พิษหวนคืน เป็นโอสถอมตะที่ค่อนข้างอันตรายขนานหนึ่ง หากจอมราชันอมตะต้องพิษนี้ และไม่อาจใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดต้านทานพลังของพิษร้ายได้ทันท่วงทีล่ะก็ ด่านพลังก็จะถดถอยกลับไปเรื่อยๆจนถึงขอบเขตราชาอมตะ!

จวินฉงซานที่ใช้พิษหวนคืน ด่านพลังจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดของมันก็ถดถอยกลับมาอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามจวินฉงซวานนับว่าคุมพลังและผลกระทบของพิษได้เป็นอย่างดี ทำให้ด่านพลังถดถอยถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศแทบพอดิบพอดี และคุณภาพพลังเซียนยอมตะต้นกำเนิดที่ถดถอยลงไปก็ปริ่มเปร่จะทะลวงถึงจอมราชันอมตะอีกครั้ง

แน่นอนว่าหากมันต้องการทะลวงกลับไปยังขอบเขตจอมราชันอมตะอีกครั้ง มันก็ต้องขจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกายออกให้หมดเสียก่อน

และกว่าจะเดินพลังขับพิษร้ายออกจากร่างได้หมด ก็สมควรใช้เวลาราวๆ 30-50 ปี

อย่างไรก็ตามเพื่อล้างแค้นให้กับหลานชายและหลานสาวตัวเอง มันเต็มใจใช้พิษหวนคืน เพื่อเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง!

“ระ…รองจ้าวหอคุมกฏจวิน!?”

เมื่อจวินฉงซานมาปรากฏตัวในเขตปลอดภัยของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ก็พอดีกับมีศิษย์หลักของงนิกายวิถีวายุอัสนีอยู่ในเขตปลอดภัยดังกล่าวด้วย จึงจดจำจวินฉงซานได้แทบจะทันที

ศิษย์หลักนิกายวิถีวายุคนนั้นอดงุนงงไปไม่ได้อยู่บ้าง

รองจ้าวหอคุมกฏแซ่จวิน ไม่ใช่ว่าด่านพลังอยู่ในขอบเขตจอมราชันอมตะรึไร? ไฉนถึงเข้ามาในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงได้เล่า?

ผู้ที่ด่านพลังฝึกปรือเหนือขอบเขตราชาอมตะ ไม่อาจเข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงได้ นี่เป็นกฏเหล็ก!

กระทั่งหากใครมาทะลวงด่านพลังราชาอมตะในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง พริบตาที่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างก้าวถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ ก็จะถูกอาคมเคลื่อนย้ายส่งตัวออกไปทันที!

‘หรือว่า…เพื่อล้างแค้นให้หลานทั้ง 2 รองจ้าวหอจวินเลยใช้พิษหวนคืน?’

สำหรับศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนี ยาพิษหวนคืนไม่ใช่สิ่งของลึกลับอะไร เพราะเป็นหนึ่งในยาพิษที่ปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะของนิกายวิถีวายุอัสนีพวกมันหลอมเก่ง

แน่นอนว่ายาพิษหวนคืน จัดเป็นโอสถอมตะอันตรายไม่อาจนำไปขายอย่างประเจิดประเจ้อได้

‘ดูเหมือนว่ารองจ้าวหอจวินจะได้รับทราบข่าวเรื่องฮ่วนเอ๋อปรากฏตัวในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแล้ว….’

ศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนีคนดังกล่าวเฝ้ามองจวินฉงซานรับป้ายหยกประจำตัว และเหินร่างออกจากเขตปลอดภัยขณะคิดในใจ

‘หืม?’

