ตอนที่ 3159

ในฐานะยอดฝีมืออันดับ 1 ขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศ และเป็นผู้ที่คฤหาสน์หั่วหลี่เพาะสร้างมาเพื่อเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางโดยเฉพาะ ถานหยวนที่มีอายุได้ 500 กว่าปี นับว่ามีฐานะไม่ใช่ชั่วในคฤหาสน์หั่วหลี

ด้วยเหตุนี้ต่อให้จะโดนอาวุโสระดับสูงเรียกหา ถานหยวนก็หาได้แยแสอันใด กระทั่งแสดงความเย่อหยิ่งด้วยการไม่ไป

แน่นอนว่าโม่ผิงจื่อเองก็สามารถเพิกเฉยการเรียกตัวของอาวุโสเหล่านี้ได้เช่นกัน เพราะมันยังมีอายุน้อยกว่าถานหยวนมาก และเป็นคนที่คฤหาสน์หั่วหลีเพาะสร้างไว้สำหรับแข่งขันชิงอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงศิษย์ฝ่ายในอีก 6 คนที่เหลือ โม่ผิงจื่อก็เลือกที่จะมา

และนี่นับเป็นข้อดีของโม่ผิงจื่อ

การที่โม่ผิงจื่อมาร่วมรับคำตำหนิด้วยแบบนี้ ทำให้ศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ซาบซึ้งนัก เพราะพวกมันรู้ดีว่าคนระดับโม่ผิงจื่อไม่จำเป็นต้องมาก็ได้

“ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย…เรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวอะไรกับศิษย์น้องทั้ง 6 เลย เป็นข้าเองที่ดูเบาต้วนหลิงเทียนผู้นั้นเกินไป และคิดว่าหากข้าร่วมมือกับศิษย์พี่ถานหยวนก็มากพอจะจัดการมันได้แล้ว”

โม่ผิงจื่อที่ฟังคำตำหนิจบ ก็กล่าวยอมรับความผิดออกมาตรงๆ

และเมื่อโม่ผิงจื่อเลือกที่จะยอมรับความผิดออกมาโดยสดุดีแบบนี้ อาวุโสระดับสูงทั้งหลายก็รู้สึกเสมือนมีอะไรติดค้างในลำคอจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะตำหนิต่อก็ไม่ได้ เพราะพวกมันเองก็ไม่กล้าต่อว่าทั้งตำหนิอะไรโม่ผิงจื่อมากนัก

เพราะหากยังคงเลือกจะตำหนิโม่ผิงจื่ออยู่อีกทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ยอมรับผิดแล้ว เกิดอีกฝ่ายมีโมโหขึ้นมา เดือนหน้าพวกล่อปิดด่านบ่มเพาะ กระทั่งไม่คิดเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางอีกต่อไป คฤหาสน์หั่วหลีพวกมันไม่ประสบกับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่หรือไร?

หลังอึกๆอักๆกันอยู่สักพัก ในที่สุดรองผู้นำคฤหาสน์หั่วหลี ก็ก้าวออกมากล่าวคำ “เอาล่ะ เรื่องนี้ความจริงพวกเราก็มิอาจโทษผิงจื่อได้…ถึงอย่างไรเสียผิงจื่อก็มิเคยเจอต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวมาก่อน”

“ในเมื่อไม่ทราบถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียน เพียงรู้ว่าอายุไม่ถึงร้อยปีและเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติ 6-7 ประการ ที่สำคัญยังมีถานหยวนยังอยู่ทั้งคน ก็เป็นปกติที่จักมั่นใจว่าสู้ไหว…”

“หากข้าคิดไม่ผิด…เป็นศิษย์ฝ่ายยนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวนามต้วนหลิงเทียนยนั่น พลังฝีมือมันร้ายกาจเกินไป!!”

“ข้ามิทราบจริงๆ ว่าคฤหาสน์เฉวียนโยวไปหาคนนอกที่ร้ายกาจเช่นนี้มาจากที่ใดกัน…”

พอกล่าวจบ รองผู้นำคฤหาสน์หั่วหลียังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

อาวุโสคนอื่นๆของคฤหาสน์หั่วหลีเองก็เห็นด้วย

พอเห็นว่าไม่มีอะไรแล้ว เหล่าศิษย์ฝ่ายในทั้ง 6 ที่ยืนอยู่กับโม่ผิงจื่อก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในใจยิ่งรู้สึกขอบคุณโม่ผิงจื่อมากขึ้น

เพราะพวกมันรู้ดี

หากไม่ใช่เพราะมีโม่ผิงจื่อช่วยพูด เหล่าอาวุโสไม่พ้นต้องเอาโทสะและความไม่พอใจทั้งหมด มาลงหัวพวกมัน 6 คนแน่นอน…

“ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกที่โด่งดังของคฤหาสน์เฉวียนโยว ตอนนี้มีคะแนนสะสม 286 แต้ม และติดอยู่ในอันดับที่ 5 แล้วหรือ…”

“ที่สำคัญ เจ้านั่นมันยังเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณไปไม่ทันถึง 2 วันด้วยซ้ำ!”

