ก่อนหน้านี้ระหว่างเดินทางออกจากนิกาอมตะเป้าผู่มายังคฤหาสน์เฉวียนโยว ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินฉีเทียนหมิงกล่าวถึงเรื่องที่คฤหาสน์เฉวียนโฉวเพาะสร้างขุนนางอมตะ 10 ทิศ เพื่อเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางโดยเฉพาะมาแล้ว

คนที่เข้าใจความลึกซึ้ง 6 ประการนั้นมีอยู่สองสามคน แต่คนที่เข้าใจความลึกซึ้งถึง 7 ประการนั้นมีอยู่แค่คนเดียว

และผู้ที่เข้าใจความลึกซึ้ง 7 ประการที่ว่า ก็เลือกใช้กฏแห่งไม้

“โจวหงเจี๋ย…”

ต้วนหลิงเทียนยังจำชื่อคนๆนั้นได้

ขณะเดียวกันเขายังได้ทราบข้อมูลบางอย่างจากเหล่าศิษย์ที่กำลังสนทนากันเบื้องหน้าอีกด้วย

ดูเหมือนโจวหงเจี๋ย ขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้ 7 ประการและมีอายุไม่ถึง 1,000 ปี คนที่คฤหาสน์เฉวียนโยวเพาะสร้างมาเพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใตโบราณระดับกลางโดยเฉพาะนั้น กลับไม่ได้ติด 20 อันดับแรกมาเกือบปีแล้ว

‘เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้ถึง 7 ประการแต่กลับไม่ติด 20 อันดับแรกมาเกือบปี…ดูเหมือนขุนนางอมตะ 10 ทิศที่คฤหาสน์อมตะอื่นๆเพาะสร้างมาก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันสินะ’

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ไม่ยากว่า ยอดฝีมือของคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆที่เพาะสร้างไว้สำหรับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเป็นพิเศษ ก็ไม่ใช่เล่นๆเลย

คฤหาสน์อมตะระดับ 6 เหล่านั้น ท่าทางจะมียอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 7 ประการหรือกระทั่งมากกว่าเป็นแน่!

หาไม่แล้วด้วยพลังฝีมือของโจวหงเจี๋ยไฉนกับอีแค่ 20 อันดับแรกยังทำไม่ได้?

สำหรับเรื่องที่ฉีเทียนหมิงบอกว่าโจวหงเจี๋ยเป็นศิษย์หลัก ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

เขารู้มาว่าในคฤหาสน์เฉวียนโยวนั้น นอกจากขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เพาะสร้างไว้เป็นพิเศษ ผู้ที่ต่ำกว่าขอบเขตราชาอมตะ ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ฝ่ายนอกทั้งสิ้น

เนื่องจากเกณฑ์การทดสอบของคฤหาสน์เฉวียนโยวสำหรับเข้าเป็นศิษย์ฝ่ายในนั้นมันสูงมาก ทำให้มีเพียงขุนนางอมตะ 10 ทิศชนชั้นสุดยอดฝีมือไม่กี่คนเท่านั้นถึงจะผ่านได้ ส่วนมากแล้วมีแต่ผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะแล้วเท่านั้นจึงจะเป็นศิษย์ฝ่ายในได้สำเร็จ

สำหรับศิษย์หลักนั้น ทั้งหมดล้วนแล้วแต่บรรลุขอบเขตราชาอมตะทั้งสิ้น และอายุยังต่ำกว่า 1,000 ปีอีกด้วย ไม่เพียงแต่พลังฝีมือจะร้ายกาจ แต่พรสวรรค์และความสามารถยังสูงส่งไม่ธรรมดา

โจวหงเจี๋ยจริงอยู่ที่ยังเป็นแค่ขุนนางอมตะ 10 ทิศ แต่สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไม้ได้ถึง 7 ประการแล้ว เรียกว่ามันเข้าใจความลึกซึ้งได้มากกว่าศิษย์หลักหลายๆคนเสียอีก

และเหตุไฉนที่ด่านพลังฝึกปรือของโจวหงเจี๋ยยังติดอยู่ในขอบเขตขุนนางอมตะ ก็เป็นเพราะคฤาหสน์เฉวียนโยวให้อีกฝ่ายระงับด่านพลังฝึกปรือเอาไว้

หาไม่แล้วมันคงทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะไปเนิ่นนาน

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงไม่แปลกใจที่อีกฝ่ายจะได้เป็นศิษย์หลัก

