ในแดนลับอัจฉริยะนั้น นอกจากยอดเขาแรงโน้มถ่วง ฟ้าดินแห่งกฏ ก็ยังมีสถานที่ทดสอบอีกมากมายหลายอย่าง เพื่อให้เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายประชันขันแข่งกัน

และเหล่าอัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 ก็สามารถทำผลงานได้ดีแทบทุกสถานที่ทดสอบ

สำหรับด้านอัจฉริยะรากหญ้านั้น พอต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเงียบหายไป ก็ไม่มีใครทำผลงานดีๆได้เลย

“จนถึงตอนนี้…ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็มิได้ปรากฏตัวออกมา 6 ปีแล้วใช่หรือไม่?”

“นั่นสิ…ไม่ทราบทั้งคู่ไปอยู่ที่ใดแล้ว?”

“คงมิใช่ว่า…โดนอัจฉริยะของนิกายปีศาจพันกรฆ่าไปแล้วหรอกนะ?”

“เหอะๆ เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เลย! จากพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นคนที่แกร่งที่สุดในนิกายปีศาจพันกร ยังสู้ตัวๆกับต้วนหลิงเทียนหรือฮ่วนเอ๋อไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรจะเอาชนะทั้งคู่ได้”

ไม่ทันไร ดุจชั่วพริบตาเดียว แดนลับอัจฉริยะก็ได้เปิดมานานกว่า 6 ปีแล้ว…

อย่างไรก็ตาม หลังจากต้วนหลิงเทียบกับฮ่วนเอ๋อเอาชนะจิตวิญญาณค่ายกลของพื้นที่ทดสอบฟ้าดินแห่งกฏวันนั้น ทั้งคู่ที่วูบร่างหายไปต่อหน้าต่อตาคนอื่น ก็ได้เงียบหายไปเลย ราวกับได้ออกจากแดนับอัจฉริยะไปแล้ว!

ณ ยอดเขาสูงชันแห่งหนึ่งของแดนลับอัจฉริยะ มองไปเห็นร่างชายหนุ่มในชุดจอมยุทธ์สีดำสนิท ใบหน้าจริงจังกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่

ทั่วร่างชายหนุ่มปรากฏกลิ่นอายฆ่าฟันไร้สภาพออกมาไม่หยุด พอสองตาลืมขึ้นมา ก็ปรากฏแสงเย็นเยือกแล่นวาบ! แววตาของผู้คนแท้ๆแต่กลับแหลมคมปานกระบี่!!

ทั่วร่างยังปรากฏไอพลังสีดำ พวยพุ่งวูบวาบอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะหดหายกลับเข้าร่างไป

‘ในที่สุดก็ทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 2 ยศได้เสียที…’

‘อีกทั้งความลึกซึ้ง ทำลายล้าง ของกฏแห่งความมืดก็บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่!’

บริเวณมุมปากของชายหนุ่มใบหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาอย่างหาดูได้ยาก

‘ตั้งแต่เข้ามาในนี้ นี่ก็สมควรผ่านไป 6 ปีแล้ว…ตั้งแต่เข้ามา ก็ยังไม่ได้ทดสอบอะไรสักอย่าง เพราะจุดรอคอยด่านพลังกับความลึกซึ้งทำลายล้างดันมากรุยออกพร้อมกันซะได้…’

ชายหนุ่มชุดดำสนิทค่อยๆลุกขึ้นยืน สองตาทอประกายวาบลั่นปานอัสนนี ‘ไม่รู้…ป่านนี้อี้เทียนสิงของสายท่ายอาเป็นอย่างไรแล้วบ้าง’

สายท่ายอานั้น เป็น 1 ใน 10 สายหลัก ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ

และตอนนี้อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดในนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ก็เป็นศิษย์ในสายท่ายอา อวี่เทียนสิง! หลานชายของ อวี่เจี้ยนเฉิง ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะคนปัจจุบัน

(แก้จากตอนก่อน อวี่เจี้ยนเฉิน เป็นอวี่เจี้ยนเฉิงครับ พิมพ์ๆชื่อไปชอบหลงลืม ไม่ก็เพี้ยนทุกทีหากมันมีตัวละครที่ชื่อคล้ายๆกันโผล่มา แรกสุดที่ปรากฏยังอี่เจี้ยนเฉิงด้วย 555+ …)

