ในระนาบเทวโลกนั้น หากไม่นับวิหารเฟิ่งฮ่าวแล้ว ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือขุมกำลังส่วนตัวของจักรพรรดิสวรรค์
และขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์นั้น ก็ถูกเรียกหาว่า ‘พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์’ ผู้ที่เป็นจ้าวเหนือหัวก็คือตัวจักรพรรดิสวรรค์เอง
ในฐานะที่เป็นจักรพรรดิสวรรค์ หรือตัวตนที่กล่าวได้ว่าเป็นผู้ปกครองสูงสุดของระนาบเทวโลกนั้นๆ แน่นอนว่าย่อมต้องดูแลเหล่าผู้ที่อยู่ใต้อาณัติ หรือ กล่าวได้ว่าต้องดูแลเหล่าเซียนอมตะไม่เว้นสิ่งมีชีวิตใดๆที่เป็นคนของระนาบเทวโลกนั้นๆด้วย
แดนสมบัติขุนเขาโอสถ ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่จักรพรรดิสวรรค์สร้างไว้ให้คนในแดนสวรรค์ของตัวเอง
แดนสมบัติขุนเขาโอสถเองก็แบ่งออกได้เป็นสามหกเก้า กล่าวได้ว่ามีระดับสูงต่ำต่างๆ
ในแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 1 นั้น มีแม้แต่ผลไม้อมตะรวมถึงสมุนไพรที่จะช่วยให้ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะยกระดับพลังฝึกปรือของตัวเอง เพียงแค่มีน้อยและหายากมาก สำหรับจอมราชันอมตะก็จะมีมากขึ้นมาหน่อย และไม่ถือว่าหายากมาก
และในแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 1 นั้น จะผลไม้อมตะหรือสมุนไพรอมตะที่สามารถยกระดับพลังให้กับตัวตนด่านพลังราชาอมตะได้ ก็มีมากมายมหาศาลจนไม่ต่างอะไรจากวัชพืชที่ขึ้นตามภูเขาเลย เรียกว่ามองไปทางไหนก็เจอ!
แต่แน่นอนว่าแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 1 ก็เป็นอะไรที่ยากพบเจอเป็นที่สุด
จักรพรรดิสวรรค์นั้น จะสร้างแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 1 ขึ้นในแดนสวรรค์ที่ตัวเองปกครองทุกๆ 10,000 ปี
และรองลงมาจากแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 1 ก็คือ แดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 2
แดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 2 จะมีผลไม้อมตะและสมุนไพรอมตะที่สามารถช่วยเหลือตัวตนขอบเขตพลังจอมราชันอมตะให้ยกระดับพลังฝึกปรือไม่ก็ช่วยปรับด่านพลังบางส่วน เรียกว่าแม้จะหายากแต่ก็ไม่ใช่จะไม่มี
สมุนไพรอมตะและผลไม้อมตะ สำหรับตัวตนขอบเขตราชาอมตะในแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 2 ถือว่ามีมากพอสมควร เสมือนผลไม้ป่ากับสมุนไพรป่าตามภูเขาในชนบท
ส่วนผลไม้อมตะกับสมุนไพรอมตะสำหรับขุนนางอมตะในแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 2 เรียกว่าไม่ต่างอะไรจากวัชพืชบนภูเขา…
แดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 2 จะปรากฏขึ้นทุกๆ 1,000 ปี
รองลงมาก็จะเป็นแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3
แดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 นั้นจะปรากฏขึ้นทุกๆ 100 ปี แม้ด้านในจะมีผลไม้อมตะกับสมุนไพรอมตะที่ส่งเสริมการบ่มเพาะให้จอมราชันอมตะอยู่ด้วย แต่ปริมาณของมันเรียกว่ามีน้อยมากๆ หายากประหนึ่งเขามังกรขนหงส์
สำหรับผลไม้และสมุนไพรอมตะที่สามารถส่งเสริมพลังฝึกปรือให้กับตัวตนขอบเขตราชาอมตะได้ ก็มีอยู่บางส่วน แม้จะหายากแต่ก็ไม่ใช่ว่าตั้งใจหาแล้วจะไม่เจอเลย