“ม่านแสงที่เป็นดั่งจอภาพกลางลานตรงนั้น จะแสดงอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเอาไว้…แน่นอนว่าที่เจ้าเห็นเป็นแค่อันดับในเดือนนี้เท่านั้น หากจะดูอันดับย้อนหลังเจ้าต้องไปตรวจสอบด้านใน”

ขณะแนะนำ ฉีเทียนหมิงก็เดินนำต้วนหลิงเทียนเข้าไปยังตำหนักหลังใหญ่

พอเห็นฉีเทียนหมิงพาต้วนหลิงเทียนมาด้วยตัวเองแบบนี้ เหล่าศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ยืนออกันในลานก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยในตัวตนของต้วนหลิงเทียน “เฮ่ พวกเจ้าเคยเห็นเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นรึเปล่า? ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย…”

“ถึงกับมีผู้ตรวจการฉีพามาด้วยตัวเองแบบนี้ ท่าทางมันจะไม่ใช่คนธรรมดา”

“ด้วยมีผู้ตรวจการฉีเดินข้างๆมัน ข้าก็ได้แต่แผ่สำนึกเทวะไปให้ใกล้ที่สุดไม่กล้าตรวจสอบมันตรงๆ…อย่างไรก็ตามข้าสัมผัสได้ว่ากลิ่นอายเลือดเนื้อของมันยังอ่อนวัยนัก…เหมือนมันจะยังมีอายุไม่ถึง 100 ปี”

“อายุไม่ถึง 100 ปี?”

“อั้ย ข้าล่ะหลงคิดว่าเจ้านั่นคือคนนอกที่ผู้ตรวจฉีพามาช่วยคฤหาสน์เฉวียนโยวเราช่วงชิงอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเสียอีก…ดูเหมือนจะเป็นข้าคิดมากไปเอง”

“พาคนนอกมาช่วย? คิดหาคนนอกมาช่วยมันทำได้ง่ายๆที่ไหนกัน…ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ผู้ฝึกตนอิสระอายุไม่ถึงพันปียากนักจะเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศอันร้ายกาจ ต่อให้มีก็ไม่วายโดนคฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆช่วงชิงไปนานแล้ว ไหนเลยจะเหลือมาถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวเราง่ายๆ”

ฟังจากที่เหล่าศิษย์คุยกันแล้ว ดูเหมือนแต่ละคนนจะสงสัยกับตัวตนของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย

ท้ายที่สุดแล้วฉีเทียนหมิงก็คือ 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยว คนธรรมดาไหนเลยจะถูกอีกฝ่ายพามาด้วยตัวเองแบบนี้ได้!

โดยเฉพาะเมื่อทราบว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะอายุไม่ถึงร้อยปี พวกมันก็ต้องคิดหนัก

“หาคนนอกมาช่วย?”

ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะเดินเข้าตำหนักตามฉีเทียนหมิงมา ยังพอได้ยินเสียงคุยกันของเหล่าศิษย์ในลาน จึงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง

จากนั้นเขาก็ส่งเสียงผ่านพลังไปถามฉีเทียนหมิงทันที “ผู้เฒ่าฉี เรื่องเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง สามารถหาคนนอกมาช่วยได้ด้วยเหรอ?”

“สามารถทำได้”

ฉีเทียนหมิงพยักหน้า “การหาคนนอกมาช่วยไม่ถือว่าผิดกฏแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแต่อย่างใด…แต่นั่นหมายความว่าเจ้าต้องหาคนนอกมาช่วยให้ได้เสียก่อน ผู้ฝึกตนที่อายุไม่ถึงพันปีและเข้าใจความลึกซึ้งของกฏ 7 ประการนั้น ไม่ใช่หากันได้ง่ายๆ”

“และปกติแล้วก็คงมีแต่ผู้ฝึกตนอิสระเท่านั้นที่จะยินดีให้ความช่วยเหลือคฤหาสน์อมตะระดับ 6…สำหรับยอดฝีมือจาก 10 ตระกูลใหญ่ หรือ 5 นิกายอมตะชั้นนำนั่น โดยทั่วไปแล้วไม่มีใครลดตัวมาช่วยพวกเราเพื่อช่วงชิงอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแน่”

“นอกจากนั้นทาง 10 ตระกูลใหญ่ ก็ได้กำหนดไว้แล้วว่าศิษย์สาวกในตระกูลห้ามมิให้เข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเด็ดขาด หากถูกพบเจอจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลทันที! ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครเสี่ยงมาช่วย ถึงจะมีก็ต้องมีผลประโยชน์รองรับคุ้มค่าเสี่ยง…”

