“ในที่สุดพวกเจ้าก็โผล่หัวออกมาเสียที…”

ถึงแม้ว่าจางจินอี้จะไม่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อมาก่อน แต่รูปโฉมอันงดงามไร้คู่เปรียบของฮ่วนเอ๋อ และกลิ่นอายเผ่าเดียวกันที่แผ่ออกจากร่างของนางจางๆ ก็ทำให้มันรู้ได้ทันทีว่า 2 เบื้องหน้าคือต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ…

“หืม?”

ตอนที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก้าวออกมาจากประตูมิติ ก็ทันได้เห็นฉากทั้ง 7 คนถูกจางจินอี้ลงมือสังหารพอดี ทั้งหมดยังตกตายในกระบวนท่าเดียว!

และพอมองเห็นหน้าค่าตาผู้ลงมือชัดๆ ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลงเร็วไว ภาพจำเมื่อร้อยปีก่อนพลันปรากฏขึ้นในใจ

‘เจ้านั่น…จางจินอี้คนจากเผ่าจิ้งจอกมายาสาขาหลักของ แดนฟ้าสิ้นสุด 1 ใน 7 ภูมิภาคเบื้องบน’

ในวันนั้นเขากับฮ่วนเอ๋อได้ซ่อนตัวอยู่ในโลกใบเล็กของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย จึงได้เห็นเรื่องราวและการประลองทั้งหมดระหว่างอีกฝ่ายกับจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย

ดังนั้นเขาจึงจำจางจินอี้ได้ทันที

‘ผ่านไปร้อยปีแล้ว แต่มันยังไม่ออกจากแดนสวรรค์ใต้อีก…ดูเหมือนคนของเผ่าจิ้งจอกมายาไม่คิดจะล้มเลิกเรื่องการยืนยันตัวตนฮ่วนเอ๋อง่ายๆ’

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

“พี่หลิงเทียนคนผู้นี้เป็นคนของเผ่าจิ้งจอกมายาไม่ผิดแน่…และหน้าตามันคุ้นๆเหมือนฮ่วนเอ๋อจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ฮ่วนเอ๋อจำไม่ได้แล้ว”

ทันใดนั้นเสียงผ่านพลังของฮ่วนเอ๋อก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียนพอดี

“ฮ่วนเอ๋อเจ้ายังจำได้รึเปล่า…เมื่อ 100 ปีก่อน ตอนที่พวกเราซ่อนตัวอยู่ในโลกใบเล็กของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยเกิดอะไรขึ้น?”

ต้วนหลิงเทียนกระตุ้นเตือน

“อ๋อ ที่แท้เป็นเจ้านั่นเอง…”

หลังได้ยินคำเตือนของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็ฉุกคิดขึ้นได้ เพราะสุดท้ายแล้วหากไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับต้วนหลิงเทียน นางไม่ค่อยเก็บเอามาใส่ใจสักเท่าไหร่

“ฮ่วนเอ๋อเดี๋ยวข้าจัดการมันเอง…เจ้าไม่ต้องลงมือ”

ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังบอกฮ่วนเอ๋อว่า “ตอนที่เจ้าไม่ลงมืออย่างดีมันก็แค่บอกได้ว่าเจ้าเป้นจิ้งจอกมายาเท่านั้น แต่หากเจ้าลงมือจนกลิ่นอายพลังเปิดเผย ไม่พ้นมันต้องรู้แน่ว่าเจ้าคือจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ถึงตอนนั้นถ้ามันส่งข่าวเรื่องเจ้ากลับไปยังเผ่าหลักที่แดนฟ้าสิ้นสุด…กับพวกเราที่กำลังจะออกจากหลิงหลัวเทียนคงไม่ต้องกลัวอะไร แต่จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยไม่พ้นพลอยรับเคราะห์ไปด้วยแน่”

“ดังนั้นเจ้าไม่อาจให้มันรู้ตัวตนของเจ้าได้เด็ดขาด ถ้าเกิดมันรู้ ก็ต้องทำให้มั่นใจ…ว่ามันไม่ทันส่งข้อความกลับแดนฟ้าสิ้นสุด!”

