ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวเลย

ว่าในปัจจุบันชื่อเสียงของเขาได้เริ่มแพร่กระจายไปในหมู่ศิษย์และอาวุโสของคฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์หลิ่วสือแล้ว กระทั่งมีผู้อาวุโสบางคนจากคฤหาสน์อมตะอื่นๆก็ได้รับทราบเรื่องเขาแล้วเช่นกัน

ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยว

อายุไม่ถึงร้อยขวบปี ไม่เพียงบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ แต่ยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติถึง 6 ประการ

นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนแพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว

ความสำเร็จในแง่ด่านพลังฝึกปรือกับความเข้าใจ เดิมทีคงไม่ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจอะไรมากมาย แต่พอมาผสมกับเรื่องที่เขาอายุไม่ถึงร้อย ก็มากพอจะเขย่าคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลายให้สะเทือน!

ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง

ต้วนหลิงเทียนที่กำจัดศิษย์คฤหาสน์หลิ่วสือทั้ง 2 จนได้รับคะแนนสะสมเพิ่มมา 5 คะแนน หลังเหินร่างร่อนเร่ไปกว่าครึ่งวัน ในที่สุดก็พบเห็นผู้คนอีกครั้ง

“ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นรึ?”

และคนที่กำลังลอยร่างเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ก็เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินรูปร่างแลดูธรรมดา หากแต่สองตาฉาแววแหลมคมปานมีดดาบผู้หนึ่ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มันเห็นป้ายประจำตัวที่ห้อยแขวนบริเวณเอวของต้วนหลิงเทียน มุมปากมันก็แสยะยิ้มอำมหิตออกมาทันที

“ทั้งยังเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอก…เดี๋ยวนี้คฤหาสน์เฉวียนโยวสิ้นไร้ไม้ตอกถึงขั้นต้องส่งศิษย์ฝ่ายนอกเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้วหรือ?”

ชายวัยกลางคนที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่ สายตามันเต็มไปด้วยความดูแคลนหยันหยาม “ไอ้หนู วันนี้เจ้านับว่าโชคร้ายจริงๆที่เจอข้า…เจ้าจักกลายเป็นศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวคนที่ 23 ที่ข้า กงซุนจิ้ง ผู้นี้เข่นฆ่า!!”

“แน่นอนว่า เจ้ายังเป็นศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวคนที่ 23 ที่ข้าพบเจอในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้เช่นกัน”

ชายวัยกลางคนที่เรียกตัวเองว่ากงซุนจิ้งนั้น คำพูดคำจาทั้งแววตาของมันเห็นชัดว่าคิดเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียน!

และฟังจากสิ่งที่มันพูดออกมา เห็นได้ชัดว่ามันได้เข่นฆ่าศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่เข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ไป 20 กว่าคนแล้ว…

“เจ้ามีความแค้นกับคฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นรึ?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปอย่างใจเย็น ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มมองไปยังป้ายประจำตัวที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอวของกงซุนจิ้ง “อ้อ…ที่แท้เจ้าเป็นศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงนี่เอง”

และพอเห็นป้ายประจำตัวอีกฝ่าย ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที

คฤหาสน์ปี้ชิงที่ว่า ก่อนที่เขาจะเข้ามายังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง เขาก็ได้ยินฉีเทียนหมิง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าวไว้แล้ว…

ว่าคฤหาสน์ปี้ชิงนั้น ก็เป็นคฤหาสน์อมตะระดับ 6 ดุจเดียวกับคฤหาสน์เฉวียนโยว

อย่างไรก็ตามคฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์ปี้ชิงนั้น มีเรื่องราวความแค้นความบาดหมางกันมานานหลายพันปีแล้ว…

และบ่อเกิดเรื่องราวความแค้นทั้งหมด ก็เริ่มต้นจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกับผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวในปัจจุบัน

เมื่อหลายพันปีก่อน ตอนที่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกับผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิงในปัจจุบันยังไม่ได้เป็นผู้นำแต่อย่างไร…ทั้งคู่ไม่เพียงรู้จักกัน กระทั่งยังเป็นเพื่อนรักกันอีกด้วย…

อย่างไรก็ตาม ครั้งหนึ่งทั้งคู่ได้ออกไปท่องเที่ยวด้วยกัน และบังเอิญตกหลุมรักสตรีคนเดียวกัน…

ท้ายที่สุดแล้วก็เกิดเรื่องราว ‘เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด’ ขึ้น แต่ละคนทำทุกวิถีทางเพื่อกันท่าอีกฝ่าย หมายคว้าใจสตรีดังกล่าวมาครองให้จงได้ แม้จะไม่ร้ายแรงถึงขั้นเข่นฆ่ากันตาย แต่ก็หมางใจกันจนไม่คิดจะพูดคุยกันอีกต่อไป…