“แต่ไหนเลยคฤหาสน์อมตะระดับ 6 จะตอบสนองความต้องการของคนจากตระกูลระดับ 5 ได้? เช่นนั้นภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวคงยากที่อัจฉริยะจากตระกูลชั้นนำจะลดตัวลงมาเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเพื่อช่วยคฤหาสน์อมตะระดับ 6…คนนอกที่เราจะหามาช่วยได้ ก็จำกัดแค่ผู้ฝึกตนอิสระไร้สังกัดเท่านั้น”

ฉีเทียนหมิงร่ายยาวออกมารวดเดียวจบ ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ไม่ยาก

ในบรรดา 10 ตระกูล และ 5 นิกาย แน่นอนว่าย่อมมีอัจฉริยะขอบเขตขุนนางอมตะที่สามารถกวาดล้างแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางได้ง่ายดาย

เรื่องนี้เขาก็ไม่แปลกใจอะไร

สุดท้ายแล้ว 10 ตระกูล 5 นิกายก็คือขุมกำลังระดับแนวหน้าของแดนสวรรค์ใต้ ไม่ใช่อะไรที่ขุมกำลังธรรมดาจะเทียบได้

กระทั่งองค์กรกะโหลกเลือดก็ไม่อาจทรงพลังเทียบเท่า

หลังฉีเทียนหมิงกล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนก็เดินติดตามอีกฝ่ายมาถึงด้านในตำหนักแล้ว

พอเข้ามาในตัวตำหนัก เขาก็พบห้องโถงอันกว้างใหญ่ ทั้ง 2 ฟากซ้ายขวามีโต๊ะรับรองคอยให้บริการเรียงรายเป็นตับ และมองไปลึกๆก็พบเวทีศิลาอันมีลวดลายสลับซับซ้อน

“โต๊ะรับรองทั้ง 2 ฟากที่เจ้าเห็นมีไว้สำหรับรับป้ายหยกสะสมคะแนน…และหากเจ้าต้องดูอันดับของเดือนที่ผ่านๆมา เจ้าก็ติดต่อขอดูข้อมูลจากโต๊ะรับรองได้เช่นกัน”

“สำหรับเวทีศิลาด้านในสุดที่มีลวดลาทั้งอักขระซับซ้อนนั่น ก็คือค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ตราบใดที่เจ้ามีอายุไม่ถึงพันปี และมีป้ายหยกสะสมคะแนนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรา เจ้าก็สามารถใช้มันได้ทันที”

“แต่ละคนสามารถรับป้ายหยกสะสมคะแนนได้แค่ 1 ป้ายต่อเดือนเท่านั้น นอกจากนั้นป้ายหยกสะสมคะแนนจะเก็บคะแนนในแดนสวรรค์ใต้โบราณได้แค่ 10 วัน พอครบกำหนดแล้วหากเจ้ายังอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ค่ายกลเคลื่อนย้ายในป้ายก็จะส่งตัวเจ้าออกมาทันที และคะแนนในป้ายจะถูกส่งไปยังส่วนกลาง เจ้าได้คะแนนเท่าไหร่ก็เท่านั้น”

หลังเข้ามาในโถงตำหนักอันกว้างใหญ่ ฉีเทียนหมิงก็เริ่มอธิบายให้ต้วนหลิงเทียนรูปว่าโต๊ะบริการทั้ง 2 ฟากซ้ายขวามีไว้ทำอะไร

ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับทราบ

“ผู้ตรวจการฉี!”

“ผู้ตรวจการฉี!”

ภายในโถงตำหนักก็มีคนที่จำฉีเทียนหมิงได้ไม่น้อย ทั้งหมดก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทันที และหลายคนที่ไม่ทันสังเกตเห็นก็หันมาดูชมและเร่งประสานมือคารวะตาม

จากนั้นทุกคนนก็เริ่มจับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนข้างๆฉีเทียนหมิงด้วยความสงสัย

ทั้งหมดก็ไม่ต่างอะไรจากศิษย์ที่ลานด้านนอก อยากรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใครเช่นกัน

ใครกันแน่ ที่ 1 ใน 10 ผู้ตรวจการของคฤหาสน์เฉวียนโยวอย่างฉีเทียนหมิงถึงกับต้องพามาด้วยตัวเอง

“ใช่คนนอกที่หามาช่วยหรือไม่?”