น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนนั้นเคร่งขรึมจริงจังนัก

เขากับฮ่วนเอ๋อนั้นจะหนีไปไหนก็ได้

อย่างไรก็ตามคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นเป้านิ่ง

จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวดีต่อเขากับฮ่วนเอ๋อมาก เขาไม่คิดจะจากไปโดยทิ้งเภทภัยไว้ให้คฤหาสน์เฉวียนโยว

หากทางเผ่าหลักของงจิ้งจอกมายาที่แดนฟ้าสิ้นสุดล่วงรู้เรื่องนี้ ไม่พ้นพวกมันต้องเลือกจะระบายโทสะใส่คฤหาสน์เฉวียนโยวข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับพวกเขาและปกปิดความจริง ถึงตอนนั้นเกรงว่าต่อให้เป็นตระกูลเบื้องหลังคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ไม่กล้ายื่นมือเข้าช่วย

“พี่หลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อเข้าใจแล้ว”

ได้ยินความจริงจังในน้ำเสียงต้วนหลิงเทียน สีหน้าฮ่วนเอ๋อก็แปรเปลี่ยนเป็นขึงขังขึ้นมาหน่อย พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่พุ่งพล่านในร่างค่อยๆสงบลงทันที

“ไม่ทราบว่าเจ้าเป็นผู้ใดหรือ…ฟังจากที่เจ้าพูดเมื่อครู่ หรือเจ้ากำลังรอพวกเราอยู่?”

ต้วนหลิงเทียนมองถามจางจินอี้ด้วยน้ำเสียงสงบ ทีท่าเฉยเมยไม่เผยอาการใดๆ

“ไม่ผิด”

จางจินอี้พยักหน้า จากนั้นมันก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนทันได้พูดอะไรสืบต่อ แสงสีทองสว่างจ้าพลันสาดส่องออกมาจากทั่วร่างของมัน จากนั้นคนก็พุ่งจี้ไปทางฮ่วนเอ๋อปานลำแสง

วูบ!

อย่างไรก็ตาม ร่างต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติมาคั่นกลางระหว่างมันกับฮ่วนเอ๋อทันที คนลอยร่างเผชิญหน้ากับการโจนทะยานเข้ามาของจางจินอี้อย่างไม่หวาดหวั่น สองตาฉายแววเย็นเยียบ

“เจ้าไม่ใช่คู่มือข้า!”

จางจินอี้ที่โจนทะยานเข่นฆ่าสังหารเข้ามา มองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวเสียงเย็น “พลังฝีมือเจ้าไม่เท่านาง เช่นนั้นก็ไสหัวไปให้นางลงมือเสีย!”

“อยากให้นางลงมือ เจ้าก็ต้องเอาชนะข้าให้ได้ก่อน”

ต้วนหลิงเทียนฉีกยิ้มแสยะ

หากเป็นเมื่อ 100 ปีก่อน จางจินอี้พูดว่าเขาไม่ใช่คู่มือของมัน เขาจะไม่เถียงสักคำ

แต่ตอนนี้…

จางจินอี้ ไม่แม้แต่จะอยู่ในสายตาของเขา!

“ในเมื่อเจ้าเบื่อชีวิตคิดอยากตายนัก ข้าจะสงเคราะห์ให้!!”

ดวงตาจางจินอี้เปล่งแสงเย็นชาวูบวาบ จากนั้น พลันปรากฏพลังวิญญาณขุมหนึ่งกำจายออกมาจากร่างมันเป็นวงกว้าง ปกคลุมร่างต้วนหลิงเทียนในชั่วพริบตา!

