ต๋งเยวี่ย

ผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่ง ด่านพลังฝึกปรือบรรลุถึงราชาอมตะ 10 ทิศ เข้าใจกฏแห่งน้ำ ทั้งความลึกซึ้งยังบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว 2 ประการ

ผลงานในอดีตที่ดีที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็คืออันดับที่ 13

อย่างไรก็ตาม นามนี้ไม่ได้ปรากฏในตารางจัดอันดับของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง 10 กว่าปีแล้ว…

เป็นธรรมดาว่าถึงนามนี้จะไม่ปรากฏในตารางจัดอันดับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงมานานนับสิบปี แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าเจ้าของนามจะพลังฝีมือถดถอยจึงไม่แม้แต่จะติด 100 อันดับแรกแม้แต่คนเดียว…

“เดิมทีข้านึกว่าต๋งเยวี่ยทะลววงถึงจอมราชันอมตะไปตั้งแต่สิบปีก่อนเสียอีก ถึงได้ไม่เข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง…ไม่คิดเลยว่าที่แท้จะยังไม่ทะลวงด่าน ให้เดามันสมควรมุ่งมั่นทะลวงด่านอยู่ 10 ปี ทว่าล้มเหลวแน่แท้…”

หลายคนในเขตปลอดภัยอดถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อนไม่ได้

“เหอะๆ พวกเจ้าคิดว่าทะลวงไปถึงจอมราชันอมตะมันง่ายนักหรือไร…หากมันง่ายเช่นนั้นในแดนสวรรค์ใต้เรา เดินไปทางไหนก็คงเห็นจอมราชันอมตะเกลื่อนแล้ว ในสายตาข้า…ต๋งเยวี่ยนั่น มันไม่พ้นพยายามทะลวงด่านเท่าไหร่ก็ล้มเหลวตลอด 10 ปีไม่ผิดแน่…”

“แต่การกลับมารอบนี้ของต๋งเยวี่ยนับว่ามาแรงจริงๆ…แค่ 3 เดือนก็พุ่งมาถึงอันดับที่ 19 แล้ว”

“ดูเหมือนว่าตลอดสิบปีที่ผ่านแม้จะทะลวงด่านล้มเหลว แต่พลังฝีมือก็ยังก้าวหน้าขึ้น…คราวนี้หากไม่โชคร้าย ไม่แน่ว่าอาจจะติดอยู่ใน 10 อันดับแรกได้”

หัวเรื่องสนทนาในเขตปลอดภัยของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ล้วนวนเวียนอยู่กับนาม ต๋งเยวี่ย ที่ปรากฏขึ้นมาบนตาราจัดอันดับอีกครั้ง

เนื่องเพราะเจ้าของนามนี้มันหายไปนานนับสิบปีแล้ว แต่ตอนนี้ไม่เพียงจะปรากฏตัวขึ้นมาเท่านั้น ยังสามารถไต่ขึ้นมาถึงอันดับที่ 19 ในเวลาอันสั้นอีกด้วย

“แต่ข้าจำได้ว่าในอดีตต๋งเยวี่ยจักไม่ลงมือถึงตายนี่นา…ไฉนคราวนี้ดุร้ายนักเล่า ทุกคนที่แพ้พ่ายล้วนถูกมันฆ่าตายหมดสิ้น”

“ข้าก็ไม่รู้หรอก…ในช่วง 10 ปีที่ผ่านอาจเกิดอะไรขึ้นกับมันก็เป็นได้”

“มันฆ่าไม่เลือกหน้าเช่นนี้ แทบจะตามรอยจางจินอี้เมื่อปีก่อนเลย”

“พูดถึงจางจินอี้นั่น…ปีนี้มันไปไหนซะเล่า ไม่เห็นมันเข้ามาเลย”

“บางทีอาจจะปรากฏตัวช่วงๆกลางหรือท้ายปีรึเปล่า เพราะให้เทียบกันแล้วมันไต่อันดับเร็วกว่าต๋งเยวี่ยเสียอีก”