หลายคนเริ่มคาดเดาไปในทำนองดังกล่าว

อย่างไรก็ตามพอหลายคนพบว่าอายุของต้วนหลิงเทียนยังไม่ถึงร้อยปี ทั้งหมดก็ปัดความคิดดังกล่าวตกไปทันที และคิดว่าต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นคุณชายนายน้อยที่มีความเป็นมาไม่ธรรมดาแทน

“ลงทะเบียนมอบป้ายหยกสะสมคะแนนให้เขาเสีย”

ฉีเทียนหมิงพาต้วนหลิงเทีนมายังโต๊ะบริการหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวกับชายวักลางคนด้านหลังโต๊ะบริการตรงๆ

ชายวัยกลางคนที่ว่าก็เป็นผู้อาวุโสในคฤหาสน์เฉวียนโยว มันยังอดตะลึงไปไม่ได้เมื่อได้ยินคำสั่งของฉีเทียนหมิง

ลงทะเบียน มอบป้ายหยกสะสมคะแนน?

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็นำป้ายประจำตัวศิษย์ฝ่ายนอกที่พึ่งได้ออกมาวางไว้บนโต๊ะบริการเบื้องหน้าชายวัยกลางคนอย่างรู้งาน “นี่คือป้ายประจำตัวของข้า ข้าต้องการลงทะเบียนเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง”

เมื่อต้วนหลิงเทียนนำป้ายประจำตัวศิษย์ออกมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ป้ายประจำตัวของศิษ์ฝ่ายนอก แต่ผู้คนที่ชมดูเรื่องราวในโถงตำหนักก็อดไม่ได้ที่จะซุบซิบคุยกันยกใหญ่

“เจ้าหนุ่มนั่นมันมีป้ายศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเราด้วย…มันเป็นผู้ใดกันแน่แลดูไม่ธรรมดายิ่งนัก”

“อายุไม่ถึงร้อยปี แต่กลับคิดจะเข้าไปเที่ยวเล่นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางงั้นหรือ? ทว่ามันถึงกับก็ถูกผู้ตรวจการฉีพามาส่งเป็นการส่วนตัว ทั้งยังมีป้ายศิษย์ฝ่ายนอกอีก…พวกเจ้าเองก็สมควรรู้ว่าถึงจะเป็นป้ายศิษย์ฝ่ายนอกแต่ไม่ใช่จะให้ใครก็ได้”

“มิผิด! ต่อให้เป็นผู้ตรวจการฉี กกระทั่งรองผู้นำทั้ง 3 ก็ไม่มีทางมอบป้ายประจำตัวศิษย์ให้ผู้ใดโดยพลการ ทั้งหมดต้องทำตามขั้นตอนทั้งสิ้น…เว้นเสียแต่จะเป็นท่านผู้นำ หรือจ้าววังทั้ง 9 เข้ามาแทรกแซง”

“เจ้าจะบอกว่า…ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ สมควรมีสัมพันกับท่านผู้นำ หรือไม่ก็ท่านจ้าววังทั้ง 9 งั้นหรือ?”

“ไม่ธรรมดาจริงๆ…เจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นไม่ใช่คนธรรมดาแน่!”

ถึงแม้เสียงกระซิบกระซาบในโถงตำหนักจะไม่ดัง แต่ต้วนหลิงเทียนกับฉีเทียนหมิงก็ได้ยินชัดเจน

ทว่าฉีเทียนหมิงไม่ได้สนใจอะไร

กลับกัน ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าพวกนี้ช่างคิดไปได้

แต่เป็นธรรมดาว่าเขาเองก็รู้ดีว่าไฉนทั้งหมดคิดไปทำนองดังกล่าว ทั้งหมดเป็นเพราะอายุของเขาเอง

คนอายุไม่ถึงร้อยปี คิดเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง หากไม่ใช่เพื่อเข้าไปท่องเที่ยวแล้วจะเข้าไปทำอะไร?

“เจ้าสลักชื่อของเจ้าไว้บนป้ายหยกนี่เสีย และหลังจากข้าตรวจสอบแล้วว่ามันตรงกับชื่อในป้ายประจำตัวเจ้า เจ้าถึงจะหยดเลือดลงนป้ายหยกนั่นได้”

อาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ประจำโต๊ะรับรองยื่นป้ายหยกสะสมคะแนนให้ต้วนหลิงเทียนพลางกล่าว

ต้วนหลิงเทียนที่รับป้ายหยกสะสมคะแนนมา ก็สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของมันทันที

แม้จะยังไม่ถ่ายทอดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลงไป แต่แค่ถือเอาไว้ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอาคมขุมหนึ่งที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ด้านในชัดเจน…