สำหรับผลไม้อมตะและสมุนไพรอมตะที่สามารถช่วยเหลือตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะนั้น ในแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 เรียกว่ามีมากมาย ยิ่งผลไม้อมตะและสมุนไพรอมตะสำหรับตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะเรียกว่าไม่ต่างอะไรจากพืชหญ้าธรรมดา
แน่นอนว่าในแดนสมบัติขุนเขาโอสถ ไม่เพียงแต่จะมีผลไม้อมตะกับสมุนไพรอมตะที่ส่งเสริมเรื่องการบ่มเพาะพลังเท่านั้น ยังมีผลไม้อมตะรวมถึงสมุนไพรอมตะที่มีประโยชน์ในด้านอื่นๆอีกมากมาย
‘แดนสมบัติขุนเขาโอสถที่จะปรากฏขึ้นแถวนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 1…เพราะแดนสมบัติขุนเขาโอสถจะปรากฏขึ้นก็แต่ในแดนอวี้หวงเท่านั้น’
ต้วนหลิงเทียนรู้เรื่องนี้ดี
‘สำหรับแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 2 ก็มีความเป็นไปได้ แต่ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดสมควรเป็นแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 มากกว่า’
ระหว่างเดินทาง ต้วนหลิงเทียนย่อมคิดวาดหวังในใจ
หากเป็นแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 2 แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
หากเป็นเพียงแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 แม้จะแย่กว่าแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 2 แต่ก็ยังพอมีหวังให้เขาพบเจอผลไม้อมตะที่เขาต้องการ
สำหรับสมุนไพรอมตะนั้น แม้จะมีบางขนานสามารถช่วยกระดับพลังฝึกปรือได้ แต่ผลที่ได้มันจะด้อยกว่าผลไม้อมตะมาก
ปกติแล้วสมุนไพรอมตะหากจะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็มักจะนำไปหลอมปรุงโอสถอมตะ
ทว่าตอนนี้ความสามารถในการหลอมโอสถอมตะของต้วนหลิงเทียน มันไม่อาจไล่ตามด่านพลังของเขาได้ทัน เพราะเพลิงเทพโกลาหลขั้นที่ 3 ของเขา ยังมีพลังเทียบได้กับเพลิงอมตะระดับสูงเท่านั้น…
เขาจึงได้แต่หวังพึ่งผลไม้อมตะ
3 วันต่อมา ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ถูกไฉฉงอี้พามาพบเจอผู้อาวุโสคนหนึ่งของนิกายอมตะเสวี่ยหยา ที่ไฉฉงอี้ส่งให้มาคอยเกาะติดสถานการณ์
“ข้าน้อยขอคารวะผู้อาวุโสทรงเกียรติทั้ง 2”
อาวุโสของนิกายอมตะเสวี่ยหยา มาในรูปลักษณ์ชายชราไม่อ้วนไม่ผอมหน้าตาแลดูเหมือนอาแปะชราทั่วไป เมื่อพบเจอต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ มันก็เร่งรุดประสานมือโค้งคารวะทักทายอย่างนอบน้อม กับต้วนหลิงเทียนนั้นมันมองด้วยความเคารพนับถืออย่างสูง
ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบมันไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่ฮ่วนเอ๋อเลย ด้วยกลัวจะสร้างความไม่พอใจให้ฮ่วนเอ๋อ
“ผู้เฒ่า…ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้างหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“เรียนท่านอาวุโสทรงเกียรติ เมื่อรุ่งสางแดนสมบัติขุนเขาโอสถได้ปรากฏสัญญาณบ่งบอกระดับออกมา…และมันเป็นสัญญาณของแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 ขอรับ”
