กระทั่งรองผู้นำ 2 คน รวมถึง 10 ผู้ตรวจการที่นับว่ามีสถานะสูงส่งในคฤหาสน์เฉวียนโยวแห่งนี้ ยังไม่เคยพบเจอเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย?

หลังได้ยินคำพูดดังกล่าวของฉีเทียนหมิง ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมากับความลึกลับของเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่ว่า

ราว 1 เค่อต่อมา หลังฉีเทียนหมิงหอบหิ้วเขาเหินร่างวนไปวนมาในม่านหมอก ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ถูกพามาถึงหุบเขาอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง บรรยากาศภายในหุบเขาสงบรมรื่น เต็มไปด้วยบุปผานานาพรรณแมกไม้เขียวขจี

จากนั้นฉีเทียนหมิงก็พาต้วนหลิงเทียนไปถึงน้ำตกแห่งหนึ่งในหุบเขา และไปหยุดยืนบนศิลาก้อนใหญ่กลางน้ำ เบื้องหน้าม่านน้ำตก

“ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยว ฉีเทียนหมิง พาคนที่จักเข้ารับการทดสอบตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย มาคารวะท่านเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย”

ฉีเทียนหมิงที่ยืนตัวตรงดั่งหอกบนศิลาใหญ่กลางน้ำไม่ทันไร ก็ประสานมือโค้งคารวะอย่างนอบน้อม กล่าวส่งเสียงไปยังม่านน้ำตกเบื้องหน้า เสียงอันผสานพลังพุ่งผ่านเข้าไปยังม่านน้ำตกโดยไร้สิ่งใดกีดขวาง

อย่างไรก็ตามหลังกล่าวไปสักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีสิ่งใดตอบสนองกลับมา

ต้วนหลิงเทียนที่หันรีหันขวางก็อดเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยไม่ได้

วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย อยู่หลังม่านน้ำตกนี่จริงๆหรือ?

หากเป็นเช่นนั้น ม่านน้ำตกเบื้องหน้าก็สมควรเป็นภาพมายาที่เกิดจากค่ายกลอย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลย

“หรือจะไม่มีคนอยู่ผู้เฒ่าฉี?”

หลังผ่านไปหลายสิบลมหายใจ แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากหลังม่านน้ำตก ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปกระซิบถามฉีเทียนหมิงเบาๆ

อย่างไรก็ตาม ฉีเทียนหมิงยังคงนิ่งไม่พูดจา

สองตาเพียงมองจ้องม่านน้ำตกเบื้องหน้าเขม็ง จากนั้นก็กล่าวออกด้วยน้ำเสียงนอบน้อมอีกครั้ง “ท่านเจ้าวัง ชายหนุ่มข้างกายข้าคนนี้ ข้าพามาเพื่อเข้ารับการทดสอบเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนใหม่…ข้ารู้สึกว่าเขามีความสามารถมากพอจักขึ้นดำรงตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเป็นคนแรกในรอบ 30,000 ปี!”

หลังฉีเทียนหมิงเอ่ยจบคำได้ สิบกว่าลมหายใจแล้วยังไร้เสียงตอบกลับ ฉีเทียนหมิงก็เลือกที่จะเอ่ยต่อว่า

“ชายหนุ่มผู้นี้เรียกว่า ต้วนหลิงเทียน เป็นอัจฉริยะที่ซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่แนะนำ…ถึงแม้ชายหนุ่มผู้นี้จะยังมีอายุไม่ถึง 100 ปี หากแต่สามารถบรรลุถึงขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศแล้ว อีกทั้งยังสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้ถึง 6 ประการ!”

แทบจะทันทีที่ฉีเทียนหมิงเอ่ยวาจาประโยคนี้ดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าม่านน้ำตกเบื้องหน้าบังเกิดความปั่นป่วนไปเล็กน้อยอย่างยากจะมองเห็น หากแต่ก็ไม่พ้นสายตาต้วนหลิงเทียน

ขณะเดียวกันแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้สึกว่ามีอะไรเข้ามาใกล้ แต่เขารู้สึกเสมือนตัวเองกำลังเปลือเปล่า ถูกผู้อื่นมองเห็นทะลุปรุโปร่ง

ความรู้สึกนี้ บ่งบอกให้เขาทราบถึงเรื่องหนึ่ง

หลังม่านน้ำตกเบื้องหน้า มียอดฝีมือกำลังใช้สำนึกเทวะตรวจสอบเขาอยู่ เพียงแค่สำนึกเทวะของอีกฝ่ายทรงพลังเกินไปเขาจึงไม่อาจตรวจพบได้

