอกให้รู้ว่าลูกชายคนที่ 3 ของจอมราชันอมตะคงหมิงไม่ธรรมดาจริงๆ ที่สามารถโดดเด่นขึ้นมาแบบนี้ได้
“อย่างไรก็ตาม ดูจากอายุของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับด่านพลังแล้ว…ท่าทางคงไม่ทันได้เพลิดเพลินกับทรัพยากรของตระกูล ทางตระกูลก็ดันเกิดเรื่องขึ้นมาเสียก่อน พอต้องระหกระเหินหลบหนีมายังแดนสวรรค์แบบนี้…เช่นนั้นความสำเร็จของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นสมควรด้อยกว่าเหล่าคุณชายนายน้อยของตระกูลทั่วไปในระนาบเทพมากโข…ไม่ต้องพูดถึงเหล่าคุณชายนาน้อยในตระกูลใหญ่หรือตระกูลลับด้วยซ้ำ…”
ต้วนหลิงเทียนก็สามารถเข้าใจประเด็นนี้ได้ไม่ยาก
คนของระนาบเทพ ยิ่งเป็นเหล่าคุณชายนายน้อยทั้งหลาย น่ากลัวหากใช้ทรัพยากรบ่มเพาะในตระกูล ความสำเร็จคงก้าวไกลสุดที่เขาจะจินตนาการได้แน่นอน และนั่นไม่ใช่อะไรที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้ดิ้นรนด้วยตัวเองจะเทียบได้เลย
สุดท้ายแล้วระนาบเทพก็คือระนาบที่สูงส่งกว่าระนาบเทวโลก ตระกูลทั่วๆไปในระนาบเทพ…เกรงว่าต่อให้เป็นขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่มีปัญญาเทียบเทียมได้!
“อันนี้เป็นไงนะ…”
หลังใช้พลังหอบหิ้วยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นแรกที่บันทึกความสำเร็จของบุตรชายคนที่ 3 ของจอมราชันอมตะคงหมิงไปเก็บไว้บนชั้น ต้วนหลิงเทียนก็สุ่มหยิบยันต์อมตะอีกชิ้นที่กองตั้งอยู่ข้างกาย
พอแผ่สำนึกเทวะลงไปข้อมูลชุดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นให้รับทราบ
และทันทีที่ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าว ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หดเล็กลงทันที สีหน้ายังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ข้าราชบริพารของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียน จักรพรรดิอมตะ 3 ตา หยางเจี่ยน ด้วยความฮึกเหิมหลังบังเกิดความก้าวหน้า จึงออกสารท้าประลองจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน ซุนหงอคง ฉบับที่ 98…อนิจจาขาใหญ่ยังคงร้ายกาจดังเดิม จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินซุนหงอคง อาศัยทุบฟาดออกไปเพียง 3 พลอง จักรพรรดิอมตะ 3 ตาก็สิ้นท่า น้ำตาแทบซึมไหลออกจากตาที่ 3 มีอันต้องกลับวังจักรพรรดิสวรรค์ไปอย่างหงอยเหงา….”
(หยางเจี่ยน เป็นชื่อเดิมของ เทพเอ้อหลางในไซอิ๋ว)
“เป็นที่น่าฉงนนัก ก่อนหน้านี้จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินซุนหงอคงแม้ทุบตีเอาชนะจักรพรรดิอมตะ 3 ตามาได้ตลอด หากแต่ชัยชนะที่ได้มาเร็วสุด ก็จำต้องควงพลองฟาดทุบออกไปร้อยกว่ากระบวนท่า…หรือที่แท้จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดินซุนหงอคงได้แตะถึงธรณีประตูสู่ขอบเขตเทพแล้วกันแน่?”
ยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นที่ 2 ที่ต้วนหลิงเทียนหยิบขึ้นมาใช้ กลับบันทึกข้อมูลของตัวตนที่เขารู้จักมาตั้งแต่โลกก่อนเอาไว้ ทำให้จินตนาการเขาหลุดลอยไปยังตัวละครในภาพยนตร์ที่เขาเคยดูทันที
“หยางเจี่ยน? จักรพรรดิอมตะ 3 ตา?”
“ซุนหงอคง? จักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน?”
“หยางเจี่ยนกับซุนหงอคงประลองกันบ่อยขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร…กระทั่งหนังเรื่องไซอิ๋วที่เคยดู เทพเอ้อหลางกับซุนหงอคงก็เขม่นกันบ่อยๆ…”
“จักรพรรดิสวรรค์ของอวี้หวงเทียนก็สมควรเป็นจักรพรรดิหยก หรือเง็กเซียนฮ่องเต้…หยางเจี่ยนเองจากตำนานปรัมปราในโลกเก่าข้า ก็เหมือนจะเป็นหลานชายของจักรพรรดิหยกและคอยติดตามรับใช้จักรพรรดิหยกมาโดยตลอด จะใช้คำว่าข้าราชบริพารของจักรพรรดิหยกก็ไม่แปลกอะไร…”
“ส่วนซุนหงอคงนั้นในตำนานที่โลกเก่าจะถูกเรียกวว่า ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดิน…เช่นนั้นจักรพรรดิอมตะเสมอฟ้าดิน ซุนหงอคงผู้นี้ ก็สมควรเป็นตัวตนเดียวกับเรื่องเล่าในตำนานที่ข้ารู้จัก…”
“จากข้อมูลในยันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นนี้…ซุนหงอคงอาจแตะถึงธรณีประตูขอบเขตเทพแล้วหรือ?”
ขอบเขตเทพ!
ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าคำสั้นๆอย่างขอบเขตเทพนั้น เป็นดั่งคำนิยามตัวตนที่ทรงพลังที่สุดของระนาบเทวโลก!
ตราบใดที่ไร้ยอดฝีมือขอบเขตเทพจากระนาบเทพมาลดตัววลงมาวุ่นวาย เช่นนั้นจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศที่ทะลวงถึงขอบเขตเทพ ก็สามารถกวาดล้างระนาบเทวโลกใดๆได้ตามใจ!