อาวุโสของนิกายอมตะเสวี่ยหยากล่าว “ในเมื่อเป็นแดนสมบัติขุนเขาโอสถ เช่นนั้นหมายความว่าอาศัยแค่ขุมกำลังระดับ 5 ย่อมไม่อาจปิดกั้นผู้คนได้หมด…เพราะเมื่อถึงเวลาที่แดนสมบัติขุนเขาโอสถะระดับ 3 เปิดออก ผู้ที่อยู่ห่างจากแดนสมบัติขุนเขาโอสถในรัศมีหมื่นลี้สามารถเข้าไปด้านในได้เพียงแค่ห้วงคิดเดียว…”
“ไม่ว่าขุมกำลัระดับ 5 จักมีคนมากมายแค่ไหน ก็ไม่มีทางกระจายกำลังปกคลุมได้ทั่วอาณาบริเวณกินรัศมีหมื่นลี้ได้แน่นอน”
ทันทีที่ผู้อาวุโสของนิกาอมตะเสวี่ยหยากล่าวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ทราบทันที ว่าแดนสมบัติขุนเขาโอสถที่ปรากฏขึ้นและกำลังจะเปิดออกคราวนี้ เป็นเพียงแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 เท่านั้น
“อีกทั้งยามรุ่งสางก็เริ่มปรากฏรัศมีมงคลส่องสว่างขึ้นเบาบางแล้ว…เช่นนั้นไม่เกิน 3 วัน แดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 แห่งนี้ต้องเปิดออกแน่”
ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบข้อมูลเรื่อง รัศมีมงคล จากยันต์อมตะเก็บความทรงจำแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าหลังจากที่รัศมีมงคลเริ่มปรากฏ อีกไม่เกิน 3 วันแดนสมบัติขุนเขาโอสถนั้นๆ ก็จะเปิดออก
และรัศมีมงคลไม่ได้มีแค่แดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 เท่านั้น จะระดับ 2 หรือระดับ 1 ก็มีเช่นกัน
“ท่านผู้อาวุโสทรงเกียรติ ข้าน้อยได้จัดสร้างที่พักชั่วคราวให้ท่านสำหรับพักอาศัยสำหรับ 3 วันหลังจากนี้ไว้แล้ว เชิญท่านติดตามข้าน้อยมาด้านนี้”
ภายใต้การจัดแจงของผู้อาวุโสนิกายอมตะเสวี่ยหยา ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ได้เข้าพักในสถานที่พักชั่วคราว อันตั้งอยู่ห่างจากจุดที่ปรากฏสัญญาณส่อแววการเปิดออกของแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 ครั้งนี้ไม่กี่พันลี้
เมื่อถึงเวลาที่แดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 เปิดออก พวกเขาไม่จำเป็นเดินทางไปไหนเลย ไม่ต้องออกจากที่พักแห่งนี้ด้วยซ้ำ ขอเพียงแค่แผ่สำนึกเทวะออกไปสัมผัสกับรัศมีมงคลที่จะส่องสว่างออกมาพร้อมการเปิดออกของแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 ก็จะสามารถเข้าไปในนั้นได้ภายในห้วงคิดเดียว
รัศมีมงคลที่จะกำจายออกมาในขณะที่แดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 เปิดออกนั้น จะสาดส่องกินอาณารัศมีหมื่นลี้จากจุดศูนย์กลาง ไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ในรัศมีมงคล ขอเพียงแผ่สำนึกเทวะออกมาสัมผัสรัศมีมงคล จากนั้นอาศัยแค่หนึ่งห้วงคิดก็จะเข้าไปได้ทันที
หากเป็นแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 2 รัศมีมงคลที่จะกำจายออกมานั้น มันกินอาณารัศมีแค่ 100 ลี้เท่านั้น เรียกว่าพื้นที่กินวงรัศมีแค่ร้อยหมี่ ไม่ได้ใหญ่โตเกินกำลังของขุมกำลังระดับสูงหน่อยจะผูกขาด!
สำหรับรัศมีมงคลของแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 1 นั้น มันจะสาดส่องออกมาแค่ 1 ลี้เท่านั้น! เรียกว่าเล็กกระจิ๋วหลิวทุดที่ผู้ใดจะสังเกตเห็น!!
“พี่หลิงเทียน…อย่างไรก็เหลือเวลาอีกตั้ง 30 ปี ท่านต้องทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้ทันแน่นอน!”
