ในแดนลับอัจฉริยะตอนนี้ บริเวณด้านล่างของยอดเขาแรงโน้มถ่วงทั้ง 99 ลูก ปรากฏผู้คนมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักมีชีวิตชีวานัก

ทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะคนๆเดียว…

ซูหลี่!

ศิษย์อัจฉริยะนิกายกระบี่หมื่นหายนะสายเฉิงหยิ่ง!

ตอนนี้บริเวณตีนเขาลูกเดียวกับที่ซูหลี่กำลังปีนบันไดไต่ขึ้นไปนั้น ทุกสายตาล้วนจับจ้องมองไปยังร่างซูหลี่ ที่บัดนี้ได้หยุดอยู่บนบันไดขั้นที่ 3,536 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วงอย่างลุ้นระทึก!

“ซูหลี่…จะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้น และทัดเทียมกับอวี่เทียนสิงได้หรือไม่?”

หลายคนอดไม่ได้ที่จะพึมพำคำถามดังกล่าวออกมา

“ข้าว่ามันทำได้แน่…ดูจากท่าทางของซูหลี่ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ามันไม่คิดเลิกราง่ายๆ เพราะหากมันรู้ว่าไปต่อไม่ไหว ไฉนยังเลือกยืนรับแรงกดดันไม่ไปไหนให้เหน็ดเหนื่อยทั้งเสียเวลาเปล่า? มิสู้รีบล่าถอยออกมาแต่แรก?”

“ข้าก็คิดเหมือนกัน…ซูหลี่คนนี้ ข้าได้ยินมานานแล้วว่าพลังฝีมือของมันมันพอๆกับอวี่เทียนสิงผู้นั้น คราวนี้จะได้รู้กันไปว่าที่แท้ผู้ใดคืออัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายหมื่นกระบี่หายนะกันแน่!”

“ในอดีตทุกคนล้วนคิดว่า อวี่เทียนสิงจะต้องก้าวขึ้นรับตำแหน่งประมุขคนต่อไปของนิกายกระบี่หมื่นหายนะแน่นอน…อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซูหลี่ปรากฏตัวขึ้นมา อวี่เทียนสิงก็ไม่แน่ว่าจะได้เป็นประมุขรุ่นต่อไปของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ…”

“ที่เจ้าว่ามามันก็ไม่แน่หรอก…เจ้าอย่าลืมไป หากซูหลี่มีพรสวรรค์เหนือกว่าอวี่เทียนสิงจริงๆ วันหน้ามันเผลอๆจะไปยังแดนอวี้หวง เพื่อเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับแนวหน้าของอวี้หวงเทียน เพราะไม่ใช่ทุกคนจะยึดติดกับตำแหน่งประมุขนิกาย…”

“จริง ในระนาบเทวโลกมีหลายคนที่ไม่เต็มใจถูกผัดมัดไว้กับขุมกำลัง หมายดิ้นรนต่อสู้แสวงหาจุดสูงสุด”

ใต้ยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่ซูหลี่กำลังปีนอยู่ ไม่เพียงแต่จะเต็มไปด้วยกลุ่มอัจฉริยะรากหญ้า แต่อัจฉริยะของขุมกำลังระดับ 1 ทั้งหลายยังมารวมตัวกันอย่างเนืองแน่น

“ไป๋หลี่หงเฟย เจ้าว่าซูหลี่มันจะก้าวขึ้นไปขั้นต่อไปได้หรือไม่?”

ทันใดนั้นเอง พอมีเสียงชายคนหนึ่งเอ่ยถามชายอีกคนที่ยืนแยกตัวอยู่คนเดียวด้านหลังดังขึ้น หลายคนในละแวกนั้นก็หันกลับไปมองตามต้นเสียงเป็นสายตาเดียวกัน จากนั้นก็มองไปตามสายตาอีกฝ่าย และหยุดอยู่บนร่างชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนแยกตัวอยู่คนเดียวด้านหลัง

ไป๋หลี่หงเฟย?