ต่อมาทั้งคู่ก็ได้ขึ้นรับตำแหน่งงผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกับผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิง และวันหนึ่งศิษย์ส่วนตัวของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ได้รับทราบเรื่องราวในอดีตของอาจารย์ พอสบโอกาสจึงลงมือเข่นฆ่าสังหารศิษย์ส่วนตัวของผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิงคนหนึ่งทิ้งในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง

ทำให้ความเกลียดชังทั้งไม่ลงรอยในอดีตได้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

ต่อมาศิษย์ส่วนตัวอีกคนของผู้นำคฤหาสน์ปี้ชิง ก็ได้ฆ่าศิษย์ส่วนตัวของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ลงมือฆ่าศิษย์น้องของมันเป็นการล้างแค้นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง และนั่นเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งให้ระเบิดออกโดยสมบูรณ์

ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวก็ดี หรือศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงก็ดี หากมาพบเจอกัน เว้นเสียแต่จะรู้จักและสนิทกันมาก่อน หาไม่แล้วต้องมีกระทบกระทั่งกันอยู่ร่ำไป!

เป็นธรรมดาว่าในโลกภายนอกนั้น คนของคฤหาสน์เฉวียนโยวกับคฤหาสน์ปี้ชิงอย่างดีก็ปะทะฝีปากไม่มีใครลงมือเกินเลย

ทว่าหากเป็นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง สถานที่อันซึ่งไร้ความปราณีล่ะก็…ศิษย์ของ 2 คฤหาสน์มักสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายถึงขั้นไม่เจ้าตายก็ข้าม้วย! เรียกว่าไม่รู้จัก…ฆ่าไม่ละเว้น!!

ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้น ศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวฆ่าศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงไปมากมาย ดุจเดียวกับศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิงก็ได้เข่นฆ่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวไม่น้อยไปกว่ากัน…

“หากเจ้าเข้าไปในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง แล้วพบเจอศิษย์ของคฤหาสน์ปี้ชิง หากพลังฝีมือเจ้าเหนือกว่า ให้ลงมือเต็มกำลังฆ่ามันทิ้งให้เร็วที่สุด!”

“แต่หากเจ้าสู้มันไม่ได้ก็ให้รีบหนีโดยเร็ว! เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ศิษย์คฤหาสน์ปี้ชิงจะเมตตาไว้ชีวิตเจ้า!”

และนี่ก็เป็นสิ่งที่ฉีเทียนหมิงบอกต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ก่อนที่จะเข้ามา

กล่าวได้อีกอย่างว่า

หากเขาพบเจอคนของคฤหาสน์ปี้ชิงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ เขาถูกกำหนดให้เลือกเดินแค่ 2 ทาง…ไม่ฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย ก็รีบหลบหนีไปให้ไกล!

แน่นอนว่าหากคิดหนีก็จำต้องพึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวเท่านั้น ไม่อาจใช้ความช่วยเหลือภายนอกใดๆได้

ก่อนจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบจากฉีเทียนหมิงมาแล้ว ว่าภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแห่งนี้ ไม่อาจใช้พลังงภายนอกใดๆได้เลย

ไม่ต้องกล่าวถึงโอสถอมตะ ยันต์อมตะ หรือแม้แต่อุปกรณ์อมตะ

กระทั่งชุดเกราะอมตะก็ไม่อาจใช้ได้…

ข้อจำกัดของค่ายกลในนี้รุนแรงกว่าของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำที่ยังสามารถใช้อุปกรณ์อมตะได้มากมายนัก เพราะกระทั่งอุปกรณ์อมตะก็ยังไม่อาจใช้ได้…

“ดูเหมือนป้ายประจำตัวข้าจักมอบคำตอบให้เจ้าแล้วสินะ…”

เมื่อรับรู้ถึงสายยตาต้วนหลิงเทียนที่มองมายังป้ายประจำตัวบริเวณเอว กงซุนจิ้ง ก็แสยะยิ้มเยียบเย็น สองตาฉายชัดถึงจิตสังหารอำมหิต “ไอ้หนู หากเจ้าจะโทษ ก็ไปโทษที่เจ้าดันเข้าร่วมกับคฤหาสน์เฉวียนโยวเสียเถอะ!!”

