ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน กว่าอันดับในแดนสวรรค์ใต้ของเดือนนี้จะสรุปผล และเริ่มทำการล้างอันดับใหม่

อย่างไรก็ตามใน 6 อันดับแรก ตอนนี้เหลือคนอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางแค่คนเดียวเท่านั้น ส่วนอีก 5 คนได้ออกมาแล้ว

ในบรรดา 5 คนที่ออกมา มีต้วนหลิงเทียนคนเดียวเท่านั้นที่เลือกออกมาด้วยตัวเอง ส่วนอีก 4 คนล้วนถูกอาคมส่งตัวออกมาเพราะอยู่ครบกำหนดเวลา 10 วันทั้งสิ้น

“ตอนนี้ใน 30 อันดับแรก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังสู้อยู่…ดูท่าอันดับคงยากจะเปลี่ยนจนถึงสิ้นเดือน”

“อันดับอื่นๆ จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ช่าง…แต่อันดับ 1 ข้าว่าไม่เปลี่ยนแน่”

“เฮ่อ…อันดับหนึ่งมีคะแนนสะสมพันกว่าแต้ม นำอันดับที่ 2 อยู่ครึ่งต่อครึ่ง…ดูอย่างไรก็ไม่มีทางพลิกโผได้แล้ว”

ในสายตาของผู้คนคฤหาสน์อมตะต่างๆ อันดับ 1 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเดือนนี้ ก็ได้ตกอยู่ในมือ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวเรียบร้อยแล้ว

เป็นศิษย์ฝ่ายนอกของคฤหาสน์เฉวียนโยวแท้ๆ แต่กลับได้รับอันดับที่ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง สิ่งนี้ย่อมดึงดูดความสนใจของทุกฝ่ายเป็นธรรมดา!

ไม่เพียงแต่คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ของแดนสวรรค์ใต้ แม้แต่ 10 ตระกูลใหญ่และ 5 นิกายหลัก พวกมันต่างล่วงรู้ถึงการคงอยู่ของต้วนหลิงเทียนไม่มากก็น้อย

“ไปหาความเป็นมาของต้วนหลิงเทียน ศิษย์ฝ่ายนอกคฤหาสน์เฉวียนโยวผู้นั้นเสีย…มันเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศอายุไม่ถึงร้อยปี ทั้งคาดว่าจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติได้ 6 ประกรและริเริ่มเข้าใจประการที่ 7 แล้วจริงๆรึ?”

ในบรรดา 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลัก ระดับสูงทั้งหลายได้สั่งการลงไปให้ไปตรวจสอบความเป็นมาของต้วนหลิงเทียนทันที

แม้แต่ตระกูล ซู 1 ใน 10 ตระกูลหลักที่เกี่ยวข้องกับคฤหาสน์เฉวียนโยว ก็ส่งคนไปพบผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวทันที

ไม่นานเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมาจากนิกายอมตะเป้าผู่ และได้ผลเทพสังเวยสวรรค์ก็ถูก 10 ตะกูลใหญ่และ 5 นิกายหลักสืบจนพบ

ทั้ง 10 ตระกูลใหญ่และ 5 นิกายหลักพลันตระหนักได้ทันที

หากที่ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงขุนนางอมตะ 10 ทิศ และเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติได้หลายประการ ทั้งหมดเป็นเพราะผลเทพสังเวยสวรรค์แล้วล่ะก็…

เช่นนั้นจะพรสวรรค์และสติปัญญาของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เลิศล้ำอย่างที่พวกมันจินตนาการเอาไว้

เดิมทีต้วนหลิงเทียนเป็นแค่ ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด ที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ 2 ประการเท่านั้น ตัวตนระดับนี้แม้ใน 10 ตระกูลใหญ่ 5 นิกายหลักจะมีไม่เยอะ แต่ก็มีไม่เคยขาด

ในเมื่อต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากตัวตนเหล่านั้น ทำให้ตระกูลใหญ่และนิกายหลักทั้งหลาย ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับต้วนหลิงเทียนมากอีกต่อไป

นิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ เป็น 1 ใน 5 นิกายอมตะหลักของแดนสวรรค์ใต้ และยังเป็นขุมกำลังระดับ 5 อีกด้วย

“เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น…ไม่เพียงแต่มันจะไม่ตายในอวี้หวงเทียน ทว่ามันยังได้ผลเทพสังเวยสวรรค์มาจากเงื้อมมือของจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดด้วยงั้นเหรอ?”