ในขณะเดียวกัน อวี่เจี้ยนเฉิงก็เป็น ผู้นำของสายท่ายอาอีกด้วย

นิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น มีทั้งสิ้น 10 สาย

อันได้แก่…

1.ซวนหยวน (กระบี่เทพสวรรค์ปราบมาร)

2.จ้านลู่ (กระบี่แห่งความเมตตา)

3.ซื่อเซียว (กระบี่แห่งจักรพรรดิ)

4.ท่ายอา (กระบี่แห่งอำนาจ)

5.ชีซิงหลงยวน (เหวลึกมังกร 7 ดาว)

6.ก้านเจี้ยง (กระบี่คู่รัก, กระบี่รักนิรันดร์ ฝ่ายชาย)

7.ม่อเหยีย (กระบี่คู่รัก, กระบี่รักนิรันดร์ ฝ่ายหญิง)

8.อวี๋ฉาง (ไส้ปลา)

9.ฉุนจวิน (สุริยัน)

10.เฉิงหยิ่ง (สืบสานเงาไร้ลักษณ์)

ยังดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ว่านิกายกระบี่หมื่นหายนะมีชื่อเรียก 10 สายหลักว่าอะไร หาไม่แล้วเขาคงต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก!

เพียงเพราะชื่อสายหลักทั้ง 10 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น มันก็คือนามของ 10 สุดยอดกระบี่ในตำนานของประเทศบ้านเกิดเขาที่โลกมนุษย์!

(ลองเซิจในยูทูปดูว่า 10 สุดยอดกระบี่ในตำนานจีน ฟังเรื่องราวไปเพลินๆ)

ด้วยมีชื่อของ 10 สุดยอดกระบี่ในตำนานของบ้านเกิดเขาเป็นชื่อสายหลักทั้ง 10 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะแบบนี้ หากมีใครมาบอกต้วนหลิงเทียนว่า นิกายกระบี่หมื่นหายนะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับโลกมนุษย์เลย ต้วนหลิงเทียนไม่มีทางเชื่อแน่นอน

“ลองไปยอดเขาแรงโน้มถ่วงดูก่อนแล้วกัน”

“ไม่ทราบ…ว่าข้าในตอนนี้ยังห่างจากอวี่เจี้ยนเฉิงในตอนนั้นมากขนาดไหน”

ณ ยอดเขาสูงชัน ร่างชายหนุ่มในชุดดำเอ่ยพึมพำกับตัวเสียงขรึมเบาๆ จากนั้นร่างคนก็ไหววูบคราหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปยืนอยู่บนกระบี่สีเลือดที่ไม่ทราบผุดโผล่ออกมาตั้งแต่ตอนไหน จากนั้นคนก็ท่องกระบี่พุ่งลัดฟ้าไปด้วยความเร็วสูงล้ำ!

ไม่นานนัก ร่างมันก็บรรลุถึงยอดเขาแรงโน้มถ่วงแห่งหนึ่ง

และตอนนี้บริเวณตีนเขาก็มีผู้คนเหลือไม่มากนัก นับได้เพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น

“เจ้านั่นเป็นผู้ใดกัน…กลิ่นอายพลังของมันแข็งกร้าวจริงๆ”

ทันทีที่ชายหนุ่มชุดดำคนนี้ปรากฏตัวบริเวณตีนเขา ก็ดึงดูดความสนใจของคนไม่กี่คนที่ไม่ได้ปีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงทันที พอคนเหล่านั้นหันไปเห็นชายหนุ่มชุดดำ พวกมันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันเยียบเย็นทั้งรุนแรงที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างชายหนุ่มชุดดำชัดเจน

เพียงชายหนุ่มชุดดำยืนอยู่ตรงนั้นเฉยๆ สภาวะร่างกลับคล้ายกระบี่ไร้เทียมทาน ชวนให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้มันง่ายๆ!

“มันมาที่นี่เพื่อไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงรึ?”

ครู่ต่อมาหลายคนที่เห็นชายหนุ่มชุดดำค่อยๆก้าวไปทางยอดเขาแรงโน้มถ่วงทีละก้าวๆ ทั้งหมดก็อดอยากรู้ไม่ได้

ว่าท้ายที่สุดแล้วชายหนุ่มผู้นี้จะขึ้นบันไดไปได้กี่ขั้น

“อวี่เทียนสิง…อันดับแรกรึ?”