และนี่คือพรสวรรค์แต่กำเนิด ของผู้ที่มีสายเลือดจิ้งจอกมายาบริสุทธิ์! สามารถสะกดประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของคู่ต่อสู้ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง! บิดเบือนเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของอีกฝ่ายได้ตามใจ!!

อย่างไรก็ตาม จางจินอี้ที่เห็นว่าพลังวิญญาณของตัวเองปกกคลุมร่างต้วนหลิงเทียนได้แล้ว แต่มันที่เข่นฆ่าสังหารเข้ามา กลับพบว่าต้วนหลิงเทียนดูเหมือจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากทักษะของมันเลย ยังมองจ้องมันด้วยรอยยิ้มบางๆอีกด้วย

“นี่เป็นพรสวรรค์วิชาของเจ้ารึ พลังจิตกล้าแข็งดีนี่…น่าเสียดายที่มันไม่มีผลกับข้า”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพล่างยิ้มเย้ย

พลังวิญญาณของจางจินอี้นั้น แม้จะทรงพลังทั้งลึกล้ำ แต่ทว่าก็ไม่อาจพุ่งเข้ามายังดวงจิตของเขาและส่งผลอะไรต่อเขาได้ เพราะมันถูกพลังของทองเทพสุดลี้ลับ 1 ในเทพเบญจธาตุขวางกั้นเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

ทองเทพสุดลี้ลับในร่างเขาแม้จะยังเป็นแค่ขั้นที่ 3 แต่ก็สามารถปกป้องดวงจิตของเขาได้เป็นอย่างดี ทั้งยังใช้พลังวิญญาณของเขาเป็นขุมพลังเพิ่มพูนพลังป้องกันได้อีก

กล่าวได้ว่าขอเพียงไม่ใช่พลังวิญญาณที่ทรงพลังเหนือชั้นเกินกว่าระดับพลังของเขาไปมากๆ ทักษะวิญญาณใดๆไม่เว้นสำนึกเทวะ อย่าหวังว่าจะแผ้วพานเขาได้

“เจ้า…เจ้ามีอุปกรณ์อมตะคุ้มกันวิญญาณระดับราชางั้นรึ!?”

ลูกตาจางจินอี้หดเล็กลงเร็วไว เอ่ยถามออกมาเสียงหนัก

อุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทเครื่องรางคุ้มกันวิญญาณนั้น สามารถป้องกันทักษะวิญญาณใดๆของตัวตนที่มีพลังวิญญาณต่ำกว่าขอบเขตจอมราชันอมตะได้อย่างง่ายดาย…

“ทำนองนั้น เจ้ารู้แค่ว่า…วิชามายาของเจ้าไม่มีผลกับข้าก็พอ…”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว มุมปากยังคงยกยิ้มไม่คลาย

และตอนนี้เองเสียงผ่านพลังของฮ่วนเอ๋อก็ดังขึ้นในหูเขา บอกว่าสิ่งที่จางจินอี้ใช้เมื่อครู่ ก็คือพรสวรรค์วิชาที่จะมีแต่ในตัวตนที่มีสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น เป็นพลังสายเลือดที่มุ่งเน้นการจู่โจมทางวิญญาณ!

อย่างไรก็ตามเขาไม่กลัวแม้แต่น้อย

หากเป็นเผ่าจิ้งจอกมายาขอบเขตพลังจักรพรรดิอมตะมาใช้วิชานี้ใส่เขาล่ะก็ เขาอาจจะหวั่นเกรงอยู่ 3 ส่วน ด้วยกลัวว่าพลังของทองเทพสุดลี้ลับอาจจะเอาไม่อยู่ แต่อาศัยพลังวิญญาณระดับราชาอมตะ 10 ทิศอย่างจางจินอี้…เขาไม่มีกลัวแม้แต่น้อย!

“ในเมื่อสิ่งนี้ใช้กับเจ้าไม่ได้ผล เช่นนั้นข้าก็จักทุบตีเจ้าให้ตายคามือตรงๆ!!”