“ให้ตายเถอะ นี่ไอพวกคฤหาสน์เฉวียนโยวมันไปขุดคนนอกเช่นนี้มาจากที่ใดกันแน่ ไม่เพียงแต่จะไม่เล่นไปตามเกม แต่พลังฝีมือยังสูงถึงระดับนี้อีก…เดือนนี้คฤหาสน์หั่วหลีนับว่าถูกถล่มยับแล้วจริงๆ!”

“พูดก็พูดเถอะ ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจะไม่หาญกล้าไปหน่อยหรือไร…นี่มันไม่กังวลบ้างรึ ว่าคฤหาสน์หั่วหลีจะเคียดแค้นมันจนหาทางเอาคืน?”

“แล้วเจ้าคิดว่าคนอย่างต้วนหลิงเทียนนั่นมันหัวเดียวกระเทียมลีบไร้พื้นเพหรือไร? อย่างน้อยๆก่อนที่คฤหาสน์หั่วหลีจะสืบเสาะความเป็นมาขอมันจนพบ ย่อมไม่มีวันกล้าแตะต้องมันแน่! กระทั่งช่วงนี้คฤหาสน์หั่วหลียังต้องภาวนาอย่าให้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วยซ้ำ! เพราะหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับมัน คฤหาสน์หั่วหลีไม่พ้นตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก!!”

“ที่ข้าอยากรู้จริงๆก็คือ คฤหาสน์เฉวียนโยวไปหาความช่วยเหลือภายนอกเช่นมันมาจากที่ใด? แล้วไม่ทราบคฤหาสน์เฉวียนโยวให้อะไรต้วนหลิงเทียนเป็นค่าจ้างกันแน่? ไฉนตัวตนเช่นมันถึงได้เต็มใจเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางในนามคฤหาสน์เฉวียนโยว?”

“เฮ่อ ข้าเกรงว่าเรื่องพวกนี้ คงมีแค่คฤหาสน์เฉวียนโยวกับตัวต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่ทราบ…”

คฤหาสน์อมตะระดับ 6 อื่นๆ ก็ตกใจกับปรากฏการณ์ที่ต้วนนหลิงเทียนขึ้นไปติดอันดับ 5 ในเวลาไม่ถึง 2 วันเช่นกัน

กระทั่งให้เป็นคนที่ปกติไม่ค่อยสนใจเรื่องราวการแข่งขันในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเลย เดือนนี้ยังล่วงรู้ว่าในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางมีคนชื่อต้วนหลิงเทียนอยู่

และคฤหาสน์ที่เป็นที่กล่าวขานถึงมากที่สุดตอนนี้ ก็ไม่พ้นคฤหาสน์เฉวียนโยว

นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล่าวถึงคฤหาสน์เฉวียนโยวด้วยความสนใจแบบนี้

นับว่าการกระทำของต้วนหลิงเทียน ได้ทำให้คฤหาสน์เฉวียนโยวกลายเป็นจุดสนใจอย่างมาก

“เจ้าหนูอันประเสริฐ! ไม่ถึง 2 วันก็คว้าอันดับที่ 5 มาได้แล้ว! ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมนัก!!”

1 ใน 10 ผู้ตรวจการคฤหาสน์เฉวียนโยว ฉีเทียนหมิง พอได้รับรายงานเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นด้วยความสะใจ

และตอนนี้มันหัวเราะในนามผู้ตรวจการคนหนึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยว ตัวมันในนฐานะที่เป็นคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวคนหนึ่ง ย่อมยินดีไม่น้อยที่มีคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวประสบผลเลิศล้ำในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง

ไม่มีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง

“ต้วนหลิงเทียน…ขึ้นไปถึงอันดับ 5 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแล้ว?”

“นอกจากนั้น…กระทั่งถานหยวนกับโม่ผิงจื่อของคฤหาสน์หั่วหลีร่วมมือกัน ยังพ่ายแพ้มันอีกงั้นหรือ!? พลังฝีมือของมันร้ายกาจถึงขนาดนั้นเชียว?”