ในลานที่พักแห่งงหนึ่งของนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ ชายหนุ่มคนหนึ่งเลิกคิ้วขึ้น หลังได้รับข้อความบางอย่าง

ชายหนุ่มผู้นี้สวมใส่ชุดคลุมสีขาว หน้าตาแลดูหล่อเหลา ในมือถือพัดเล่มหนึ่ง ท่วงท่าแลดูสง่างามไม่ใช่ชั่ว มองปราดเดียวก็รู้ว่ามันไม่ใช่คนธรรมดาๆแน่นอน

และมันก็คือ เหยียนหรูอวี้ 1 ใน 3 ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายปราชญ์เต๋าเร้นลับ!

เหยียนหรูอวี้คนนี้ ยังเป็นศิษย์ที่แท้จริงอายุน้อยที่สุดในนิกาปราชญ์เต๋าเร้นลับอีกด้วย!

“เฉินหลี”

เหยียนหรูอวี้ส่งข้อความไปถึง เฉินหลี ลูกชายของเฉินหยวนซาน รองผู้นำองค์กรกะโหลกเลือดทันที “เจ้า…รู้เรื่องต้วนหลิงเทียนนั่นแล้วใช่ไหม?”

“หืม? เจ้าก็รู้แล้วรึ?”

เห็นได้ชัดว่าเฉินหลีสมควรล่วงรู้แต่แรก

“ใช่ ข้าพึ่งได้ข้อมูลมาเมื่อครู่หยกๆ”

เหยียนหรูอวี้ตอบ จากนั้นค่อยถามต่อ “ตอนนี้เจ้าเป็นไงบ้างเล่า…หากต้องการความช่วยเหลืออันใดในเรื่องนี้ เจ้าบอกข้ามาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณเจ้ามาก แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนี้ท่านพ่อข้าไปจัดการแล้ว…ทางองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดจะดำเนินภารกิจฆ่ามันต่อ”

เฉินหลีกล่าว

ภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนศิษย์หลักนิกายอมตะเป้าผู่นั้น ผู้ค้ำประกันให้ออกภารกิจเป็นตัว เฉินหลี เอง…

ตอนแรกมันนึกว่าการฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่งช่างเป็นเรื่องราวอันง่ายดายไม่ต่างอะไรกับหายใจ แต่สุดท้ายมือสังหารที่องค์กรกะโหลกเลือดส่งไปคนแล้วคนเล่า หากไม่ตายก็พบพานกับความล้มเหลว! เรื่องนี้ทำให้เบื้องบนขององค์กรกะโหลกเลือดไม่สบอารมณ์นัก!!

ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว…

เฉินหลีในฐานะผู้ค้ำประกัน ก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันไม่น้อย

อย่างไรก็ตามบิดาของเฉินหลี ก็เป็นถึงหนึ่งในชนชั้นรองผู้นำองค์กร จึงไม่ยากอะไรที่จะช่วยสลายแรงกดดันให้เฉินหลี

ณ ระนาบสมรภูมิ อันเป็นระนาบที่เกิดจากการบรรจบกันของระนาบเทพคู่ขนานทุกๆ 10,000 ปี และเมื่อปรากฏแล้วก็จะดำรงอยยู่เป็นเวลา 1,000 ปี

คราวนี้ เมื่อระนาบเทพนาม ดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ ได้เวียนมาบรรจบกับ ดินแดนแห่งการลงทัณฑ์ ก็อุบัติระนาบสมรภูมิขึ้นมาเช่นกัน

ตั้งแต่ที่ระนาบสมรภูมิแห่งนี้ปรากฏ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาหลายสิบปีแล้ว

ปง! ครืน! ตึง! ตึง!