และพอเห็นว่ามีคนเริ่มเคลื่อนไหวติดตามจวินฉงซานไป สีหน้าของมันก็เผยความเย้ยเยาะทันที ‘ตัวโง่งม รนหาที่ตายแท้ๆ…’

จวินฉงซานเป็นรองจ้าวหอคุมกฏนิกายวิถีวายุอัสนีของมัน ด่านพลังฝึกปรืออยู่ในขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด ถึงแม้ตอนนี้ด่านพลังจะถดถอยลงมาอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศแล้ว แต่กฏที่เข้าใจยังคงอยู่เหมือนเดิม

ในสายตาของมัน ความเข้าใจในกฏของจวินฉงซาน ต่อให้มองไปทั่วแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง เกรงว่าคงมีแต่สตรีนามฮ่วนเอ๋อเท่านั้นที่เทียมเทียมได้

แม้แต่เหยียนหรูอวี้ ศิษย์ที่แท้จริงของนิกายปราชญ์เต๋าลี้ลับ ที่ครองอันดับ 1 ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงมาเนิ่นนานถึง 100 ปี ก็ไม่น่าจะเหนือกว่าจวินฉงซานในแง่การตระหนักรู้ถึงกฏ!

1 เดือนต่อมา

ที่ไหนสักแห่งภายในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง จางจินอี้ยกมือขึ้นสะบัดคราหนึ่ง ก็ปรากฏพลังพุ่งไปเข่นฆ่าสังหารชายวัยกลางคน ปล้นชิงคะแนนของอีกฝ่ายมา

“ดูเหมือนพวกมันจะควรจะกลับไปรออยู่ในเขตปลอดภัย หรือไม่ก็ทำเหมือนข้า หลีกเลี่ยงการเข่นฆ่าผู้อื่น…”

เมื่อเห็นตารางจัดอันดับในป้ายหยกประจำตัว จางจินอี้ก็กล่าวพึมพำออกมาสองตาเป็นประกาย หลังพบว่าอันดับของฮ่วนเอ๋อตกไปอยู่ในอันดับที่ 40

ในเดือนนี้อันดับของต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อไม่เพิ่มขึ้นเลย ยังจะถดถอยลงด้วยซ้ำ

และพรุ่งนี้ก็เป็นวันที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงจะทำการล้างอันดับใหม่แล้ว…

ดังนั้นต่อให้อันดับของทั้งคู่จะถดถอยแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะถดถอยจนหลุด 50 อันดับแรกไปแน่นอน

“อีกแค่วันเดียว….”

และตอนนี้คะแนนสะสมของจางจินอี้ ก็ส่งให้มันกลับมาอยู่ใน 40 อันดับแรกอีกครั้ง ด้วยอันดับนี้ มันก็สามารถเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3 พร้อมกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อได้

แน่นอนว่าจนบัดนี้จางจินอี้ยังไม่กล้ายืนยันว่าทั้งคู่คือต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อตัวจริง เพราะอันดับของอีกฝ่ายรอบนี้มันร่วงตกลงมาต่ำผิดหูผิดตาเกินไป

“น่าจะพอแล้วกระมัง”

ในเวลาเดียวกัน อีกมุมหนึ่งของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง จวินฉงซาน ที่พึ่งเข้ามาได้เดือนเดียวกำลังมองอันดับตัวเองผ่านป้ายหยก จึงเห็นได้ไม่ยากว่าอันดับของมันตอนนี้คือ 59

จวินฉงซานไม่ได้ชื่อตัวเอง แต่เลือกจะสลักชื่อ จวินชิวเฉิน ลงไปบนป้ายหยกประจำตัว

ใช้แซ่จวินเหมือนเดิม

แต่ชื่อนั้นเอาคำชิวมาจากจวินชิวเหอของหลานสาว ส่วนเฉินเอามาจากจวินวั่งเฉินที่เป็นชื่อของหลานชาย

“พรุ่งนี้อันดับก็จะถูกล้าง…จากนั้นก็จะเข้าสู่แดนลับสมบัติ”

สองตาจวินฉงซานเผยประกายเยียบเย็น “แดนลับสมบัติระดับ 3 จักเป็นหลุมฝัศพของพวกมันทั้งคู่!”