หลังจากเข้าสู่ห้องหับในเรือนพักที่ผู้อาวุโสของงนิกายอมตะเสวี่ยหยาบรรจงงสร้างเอาไว้ให้แล้ว ฮ่วนเอ๋อก็กล่าวกับต้วนหลิงเทียนที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง เหม่อมองไปยังทิศทางที่ปรากฏสัญญาณการเปิดออกของแดนสมบัติขุนเขาโอสถ
“ฮ่วนเอ๋อ ข้ารู้สถานการณ์ตัวเองดี…ตั้งแต่วันที่ข้าทะลวงถึงราชาอมตะ 10 ทิศเมื่อ 20 ปีก่อน ตลอดระยะเวลา 2 ทศวรรษที่ผ่านมา แม้จะพยายามเต็มที่แล้วแต่ด่านพลังของข้ากลับก้าวหน้าช้ามาก เว้นเสียแต่จะพบพานโชควาสนาครั้งใหญ่ หาไม่แล้วคงเป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ”
ต้วนหลิงเทียนที่กลับมารู้สึกตัว ส่ายหัวไปมาเนือยๆ กล่าวด้วยรอยยิ้มฝืนๆ
“ในแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 ต้องมีโชควาสนาครั้งใหญ่รอพี่หลิงเทียนอยู่แน่นอน!”
ฮ่วนเอ๋อกล่าวด้วยท่าทางขึงขัง
“หวังได้…แต่ไม่อาจยึดมั่น สุดแล้วแต่โชคชะตาจะนำพาเถอะ…”
หลังจากผ่านมา 30 ปี ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าความหวังที่จะได้เข้าสู่แดนลับอัจฉริยะช่างเลือนลางเสียเหลือเกิน ทำให้ตอนนี้เขาปลงแล้ว ได้แต่ปล่อยไปตามยถากรรม…
ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่ 30 ปีเท่านั้น แดนลับอัจฉริยะก็จะเปิดออกแล้ว
3 วันผ่านพ้นไปในพริบตา
ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ต้วนหลิงเทียนก็ใช้เวลาทั้งหมดไปกับการบ่มเพาะสั่งสมพลัง สำหรับฮ่วนเอ๋อนั้นใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำความเข้าใจกฏมิติด้วยผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด
“พี่หลิงเทียน…นั่นใช่รัศมีมงคลที่กำจายออกมาจากแดนสมบัติขุนเขาโอสถระดับ 3 หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่ลุกมาเฝ้ามองออกไปนอกหน้าต่างตั้งแต่เช้ามืด อยู่ๆก็พบเห็นรัศมีสีทองส่องสว่างกำจายออกมาในฉับพลัน และหลังจากที่มันสาดส่องออกมาแล้ว มันก็แลดูจางลงราวกับพร้อมจะดับลงได้ทุกเมื่อ
“ฮ่วนเอ๋อเร่งแผ่สำนึกเทวะออกไปสัมผัสรัศมีสีทองนั่น และคิดว่าจะเข้าไปด้านในเร็วเข้า”
หลังจากกล่าวเตือนฮ่วนเอ๋อแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็แผ่สำนึกเทวะออกไปสัมผัสรัศมีมงคลที่เป็นแสงสีทองกำจายออกมาย้อมอาณาบริเวณหมื่นลี้ทันที
หลังสัมผัสรัศมีมงคลแล้ว เพียงหนึ่งห้วงคิด ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเบื้องหน้ากลับกลายเป็นมืดมิดไปในทันใด ต่อมาเมื่อดวงตาเขาเห็นแสงสว่างอีกครั้ง เขาก็พบว่าตัวเองมาปรากฏตัวในโลกอันเต็มไปด้วยความเขียวขจี ทั้งมีบรรยากาศแสนสดชื่นแล้ว…
“สมุนไพรอมตะว่านมรกต มีมากมายขนาดนี้เชียว…”
ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองไปรอบๆ ก็พบว่าพืชเขียวขจีที่ขึ้นอยู่รอบๆเขาตอนนี้ ไม่เพียงแค่เป็นต้นหญ้าพืชพรรณธรรมดาเท่านั้น แต่มันมีสมุนไพรอมตะสีเขียวจ๋าที่เรียกว่า ว่านมรกต ขึ้นแซมเต็มไปหมด และเขาก็พบว่ารอบๆกายเขาไม่มีใครอยู่ใกล้ๆอีกด้วย
ฮ่วนเอ๋อไม่ได้อยู่กับเขาแล้วเช่นกัน
แต่สำหรับเรื่องนี้เขาไม่ได้แปลกใจอะไร
ต่อให้ตอนที่เข้ามาเขากับฮ่วนเอ๋อจะกุมมือกัน แต่สุดท้ายเมื่อเข้ามาภายในแดนสมบัติขุนเขาโอสถแห่งนี้ ก็ต้องถูกสุ่มให้ปรากฏอยู่ดี
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็นับว่ามีข้อดีอยู่บ้าง เขากับฮ่วนเอ๋อจะได้แยกกันเก็บผลไม้อมตะและสมุนไพรอมตะได้มากขึ้น
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้กล่าวบอกฮ่วนเอ๋อไว้แต่แรกแล้วด้วย
สำหรับความปลอดภัยของฮ่วนเอ๋อนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่ห่วงเลย
ในละแวกนี้ขุมกำลังที่แข็งงแกร่งที่สุดก็ยังเป็นแค่ขุมกำลังระดับ 5 เท่านั้น และโดยปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ในขุมกำลังระดับ 5 จะปรากฏตัวตนจอมราชันอมตะสมญานาม!