ขุนเขามหึมาถล่มลงลูกแล้วลูกเล่า น่านฟ้าเหนือหุบเขาปรากฏร่าง 2 ร่างรุกไล่กันฉับไว คลื่นพลังสะท้อนจากการปะทะ ไม่ต่างอะไรจากมหันตภัยครั้งยิ่งใหญ่ กวาดทำลายออกไปทั่วสารทิศ

หนึ่งในนั้นเป็นชายร่างกำยำ อีกหนึ่งเป็นสตรีร่างบางในชุดขาว

สตรีร่างบางในชุดขาวนั้นยังมีรูปโฉมงดงามไร้คู่เปรียบนัก หากแต่บัดนี้มุมปากคนงามกลับปรากฏโลหิตไหลย้อยลงมา แต่ว่าด้านชายร่างใหญ่ไม่ได้แลดูบาดเจ็บอะไรเลย

“แม่นาง เจ้าไม่ใช่คู่มือข้า!”

ชายร่างใหญ่แย้มยิ้มด้วยความมั่นใจ

โฉมงามไร้คู่เปรียบชุดขาวบัดนี้ สีหน้ามืดงไม่น้อย ดวงตากระจ่างใสของนางยังเริ่มมืดสลัว มุมปากคลี่ยิ้มขื่นขมออกมาบางๆ

‘ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าวันนี้ข้ากำลังจะเป็นฝ่ายที่ตายตก…’

‘ไม่! หากข้าตายที่นี่แล้วพี่หญิงลี่เฟยเล่า เนียนเทียนกับซือหลิงเล่า!?’

‘ยังมีท่านพ่อท่านแม่ แล้วก็ลุงเฟิ่ง…’

สองตากระจ่างดั่งสารทฤดูของร่างบางอันงดงามไร้คู่เปรียบ ฉายชัดถึงความไม่ยินยอมพร้อมใจออกมา

‘หากความแข็งแกร่งเมื่อชาติที่แล้วของข้าฟื้นคืนกลับมาหมด…ไหนเลยต้องกลัวชายผู้นี้ด้วย?’

‘น่าเสียดาย ข้ายังขาดอีกก้าวหนึ่งถึงจะฟื้นคืนพลังเมื่อชาติก่อนได้…แต่หนึ่งก้าวนี้ สุดท้ายดูเหมือนข้าจะไม่มีโอกาสได้ก้าวข้ามมันแล้ว…’

เมื่อในใจเริ่มถูกความสิ้นหวังกัดกิน ทั่วร่างโฉมงามไร้คู่เปรียบก็ปรากฏไอโลหิตแผ่ซ่านออกมา จากนั้นก็เริ่มควบรวมก่อลักษณ์สัตว์ร้ายบางอย่าง ราวกับจะลงมือแลกชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย

“โลหิตสำแดงลักษณ์อสูร…เจ้า…เจ้าเป็นทายาทสายตรงของตระกูลเซี่ย!?”

เมื่อเห็นร่างอสูรร้ายแลดูน่ากลัวที่ก่อเกิดจากไอโลหิตทั่วร่างสตรีเบื้องหน้า ชายร่างใหญ่ก็ขมวดคิ้วย่นยู่ “เซี่ยเจี๋ยเป็นอะไรกับเจ้า!?”

“เจ้ารู้จัก อาสามของข้าด้วยหรือ?”

โฉมงามไร้คู่เปรียบมองถามชายร่างใหญ่ด้วยความประหลาดใจ จากนั้นไอโลหิตที่ก่อลักษณ์สัตว์อสูรทั่วร่างนางก็เริ่มจางลง ก่อนที่จะดับหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ใต้เท้าเซี่ยเจี๋ย…เป็นอาสามของเจ้าหรือ!?”