จางจินอี้ที่ถูกยิ้มหยันมีน้ำโหไม่น้อย แสงทองทั่วร่ายยิ่งมาย่งส่องสว่างเจิดจ้า จากนั้นก็ปรากฏเงาร่างสีทองหนึ่งปกคลุมไว้ทั่วร่างมันปานภูตผี

“ความลึกซึ้ง องครักษ์ทองคลุมกาย!”

มองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันที ว่าความลึกซึ้งที่จางจินอี้ใช้อยู่คืออะไร นั่นเป็นความลึกซึ้ง องครักษ์ทองคลุมกาย ของกฏแห่งทอง

แม้ความลึกซึ้งของกฏแห่งทองประการนี้จะเน้นการป้องกันเป็นหลัก แต่ก็หนุนเสริมพลังโจมตีด้วยเช่นกัน

ทันใดนั้นจางจินอี้ก็ยกมือขึ้น กระชับกระบี่ที่ผุดโผล่จากความว่างแน่น พลังงานสีทองหลั่งไหลลงสู่ตัวกระบี่ไม่ทันไร มันก็เริ่มปลดปล่อยไอพลังสีดำออกมา นอกจากนั้นยังมีประกายอัสนีสีเลือดแลบลั่นแปลบปลาบดูทรงพลังน่าเกรงขามนัก!

“หืม? กระบี่อมตะจอมราชันของเจ้า…ดูเหมือนจะคุณภาพสูงกก่ากระบี่อมตะจอมราชันทั่วไปมากทีเดียว…”

มองปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันที ว่ากระบี่อมตะจอมราชันในมือของจางจินอี้นั้นทรงพลังไม่ใช่ชั่วจริงๆ แม้จะไม่ได้มีอานุภาพสูงเท่าแหวน 9 วิญญาณหยินหยางอันเกิดจากแหวน 9 วิญญาณหยิน และแหวน 9 วิญญาณหยางผสานหลอมรวมกัน แต่ก็นับว่าทรงพลังสุดที่อุปกรณ์อมตะจอมราชันทั่วๆไปจะเทียบได้

“ไม่เกิน 3 กระบี่ เจ้าตาย!”

จางจินอี้ประกาศกร้าวเสียงเหี้ยม จากนั้นคนคล้ายกลับกลายเป็นประกายแสงสีทองวาบไปทางต้วนหลิงเทียนปานภูตผี อย่างไรก็ตามเมื่อมันเจียนบรรลุถึงตัว ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่า ไปโผล่ที่อื่นเสียแล้ว

และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ฮ่วนเอ๋อเองก็เคลื่อนย้ายข้ามมิติเช่นกัน และยังสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนอีกด้วย

กล่าวได้ว่าฮ่วนเอ๋อรักษาตำแหน่งตัวเองดีมาก หากจางจินอี้คิดจะพุ่งไปเล่นงานนาง จะอย่างไรก็ต้องผ่านต้วนหลิงเทียนไปก่อน และนั่นหมายความว่ามันต้องถูกต้วนหลิงเทียนหยุดยั้งแน่นอน

กล่าวได้ว่าหากวันนี้จางจินอี้คิดจะทำอะไรฮ่วนเอ๋อ ก่อนอื่นเลยต้องจัดการต้วนหลิงเทียนให้ได้เสียก่อน!

“ข้าอยากจะรู้นัก ว่าเจ้าจะมีปัญญาหลบได้อีกกี่ครั้ง!!”

จางจินอี้หักเหร่างกลางอากาศ ประกายแสงสีทองพุ่งวาวบไปทางต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง มองไปประหนึ่งดาวตกสีทองลัดฟ้ายามคืนค่ำ!

และคราวนี้จางจินอี้คล้ายกลับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ แสงพลังกระบี่ปรากฏขึ้นมาห่อหุ้มคุมกาย จนมองไกลๆคล้ายคนกลับกกลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง พุ่งทะลวงฟ้าไปด้วยความเร็วอัศจรรย์!!