“มันอยู่ เจ้าไปได้”

หลังต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนถูกมองทะลุจนไม่เหลือความลับใดๆที่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ เสียงทุ้มต่ำแหบๆหนึ่งก็ดังออกมาจากหลังม่านน้ำตก

เสียงนี้พอดังออกมาก็ปานจะกึกก้องไปทั่วสารทิศ กังวาลอยู่ในหูต้วนหลิงเทียนกับฉีเทียนหมิง

แม้แต่ตัวฉีเทียนหมิงเอง พอได้ยินเสียงดังกล่าว มันก็รู้สึกเสมือนวิญญาณตัวเองได้ถูกชำระล้าง ราวกับสุรเสียงนี้ทรงพลังอย่างหาที่สุดไม่ได้ ทั่วร่างถึงกับเริ่มสั่นเทาขึ้นมา

กลับกัน ด้านต้วนหลิงเทียนกลับไม่ได้ออกอาการอะไรมากมายเหมือนฉีเทียนหมิง

เห็นได้ชัดว่ายิ่งด่านพลังฝึกปรือสูงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงความลึกล้ำมากขึ้นเท่านั้น

“ท่านเจ้าวัง?”

พอได้ยินเสียงดังกล่าว สองงตาฉีเทียนหมิงก็ส่องแสงจ้าขึ้นมาทันที เมื่อก่อนมันไม่เพียงแต่จะไม่เคยเห็นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเท่านั้น กระทั่งเสียงยังไม่เคยได้ยินมาก่อน เช่นนั้นจึงไม่คุ้นเสียงของเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเลย

ตอนนี้พอมันได้ยินเสียงดังกล่าว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย มันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมา ผ่านไปเนิ่นนานค่อยดึงสติกลับมาได้

และเมื่อครู่ทันทีที่ได้ยินเสียงดังกล่าว วิญญาณของมันเสมือนถูกพลังอำนาจชำระล้าง! ฉีเทียนหมิงก็ยืนยันได้เต็ม 10 ส่วน ว่าเจ้าของเสียงที่พึ่งก้องเข้าหูมัน ไม่พ้นต้องเป็นเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!!

อาศัยแค่เสียงกลับทำให้วิญญาณของมันที่เป็นขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศบังเกิดความรู้สึกราวกับถูกกวาดผ่าน เรื่องนี้กระทั่งผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวยังไม่อาจกระทำได้

“หึ–”

ในขณะที่ฉีเทียนหมิงยังคงยืนอึนเพราะได้ยินเสียงดังกล่าว เสียงแค่นคำสบถหนึ่งก็ดังขึ้นจากหลังม่านน้ำตก ขณะเดียวกันมวลน้ำที่กำลังร่วงหล่นก็เริ่มสั่นไหว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำนับไม่ถ้วนพุ่งตรงเข้าใส่ฉีเทียนหมิง

ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!

หยดน้ำทะยานแหวกอากาศฉับไว ประหนึ่งห่าไข่มุก!

หยดน้ำประหนึ่งห่าไข่มุกดังกล่าวพุ่งแหวกอากาศมาปานกระสุน ทว่าก่อนบรรลุถึงตัวฉีเทียนหมิงไม่กี่ก้าวพวกมันก็อันตรธานหายไปอย่างอัศจรรย์ ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

อย่างไรก็ตามแม้หยดน้ำดังกล่าวจะหายไป แต่คลื่นอากาศที่เกิดจากการพุ่งมาด้วยความเร็วสูงของหยด ก็ไม่ต่างอะไรจากสายลมอันเกรี้ยวกราด ซัดปะทะเข้าร่างฉีเทียนหมิงอย่างจัง!

สายลมยังพัดเข้าปะทะร่างต้วนหลิงเทียนเช่นกัน พาลให้ชุดคลุมสีม่วงของเขาโบกสะบัดดังพั่บๆ ใบหน้าเขาก็ถูกสาลมตีปะทะเบาๆให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำ

กลับกัน ทางด้านฉีเทียนหมิงที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนนั้น

ปงงง!!

วินาทีที่สาลมดังกล่าวพัดปะทะร่างฉีเทียนหมิงอย่างจัง ฉีเทียนหมิงก็รู้สึกเสมือนทัพม้านับพันย่ำเหยียบ แม้จะพยายามเร่งเร้าพลังเพื่อต้านทานแล้ว แต่คนยังกระเด็นปลิวละลิ่วไปดั่งหุ่นกระบอกไร้ด้าย….

ตึงงงงง!!

ครืนนน! ขลุก! กึง! กึง!