ในปัจจุบัน เหล่าผู้คนในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าต๋งเยวี่ยตัวจริงได้ตกตายไปแล้ว

ต๋งเยวี่ยคนปัจจุบันก็คือจางจินอี้นั่นเอง

ชื่อที่จะสัลกลงบนป้ายหยกประจำตัวของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ขอเพียงไม่ซ้ำกับผู้อื่น จะสามารถใช้ชื่อใดก็ได้

และการเข้ามาของจางจินอี้คราวนี้ มันก็เลือกใช้ชื่อ ต๋งเยวี่ย

“ผ่านไป 4 เดือนแล้ว…ไฉนพวกมันยังไม่เข้ามาอีก?”

สูงขึ้นไปบนฟ้าสีเลือด จางจินอี้เหินร่างลอยอย่างเงียบงัน มันพึ่งดูตารางจัดอันดับผ่านป้ายประจำตัว จึงพบว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ยังไม่ติดอันดับ

“หรือพวกมันจะเข้ามาโดยใช้นามแฝงด้วย?”

จางจินอี้อดคิดไปทำนองดังกล่าวไม่ได้

และพอคิดได้ดังนั้น จางจินอี้ก็เร่งส่งข้อความหาจางตงหนานทันที และจางตงหนานก็ประสานติดต่อไปถามลูกชายของจางอวิ๋นถิง เรื่องรายชื่อในตารางจัดอันดับอย่างไม่รอช้า

ลูกชายของจางอวิ๋นถิง ก็ตอบจางตงหนานกลับเร็วไว “ท่านหัวหน้าเผ่า รายชื่อในตารางจัดอันดับล้วนเป็นหน้าเดิมๆ ไม่มีชื่อแปลกปรากฏขึ้นแต่อย่างไร…ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อสมควรยังไม่เข้ามา”

หลังได้รับคำตอบ จางตงหนานก็เร่งติดต่อกลับไปหาจางจินอี้ทันที “ท่านทูต ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อยังไม่เข้ามา…ท่านรอสักพักเถอะ”

อย่างไรก็ตาม เพราะคำพูดดังกล่าวของจางตงหนาน จึงทำให้จางจินอี้รอคอยมานานนับร้อยปี…

“ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงนี่แล้ว…คราวนี้หากต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อยังไม่โผล่หัวมาอีกข้าจะกลับบ้าน!”

จางจินอี้กล่าวพึมพำ ก่อนจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอีกครั้ง

และนี่ก็เป็นครั้งที่ร้อยแล้วที่มันเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงในชื่อ ต๋งเยวี่ย

ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ชื่อต๋งเยวี่ยที่ใช้โดดเด่นเกินไป มันจึงพยายามเข่นฆ่าไต่อันดับจนใกล้ๆ 10 อันดับแรกเท่านั้น

และทุกครั้งที่มันเข้าสู่แดนลับสมบัติ ทันทีที่เข้าไป มันก็จะทำลายป้ายหยกประจำตัวทิ้งเพื่อออกจากแดนลับสมบัติทันที ไม่คิดจะอยู่ที่นั่นนานนัก

เดิมทีหลังจากรออยู่ 2-3 ปีแต่พบว่าต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไม่กลับเข้ามาแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอีกเลย มันก็คิดจะกลับเผ่าหลักที่แดนฟ้าสิ้นสุด

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสสูงของตระกูลจางในเผ่าหลักที่แดนฟ้าสิ้นสุดกลับส่งข้อความมาว่า “จินอี้ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่แดนสวรรค์ใต้นานนัก…แต่เรื่องจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาสำคัญยิ่ง เจ้ารอไปก่อนเถอะ หากครบ 100 ปีแล้วนางไม่ปรากฏตัวจริงๆ เจ้าค่อยกลับมา”

ด้วยคำสั่งดังกล่าวของผู้อาวุโสสูงตระกูลจางเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลัก จางจินอี้จำต้องรั้งอยู่ที่นี่

และมันก็รั้งอยู่ถึงร้อยปี!