ผู้ตรวจการอีกคนของคฤหาสน์เฉวียนโยวอย่าง ปี้ไห่หมิงเฟิง เองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง

“หากข้าจำไม่ผิด…ต้วนหลิงเทียนคนนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกับศิษย์ใหม่ของนิกายอมตะเหอฮวนคนหนึ่ง ที่พึ่งรับมาจากทะเลสาบอวิ๋นเยียนคราวก่อนใช่ไหม?”

“ศิษย์ใหม่ผู้นั้น…ชื่ออันใดแล้วนะ…”

ปี้ไห่หมิงเฟิงพึมพำถึงจุดนี้ ก็นำลูกแก้ววิญญญาณพร้อมยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมาบดขยี้ ติดต่อไปหาคนของนิกายอมตะเหอฮวน นิกายอมตะระดับ 7 ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 นิกาย 2 ตระกูลที่อยู่ใต้คฤหาสน์เฉวียนโยวทันที

และคนที่มันคิดต่อไปหา ก็คือ 1 ใน 3 ประมุขของนิกาอมตะเหอฮวน และยังเป็นประมุขใหญ่ ที่ดำรงตำแหน่งประมุขก่อนใครและอยู่นานกว่าใครในบรรดาประมุขทั้ง 3

“รีบไปตรวจสอบเสีย! ว่าศิษย์ใหม่ของนิกายอมตะเหอฮวนที่พวกเรารับมาจากทะเลสาบอวิ๋นเยยียนเมื่อคราวก่อน เป็นผู้ใดที่มาจากสถานที่เดียวกันกับต้วนหลิงเทียน!?”

ประมุขใหญ่ของนิกายอมตะเหอฮวนคนนั้น พอได้รับทราบเรื่องราวจากปี้ไห่หมิงเฟิงก็เร่งถ่ายทอดคำสั่งลงไปทันที

อายุไม่ถึง 100 ปี บรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติอย่างน้อย 6 ประการ…

เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางช่วงต้นเดือนได้ไม่ถึง 2 วัน ก็ขึ้นไปติดอยู่ในอันดับที่ 5…

ตัวตนนเช่นนี้หากไม่ตกตายไปก่อนวัยอันควร ก็เสมือนฟ้าลิขิตให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่มีอนาคตไร้ขีดจำกัด!

ตอนนี้เมื่อมีโอกาสที่จะสานไมตรีกับตัวตนที่อาจจะเป็นผู้ยยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า นิกายยอมตะเหอฮวนไหนเลยจะพลาด?

“ศิษย์เจียหลง ขอคารวะท่านประมุขใหญ่”

หวงเจียหลงที่อยู่ๆก็ถูกพามาเข้าพบประมุขลำดับ 1 ของนิกายอมตะเหอฮวน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัยนัก ด้วยไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

หรือน้องต้วนหลิงเทียนของมันจะไปก่อเรื่องอะไรเข้า?

“เจ้าเรียกว่าหวงเจียหลงใช่หรือไม่?”

หวงเจียหลงซึ่งแต่เดิมประหม่าและกังวลไม่น้อย พอเห็นว่าประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวนมองถามมันด้วยใบหน้าอ่อนโยน น้ำเสียงใจดี มันก็ไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจอยย่างโล่งอกในใจ

ดูเหมือนว่าเรื่องราวจะไม่ได้แย่อย่างที่มันคิด

“เจ้ารู้จักต้วนหลิงเทียนหรือไม่?”

ประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวนที่มองจ้องหวงเจียหลงอยู่ หยีตาลงเล็กน้อยค่อยเอ่ยถามออกไปตรงๆ

“เขาเป็นดั่งพี่น้องของข้า”

หวงเจียหลงพยักหน้า “ท่านประมุขใหญ่ อยู่ๆท่านถามเรื่องนี้…หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่น้องข้า?”

สีหน้าขณะเอ่ยถามออกไปของหวงเจียหลงแลดูตึงเครียดไม่น้อย ในแววตายังฉายัชดถึงความวิตกกังวล

ถึงแม้มันกับต้วนหลิงเทียนจะคบหาเป็นสหายกันไม่นาน แต่ด้วยความถูกชะตามันจึงเห็นต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรกับเพื่อนแท้และเป็นดั่งพี่น้อง

“เจ้าพบกับต้วนหลิงเทียนได้อย่างไรหรือ?”

ประมุขนิกายอมตะเหอฮวนเอ่ยถาม

“พวกเราเจอกันที่ประเทศฝูชิว…แต่เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนของประเทศฝูชิว ส่วนข้าเป็นลูกชายของเจ้าเมืองๆหนึ่งในประเทศฝูชิว”

หวงเจียหลงกล่าว

“หึ!”

ทว่าพอหวงเจียหลงกล่าวจบคำ อยู่ๆประมุขนิกายยอมตะเหอฮวนก็แค่นเสียงหึเยียบเย็นออกมา “เรื่องเหลวไหลอย่าได้กล่าว…ข้าขอถามเจ้าอีกคำ เจ้าแน่ใจหรือว่าต้วนหลิงเทียนนั่นเป็นดั่งพี่น้องกับเจ้า?”

“…ใช่ เขาเป็นดั่งพี่น้องของข้า!”

ทันใดนั้นสีหน้าของประมุขนิกายอมตะเหอฮวนก็เปลี่ยนเป็นอำมหิต และนั่นทำให้หน้าหวงเจียหลงเปลี่ยนสีไปทันที ใจยังสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ เพราะดูเหมือนเรื่องที่มันคาดเดาไว้ตอนแรกจะไม่ผิดแน่แล้ว…ต้วนหลิงเทียนสมควรก่อเรื่องอะไรบางอย่าง!

ยิ่งไปกว่านั้น สมควรเป็นเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้ประมุขนิกายอมตะเหอฮวนขุ่นเคือง!

“เจ้าสมควรมีลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนนั่นใช่หรือไม่?”

ประมุขนิกายยอมตะเหอฮวน มองจ้องหวงเจียหลงตาเขม็ง เอ่ยออกเสียงเข้ม “ส่งลูกแก้ววิญญาณของเจ้ามาเสีย…ข้าจักใช้ลูกแก้ววิญญาณของมันเป็นสื่อ เพื่อบอกว่าเจ้าตกอยู่ในกำมือข้า….และหากมันไม่มาข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”

“แน่นอนว่าเจ้าไม่ต้องกลัว ข้าไม่ได้คิดจะฆ่าเจ้าจริงๆ…ข้าเพียงจะหลอกให้มันมาเท่านั้น”

“รอมันมาแล้วข้าฆ่ามันได้เมื่อไหร่ ข้าจักรับเจ้าเป็นศิษย์ส่วนตัวทันที…วันหน้าต่อให้เจ้าอยากขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของนิกายอมตะเหอฮวน ก็มิใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้!”

ขณะกล่าวประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของประมุขนิกายอมตะเหอฮวนยังแฝงความล่อลวงไม่น้อย ราวกับจะเกลี้ยกล่อมให้หวงเจียหลงร่วมมือกับมันและล่อต้วนหลิงเทียนมาฆ่าให้จงได้

“ท่านประมุข…มิทราบน้องต้วนหลิงเทียนของข้าไปล่วงเกินท่านด้วยเรื่องอะไรหรือ?”

หน้าหวงเจียหลงเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง ขณะเดียวกันมันก็สะบัดชายเสื้อคลุม สืบเท้าข้างหนึ่งถอยไปด้านหลัง เตรียมคุกเข่าลงไปเพื่อร้องขอความเมตตา

แคร๊ก!

อย่างไรก็ตามเมื่อเข่าหวงเจียหลงจรดพื้น กลับปรากฏเสียงวัตถุแตกดังขึ้นจากใต้เข่า จากนั้นพอมันลุกขึ้นยืนจึงเห็นว่าบนพื้น ปรากฏเศษแก้วแหลกละเอียดกองหนึ่ง…

วิญญาณที่ประทับไว้ในนั้นก็หายไปด้วย

ปกติแล้ว ลูกกแก้ววิญญาณจะแตก หลังคนที่ประทับวิญญาณไว้ตายตก

อย่างไรก็ตามหากลูกแก้ววิญญาณถูกทำลายด้วยกำลัง วิญญาณที่ประทับเอาไว้ในนั้นก็จะหายไปเช่นกัน

“น้องต้วน เจ้าอย่าได้หลงเชื่อคำขู่ใดๆของคนจากนิกายอมตะเหอฮวนเด็ดขาด! ประมุขนิกายอมตะเหอฮวนให้ข้ามอบลูกแก้ววิญญาณของเจ้าออกไป หมายใช้ข้าข่มขู่เพื่อล่อเจ้ามาฆ่าที่นิกายอมตะเหอฮวน! หลังเจ้าได้รับข้อความนี้ข้าจะทำลายลูกแก้ววิญญาณของเจ้าทิ้งทันที เพื่อไม่ให้มันใช้หลอกอะไรเจ้าได้!!”

“หากชาติหน้ามีจริง ข้ายังอยากเป็นพี่น้องที่ดีกับเจ้าอีกครั้ง!!”