ท่ามกลางสายตาของคนไม่กี่คน ชายหนุ่มชุดดำที่ว่าก็หันไปมองศิลาอันเขื่องที่มีรายนามอันดับบอกไว้

อวี่เทียนสิง 3,537 ขั้น

หลังจากนั้นชายหนุ่มชุดดำก็กวาดตาไล่มองรายชื่ออันดับต่ำลงมาเรื่อยๆ “เฟิ่งชีชี ไป๋หลี่หงเฟย…”

“ต้วนหลิงเทียน?”

พอไล่ลงมาจนเห็นชื่อนี้ ลูกตาชายหนุ่มชุดดำพลันหดเล็กลงเร็วไว

ขณะเดียวกันใบหน้าที่มักเคร่งขรึมจริงจังของมัน ก็แลดูเสียอาการไปทันที อวสานความนิ่งก็ว่า

ลมหายใจของมันยิ่งมายังยิ่งถี่รัวแล้ว!

หน้าอกของมันเรียกวว่างกระเพื่อมขึ้นลง ยุบๆพองๆปานกล่องสูบลม!

“หรือจะเป็นเจ้านั่นจริงๆ?”

ชายหนุ่มชุดดำที่เสียอาการไป กล่าวพึมพำด้วยสายตาเลื่อนลอยพักหนึ่ง ค่อยดึงสติกลับมาได้ “ช่างเถอะ จะคิดไปให้เหนื่อยทำไม…หากเป็นเจ้านั่นจริงๆ ย่อมมีโอกาสได้พบกันแน่”

กล่าวพึมพำถึงจุดนี้ ใบหน้าชายหนุ่มชุดดำก็เริ่มคลี่ยิ้มออกมาบางๆ

เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดดำคลี่ยิ้ม คนที่จับตาดูอยู่ไกลๆก็อดไม่ได้ที่จะทำหน้าตกใจราวเห็นผี “มัน…มันยิ้มเป็นด้วยรึ!?”

“อั้ย ข้านึกว่ามันทำเป็นแต่หน้าผีดิบนั่นซะอีก…”

“ชู่ว์! พวกบัดซบเจ้าหุบปากไปเลย! ปากแบบนี้เดี๋ยวก็ตายไม่รู้ตัวหรอกเจ้าโง่!!”

ถึงแม้พวกมันจะยังไม่เคยเห็นชายหนุ่มชุดดำลงมือ แต่ลำพังแค่กลิ่นอายพลังแข็งกร้าวที่แผ่ออกมาตามธรรมชาตินั่น ก็บอกให้พวกมันรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาสามัญ อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่คนที่พวกมันจะไปตอแยล่วงเกกินด้วยได้!

ฟุ่บ!

ต่อมา ท้งหลายพลันเห็นว่า ร่างชายหนุ่มชุดดำเพียงวูบไหวคราหนึ่ง คนก็ย่ำเหยียบกระบี่สีเลือด พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูง!

เรียกว่าในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตาเดียว ชายหนุ่มชุดดำก็ท่องกระบี่เหินทะยานขึ้นมาถึงบันไดขั้นที่ 1,000 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง!

และหลังจากผ่านไป 3 ลมหายใจ คนกระบี่ก็บรรลุถึงบันไดขั้นที่ 2,000 แล้ว

“เร็วยิ่ง!”

“ความเร็วของมัน…จะไม่สูงล้ำเกินจริงไปหน่อยรึไง?!”

จังหวะนี้ไม่ว่าจะคนที่ชมดูเรื่องราวที่ตีนเขาก็ดี หรือคนที่กำลังไต่อันดับที่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงลูกนี้ก็ดี ต่างตกตะลึงกับความเร็วของชายหนุ่มชุดดำมาก

“เจ้านั่นมันเป็นใครกันแน่?”

“ตัวตนที่แลดูน่ากลัวแบบนี้ นอกจากจะเป็นยอดฝีมือในบรรดาอัจฉริยะระดับรากหญ้าแล้ว หากเป็นคนของขุมกำลังระดับ 1 ก็ต้องไม่ใช่ผู้ไร้ชื่อเสียงเรียงนามแน่นอน!”

“มันพุ่งขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 2,000 แล้วนี่ จะอย่างไรก็ต้องทิ้งชื่อไว้!”