ในเวลานี้ขอเพียงไม่ใช่จอมราชันอมตะสมญานาม ก็ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามอะไรกับฮ่วนเอ๋อ!
ฮ่วนเอ๋อไม่ใช่แค่ทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดแล้วเท่านั้น แต่ความลึกซึ้งของกฏแห่งมิติที่นางเข้าใจ ก็ได้บรรลุความสำเร็จอย่างสูง
ไม่ต้องกล่าวถึงจอมราชันอมตะ 10 ทิศทั่วไปเลย ต่อให้เป็นจอมราชันอมตะสมญานาม แต่ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเทียบกับฮ่วนเอ๋อได้ในแง่การตระหนักรู้กฏ
“นั่นมัน…ผลอมตะหลิวหยวน!!”
หลังเก็บว่านมรกตในละแววนี้จนหมดแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่เดินทางต่อมาได้สักพัก ก็สังเกตเห็นการปะทะกันเบื้องหน้าไกลๆ และดูท่าพวกมันกำลังจะช่วงชิงอะไรกันอยู่
จากนั้นหลังกวาดตามองไปรอบๆปราดหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นต้นไม้ต้นเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากจุดปะทะ และมีผลไม้อมตะ 3 ผลห้อยโตงเตงอยู่…
มองปราดเดียวเขาก็บอกได้ทันทีว่านั่นคือผลอมตะหลิวหยวน! มันเป็นผลไม้อมตะที่ช่วยส่งเสริมการบ่มเพาะพลังของตัวตนขอบเขตราชาอมตะได้ และเป็นผลไม้อมตะประเภทที่เขากำลังต้องการเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้!!
“นั่นผลอมตะหลิวหยวน!”
“โอ้ว! ผลอมตะหลิวหยวนจริงๆด้วย!”
…
ในขณะเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนพบเห็นผลอมตะหลิวหยวน คนอื่นที่เร่งรุดเดินทางมาหลังได้ยินเสียงการปะทะ ก็พบเห็นผลอมตะหลิวหยวนเช่นกัน และไม่ว่าใครก็ทำตาลุกวาวทั้งนั้น
วูบ!
ร่างต้วนหลิงเทียนที่ใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติ ก็อันตรธานหายไปจากจุดเดิมในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกครั้งก็ข้างๆต้นไม้เล็กๆนั่นแล้ว
และเพียงยื่นมือออกมา เขาก็เด็ดผลอมตะหลิวหยวนทั้ง 3 ออกจากต้นทันที
“นั่นมันความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ!”
“ไอ้หน้าขาวชุดม่วงนั่นมันเข้าใจกฏมิติ!!”