ฉีเทียนหมิงที่ถูกซัดปลิดปลิวคนลอยละลิ่วไปกระแทกผนังผาไกลตาอย่างแรง! พาลให้ทั้งหุบเขาสะเทือนเลือนลั่น หน้าดินพังทลายวุ่นวาย พอฉีเทียนหมิงแงะตัวออกจากผนังผา สารรูปคนก็มอมแมมยับเยิน สีหน้าราวลุกหมาคลุกโคลน มุมปากยังปรากฏรอยเลือดย้อยเป็นสาย!!

“ขอบพระคุณท่านเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยที่เมตตา!”

ฉีเทียนหมิงยกมือขึ้นปาดเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก ค่อยประสานมือโค้งหัวคารวะกล่าวคำกับม่านน้ำตกไกลตา จากนั้นก็เร่งเหินร่างออกจากหุบเขาไปเร็วไว

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าวางใจได้เลย ด้วยความสำเร็จในตอนนี้ของเจ้า…เจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยย่อมไม่ทำให้เจ้าลำบากใจแน่นอน…หลังจากเจ้าผ่านการทดสอบที่นี่แล้ว เจ้าค่อยติดต่อมาหาข้า”

ก่อนจากไป ฉีเทียนหมิงยังไม่ลืมกล่าวลาต้วนหลิงเทียน

“อ่า”

เสียงผ่านพลังของฉีเทียนหมิงที่กล่าวทิ้งท้ายไว้ ก็ดึงสติต้วนหลิงเทียนให้กลับมาจากอาการอึ้งๆทันที ฉากที่ฉีเทียนหมิงถูกซัดปลิวอย่างไร้พลังต้านทานเมื่อครู่ สร้างความตกใจให้เขาที่อยู่ข้างๆไม่น้อย

สายลมกรรโชกเมื่อครู่ กับเขามันแค่พัดให้ชุดคลุมกระพือสะบัด รับความเย็นสบาย

ทว่ายามตกกระทบฉีเทียนหมิง กลับเป็นพลังกระแทกอันร้ายกาจ ถึงขั้นซัดฉีเทียนหมิงให้ปลิดปลิวหมดท่าปานหุ่นกระบอกไร้ด้าย!

“ผู้อาวุโส…”

เล่นงานราชาอมตะ 10 ทิศจนหมดท่า ทั้งที่ไม่ปรากฏตัวให้เห็น ต้วนหลิงเทียนย่อมจินตนาการได้ออกว่าผู้ลงมือร้ายกาจปานใด หลังจากเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้ว ก็ประสานมือโค้งตัวเล็กน้อยไปยังม่านน้ำตก

และบัดนี้ม่านน้ำตกก็ได้หายไปแล้ว แทนที่ด้วยโลกบุปผาอันมีวิหกน้อยโผบินละเล่น กลมกลืนไปกับทิวทัศน์ของหุบเขาโดยรอบอย่างไร้แบ่งแยก

แน่นอนว่าม่านน้ำตกเมื่อครู่ก็กลมกลืนไปกับหุบเขาอย่างไร้แบ่งแยก

ทว่าม่านน้ำตกนั่น ที่แท้เป็นภาพลวงตาจากค่ายกลมายา

และฉากเรื่องราวทุ่งดอกไม้ทั้งมีวิหกน้อยโผบิน โดยมีพระราชวังแลดูเรียบง่ายไม่หรูหราหลังหนึ่งตั้งอยู่ เห็นได้ชัดว่าเป็นความจริงไม่ใช่ภาพมายา และแผ่นป้ายโลหะที่มีคำว่า ‘วังผู้พิทักษ์คฤหาส์น้อย’ ก็บ่งบอกทุกอย่าง…

วูว!

หลังต้วนหลิงเทียยนประสานมือโค้งตัวคารวะเบาๆ พอกลับมายืนตรง เขาก็พบว่าฉากเรื่องราวรอบกายได้เปลี่ยนไปพลิกฟ้าคว่ำดินอีกครั้ง เขามาหยุดยืนบนลานศิลาอันกว้างใหญ่ไพศาล มองไปโดยรอบไม่เห็นจุดสิ้นสุด!

“ภาพลวงตา?”

สองตาต้วนหลิงเทียนหดหยีเล็กน้อย ใจสงบไม่แตกตื่น เพราะเขารู้ดีว่าเขาอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่ลานศิลาไร้ขอบเขตอย่างที่ตาเห็น

วูบ!

ทันใดนั้นเองร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นบนลานศิลาปานภูตผี มาหยุดยืนเผชิญหน้าสบตากับเขา

และจังหวะนี้ ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนกำลังมองกระจกอยู่ก็ไม่ปาน

เพราะร่างที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวเขาเอง! ไม่ว่าจะหน้าตาส่วนสูง หรือลักษณะชุดคลุมเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเขาแม้แต่น้อย!!