ผู้คนนับโหลที่อยู่บริเวณตีนเขาของยอดเขาแรงโน้มถ่วงลูกนี้ ไม่เว้นกระทั่งคนที่กำลังไต่ยยอดเขาแรงโน้มถ่วงอยู่ก็ถึงกับหยุดมองชายหนุ่มชุดดำที่พุ่งขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 2,000 เป็นสายตาเดียวกัน

ด้านชายหนุ่มชุดดำก็เอื้อมมือไปคว้าเงาพู่กันที่ผุดโผล่กลางอากาศ ก่อนจะตวัดข้อมือเขียนตัวอักษรลงกลางหาว 2 ตัวฉับไว

ทันใดนั้นเองเหล่าผู้คนด้านล่างนับโหลก็หันกลับมามองยังท้ายตารางจัดอันดับทันที

และพริบตานั้นเอง พลันปรากฏชื่อใหม่ขึ้นมาท้ายตาราง

ซูหลี่!

“มัน…มันคือซูหลี่งั้นเรอะ!?”

“อัจฉริยะของนิกายกระบี่หมื่นหายนะสายเฉิงหยิ่ง? ที่ร่ำลือกันว่าอัจฉริยะภาพของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าอวี่เทียนสิงแม้แต่น้อย!?”

“ข้ายังได้ยินมาว่าอัจฉริยะของนิกายหมื่นกระบี่หายนะสายเฉิงหยิ่ง ซูหลี่ ผู้นี้มาจากระนาบโลกียะ…และมันได้รับสืบทอดมรดกของอดีตผู้นำสายเฉิงหยิ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะตั้งแต่ตอนอยู่ในระนาบโลกียะ สุดท้ายผู้นำสายเฉิงหยิ่งคนปัจจุบันถึงกับไปรับมันมาอวี้หวเทียนด้วยตัวเอง!”

“หา! ผู้นำสายเฉิงหยิ่งคนปัจจุบันถึงกับไปรับมันจากระนาบโลกียะด้วยตัวเองเลยงั้นเรอะ…เช่นนั้นพรสวรรค์ของมันต้องสูงส่งถึงขั้นไหนกัน!?”

“ยังไม่สูงส่งได้หรือ ว่ากันว่าตอนนี้มันยังอายุไม่ทันถึง 300 ปีด้วยซ้ำ…และอวี่เทียนสิงนั่น ก็อายุมากกว่า 800 ปีแล้ว”

“อะไร!? ซูหลี่ผู้นี้ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปีงั้นเรอะ?”

ในขณะที่ด้านล่างกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ชายหนุ่มชุดดำนาม ซูหลี่ ก็ไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงต่อแล้ว

หลังผ่านไป 5 ลมหายใจ คนก็บรรลุถึงบันไดขั้นที่ 3,000

“ให้ตายเถอะ…มันจะไม่เร็วไปหน่อยหรือไร!?”

“ซูหลี่คนนี้สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะของสายเฉิงหยิ่งแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงได้เพียง 5 ลมหายใจก็บรรลุถึงบันไดขั้นที่ 3,000 แล้ว…”

“กระทั่งความเร็วของอวี่เทียนสิงยังด้อยกว่ามันไม่ใช่รึไง?”

“จะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว! เจ้านี่มันผิดปกติเกินไป! ไม่ใช่ว่าด่านพลังของซูหลี่ผู้นี้ยังพึ่งเป็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดรึไง? ต่อให้จะทะลวงผ่านไปได้ อย่างดีตอนนี้ก็เป็นแค่จอมราชันอมตะ 2 ยศเท่านั้นนี่!?”

“แต่เจ้าอย่าได้ลืมเลือนไป…ว่าตอนมันอยู่ในขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด มันก็ได้ถูกกล่าวขานว่าสามารถทัดเทียมกับอวี่เทียนสิงที่เป็นจอมราชันอมตะ 5 องค์ประกอบได้ หากมันสามารถทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 2 ยศได้จริง เช่นนั้นเรื่องจะเหนือกว่าอวี่เทียนสิงก็ไม่แปลก”

“ก็ไม่แน่หรอก…ข้าได้ยินคนวงในพูดมาว่าที่จริงทั้งคู่ได้ประมือกันแล้ว และอวี่เทียนสิงยังเหนือกว่ามาก เช่นนั้นต่อให้มันจะทะลวงผ่าน ก็ไม่แน่ว่าจะต้องเอาชนะอวี่เทียนสิงได้…”

“มิผิด ถึงให้มันก้าวหน้า หรืออวี่เทียนสิงจะย่ำอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้าด้วย?”