…
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนวูบร่างไปเก็บผลอมตะหลิวหยวนทั้ง 3 หน้าตาเฉย ผู้คนทั้งหลายที่พึ่งจะพบเห็น และไม่มีแม้แต่เวลาจะเคลื่อนไหวลงมือ ก็ได้แต่มองต้วนหลิงเทียนคว้าของไปตาปริบๆ นอกจากละโมบแล้วในแววตาของพวกมันยังเต็มไปด้วยความอิจฉาและความไม่พอใจ
“สหายชุดม่วง พี่ท่านมาคนเดียวแต่คิดจะฮุบผลอมตะหลิวหยวนทั้ง 3 ไปคนเดียวดื้อๆเลยหรือ…นี่พี่ท่านจะไม่จิตใจคับแคบไปหน่อยหรือไร?”
ชายหัวโล้นร่างใหญ่ปานหมีควายผู้หนึ่ง ก้าวออกมามองจ้องต้วนหลิงเทียนพลางถามเสียงดัง
“แล้วไง? เจ้าข้องใจหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองสบตาชายหัวโล้นพลางถาม
“เหอะๆ ข้าเกรงว่าคงไม่ได้มีแต่ข้ากระมังที่ข้องใจ…พี่ท่านไม่ลองถามผู้อื่นแถวนี้ดูหน่อยหรือ ว่ามีผู้ใดไม่ข้องใจบ้าง?”
ชายหัวโลนกล่าวออกเสียงเหี้ยม
“ถ้างั้นเอาแบบนี้เป็นไร…เจ้าลองรับมือข้าสักกระบวนท่าดีหรือไม่? ขอเพียงเจ้ารับหนึ่งกระบวนท่าของข้าได้ ข้าจะยกผลอมตะหลิวหยวนทั้ง 3 ให้เจ้าไปเลย”
ต้วนหลิงเทียนหยีตามองชายหัวโล้นพลางถาม
“เจ้าพูดจริงรึ?!”
สองตาชายหัวโล้นลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมาทันใด
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนใช้ความลึกซึ้งเคลื่อนมิติเมื่อครู่ จะมากจะน้อยเขาก็ต้องใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิด ทำให้หลายคนที่อยู่โดยรอบสามารถสัมผัสกลิ่นอายพลังของเขาได้ และสามารถบ่งบอกได้ทันทีว่าด่านพลังฝึกปรือของเขาก็คือราชาอมตะ 10 ทิศ
และชายหัวโล้นผู้นี้ก็เป็น 1 ในหลายคนที่มองด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนออก
ที่สำคัญที่สุดก็คือชายหัวโล้นผู้นี้ ก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศเช่นกัน
วูบ!
และแทบจะทันทีที่ชายหัวโล้นกล่าวจบคำ ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว ร่างต้วนหลิงเทียนก็ใช้เคลื่อนมิติก็มาผุดโผล่เบื้องหน้ามันอย่างอัศจรรย์ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันผสานธาตุมิติปะทุออกมาดั่งน้ำเชี่ยว เพียงยกมือก็ปรากฏรอยแยกมิติ 3 รอยเบื้องหน้าชายหัวโล้น!!
ซูววว!!
คมมีดมิติสีเทาทั้ง 3 พุ่งผ่านทุกสิ่งที่ชายหัวโล้นเร่งร้อนใช้ จบชีวิตของมันในพริบตา! ง่ายดายเพียงเท่านี้!!
ผู้ชมโดยพร้อมใจกันเงียบลงโดยไม่ได้นัดหมาย
“พลังฝีมือเจ้านับว่าร้ายกาจไม่เบาในบรรดาราชาอมตะ 10 ทิศ…แต่ตอนนี้ เจ้าส่งผลอมตะหิวหยวนทั้ง 3 นั่นมาให้ข้าเสียแต่โดยดีเถอะ!”
ทันใดนั้นเองปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ พร้อมกันกับที่มีร่างหนึ่งก้าวอาดๆออกมาจากฝูงชน มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
“นั่นอาวุโสซุนหยูของนิกายอมตะเหิงซาเฉวียน นิกายอมตะระดับ 5! หนึ่งในขาใหญ่ละแวกนี้!!”
“อาวุโสซุนหยูผู้นี้…จัดเป็นผู้เข้มแข็งขอบเขตจอมราชันอมตะคนหนึ่ง!!”
…
หลายคนจดจำผู้ที่ออกคำสั่งให้ต้วนหลิงเทียนส่งมอบผลอมตะหลิวหยวนได้