อัจฉริยะอันดับ 1 ของตระกูลไป๋หลี่น่ะหรือ?!

ผู้ที่อยู่ในอันดับที่ 4 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง?

“เอี้ยอู๋เต้า อย่าถามแต่ข้าเลย แล้วเจ้าคิดอย่างไรเล่า?”

ชายหนุ่มที่ถูกเรียกหาว่าไป๋หลี่หงเฟยนั้น มาในชุดคลุมสีเทาแกมขาว มันไม่ได้ตอบอะไร เพียงเลือกที่จะย้อนถามกลับไปยังชายหนุ่มที่เอ่ยถามมันแทน

“เอี้ยอู๋เต้า? อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายมรรคาฟ้าลึกล้ำ อันดับ 5 ของยอดเขาแรงโน้มถ่วง!?”

“จำนวนขั้นบันไดที่เอี้ยอู๋เต้าปีนขึ้นไปได้น้อยกว่าไป๋หลี่หงเฟยแค่ 3 ขั้นเท่านั้น…พลังฝีมือของมันให้เทียบกับไป๋หลี่หงเฟยเกรงวว่าคงพอฟัดพอเหวี่ยงกัน”

“แต่เห็นว่าเอี้ยอู๋เต้าผู้นี้ ผ่านความเป็นตายมามากมายนัก มันพลิกกลับมาเอาชนะและเข่นฆ่าผู้ที่แข็งแกร่งกว่ามันได้หลายครั้งอย่างอัศจรรย์ ข้าว่าหากต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง ไป๋หลี่หงเฟยก็ไม่แน่ว่าจะสู้มันได้”

“ชู่ว! ปากเจ้าหรือน่ะ! ไป๋หลี่หงเฟยก็อยู่ยืนหัวโด่อยู่นั่นมิเห็นหรือไร! ภรรยาชราที่บ้านทำให้เจ้าเบื่อชีวิตนักเรอะ?”

สายตาหลายคนหันกลับไปมองเอี้ยอู๋เต้า จากนั้นเสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้นเซ็งแซ่

“ข้าว่ามันขึ้นไปได้”

เอี้ยอู๋เต้าหยีตาเล็กน้อยค่อยยิ้มกล่าวตอบ

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เอี้ยอู๋เต้ากล่าวจบคำ ร่างซูหลี่ที่ยืนนิ่งอยู่บนบันไดขั้นที่ 3,536 ก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

ซู่มมม!!!

ซูหลี่งอเข่าเล็กน้อยก่อนจะถีบเท้ากระโดดขึ้นไป และทันใดนั้นเองทั่วร่างพลันปรากฏพลังสีดำปะทุขึ้นมาปานจุดระเบิด หนุนเสริมให้ร่างคนพุ่งทะยานขึ้นไปรวดเร็ว!

และในที่สุดซูหลี่ก็โดดขึ้นมายืนอยู่บันไดขั้นบนได้สำเร็จ!

ขั้นที่ 3,537!

ตอนนี้ขั้นบันไดที่ซูหลี่ปีนได้ มันก็เทียบเท่ากับอวี่เทียนสิงแล้ว

อย่างไรก็ตามเนื่องจากซูหลี่ไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงภายหลัง จึงยังรั้งอยู่ในอันดับที่ 2…

แต่กระนั้น สิ่งนี้ก็สร้างความโกลาหลและแตกตื่นให้กับแดนลับอัจฉริยะไม่น้อย!

“ขึ้นไปแล้ว!!”

“ดูเหมือนว่าพลังที่แท้จริงของซูหลี่จักมิได้ด้อยไปกว่าอวี่เทียนสิง!!”

“แต่ข้ามองว่าอวี่เทียนสิงไม่ต่างอะไรจากถูกซูหลี่โค่นลงอย่างราบคาบ! เพราะอายุของอวี่เทียนสิงเกือบจะเป็น 3 เท่าของซูหลี่ด้วยซ้ำ!!”