พอกล่าวจบคำ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ปะทุออกมาท่วมร่างกงซุนจิ้งปานเพลิงไฟ และแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นเพลิงไฟสีแดงลุกโชนไปทั่วกาย

เห็นได้ชัดว่ากงซุนจิ้งพร้อมลงมือเข่นฆ่าแล้ว!

‘กงซุนจิ้งคนนี้…หากข้าจำไม่ผิดดูเหมือนชื่อของมันจะอยู่ในอันดับที่ 69 บนตารางจัดอันดับสินะ…’

ในหัวต้วนหลิงเทียนดั่งจะมีแสงสว่างขึ้นวาบหนึ่ง เขาพลันนึกถึงตารางจัดอันดับที่เห็นก่อนเข้ามา…

และเขาจดจำได้ว่า นามกงซุนจิ้งนั้น เหมือนจะอยู่ในอันดับที่ 69 ของตารางจัดอันดับด้วยคะแนนสะสม 13 แต้ม!

กล่าวอีกอย่างได้ว่า

เดือนนี้กงซุนจิ้งได้รับคะแนนสะสมมาทั้งสิ้น 12 แต้ม และอีก 1 แต้มเป็นของมันเอง

ฟู่มมม!!

ในขณะที่สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองวูบ เสียงปานจุดระเบิดหนึ่งพลันดังขึ้น จากนั้นก็มีไอร้อนลวกตีปะทะใบหน้า มองไปก็เห็นดวงไฟลูกเขื่องกำลังพุ่งทะยานเข่นฆ่าเข้ามาทางเขาเร็วรี่!

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจากความลึกซึ้งที่คุ้นเคย…

ความลึกซึ้ง ลุกโหม

ความลึกซึ้ง ปะทุ

และความลึกซึ้ง เผาไหม้!

กอปรกับธาตุไฟอันได้จากความลึกซึ้งความหมายแห่งไฟ เท่ากับว่าการลงมือครานี้ของกงซุนจิ้ง อัดแน่นไปด้วยพลังความลึกซึ้งของธาตุไฟ 4 ประการ

“เจ้าจักเป็นศิษย์ของคฤหาสน์เฉวียนโยวที่ตกตายคามือข้าเร็วที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง!!”

พอเห็นว่าศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเบื้องหน้าไม่แม้แต่จะขยับตัวหรือตอบสนองอันใด ทั้งที่มันใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟแค่ 4 ประการ กงซุนจิ้งก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ร่างคนที่คล้ายอุกกาบาตเพลิงของมันพอเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียน ยิ่งมาก็ยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่อง!

อย่างไรก็ตาม วินาทีที่มันตบฟาดฝ่ามืออันอัดแน่นไปด้วยพลังเพลิงดุร้ายของมัน หมายระเบิดร่างหลิงเทียนจนสลายเป็นเถ้าธุลีนั้น ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปจากสายตามันปานภูตผี!

คนทั้งคนกลับสาบสูญไปในความว่างเปล่า!!

ด้วยเหตุนี้ฝ่ามือของกงซุนจิ้งจึงได้แต่จั่วลมดังวืด!

“อะไรกัน!?”

เมื่อตบฟาดฝ่ามือจั่วลม ร่างกุงซุนจิ้งก็ถลันไปในอากาศนับร้อยหมี่ กว่าจะขืนร่างหยุดลงกลางหาวได้อีกครั้ง

และพอมันหันกลับมา มันก็พบว่าต้วนหลิงเทียนยังคงลอยร่างอย่างสงบไกลตา สองมือไพร่หลังมองมันด้วยสายตาเฉยเมยไร้แยแส

‘เมื่อครู่มันทำอะไรกันแน่ ไฉนข้ามองไม่เห็นความเคลื่อนไหวของมันเลย…’

กงซุนจิ้งจำต้องมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกรอบ ในสายตาเริ่มเผยความจริงจัง ก่อนจะเริ่มนึกย้อนถึงเรื่องราวเมื่อครู่

‘ตอนที่อยู่ๆร่างมันก็หายไป…ดูเหมือนความว่างเปล่าจุดนั้นคล้ายกระเพื่อมสั่นไหวเบาๆ’

‘หรือว่า…เมื่อครู่มันจะใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติที่ร่ำลือของกฏแห่งมิติ?’

พอคิดถึงจุดนี้ กงซุนจิ้งก็เริ่มสบายใจขึ้นหลายส่วน

“ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเช่นเจ้า จักเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติได้แล้ว…”

กงซุนจิ้งมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็งพลางกล่าว

อย่างไรก็ตามมันพูดไม่ทันจบคำดี และคล้ายจะนึกอะไรได้ออก จากนั้นลูกตามันก็หดเล็กลงทันที “เจ้า…นี่เจ้ายังมีอายุไม่ถึงร้อยปี!?”