ตอนนี้ใครที่อยู่บริเวณตีนเขาของยอดเขาแรงโน้มถ่วง ล้วนถูกชื่อหนึ่งที่กำลังไต่อันดับขึ้นมาอย่างรวดเร็วดึงดูดความสนใจกันไปจนหมด เพราะหลังจากถึงขั้นที่ 3,000 แล้วแต่ชื่อนี้ยังคงปีนบันไดขึ้นไปด้วยความเร็วสูง

ซูหลี่

ศิษย์นิกายกระบี่หมื่นหายนะ สายเฉิงหยิ่ง

ร่ำลือกันว่าซูหลี่คนนี้มาจากระนาบเหยียนหวง และระนาบเหยียนหวงที่ว่าก็เป็นระนาบบ้านเกิดของจักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียนคนปัจจุบัน

“ในอวี้หวงเทียนเรา มีตัวตนอันทรงพลังมากมายที่มาจากระนาบเหยียนหวง…ถึงแม้อัจฉริยะภาพของซูหลี่จะไม่ใช่ชั่ว แต่ยังอีกห่างไกลนักหากจะเทียบชั้นกับระดับตำนานขึ้นหิ้งเหล่านั้นได้…”

“เหอะๆ อีกห่างไกลจะเทียบได้แล้วอย่างไร? ตอนที่มีอายุเท่ากับซูหลี่ ตำนานขึ้นหิ้งเหล่านั้นก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเท่าซูหลี่เสียหน่อย!”

“เรื่องนี้ก็พูดยาก…เพราะเหตุผลที่ซูหลี่สามารถประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ในปัจจุบัน ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการรับสืบทอดมรดกของอดีตผู้นำสายเฉิงหยิ่งในระนาบโลกียะอย่างแยกไม่ออก…”

“หากเจ้าพูดแบบนั้น แล้วมิใช่ว่าอดีตผู้นำของสายอื่นๆในนิกายหมื่นกระบี่หายนะก็มีทิ้งมรดกไว้ในระนาบโลกียะด้วยหรือไร? แถมผู้ที่ได้รับสืบทอดไปก็ไม่ใช่น้อยๆ ไฉนพวกมันไม่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังในอวี้หวงเทียนเหมือนซูหลี่เล่า?”

“จริง ซูหลี่คนนี้มีชาติกำเนิดที่ระนาบโลกียะ การที่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ด้วยวัยดังกล่าว นับว่าเข้าขั้นปาฏิหาริย์แล้ว”

ตอนนี้หลายแห่งในแดนลับอัจฉริยะเริ่มพูดถึงชื่อซูหลี่

“ซูหลี่?”

ในทะเลสาบแห่งหนึ่งของแดนลับอัจฉริยะ ร่างชายหนุ่มชุดขาวที่กำลังย่ำเท้าเดินบนทะเลสาบอย่างไม่รีบไม่ร้อนราวเดินเล่นในสวน พอได้รับข้อความที่ส่งมาถึง สองตามันก็ทอประกายแหลมคมวาบขึ้นทันที

พริบตาต่อมาร่างมันก็ไหววูบ จากนั้นคนก็คล้ายกลับกลายเป็นแสงกระบี่ พุ่งทะยานไปยังทิศทางหนึ่งด้วยความเร็วสูงล้ำ

“เอ๊า! ศิษย์พี่เทียนสิง! รอข้าด้วย!!”

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีครามที่เดินทอดน่องติดตามชายหนุ่มชุดขาวมาอึ้งไปเล็กน้อย ค่อยกุลีกุจอเร่งเหินร่างทะยานติดตามอีกฝ่ายไปทันที

จากนั้นพอทั้งคู่หยุดลงเผยร่างอีกครั้ง คนก็มาปรากฏตัวบริเวณยอดเขาแรงโน้มถ่วงแห่งหนึ่งแล้ว และแต่ละคนก็มองจ้องไปยังตารางอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงไกลๆ

ตอนนี้อันดับที่ 2 ในรายชื่ออันดับไม่ใช่เฟิ่งชีชีอีกต่อไปแต่เป็นคนใหม่

ซูหลี่ 3,522 ขั้น

“เจ้าว่า…เจ้านั่นมันจะแซงข้าได้รึเปล่า?”

ชายหนุ่มชุดขาวหันไปเอ่ยถามชายหนุ่มชุดครามด้านข้าง

“เจ้าซูหลี่ผู้นี้สามารถไต่เขาขึ้นมาได้สูงถึงขนาดนี้เชียว…ให้ตายเถอะมันตามศิษย์พี่เทียนสิงอยู่แค่ 15 ขั้นแล้ว?”

ชายหนุ่มชุดครามเมื่อเห็นตารางอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