“ในที่สุดข้าก็จะได้กลับไปเสียที…”

ทันทีที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงรอบนี้ จางจินอี้รู้สึกปลอดโปร่งนัก เพราะมันรู้ว่านี่ครั้งสุดท้ายแล้วที่ต้องมาทนอยู่ในนี้ หลังจากอันดับถูกล้าง มันก็จะได้กลับไปยังแดนฟ้าสิ้นสุด

“ในเมื่อนี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ข้าจะไม่ยั้งมืออีก…ปีนนี้ข้าจะทำให้ชื่อ ต๋งเยวี่ยทะยานขึ้นไปยังอันดับ 1!”

ช่วงเวลา 99 ปีที่ผ่านมา มันไม่เคยพยายามไต่อันดับดีๆสักครั้ง

แต่คราวนี้มันตั้งใจจะไต่อันดับเต็มที่ ให้นามที่มันใช้มายาวนานถึง 100 ปี ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง!

ณ คฤหาสน์เฉวียนโยว

วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย

“ผู้อาวุโส”

ชายชราที่กำลังตกปลาอย่างเหม่อลอยริมทะเลสาบในสวนด้านหลัง ถูกเสียงเรียกทักหนึ่งปลุกขึ้น มันค่อยๆวางคันเบ็ดลง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและหันหลังกลับมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน จึงเห็นชายหนุ่มชุดม่วงกำลังยืนมองมาไม่ไกล

ข้างๆชายหนุ่มชุดม่วงก็มีร่างสตรีชุดขาวยืนอยู่ตรงนั้น แลดูเหมาะสมกันประหนึ่งกิ่งทองใบหยก

“คราวนี้เจ้าถึงกับปิดด่านไป 100 ปีเต็มๆ…เป็นอย่างไรบ้างเล่า? ด่านพลังเจ้าก้าวหน้าถึงขั้นใดแล้ว?”

ชายชราเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนเลือกจะปิดด่านบ่มเพาะยาวนานถึงร้อยปี เป็นอะไรที่ชายชราคิดไม่ถึงจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อทั้งคู่เลือกจะปิดด่านบ่มเพาะ มันก็ออกคำสั่งให้ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวทุ่มกำลังค้นหาทรัพยากรบ่มเพาะมาเต็มที่ เพื่อไม่ให้การปิดด่านของทั้งคู่ขาดแคลนทรัพยากร

เรียกว่าตลอดร้อยปีที่ผ่าน ทรัพย์สินและความมั่งคั่งกว่าครึ่งของคฤหาสน์เฉวียนโยว ถูกนำไปซื้อหาทรัพยากรบ่มเพาะให้ทั้งสองคน

“ฮ่วนเอ๋อทะลวงถึงราชาอมตะ 10 ทิศแล้ว…ขาดเพียงครึ่งก้าวก็จะทะลวงถึงจอมราชันอมตะ”

ต้วนหลิงเทียนยิ้ม

พริบตาเดียวเวลาก็ได้ล่วงเลยไป 100 ปี

เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะปิดด่านบ่มเพาะนานขนาดนี้ แต่หลังจากเขานำผลเปลวอัคคีลายครามออกมา ฮ่วนเอ๋อก็ยื่นส่งแก่นแท้โลหิตต้นกำเนิดขอนางมาให้เขาสิบหยด เพื่อให้เขาใช้ร่วมกับผลเปลวอัคคีลาคราม นางบอกว่าสิ่งนี้จะทำให้ระดับพลังฝึกปรือของเขาก้าวหน้าเร็วไว…

สุดท้ายเขาก็สามารถทะลวงจากราชาอมตะ 3 ศักดิ์มาถึงราชาอมตะ 7 ดาราได้ในเวลาอันสั้น!