คฤหาสน์เฉวียนโยว วังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย

“ไปกันเถอะ”

ต้วนหลิงเทียนจูงมือฮ่วนเอ่อเข้าสู่วงเวทย์เคลื่อนย้ายของจานค่ายกล เพื่อกลับไปยังแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงอีกครั้ง

เดือนที่แล้วทั้งคู่ออกมาจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง และกลับมาพักอยู่ด้านนอกตลอดทั้งเดือน

ในช่วงเวลานี้ ก็มีไปคุยเล่นกับชายชราจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยอยู่หลายวัน

จนบัดนี้อีก 1 ชั่วยามอันดับในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงก็จะทำการล้างใหม่แล้ว ถึงตอนนั้นแดนลับสมบัติก็จะเบิดออกเช่นกัน

จึงได้เวลาที่เขากับฮ่วนเอ๋อจะกลับเข้าไป

การกลับเข้าสู่แดนลับสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงรอบนี้ แม้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อจะมาปรากฏตัวในเขตปลอดภัย ก็ไม่ได้ดึงดูดความสนใจผู้คนมากมายอะไร

เพราะผู้คนมัวแต่ให้ความสนใจกับป้ายหยกประจำตัว

พวกมันกำลังจับตาองความเคลื่อนไหววของตารางจัดอันดับผ่านป้ายหยกอย่างใจจดใจจ่อ

เวลาเพียง 1 ชั่วยามผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดอันดับก็ถูกตัดสินอย่างเป็นทางการ

อันดับของต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อแม้จะตกลงมา แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับการเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3

‘แดนลับสมบัติระดับ 3 มีคนเข้าไปทั้งสิ้น 70 คน…และอยู่ได้แค่ 10 วันเท่านั้น’

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่เคยเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3 แต่เขาก็พอรู้ข้อมูลมาบ้าง

ไม่เพียงในแดนลับสมบัติระดับ 3 จะมีเวลาให้อยู่แสวงหาโอกาสน้อยนิด เหล่าจิตวิญญาณค่ายกลทั้งหลายยังทรงพลังกล้าแข็งขึ้นอย่างมาก รวมถึงบททดสอบอื่นๆก็เช่นกัน เรียกว่าไม่ใช่อะไรที่ความยากของแดนลับสมบัติระดับ 2 จะเทียบได้เลย ยิ่งยากกว่าแดนลับสมบัติระดับ 1 ราวคนละโลก

เรียกว่าหากเทียบกับแดนลับสมบัติระดับ 3 แล้ว แดนลับสมบัติระดับ 1 เหมือนหยิบยื่นสมบัติให้ตรงๆ

‘ไม่รู้คนทั้ง 70 คนจะถูกส่งไปที่เดียวกันรึเปล่า…’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าป้ายหยกประจำตัวของเขาเริ่มอุ่นขึ้น เขาจึงกุมมือฮ่วนเอ๋อโดยไม่รู้ตัว

วินาทีต่อมาเขาพบว่าเบื้องหน้าเสมือนกลายเป็นมืดมิด และพอสองตาเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองถูกส่งมาปรากฏกายในคุก!

และคุกนี้แม้จะมีลูกกรงตามปกติ หากทว่าด้านนอกลูกกรงกลับเป็นร่างมหึมามากมาย ที่ถูกโซ่ขนาดใหญ่ล่ามเอาไว้! เป็นสัตว์อมตะตัวเขื่องที่แลดูดุร้าย กลิ่นอายพลังไม่ใช่ชั่วทุกตัว!!