เวิง! เวิง! เวิง! เวิง! เวิง!

เมื่อแสงกระบี่เล่มเขื่องพุ่งทะลวงอากาศไป ความว่างเปล่าพลันสะท้านสะเทือนส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา ราวกับพวกมันกำลังจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

“กับอีแค่นี้ไหนเลยต้องหนี?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยออกมาคำหนึ่ง ขณะเดียวกันพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็ปะทุออกมาฉับไว พลังธาตุมิติก็ผสานรวมเข้าไปในชั่วพริบตา

ด้วยชีพจรสวรรค์ 99 จุดสาย ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังเป็นราชาอมตะ 9 ตำหนัก ทว่าความเร็วในการโคจรรวมรั้งพลังทั้งจ่ายออกของเขา เหนือกว่าราชาอมตะ 10 ทิศส่วนใหญ่เสียอีก

ในหมู่พวกนั้น แน่นอนว่ารวมถึงตัวจางจินอี้ด้วย

ทันใดนั้นเอง พลังมิติขุมหนึ่งพลันกำจายออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนเป็นวงกว้าง ปกคลุมอาณารัศมีรอบกายต้วนหลิงเทียน 100 หมี่เอาไว้ ร่างจางจินอี้ที่ทะยานเข้ามาก็อยู่ในขอบเขตเช่นกัน

ทันใดนั้นเห็นได้ชัดว่ากระบี่พลังสีทองเล่มเขื่องเริ่มชะลอตัวลง คล้ายกำลังบุกฝ่าดงโคลนหนืด เพราะไม่เพียงแต่มันจะต้องปะทะเข้ากับพลังมิติแปรปรวนอันเกิดจากความลึกซึ้งเขตแดนมิติ ยังพบเจอพลังห้วงมิติบิดเบือนจากความลึกซึ้งบิดเบือนอีกขุม!

“เฮอะ! ความตระหนักรู้ในกฏมิติเจ้าไม่เลวเลยนี่นา แต่น่าเสียดาย ต่อหน้าข้าจางจินอี้ มันยังขาดอยู่บ้าง!!”

จางจินอี้พ่นลมสบถเสียงเย็น จากนั้นแสงกระบี่สีทองที่ปกคลุมร่างมันก็ส่องสว่างจ้าขึ้น ความเร็วในการพุ่งทะลวงเข่นฆ่าสังหารของมันว่องไวขึ้นในฉับพลัน!

ซัววว!!

กระบี่แสงสะทองทะลวงแทงมาอย่างเกรี้ยวกราด พริบตาก็ทะลวงผ่านห้วงมิติแปรปรวนบิดเบือน เข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ใกล้บรรลุถึงร่างต้วนหลิงเทียน!

“มาได้ดี!”

เผชิญหน้ากับแสงพลังกระบี่ที่คุกคามเข้ามา สองตาต้วนหลินส่องประกายสีทองวาบหนึ่ง จากนั้นหนึ่งหมัดพลันชกออกไปเบื้องหน้าตามอำเภอใจ อุปบัติเป็นหมัดพลังไร้สภาพขุมหนึ่งปะทุไปเร็วไว ขณะเดียวกันยังอุบัติรอยแยกมิติ 3 รอยข้างหมัด!

พริบตานั้นเอง จากในรอยแยกมิติทั้ง 3 ปรากฏคมมีดมิติสีเทาพุ่งออกมาดั่งลำแสง!

คมมีดมิติสีเทาพุ่งออกมาได้ไม่ทันไร มันก็ผสานรวมเข้ากับพลังมิติโดยรอบ พาลให้ทรงพลังอำนาจขึ้นมหาศาล จากนั้นคมมีดมิติทั้ง 3 ก็พุ่งไล่หมัดไร้สภาพทัน ก่อนจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง! กลับกลายเป็นหมัดผ่ามิติทรงอำนาจจี้เข้าใส่กระบี่แสงสีทองอย่างไร้ครั่นคร้าม!!