ถึงแม้แต่ต้นจนจบกงซุนจิ้งจะไม่ได้ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบต้วนหลิงเทียน แต่ขณะที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามาจนใกล้ถึงตัวอีกฝ่าย มันก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายเลือดเนื้อของต้วนหลิงเทียนยังสดใหม่นัก บ่งบอกว่าอีกฝ่ายมีอายุไม่ถึงร้อยปี!

พอฉุกคิดขึ้นได้ ใจมันก็สะท้านไปทันที!

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะพึ่งใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ และอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า แต่อย่างน้อยๆจากกลิ่นอายพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่แผ่ออกมาเบาบางเมื่อครู่ มันก็บอกได้ชัดเจน…ว่านั่นเป็นกลิ่นอายพลังของตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศไม่ผิดแน่!

กล่าวได้อีกอย่างว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าของมันก็เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศคนหนึ่ง!

พอมาตอนนี้เมื่อมันตระหนักได้จากกลิ่นอายเลือดเนื้อของอีกฝ่ายว่ายังมีอายุไม่ถึงร้อยปี ลูกตาของกงซุนจิ้งจึงหดเล็กลงแทบปิด ‘มันอายุไม่ถึงร้อยปี แต่บรรลุขอบเขตขุนนางงอมตะ 10 ทิศได้แล้ว…’

‘ตัวตนเช่นมัน ต่อให้จะเข้าใจแค่ความหมายแห่งมิติ กับความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ ก็นับว่าพรสวรรค์และความเข้าใจของมันเข้าขั้นท้าทายสวรรค์!’

ขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปีหากไม่นับความเข้าใจในกฏ เรียกว่าไม่เคยปรากฏตัวในประวัติศาสตร์ของคฤหาสน์ปี้ชิงมาก่อนแม้แต่คนเดียว…

กระทั่งให้มองไปทั่วแดนสวรรค์ใต้ ตัวตนเช่นนี้ก็นับว่าหาได้ยากเย็นยิ่งนัก เรียกว่าในบรรดา 10 ตระกูลใหญ่เองก็สมควรปรากฏตัวขึ้นไม่เกิน 2 คน…

พอตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปี…กงซุนจิ้งก็รู้สึกเสมือนว่าเลือดในกายกำลังเดือดพล่าน!

“แม้ว่าข้ากงซุนจิ้งจะเข่นฆ่าศิษย์คฤหาสน์เฉวียนโยวมามากมาย…แต่ข้ามิเคยฆ่าอัจฉริยะปีศาจเช่นเจ้ามาก่อนแม้แต่คนเดียว…”

กงซุนจิ้งมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สองตามันก็ฉายประกาสว่างเจิดจ้า

อย่างไรก็ตาม ไม่ทันไรมันก็เสมือนถูกน้ำเย็นราดรดลงหัว ‘ช้าก่อน มันเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของกฏแห่งมิติ…’

‘ต่อให้นอกจากความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ มันจะเข้าใจแค่ความหมายแห่งมิติ แต่หากมันคิดจะหนี…มันก็สามารถหลบหนีไปภายใต้จมูกข้าได้ง่ายๆ!’

‘ด้วยความเร็วส่วนตัวของมัน กับความถี่ในการใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติของมัน…ย่อมสามารถหลบเลี่ยงทุกการโจมตี และหนีความเร็วของข้าได้ไม่ยาก’

พอฉุกคิดถึงจุดนี้ กงซุนจิ้งก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง

เพราะด้วยด่านพลังขุนนางอมตะ 10 ทิศกับความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟที่มันเข้าใจในตอนนี้ คิดจะไล่ตามขุนนางอมตะ10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลย!

ต่อให้ความแข็งแกร่งโดยรวมของอีกฝ่ายจะอ่อนด้อยกว่ามันแค่ไหนก็ตามที!

“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเช่นเจ้า ถึงได้หาญกล้าเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง…ที่แท้เจ้าก็เป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ!”

กงซุนจิ้งมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวคำด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ก่อนที่จะหันหลังเตรียมจากไป

ในเมื่อมันไม่มีหนทางเข่นฆ่าอีกฝ่ายได้ เช่นนั้นมันก็ไม่คิดจะเสียเวลากับอีกฝ่ายไปอย่างเปล่าประโยชน์

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มันคิดไม่ถึงก็คือ

พอมันหันหลังเตรียมจากไป ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้น กลับวูบร่างมาปรากฏตัวขวางหน้ามันเอาไว้ปานภูตผี!