ในบรรดาสัตว์อมตะตัวเขื่องเบื้องหน้า ตัวที่แลคล้ายหมีสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่สุด สัตว์อมตะตัวอื่นก็มีขนาดตัวแตกต่างกัน บางกลัวก็มีรูปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว และเขาเองก็ไม่เคยพบเคยเห็นมันมาก่อนเลย

“พี่หลิงเทียน ทั้งหมดเป็นภาพลวงตา…”

เสียงผ่านพลังของฮ่วนเอ๋อพลันดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ ปลุกต้วนหลิงเทียนให้ตื่นขึ้นทันที

ในแง่ของภาพลวงตาแล้ว ฮ่วนเอ๋อในฐานะจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่ยากจะปรากฏตัววในเผ่าจิ้งจอกมายาในรอบหลายล้านปี กล่าวได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของสายวิชามายาลวงตาก็ว่าได้

ฮ่วนเอ๋อนั้นไม่กลัวภาพมายาใดๆแม้แต่น้อย และไม่ว่าจะภาพมายาลวงตาใดๆในใต้หล้า ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อนาง เลย นางสามารถเพิกเฉยมองผ่านมันได้อย่างสมบูรณ์

สิ่งนี้เป็นดั่งพรสวรรค์แต่กำเนิดของฮ่วนเอ๋อ

หลังกลับมารู้สึกตัว ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าในห้องขังแห่งนี้นอกจากเขากับฮ่วนเอ๋อ ยังมีคนอื่นอีก 8 คน

‘หลงคิดว่าจะถูกส่งมารวมอยู่ที่เดียวกัน 70 คนเลยเสียอีก ที่แท้ดูเหมือนจะถูกจัดแบ่งเป็นกลุ่มๆละ 10 คนแทน’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็เริ่มมองสำรวจ 8 คนที่อยู่ร่วมห้องขัง ในบรรดาทั้ง 8 มี 2 คนที่เขาคุ้นหน้า ส่วนคนอื่นๆนั้นเรียกว่าพึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลย

และทั้ง 2 คนที่ต้วนหลิงเทียนคุ้นหน้า พอสัมผัสได้ว่าต้วนหลิงเทียนมองมา พวกมันก็หันมามองตอบเช่นกัน และนั่นทำให้ร่างพวกมันสะดุ้งโหยงทันที

พริบตาต่อมา ความประหลาดใจทั้งเหลือเชื่อก็ฉายชัดไว้กลางหน้าผาก 1 ในนั้นยังอดโพล่งออกมาเสียงดังไม่ได้ “ทะ…ท่านคือต้วนหลิงเทียน ส่วนนั่นก็แม่นางฮ่วนเอ๋อ!!”

“แม่นางฮ่วนเอ๋อ? ต้วนหลิงเทียน?”

อีก 6 คนที่เหลือในตะแลงแกง ก็ได้ยินเสียงอุทานของพวกมัน จึงหันมองไปตามสายตาจนเห็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อทันที

โดยเฉพาะฮ่วนเอ๋อนั่น ด้วยรูปโฉมอันงดงามพิลาศล้ำไร้ตำหนิ ช่างทำให้สรรพสิ่งโดยรอบแลดูหมองลงถนัดตา

“ดูเหมือนจักเป็นแม่นางฮ่วนเอ๋อจริงๆ!”

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป็นทั้งคู่ตัวจริง…เดิมทีตอนเห็นชื่อทั้งคู่อยู่ในอันดับกลางๆ ข้าคิดว่าเป็นใครแอบอ้างนามทั้งคู่เสียอีก”

“แล้วไฉนทั้งคู่ถึงตั้งใจเข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3 เล่า?”

“ไม่สำคัญหรอกว่าทั้งคู่เลือกแดนลับสมบัติระดับ 3 ทำไม…เพราะล้วนเป็นผลดีกับพวกเราทั้งสิ้น!!”

ทั้ง 6 คนพอดึงสติกลับมาได้แล้ว นอกจากความประหลาดใจ ใบหน้าก็เริ่มฉายชัดถึงความตื่นเต้นขึ้นมา

แดนลับสมบัติระดับ 3 นั้น ทั้ง 70 คนเมื่อถูกส่งตัวเข้ามา จะถูกจับแบ่งเป็น 7 กลุ่ม…และ 1 ในบรรดากลุ่มทั้ง 7 จะถูกเลือกให้ชนะผ่าน ส่วนอีก 6 กลุ่มที่เหลือต้องต่อสู้กันเอง เพื่อตัดสินว่า 3 กลุ่มไหนจะได้เข้าสู่แดนลับสมบัติระดับ 3 จริงๆ