หนึ่งหมัด!

เปรี๊ยงงงง!!

เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นหล้า แสงกระบี่สีทองนั้นไม่อาจต้านทานอานุภาพหนึ่งหมัดนี้ได้เลย มันย่อยยับในบัดดล พลังอันเกรี้ยวกราดของจางจินอี้ถูกบดขยี้ลงอย่างราบคาบ ก่อนหมัดพลังดังกล่าวจะซัดเข้าใส่ร่างจางจินอี้อย่างจัง จนคนปลิดปลิวละลิ่วไปดั่งว่าวสายป่านขาด!!

อย่างไรก็ตามสังเกตให้ดีจะพบว่าบัดนี้ทั่วร่างจางจินอี้ ปรากฏแสงพลังสีโลหิตคลุมกายเอาไว้ แสงพลังดังกล่าวยังให้กลิ่นอายพลังกล้าแข็งไม่ใช่ชั่วนัก!

“หืม…เกราะอมตะระดับจอมราชันรึ?!”

สองตาต้วนหลิงเทียนลุกวาวขึ้นมาทันที จากนั้นมุมปากก็ยกยิ้มบางๆ “นับว่าเจ้ารอดตัวไป หากไม่มีเกราะอมตะจอมราชันนั่น เมื่อครู่เจ้าตายคาที่ไปแล้ว…”

“ดะ…ได้อย่างไรกัน!?”

จังหวะนี้จางจินอี้ที่ถูกหนึ่งหมัดชกปลิวละลิ่ว ได้แต่มองจ้องร่างสงบของต้วนหลิงเทียนไกลห่างด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “จะ..เจ้ายังไม่ใช่อาวุธอมตะ…แต่เอาชนะข้าได้แล้ว?”

“เจ้า…นี่เจ้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติถึงขั้นตอนเล็กน้อยกี่ประการกันแน่!?”

ราชาอมตะ 9 ตำหนักสามารถเอาชนะมันได้ทั้งๆที่ไม่ใช้อุปกรณ์อมตะใดๆ! และตัวมันที่ใช้กระบี่อมตะจอมราชันคุณภาพต้นๆกลับแพ้พ่ายในการปะทะตรงๆ ซ้ำร้ายยังเก็บกู้หนึ่งชีวิตมาได้เพราะพลังของเกราะอมตะจอมราชัน!!

เรื่องนี้ทำให้มันรู้สึกยากยอมรับ!

ตัวมัน จางจินอี้ แม้จะในบรรดาราชาอมตะ 10 ทิศของตระกูลจางสาขาหลักแห่งเผ้าจิ้งจอกมายา แต่พลังฝีมือของมันก็รั้งอยู่ในอันดับที่ 3!

ทว่าบัดนี้ ในสถานที่เล็กๆอย่างแดนสวรรค์ใต้ กลับมีราชาอมตะ 9 ตำหนักคนหนึ่ง ที่พลังกล้าแข็งเหนือกว่ามันทุกทาง?

“อยากรู้หรือ?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ

ลูกตาจางจินอี้หดหยีลงทันที รอฟังวาจาถัดไปของต้วนหลิงเทียนอย่างสนใจ

ทว่าสิ่งที่รออยู่กลับไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นเงาติดตาของต้วนหลิงเทียนที่ค่อยๆพร่าเลือน เพราะต้วนหลิงเทียนได้ใช้เคลื่อนมิติอันตรธานร่างหายไปในบัดดล!

“แย่แล้ว!!”

สีหน้าจางจินอี้เปลี่ยนไปใหญ่หลวง ขณะเดียวกันมือมันก็สะบัดฉับไวเรียกป้ายหยกประจำตัวออกมาอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ คิดบดขยี้ป้ายหยกเพื่อหลบหนีจากไป!