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเรื่องที่ฮ่วนเอ๋อต้องตกอยู่ในสภาพอ่อนแอสิ้นกำลังก็ถูกเขาล่วงรู้ และทั้งหมดเพราะนางฝืนเค้นแก่นแท้โลหิตต้นกำเนิดออกมาถึง 10 หยดให้เขา!

แก่นแท้โลหิตต้นกำเนิดของฮ่วนเอ๋อนั้น แต่ละหยดต้องใช้เวลาเพาะสร้างเป็นสิบปี!

เช่นนั้น 10 หยดก็กินเวลาถึง 100 ปี!

โชคดีที่นางยังเยาว์นัก การฝืนนำแก่นแท้โลหิตต้นกำเนิดออกมาแบบนี้เพียงใช้เวลาฟื้นฟูเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อการบ่มเพาะพลังและการตระหนักรู้ถึงกฏผ่านผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด

ในขณะที่ฮ่วนเอ๋อกำลังพักฟื้น ต้วนหลิงเทียนก็คิดจะเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงคนเดียว แต่พอเห็นสายตาซึมๆของนางที่มองมา รวมถึงฮ่วนเอ๋อเคยสัญญาว่าจะไม่จากเขาไปไหน สุดท้ายเขาก็ได้แต่ปัดความคิดดังกล่าวตกไป

เช่นนั้นเขาจึงเลือกที่จะปิดด่านบ่มเพาะพลังกับฮ่วนเอ๋อนาน 100 ปี

“แล้วเจ้าเล่า?”

ชายชราเอ่ยถาม

“ข้า…ข้ายังขาดอีกก้าวนึง จะทะลวงถึงราชาอมตะ 10 ทิศ”

ต้วนหลิงเทียนได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆ

ตลอดระยะเวลา 100 ปี แม้จะมีทรัพยากรบ่มเพาะของคฤหาสน์เฉวียนโยวประเคนมาไม่ขาด แต่สุดท้ายก็ทำให้เขาทะลวงจากราชาอมตะ 7 ดาราไปยังราชาอมตะ 9 ตำหนักเท่านั้น…

“แล้วหลังจากนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อ”

ชายชราเอ่ยถาม

“ข้าว่าจะเข้าแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอีกสักครั้งเป็นการทิ้งทวน…หลังจากนั้นข้าว่าจะพาฮ่วนเอ๋อออกจากหลิงหลัวเทียนไปยังอวี้หวงเทียนสักพัก”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวแผนที่เขาคิดไว้ออกมา “รอให้ข้ากับฮ่วนเอ๋อมีพลังมากพอล้างแค้นให้อดีตผู้พิทักษ์คฤหสน์น้อยเมื่อไหร่…พวกเราจะย้อนกลับมา”

“ไฉนต้องจากไปอวี้หวงเทียนด้วยเล่า?”

ชายชราย่นคิ้วเบาๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัยอยู่บ้าง

“ฮ่วนเอ๋ออยู่ที่นี่วันหนึ่งก็มีอันตรายเพิ่มขึ้นอีกวัน…สุดท้ายเผ่าจิ้งจอกมายาในแดนฟ้าสิ้นสุดก็เริ่มคลางแคลงสงสัยเรื่องการคงอยู่ของฮ่วนเอ๋อแล้ว ถึงแม้ตอนนี้พวกมันจะยังไม่มั่นใจว่าฮ่วนเอ๋อเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา แต่ถ้ายังอยู่ที่นี่เรื่องจะแดงเมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น”

“อย่างน้อยๆการออกจากหลิงหลัวเทียนไปยังอวี้หวงเทียน ก็ทำให้หลีกเลี่ยงปัญหาจากเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลักได้”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

“ที่อวี้หวงเทียน ก็มีเผ่าจิ้งจอกมายาอยู่มิใช่รึ?”