หากต้องการแยกแยะความแตกต่างว่าร่างเบื้องหน้าไม่เหมือนเขาที่ตรงจุดใด ก็เห็นทีจะดูได้จากดวงตาที่ไร้แววคู่นั้น

ดวงตาเป็นดั่งหน้าต่างของหัวใจ

ร่างเบื้องหน้าแม้จะเหมือนต้วนหลิงเทียนทุกระเบียบนิ้ว หากแต่ดวงตากลับไร้ประกายใดๆ ราวกับซากศพไร้ชีวิต

‘ดูเหมือนเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคิดทดสอบข้า…บางทีนี่อาจจะบททดสอบสำหรับผู้ที่คิดจะเป็นผู้พิทักษคฤหาสน์น้อย? หากผ่านก็สามารถกลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว?’

คิดถึงจุดนี้ สองตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายประกายสว่างจ้า ขณะเดียวกันพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็เริ่มโคจรพุ่งพล่านไปทั่วชีพจรสวรรค์ 99 สายดั่งน้ำเชี่ยว พร้อมปะทุระเบิดพลังออกมาได้ทุกเวลา!

“หืม?”

ต้วนหลิงเทียนที่จับจ้องมองร่างเบื้องหน้าไม่วางตา ก็พบว่าร่างเบื้องหน้าเริ่มเคลื่อนไหวลงมือแล้ว!

ปงงง!!

เขาเห็นว่าร่างเบื้องหน้ากระทืบเท้าลงพื้นคราหนึ่ง ลานศิลาก็เสมือนสะท้านไปดั่งแผ่นดินไหว ขณะเดียวกันก็ปรากฏเถาวัลย์สีเขียวมรกตอันเต็มไปด้วยหนามแหลมผุดขึ้นทั้งเติบโตแผ่ขยาย พุ่งจู่โจมเข้ามาทางเขาทันที!

“กฏแห่งไม้รึ?”

ลูกตาต้วนหลิงเทียนควบแน่น เถาวัลย์หนามนั่นมาได้ไวนัก! พริบตาก็กำลังจะม้วนพันรอบตัวเขาแล้ว หนามแหลมังเผยประกายเยียบเย็นใกล้จะข่วนแทงเขาอยู่รอมร่อ แม้จะโคจรเร่งเร้าพลังเซียนอมตะพร้อมลงมือไว้แต่แรก แต่แทบตอบสนองไม่ทัน!!

‘เคลื่อนมิติ’

เพียงหนึ่งห้วงคิดพลังเซีนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานพลังธาตุมิติจนกลับกลายเป็นสีเทาก็กระเพื่อมสั่นไหว ร่างคนอันตรธานหายไปจากวงล้อมเถาวัลย์หนามีท่เจีนรัดตัวเขาในฉับพลัน!

“ความลึกซึ้ง เคลื่อนมิติ?”

ขณะที่ร่างต้วนหลิงเทียนวูบหลบออกไปด้านซ้ายราว 100 หมี่ ชายหนุ่มชุดม่วงหน้าเหมือนเขาก็หันมามองเขาแทบจะทันทีปากยังยกยิ้มแสยะเย็นชาปานจะเย้ยเยาะ

ครู่ต่อมา ต้วนหลิงเทียนที่พุ่งจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติมายังไม่ทันได้ตั้งตัวอะไร เขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายสะบัดมือฉับไว จากนั้นเถาวัลย์อันเต็มไปด้วยหนามแหลมก็พุ่งมาด้วยความเร็วอันน่ากลัวกำลังจะรัดพันทิ่มแทงเขาอีกรอบ!

ครึก! ครึก! ครึก! ครึก! ครึก!

เถาวัลย์สีมรกตเต็มไปด้วยหนามพุ่งทะลวงแหวกอากาศมาฉับไว ประหนึ่งอสรพิษดุร้าย!

‘แย่แล้ว’

พอต้วนหลิงเทียนตอบสนองเรื่องราว เขาก็พบว่าครานี้ไม่เพียงเถาวัลย์หนามดังกล่าวกำลังจะรัดพันร่างเขา อีกฝ่ายยังสร้างเถาวัลย์หนาปกคลุมไปทุกทางปานโดม ไม่ว่าเขาจะเคลื่อนมิติวูบหายไปในฉับพลันจุดใดก็ไม่อาจหนีพ้น! มันล้อมดักปิดกั้นเขาไว้ทุกทาง!!