“พวกเราเป็นกลุ่มที่ 3”

ครู่ต่อมา มีเสียงหนึ่งดังขึ้น พอดีกับที่ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นว่ากลางห้องขัง อยู่ๆก็ปรากฏเลข 3 ผุดขึ้นกลางอากาศ

“กลุ่มที่ 5 ชนะผ่าน…”

ทันใดนั้นเอง ก็มีสุรเสียงไร้อารมณ์หนึ่งดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ดังในหูต้วนหลิงเทียนเท่านั้น แต่ดังเข้าหูทุกคนในห้องขัง

กระทั่งคนทั้ง 70 คนที่อยู่ตามห้องขังต่างๆล้วนได้ยินกันหมด

“ฮ่าๆๆ! กลุ่มที่ 5 ของพวกเราชนะผ่าน!!”

“ดูเหมือนการเข้าแดนลับสมบัติระดับ 3 ครั้งนี้ดวงข้าจะมา…ไม่คิดเลยว่าจะมีโชคได้ชนะผ่าน!”

“ข้าด้วย ตลอด 200 ปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกของข้าเลยที่อยู่ในกลุ่มชนะผ่าน”

คนของกลุ่มที่ 5 แลดูคึกคักมีชีวิตชีวานัก และส่วนใหญ่ก็แลดูตื่นเต้นกันหมด มีเพียงคนเดียวเท่านั้นทื่นนิ่งอยู่ในมุมเงียบๆ คิ้วยังขดย่นเป็นปมเล็กน้อย

“เฮ่น้องชาย พวกเราชนะผ่านแล้ว ไฉนเจ้าทำหน้ามุ่ยนักเล่า?”

ชายวัยกลางคนที่อารมณ์ดี ก็หันไปถามชายหนุ่มที่หน้านิ่วคิ้วขมวดมุมห้องด้วยรอยยิ้ม

“เงียบปาก แล้วไสหัวไปไกลๆหน้าข้า…”

ชายหนุ่มเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงไร้แยแส

ทันใดนั้นสีหน้าชายวัยกลางคนก็ชะงักค้างทั้งเริ่มบิดเบี้ยวทันที อีก 8 คนก็หันมามองชายวัยกลางคนกับชายหนุ่มด้วยความสนใจ เพราะดูท่าจะมีเรื่องดีๆให้ชมดูแล้ว…

“น้องชาย ข้าก็แค่ถามเจ้าเฉยๆ…ไฉนเจ้าต้องกล่าวเช่นนี้ด้วย?”

ชายวัยกลางคนเอ่ยถามเสียงหนัก มันรู้สึกขายหน้าผู้คนไม่น้อย ที่โดนย้อนไล่จนหน้าสั่นแบบนี้!

“พูดอีกคำเดียว ข้าจะให้เจ้าตาย”

ชายหนุ่มยังคงไม่แยแสชายวัยกลางคน เพียงกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงไร้แยแสเช่นเดิม

“เจ้า จะให้ข้าตาย?”

ชายวัยกลางคนยิ้มแสยะ “น้องชาย…เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าอยู่ในอันดับที่ 33 เจ้าจักให้ข้าตายอย่างไรหรือ?”

“หึ!”

แทบจะทันทีที่ชายวัยกลางคนพูดจบคำ เสี่ยงพ่นลมสบถอันเย็นชาก็ดังขึ้นจากชายหนุ่ม

พริบตาต่อมา ไม่อาจแลเห็นว่าชายหนุ่มลงมือเคลื่อนไหวอย่างไร หากทว่าในความว่างเปล่าบังเกิดระลอกหนึ่งกระเพื่อมไปฉับไว

และพริบตาต่อมาชายวัยกลางคนก็นิ่งค้างไปก่อนที่ร่างจะค่อยๆหงายหลังลงไปนอนตาย โดยที่ใบหน้ายังคงฉีกยิ้มแสยะถือดีไม่หาย..