ชายชรากล่าวเตือน “แน่นอนว่าหากให้เทียบกับเผ่าจิ้งจอกมายาที่แดนฟ้าสิ้นสุดแล้ว เผ่าจิ้งจอกมาที่อวี้หวงเทียนเหมือนจะด้อยกว่าเล็กน้อย”

“อย่างไรเสียเผ่าจิ้งจอกมายาที่อวี้หวงเทียน ก็มีต้นกำเนิดมาจากหลิงหลัวเทียน…”

ชายชรากล่าว

“ก็ใช่ แต่เผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลักที่อวี้หวงเทียนนั้นมีแซ่ตู้…พวกมันจะไม่ทำร้ายฮ่วนเอ๋อ”

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม

อันที่จริงตั้งแต่เมื่อ 100 ปีก่อน ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบมาจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำของคฤหาสน์เฉวียนโยวแล้ว ว่าเผ่าจิ้งจอกมายาที่อวี้หวงเทียนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนของตระกูลตู้

เขาจึงอดคิดไปไม่ได้ว่าเรื่องราวในหล้าบางคราก็เกี่ยวพันกันแปลกๆ…

อวี้หวงเทียน เดิมทีเป็นระนาบเทวโลกที่เขาควรจะขึ้นไป

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การผันผวนของห้วงมิติ เขาจึงมาปรากกตัวที่หลิงหลัวเทียนแทน และได้รู้จักกับฮ่วนเอ๋อ

ฮ่วนเอ๋อเป็นคนของตระกูลตู้แห่งเผ่าจิ้งจอกมายา

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

ชายชราพลันตระหนักเรื่องราว จากนั้นก็พูดต่อว่า “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ข้าผู้เฒ่าก็ไม่คิดกวนใจ…ข้าเพียงหวังว่าวันหน้าหากมีเวลาว่าง พวกเจ้าจะแวะกลับมาบ้าง”

“ถึงแม้พวกเจ้าจะยังไม่มีพลังสามารถพอจะล้างแค้นให้อดีตผู้พิทักษ์คฤหสน์น้อยก็ตาม”

ชายชรากล่าว

ปกติแล้วชายชรามักจะอยู่ตัวคนเดียว ถึงแม้จะมีคนมาหาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็คือผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวคนเดียวเท่านั้น

ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อจะอย่างไรก็อาศัยอยู่ในวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยมากว่าร้อยปี ชายชราย่อมรู้สึกผูกพันทั้งเอ็นดูอยู่บ้าง

มันชมชอบรุ่นเยาว์ทั้ง 2 มาก

อีกทั้งมันรู้สึกว่าความสำเร็จในภายภาคหนน้าของรุ่นเยาวว์ทั้ง 2 จะเหนือล้ำกว่าตัวมันไปไกล…หากไม่มีอะไรผิดพลาด จอมราชันอมตะสมญานาม หรือแม้แต่จักรพรรดิอมตะ ก็อาจไม่ใช่ปลายทางของทั้งคู่

“ผู้อาวุโสพวกเรายังไม่ได้จะไปกันทันที…ทุกอย่างรอให้พวกเรากลับมาจากแนดสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก่อน”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางยิ้ม

ชายชราชะงักไปเล็กน้อย และก็ไม่ทันได้กล่าวอะไร ต้วนหลิงเทียนก็เรียกจานค่ายกลเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังแดนสวรค์ใต้โบราณระดับสูงโดยเฉพาะออกมา หลังจากติดตั้งบนพื้นและสะบัดมือเรียกผลึกอมตะออกมาใส่วาง เขาก็พาฮ่วนเอ๋อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงทันที

นี่เป็นการเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงครั้งที่ 2 ของเขา

และแน่นอนว่ายังเป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย

ครั้งนี้หลังออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแล้ว เขากับฮ่วนเอ๋อจะออกจากหลิงหลัวเทียนและไปยังอวี้หวงเทียน!