รูม่านตาชายร่างใหญ่หดแคบลงเร็วไว จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “เมื่อหมื่นปีก่อน…ใต้เท้าเซี่ยเจี๋ยได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้ในสถานที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง…”

ในขณะที่ชายร่างใหญ่ถอนหายใจ แววตาของมันก็เริ่มทอประกายสลัวแห่งความคิดถึง คล้ายกำลังหวนรำลึกถึงเรื่องราวในอดีต

“ในเมื่อเจ้าเป็นหลานสาวของใต้เท้าเซี่ยเจี๋ย ข้าไม่อาจทำร้ายเจ้าได้…”

ชายร่างใหญ่ส่ายหัวไปมา ก่อนที่จะเหินร่างจากไปทันที

จนเมื่อชายร่างใหญ่หายไปได้สักพักแล้ว สตรีร่างบางอันงามไร้คู่เปรียบจึงดึงสติกลับมาได้ มุมปากคลี่ยิ้มขมขื่นกว้างขึ้น

โฉมงามไร้คู่เปรียบนางนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเค่อเอ๋อนั่นเอง

แน่นอนว่าเค่อเอ๋อในปัจจุบัน ยังเป็น เซี่ยหนิงเสวี่ย แห่งตระกูลเซี่ยของดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพอีกด้วย

‘ด้วยพลังของข้าตอนนี้ ดูเหมือนยังไม่อาจเข้าไปในระนาบสมรภูมิได้ลึกเกินไป…หากที่ข้าเจอไม่ใช่คนรู้จักอาสาม ป่านนี้ข้าคงตายไปแล้ว!’

คิดถึงจุดนี้เค่อเค๋อก็หันหลังกลับทันที ไม่กล้าจะเดินหน้าสืบต่อ

คนตายก็เหมือนตะเกียงดับ

นางยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ย่อมไม่อยากตกตาย!

“พี่เทียน…”

เค่อเอ๋อได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความคิดถึง

ณ หลิงหลัวเทียน

แดนสวรรค์ใต้ คฤหาสนส์เฉวียนโยว

“เค่อเอ๋อ!”

ต้วนหลิงเทียนพลันสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที ตอนแรกเขาก็หลับฝันถึงผู้แข็งแกร่งที่สุดกำลังใช้พลังความลึกซึ้งต่างๆของกฏมิติอยู่ดีๆ แต่ไม่ทราบเพราะอะไร ฉากในฝันของเขาก็เริ่มกลายเป็นเค่อเอ๋อขึ้นมา

นอกจากนี้เค่อเอ๋อในฝันของเขา กำลังเกิดเรื่องอีกด้วย!

ต้วนหลิงเทียนที่สะดุ้งตื่น ทั่วร่างก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็น

อันที่จริง ที่ต้วนหลิงเทียนจะฝันร้ายก็ไม่แปลก

ผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด ไม่เพียงแต่จะตกผลึกจากความรู้ความเข้าใจในกฏมิติที่แตกฉานเท่านั้น แต่ยังมีเสี้ยวหนึ่งของพลังผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ด้วย

ผู้แข็งแกร่งที่สุดจะอย่างไรก็คือตัวตนที่ทรงพลังที่สุดท่ามกลางสวรรค์และโลก ทุกความเคลื่อนไหวใดๆล้วนส่งผลกระทบต่อกฏเกณฑ์ในฟ้าดิน

เมื่อเค่อเอ๋อตกอยู่ในอันตรายบางอย่าง อาศัยเสี้ยวหนึ่งของพลังในผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ต้วนหลิงเทียนย่อมสามารถรับรู้ได้

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ล่วงรู้เรื่องนี้

เขาคิดว่ามันเป็นแค่ฝันร้ายเฉยๆ ไม่ได้รู้เลยว่าเค่อเอ๋อพึ่งรอดพ้นหายนะแห่งความเป็นตายมาได้จริงๆ

วันเวลาล่วงเลยผ่านไปรวดเร็วนัก พริบตาก็ผ่านไปอีกสิบวันครึ่งเดือนแล้ว

และเมื่อวันสุดท้ายของเดือนมาถึง คะแนนบนตารางจัดอันดับก็หยุดเคลื่อนไหว ผู้ที่ยังอยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็ถูกบังคับส่งตัวออกมา

“ต้วนหลิงเทียน ได้อันดับ 1 แล้ว!!”