ก่อนที่จะทำลายลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียน ขณะสะบัดชายเสื้อคลุมไปด้านหลังเตรียมคุกเข่า หวงเจียหลงก็ได้ลอบเรียกยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมาบดขยี้เพื่อส่งข้อความไปหาต้วนหลิงเทียน

“เจ้า…เจ้าทำลายลูกแก้ววิญญาณของมัน?”

ประมุขนิกายอมตะเหอฮวน อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เจ้าไม่กลัวตายงั้นรึ?”

“ความตาย ยังมีผู้ใดไม่กลัว? แต่หากเจ้าคิดให้ข้าทรยศพี่น้องนั่นเป็นไปไม่ได้! ต่อให้ข้าหวงเจียหลงต้องตาย ข้าก็ไม่มีวันขายสหายกับพี่น้อง!!”

หวงเจียหลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวทระนง

ตอนนี้เมื่อมันรู้ว่าอย่างไรก็ต้องตาย ก็ไม่เหลือท่าทียำเกรงหรือเคารพประมุขนิกายอมตะเหอฮวนแม้แต่น้อย มองกล่าวกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าดูแคลนหยันหยาม

ในเมื่อมันจะตายแล้ว ยังต้องกลัวหรือเคาระผู้อื่นทำซากอะไร? กับคนที่ไม่กล้าสู้ตรงๆ ได้แต่อาศัยการหลอกใช้คนใกล้ชิดมาทำร้ายศัตรูเช่นนี้ มันรังเกียจนัก!!

ทว่าเรื่องราวต่อมา กลับทำให้หวงเจียหลงจำต้องประหลาดใจครั้งยิ่งใหญ่แล้วจริงๆ เพราะหลังมันกล่าวจบคำ ไม่เพียงแต่ประมุขใหญ่นิกายอมตะเหอฮวนจะไม่ระเบิดโทสะเข่นฆ่ามัน อีกฝ่ายกลับปรบมือด้วยท่าทางถูกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยยรอยยิ้มร่า!

“ดี! ดี! ดีมาก!!”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าหวงเจียหลงจักเป็นศิษย์ปิดสำนักอันประเสริฐของข้ากงซุนเวิ่นฉิงผู้นี้!”

วาจาที่ดังลั่นออกมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางพึงพอใจถึงที่สุดของกงซุนเวิ่นฉิง 1 ใน 3 ประมุขนิกายอมตะเหอฮวน ทำให้หวงเจียหลงตกตะลึงอึ้งไปโดยสมบูรณ์ หลังจากนั้นพักหนึ่งเมื่อดึงสติกลับมาได้แล้ว หววงเจียหลงก็เอ่ยถามออกไปด้วยรอยยิ้มแหยๆ “ท่านประมุขใหญ่…ที่แท้…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

ณ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง

ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเหินร่างกลับมาหาหว่านชิงชิงศิษย์คฤหาสน์อู่จ้าน พอได้รับข้อความไม่คาดคิดจากหวงเจียหลง สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที!

‘นี่มัน…เรื่องอะไรกัน?’

‘ประมุขใหญ่ของนิกายยอมตะเหอฮวน…ไฉนถึงต้องใช้พี่เจียหลงมาข่มขู่ เพื่อล่อข้าไปฆ่าถึงนิกายอมตะเหอฮวนด้วย?’

สีหน้าต้วนหลิงเทียนตอนนี้ดูไม่ได้นัก แววตายังฉายความสับสนงุนงงไม่น้อย เพราะเขาจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…

อย่างไรก็ตาม เขามั่นใจได้เรื่องหนึ่ง

หวงเจียหลงไม่มีวันเล่นตลกอะไรแบบนี้แน่นอน!

กล่าวอีกอย่างได้ว่า ตอนนี้ฮวงเจียหลงสมควรตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวง เพราะอีกฝ่ายสมควรเลือกไม่ให้ความร่วมมือกับใครก็ตามที่คิดร้ายกับเขา!

“หว่านชิงชิง ข้ามีธุระด่วนต้องรีบกลับค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวทั้งกลับออกไปด้านนอก…เจ้าเอาลูกแก้ววิญญาณของเจ้ามาให้ข้าลูกนึง จากนั้นตามข้าไปที่ค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยวก่อนแล้วค่อยกลับไปค่ายคฤหาสน์อู่จ้านของเจ้า เพื่อออกไปรอข้าด้านนอก”

“หลังข้าจัดการธุระเสร็จแล้วข้าจะติดต่อไปหาเจ้า…ถึงตอนนั้นเจ้าก็ค่อยเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณและมาเจอข้าที่ค่ายคฤหาสน์เฉวียนโยว”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับหว่านชิงชิงเสียงขรึม น้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความรีบร้อนนัก