“ให้ตายเถอะ ซูหลี่ผู้นี้ แน่ใจนะว่ามันมาจากระนาบโลกียะจริงๆ!?”

เมื่อซูหลี่สามารถปีนขึ้นไปบนบันไดขั้นที่ 3,537 ได้ เรียกว่าเหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็พากันตื่นตะลึงไปเป็นแถบ!

“หืม? มันยังไม่ลงมา…หรือคิดจะไปต่ออีก?”

“อะไรกัน หรือซูหลี่คิดจะขึ้นไปอีกขั้น? หมายเอาชนะอวี่เทียนสิงให้ชัดเจนหรือ?”

หลายคนที่อยู่ตีนยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่ซูหลี่ปีนอยู่ ย่อมสังเกตเห็นเรื่องนี้ได้ไม่ยาก

และบางคนก็เร่งบดขยี้ยันอมตะสื่อสารทางวิญญาณบอกสหายทันที ทำให้หลายคนที่ได้รับทราบข่าว ทนคันปากไม่ไหว เร่งโพล่งดังออกมาให้ทุกคนรับรู้ “เฮ้! พอดีสหายข้าที่อยู่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงเดียวกับซูหลี่แจ้งมา เห็นว่าซูหลี่ยังไม่คิดเลิกล้ม มันทำท่าเหมือนจะปีนขึ้นไปต่อ!!”

“จริงหรือหลอก?”

“ศิษย์พี่ท่านนี้ เป็นเรื่องจริงหรือ…เมื่อครู่กว่าซูหลี่จะก้าวขึ้นไปก็ใช้เวลาหลายสิบลมหายใจ…เห็นได้ชัดว่ามันฝืนตัวเองไม่น้อย ตอนนี้มันยังคิดจะปีนขึ้นไปอีกเหรอ?”

“เจ้าว่ามันจะปีนขึ้นไปได้รึเปล่า?”

หลายคนไม่ค่อยมองซูหลี่ในแง่ดีสักเท่าไหร่ เพราะกว่าซูหลี่จะขึ้นบันไดขั้นเมื่อครู่ได้ก็ใช้เวลารวมพลังอยู่นานสองนาน เช่นนั้นกับขั้นบันไดที่แรงโน้มถ่วงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม คงยากที่จะฝืนขึ้นไปได้ไหวแล้ว

เมื่อไปถึงบันไดขั้นสูงๆอย่างขั้นซูหลี่ยืนนอยู่ตอนนี้ แรงโน้มถ่วงที่กดทับลงมา มันจะเพิ่มมากกว่าก่อนหน้ามหาศาล!

“ระดับพลังฝึกปรือของซูหลี่…ดูเหมือนจะเป็นแค่จอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดไม่ใช่รึไง?”

“ต่อให้จะทะลวงผ่านไปแล้วก็ยังแค่จอมราชันอมตะ 2 ยศเท่านั้น…ด้วยระดับพลังฝึกปรือเพียงเท่านั้น กลับก้าวมาถึงบันไดขั้นนี้ได้ ข้าว่าต่อให้เป็นอวี่เจี้ยนเฉิง ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะในอดีตก็เกรงว่าจะทำไม่ได้กระมัง?”

“ข้าก็คิดเหมือนเจ้า…สุดท้ายตอนที่อวี่เจี้ยนเฉิงทำสถิติที่ไม่อาจทำลายได้ ด่านพลังก็บรรลุถึงจอมราชันอมตะ 6 ผสานเข้าไปแล้ว”

“ข้าได้ยินมาว่าซูหลี่คนนี้ยังมีอายุไม่ถึง 300 ปีด้วยซ้ำ…หากแดนลับอัจฉริยะเปิดช้าไปกว่านี้สักร้อยปี เกรงว่าซูหลี่ที่สมควรมีด่านพลังฝึกปรือก้าวหน้าไปมากกว่านี้ ต้องทำลายสถิติของอวี่เจี้ยนเฉิงได้ง่ายๆแน่!”

“จริง แดนลับอัจฉริยะจะเปิดออกทุกๆ 1,000 ปี กำหนดเวลาตายตัวไม่แปรเปลี่ยน ทุกครั้งที่เปิดก็มีแต่ผู้ที่บรรลุด่านพลังจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดขึ้นไป และมีอายุไม่ถึงพันปีเท่านั้นที่จะเข้าไปได้…กล่าวได้ว่า ทุกคนไม่ว่าใคร ตลอดชั่วชีวิต ล้วนมีโอกาสในการเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะเพียงแค่ครั้งเดียว! การที่ซูหลี่จำต้องเข้ามาตั้งแต่อายุไม่ถึง 300 ปี ข้ารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง…”

“เจ้าผิดแล้ว ไม่มีคำว่ายุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมอันใดทั้งนั้น…เพียงกล่าวได้ว่า เป็นชะตาชีวิตของแต่ละคน”

สุดท้ายผู้ที่มารวมตัวกันที่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงทั้ง 99 แห่งก็ไม่มีใครคิดจากไปไหน สำหรับอัจฉริยะที่อยู่ยอดเขาเดียวกับซูหลี่ก็แหงนคอมองจ้องซูหลี่ไม่วางตา สำหรับอีก 98 ยอดเขาที่เหลือก็มองจ้องตารางอันดับตาเขม็ง

ชื่อของซูหลี่ยังคงปรากฏแสงเรืองรอง

กล่าวอีกอย่างได้ว่า คนยังไม่ล้มเลิกแต่อย่างใด ยังยืนอยู่บนบันไดขั้นนั้น!!

มีเพียงแค่ผละออกจากขั้นบันไดและออกนอกระยะที่กำหนดของยอดเขาแรงโน้มถ่วงแล้วเท่านั้น ชื่อในตารางจัดอันดับจึงจะหยุดส่องแสง

ตอนนี้เหล่าคนที่อยู่บริเวณยอดเขาแรงโน้มถ่วงใกล้ๆกับยอดเขาที่ซูหลี่อยู่ ก็ตัดสินใจปะทุพลังชั่วชีวิตพุ่งร่างมุ่งหน้าไปยังยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่ซูหลี่อยู่ทันที ทั้งหมดคิดไปชมดูเรื่องราวน่าตื่นเต้นด้วยสองตาตัวเอง!

การดูผู้คนตัวเป็นๆ มันย่อมเร้าใจกว่าชมมองการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขอยู่แล้ว!

“ศิษย์พี่เทียนสิง! ศิษย์พี่เหอจ้าน!”

ในขณะที่ซูหลี่คิดจะปีนขึ้นไปบันไดขั้นต่อไป อวี่เทียนสิงกับเหอจ้าน ก็มาปรากฏตัวใกล้ๆยอดเขาแรงโน้มถ่วงที่ซูหลี่อยู่ และมีสตรีนางหนึ่งเหินร่างเข้ามาประสานมือคารวะพลางโค้งเล็กน้อยเป็นการทักทายทันที

“ศิษย์น้องหญิงอวิ๋น หากไม่ใช่เพราะแจ้งมา ข้ากับศิษย์ที่เทียนสิงคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซูหลี่กำลังไต่ยอดเขาแรงโน้มถ่วงอยู่ เรื่องนี้ต้องขอบคุณเจ้าแล้ว”

เหอจ้านคลี่ยิ้มพลางกล่าวขอบคุณสตรีเบื้องหน้า

สตรีที่ลอยร่างเบื้องหน้าอย่างนอบน้อมนางนี้ ก็เป็นอัจฉริยะของนิกายกระบี่หมื่นหายนะคนหนึ่ง มีนามว่า อวิ๋นยี และก็ไม่ใช่คนที่อยู่สายเดียวกันกับเหอจ้าน อวี้เทียนสิง รวมถึงซูหลี่

นางมาจากสาย อวี๋ฉาง ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และยังเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของสายอวี๋ฉางอีกด้วย

แต่พลังฝีมือของนางก็ไม่ได้สูงส่งนัก ยังเทียบเหอจ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับอวี่เทียนสิงและซูหลี่

“ศิษย์พี่เหอจ้านมิต้องขอบคุณข้าหรอก ก็แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้น”

ขณะกล่าวคำ อวิ๋นยีก็มองไปยังอวี่เทียนสิงที่อยร่างข้างๆเหอจ้านด้วยสายตาชื่นชมอย่างออกหน้าออกตา

ในนิกายกระบี่หมื่นหายนะ มีผู้คนมากมายที่ชื่นชมอวี่เทียนสิง สตรีน้อยใหญ่ก็ชมชอบอวี่เทียนสิงกันไม่น้อย น่าเสียดายที่อวี่เทียนสิงล้วนทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างเดียว จึงไม่คิดจะคบหาดูใจหรือหาคู่ร่วมทางชีวิตใดๆทั้งสิ้น

อวิ๋นยีเองก็เป็นหนึ่งในสตรีที่ชมชอบอวี่เทียนสิง

“ศิษย์พี่เทียนสิง ซูหลี่ดูเหมือนจักใช้พลังทั้งหมดเพื่อก้าวขึ้นมาอยู่บนบันไดขั้นเดียวกับท่านแล้ว มันมิน่าจะขึ้นไปได้ไหวแล้วล่ะ”

อวิ๋นยีกล่าวกับอวี่เทียนสิงด้วยรอยยิ้มสดใส

“ศิษย์น้องอวิ๋นยี…อย่าได้ดูเบาซูหลี่ไป เจ้าต้องทราบด้วยว่าเวลาที่ซูหลี่ใช้ก้าวขึ้นมายังบันไดขั้นที่ 3,537 จากขั้นที่ 3,536 นั้น…ยังสั้นกว่าข้าเสียอีก…”

ได้ยินคำของอวิ๋นยี อวี่เทียนสิงก็ส่ายหน้าไปมา “ดังนั้นมิใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่มันจะ…”

ในขณะที่อวี่เทียนสิงกำลังจะพูดว่า ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่ซูหลี่จะขึ้นบันไดขั้นต่อไปได้สำเร็จ ทว่ามันไม่ทันได้กล่าวจบคำ ลูกตาก็จำต้องหดเล็กลงเสียก่อน

เพียงเพราะมันเห็นว่า ซูหลี่ที่ยืนอยู่บนบันไดขั้น 3,537 นั้น เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!

“ซูหลี่ขยับแล้ว!!”

ภายใต้ทุกสายตาที่จับจ้องมองไปเขม็ง ซูหลี่พลันย่อตัวทั้งกระโดดขึ้นไปอีกครั้ง และคราวนี้ปรากฏมวลพลังปะทุออกมาปานเขื่อนแตก จากนั้นมวลพลังสีดำดังกล่าวก็ควบรวมปกคลุมร่างกาย ก่อลักษณ์เป็นกระบี่สีดำเล่มเขื่องขึ้น!

รอบๆกระบี่สีดำเล่มเขื่อง ยังปรากฏไอพลังดั่งหมอกโลหิตรวมถึงหมอกทมิฬห้อมล้อมเวียนวน ประหนึ่งมีมังกรดำกับมังกรโลหิตกำลังหยอกเย้าเล่นไล่จับ!

วู้มมมม!!

ทันใดนั้นเองเสียงกระบี่กู่ร้องพันดังขึ้นกึกก้องสะท้านเขาทั้งลูก พาลให้ผู้คนแก้วหูสะเทือนแทบหนวก!

ครู่ต่อมา ทุกสายตาพลันเห็นว่ าร่างซูหลี่ที่ปกคลุมไปด้วยกระบี่เล่มเขื่อง ได้โจนทะยานขึ้นไปถึงบันไดขั้นที่ 3,538! ที่สำคัญยังไม่หยุดลงเพียงเท่านั้น คนยังพุ่งทะยานขึ้นไปต่อ!!

1 ขั้น 2 ขั้น 3 ขั้น…

ร่างซูหลี่โจนทะยานขึ้นไปเร็วไวขั้นแล้วขั้นเล่า ไม่หยุดลงจนกระทั่งบรรลุถึงขั้นที่ 3,552 ก่อนจะหยุดลง! จากนั้นก็โดดออกจากบันไดขั้นดังกล่าวทันที

เมื่อออกนอกระยะแรงโน้มถ่วง ไอพลังที่ปกคลุมทั่วร่างก็สลายหายไป ส่วนใต้เท้าพลันมีกระบี่สีเลือดเล่มหนึ่งปราฏขึ้นจากอากาศธาตุ พอเท้าย่ำเหยียบลง คนก็ท่องกระบี่พุ่งไปดั่งลำแสงผ่าฟ้า หายลับไปจากสายตาผู้คนในพริบตา…

คงเหลือไว้เพียงเงาหลังสีดำไวๆ ให้ทั้งหลายชะเง้อมองตาม…

“ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม…ซูหลี่…มันพุ่งขึ้นไปรวดเดียวถึงบันไดขั้นที่ 3,552?”

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มิใช่ก่อนหน้า ซูหลี่ก็แลดูเต็มกลืนแล้วไม่ใช่รึไงกว่าจะโดดขึ้นไปอยู่ขั้นเดียวกับอวี่เทียนสิงได้…แล้วไฉนอยู่ๆมันถึงพุ่งทะยานขึ้นไปรวดเดียวเช่นนั้นเลยเล่า!?”

“มารดามันเถอะ! อวี่เทียนสิงเพียงปีนขึ้นไปถึงขั้นที่ 3,537 เท่านั้น….แต่ซูหลี่กลับแซงมันไปรวดเดียว 15 ขั้น!!”

“ซูหลี่ผู้นี้ร้ายกาจเกิน!!”

“ไม่ใช่ว่าก่อนหน้า ดูจากอาการมันสมควรใช้พลังทั้งหมดแล้วมิใช่รึไง? เช่นนั้นมันไปเค้นเรี่ยวแรงมาจากที่ใดอีก?”

การที่อยู่ซูหลี่ก็พุ่งทะยานขึ้นไปรวดเดียว 15 ขั้นบันไดเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หรือชมมองตารางจัดอันดับ ล้วนตกตะลึงอึ้งไปเป็นแถบ ทั้งหมดงุนงงทั้งไม่เข้าใจ ว่าที่แท้ซูหลี่ทำได้อย่างไรกันแน่

“ซูหลี่…”

อวี่เทียนสิงหันไปจับจ้องมองขอบฟ้าทิศทางที่ซูหลี่ท่องกระบี่จากไป สีหน้าท่าทีของมันแลดูเขร่งขรึมจริงจังถึงขีดสุด “ดูเหมือนการเข้าสู่แดนลับอัจฉริยะครั้งนี้ มันจะพบพานกับความก้าวหน้าครั้งใหญ่…”

“เอ่อ..”

ด้านเหอจ้านกับอวิ๋นยีนั้น สติหลุดลอยไปจนกลับร่าไม่ถูกแล้ว จนตอนนี้พวกมันยังหันไปมองจ้องตารางจัดอันดับด้วยความงุนงง

ซูหลี่ 3,552 ขั้น

“อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลย ข้าว่าอันดับของซูหลี่ในยอดเขาแรงโน้มถ่วง…คงไม่มีอัจฉริยะคนใดในแดนลับอัจฉริยะตอนนี้สามารถทำลายมันได้แล้วล่ะ”

“ข้าก็ว่างั้น”

“ตอนแรกข้าก็คิดว่าคงไม่มีผู้ใดทำลายสถิติของอวี่เทียนสิงได้แล้วแน่ๆ…แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายซูหลี่กลับทำลายมันลงได้”

เหล่าอัจฉริยะในแดนลับอัจฉริยะทั้งหลาย ตอนนี้รู้สึกเสมือนเลือดทั่วร่างเดือดพล่านเพราะการแสดงของซูหลี่…