ถึงแม้คฤหาสน์เฉวียนโยวจะรู้ผลนี้มาตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อน แต่เมื่อผลคะแนนสรุปออกมาอย่างเป็นทางการ พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นยินดีกันอีกรอบ!

และผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว ยังออกมาประกาศด้วยตัวเอง ว่าให้ต้วนหลิงเทียนเลื่อนสถานะเป็นศิษย์สายในได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านการทดสอบใดๆทั้งสิ้น

สำหรับเรื่องนี้ ก็ไม่มีใครในคฤหาสน์เฉวียโยวคิดคัดค้านแม้แต่น้อย

มีบางคนที่อิจฉาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ไม่พอใจอะไร

เพราเกียรติยศที่ต้วนหลิงเทียนนำมาให้คฤหาสน์เฉวียนโยว มันมากพอจะทำให้ได้รับอภิสิทธิ์แบบนี้

ทุกคนในคฤหาสน์เฉวียนโยวยอมรับได้ง่ายๆ กระทั่งจะให้เป็นศิษย์หลักเลย พวกมันก็ไม่คัดค้านอะไรด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว เขาไม่ได้สนใจเลยว่าจะเป็นศิษย์ระดับไหนของคฤหาสน์เฉวียนโยว…

สิ่งที่เขาสนก็คือหลังจากที่เขาได้กลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยได้สำเร็จ ทางคฤหาสน์เฉวียนโยวจะทุ่มทรัพยากรบ่มเพาะให้เขาถึงขนาดไหน

ในแง่กฏมิติ เขามีผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดแล้ว ดังนั้นเขาไม่มีอะไรที่ต้องพึ่งพาคฤหาสน์เฉวียนโยว

อย่างไรก็ตามในแง่ของการบ่มเพาะพลัง เขายังต้องพึ่งคฤหาสน์เฉวียนโยว

ด่านพลังนั้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องทะลวงไปยังขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศเลย กระทั่งจะทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะ และยกระดับไปอีกสักขั้นตอนนี้ ก็นับว่ายากเย็นและต้องใช้เวลามหาศาล…ซึ่งในสายตาต้วนหลิงเทียนมันคือวันเวลาที่เนิ่นนานเหลือเกิน!

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีผลึกเทพรวมถึงพฤกษาเทพกำเนิดชีพ ที่เป็นดั่งต้นไม้แห่งชีวิตในโลกใบเล็ก แต่เขาก็ยังต้องบ่มเพาะพลังไปทีละก้าวๆอยู่ดี

เพียงแค่การมีพฤกษาเทพกำเนิดชีพในโลกใบเล็ก มันช่วยให้เขาดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินได้เร็วไวทั้งบริสุทธิ์ จนเพิ่มความเร็วในการก้าวหน้าเท่านั้น

ในระนาบเทวโลก มีผลไม้อมตะมากมาย ไม่เว้นโอสถอมตะที่จะส่งเสริมการบ่มเพาะ กระทั่งบางอย่างยังสามารถยกระดับพลังให้เขาได้โดยตรง

ทว่าผลไม้อมตะและโอสถอมตะเช่นนั้น สำหรับคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้วยังถือว่ามีค่ามหาศาล

ต่อให้เป็นศิษย์หลักของคฤหาสน์เฉวียนโยว กว่าจะได้ผลไม้อมตะหรือโอสถอมตะระดับนั้นมา ก็ต้องผ่านการแข่งขันบางอย่าง

‘หากข้ากลายเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยได้ ผลไม้อมตะกับโอสถอมตะพวกนั้นก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ…แน่นอนว่าตำแหน่งผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว มันต้องเลิศล้ำอย่างที่ฉีเทียนหมิงกล่าวไว้ก่อนจริงๆ’

ต้วนหลิงเทียนยังเชื่อคำพูดของฉีเทียนหมิง

หลังจากเข้าสู่เดือนใหม่ แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางก็เปิดออกอีกครั้ง

คราวนี้หลังจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางเปิดออก 3 วัน ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางไปยังตำหนักเคลื่อนย้ายหลังเดิม และเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางทันที