WSSTH ตอนที่ 3,254 : เรื่องราวในอดีตของมารดาฮ่วนเอ๋อ

หยวนหมิงซุน 1 ใน 2 ตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลหยวนแห่งเผ่าจิ้งจอกมายา พลังฝีมือใกล้จะทัดเทียมกับตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามเต็มที…

แต่กระนั้นมันก็ยังตกตายภายใต้เงื้อมมือจูเก่อฟง

ถึงแม้เมื่อครู่การลงมือของจูเก่อฟงจะไม่ต่างอะไรจากการลอบโจมตี แต่อาวุโสเผ่าจิ้งจอกมายาไม่เว้นจางฮั่นเทียนก็ตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่งชัดเจน…

หากจูเก่อฟงร่วมมือกับจูเก่ออวิ๋น ไม่ต้องกล่าวถึงหยวนหมิงซุนแค่คนเดียว ต่อให้มี 10 หยวนหมิงซุนอีก ก็ไม่พอให้อีกฝ่ายฆ่า!

ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่หวนหมิงซุนถูกฆ่าตาย จางฮั่นเทียนกับคนอื่นก็ทำตัวนอบน้อมว่าง่ายราวเป็นหลานผู้อื่นเขา ทั้งหมดเพราะกลัวจูเก่อฟงกับจูเก่ออวิ๋นจะรู้สึกขัดตา แล้วฆ่าพวกมันทิ้งไปด้วย!

“วันหน้าหากให้ข้าพบว่าพวกเจ้าปองร้ายฮ่วนเอ๋ออีก…ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดในเผ่าพวกเจ้าลงมือ ข้าจะมาฆ่าล้างตระกูลของมันผู้นั้น”

จูเก่ออวิ๋นลั่นวาจาอำมหิตออกไปเสียงเย็น สองตาเฉยชากวาดมองไปยังจางฮั่นเทียนและคนอื่นๆ

“ขอใต้เท้าอย่าได้กังวล ต่อให้ตระกูลจางของข้ามีความกล้ามากกว่านี้อีก 100 เท่า พวกเราก็ไม่กล้าปองร้ายต่อแม่นางฮ่วนเอ๋ออีก”

จางอั่นเทียนยิ้มเจื่อน

ด้านหยวนเยว่อาวุโสใหญ่ของตระกูลหยวน ก็เร่งกล่าวตามมาทันที “ใต้เท้า ตระกูลหยวนของพวกเราก็เช่นกัน”

เรียกว่าที่หยวนเยว่เร่งแสดงท่าทีเร็วไว เพราะมันกลัวว่าหากชักช้า จูเก่ออวิ๋นจะลงมือเล่นงานมันขึ้นมา

“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะทำได้อย่างที่พูด”

จูเก่ออวิ๋นมองจ้องจางฮั่นเทียนกับคนอื่นๆอีกรอบ จากนั้นจึงหันหลังและจากไปพร้อมต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อและจูเก่อฟงทันที

จนเมื่อต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆเหินร่างจากไปจนลับสายตาแล้ว จางฮั่นเทียนกับคนที่เหลือก็ได้แต่หันหน้ามามองตากันปริบๆ ได้แต่ส่งยิ้มขมขื่นปลอบใจกันและกัน

“ท่านผู้นำ ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นคือคนที่ข้าสั่งให้จางจินอี้ไปตรวจสอบเมื่อหลายปีกก่อน…เพราะเมื่อครู่ข้าได้ยินชัดเจนว่าทางนั้นเรียกหานางว่าฮ่วนเอ๋อ”

ตอนนี้เองจางผิงเหยี่ย อาวุโสใหญ่ของตระกูลจาง ที่ฉุกคิดถึงเรื่องราวในปีนั้นได้ออก ก็กล่าวรายงานออกมาด้วยรอยยิ้มแหยๆ

“เฮ่อ ตอนนี้รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว…ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายารุ่นนี้ จักได้เข้าไปอยู่ใต้ร่มเงาของไม้ใหญ่อย่างนิกายกระบี่หมื่นหายนะ…”

จางฮั่นเทียนส่ายหัวไปมา หากเลือกได้มันก็ไม่อยากตอแยล่วงเกินนิกายกระบี่หมื่นหายนะจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น สตรีตัวปัญหาดังกล่าว ได้กลายเป็นศิษย์ของตัวตนอันทรงพลังสุดที่มันจะตอแยด้วยได้ไปแล้ว

อาวุโสตระกูลหยวนทั้งหลาย นำโดยหยวนเยว่ ก็พากันระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นเมื่อกล่าวคำอำลาจางฮั่นเทียนแล้ว พวกมันก็เหินร่างกลับไปประชุมด่วนในตระกูลทันที

การตายของหยวนหมิงซุน สำหรับตระกูลหยวนของพวกมันแล้ว ประหนึ่งระเบิดห่าใหญ่ถล่มลงจากฟ้าจริงๆ

เรียกว่าหลังจากนี้พักใหญ่ๆ ตระกูลหยวนถูกกำหนดให้หาความสงบไม่เจอ

“ท่านผู้นำ”

จางผิงเหยี่ยมองไปยังจางฮั่นเทียน ด้วยสองตาเป็นประกาย “ในเมื่อตระกูลหยวนสิ้นผู้นำแล้วแบบนี้ พวกมันก็เสมือนเรือไร้หางเสือ ยากจะหลีกหนีความวุ่นวายและการช่วงชิงภายในเป็นแน่…”

ถึงแม้ตระกูลจางกับตระกูลหยวนล้วนแล้วแต่เป็นเผ่าจิ้งจอกมายาด้วยกันทั้งหมด อย่างไรก็ตาม 2 ตระกูลก็มีข้อพิพาทกันบ้างตามประสาการชิงดีชิงเด่นในโลกแห่งผู้ฝึกตน แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นแตกหัก

“โอกาสประเสริฐเช่นนี้ ไหนเลยพวกเราจะพลาดได้เล่า…”

สองตาจางฮั่นเทียนก็ทอประกายจ้าขึ้นมาทันที กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ

ขณะเดียวกัน สีหน้ามันก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “เรื่องตระกูลหยวนช่างก่อน ผิงเหยี่ยเจ้ารีบถ่ายทอดคำสังของข้าลงไป…วันหน้าตราบใดที่ข้ายังเป็นผู้นำตระกูลจางอยู่ ขอสั่งห้ามมิให้คนสกุลจางเพ่งเล็งคิดร้าย หรือมีส่วนร่วมอันใดในการปองร้ายจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาผู้นั้นอีกเป็นอันขาด!”

“กระทั่งหากพบเจอจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาผู้นั้นโดยบังเอิญ ให้ปฏิบัติกับนางเสมือนเห็นข้า ถ้านางพบเจอปัญหาให้เข้าช่วยเหลือเสีย หากช่วยเหลือด้วยกำลังของตัวเองไม่ได้ก็ให้รีบขอความช่วยเหลือจากทางตระกูลโดยเร็วที่สุด”

จางฮั่นเทียนกล่าวถึงจุดนี้ มันก็หันไปมองจ้องยังทิศทางที่ตั้งตระกูลหยวนเขม็ง “ตอนนี้ข้าหวังว่า คนของตระกูลหยวนยังจะหลงเหลือความคิดมุ่งร้ายต่อจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายานั่นอยู่บ้าง…”

“หากเป็นเช่นนั้น พวกเราจักได้มีโอกาสมอบความช่วยเหลือให้นาง กระทั่งสุดท้ายอาจสานไมตรีกับนาง จนพวกเราสามารถผูกมิตรกับนิกายกระบี่หมื่นหายนะได้…”

กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาจางฮั่นเทียนก็เริ่มเลื่อนลอยคล้ายกำลังเพ้อฝันกลางวันแสกๆ

“ดูเหมือนว่าหลังจากนี้สักพัก ข้าจักต้องเตรียมขวัญดีๆ….ไปอวี้หวงเทียน เพื่อแสดงความยินดีกับตระกูลตู้สักครา”

พอกลับมามีสติ แววตาจางฮั่นเทียนก็กลับมาสดใสอีกครั้ง พึมพำวางแผนอะไรของมันไปเรื่อย

ส่วนอีกด้าน

“ต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ในเผ่าจิ้งจอกมายาจะไม่มีจักรพรรดิอมตะสมญานาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเผ่าพันธุ์นี้จักไม่มีจักรพรรดิอมตะสมญานามอยู่เลย…เผ่าจิ้งจอกมายาจะอย่างไรก็สืบทอดมรกต่อๆกันมานานปีแล้ว ต้องมีพวกเฒ่าชราที่อยู่ในแดนหลิงหลัว ศูนย์กลางอำนาจของหลิงหลัวเทียนแน่…”

จูเก่ออวิ๋นกล่าวกับต้วนหลิงเทียน “เช่นนั้นแล้วเว้นเสียแต่พวกมันจะทำเกินไปจริงๆ หาไม่แล้วพวกเรามิอาจฆ่าล้างตระกูลมันได้อย่างไร้เหตุผล”

ได้ยินคำพูดของจูเก่ออวิ๋นต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกหนาวใจอยู่บ้าง

ไม่คิดเลยว่าจูเก่ออวิ๋นผู้นี้ ยังจะมีความคิดฆ่าล้างตระกูลของเผิ้งจอกมายาในแดนฟ้าสิ้นสุดอยู่อีก?

อย่างไรเสียนั่นก็เป็นขุมกำลังระดับ 1 คิดจะฆ่าล้างก็ฆ่าล้างได้ง่ายๆหรือ?

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนพลันรู้สึกว่าถึงแม้เขาจะพึ่งประสบความก้าวหน้าครั้งใหญ่มา แต่ขอบเขตของเขายังเทียบกับจูเก่ออวิ๋นไม่ได้เลย

“ผู้อาวุโสเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว…ข้าเชื่อว่าสองตระกูลของตระเผ่าจิ้งจอกมายานั่น ต่อไปต้องไม่กล้าลงมือแตะต้องฮ่วนเอ๋ออีกแน่”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

“ว่าแต่ยังมีที่ใดที่ต้องไปสะสางต่อหรือไม่?”

จูเก่ออวิ๋นกล่าวถามต้วนหลิงเทียนด้วยสงสัย

“ไม่มีแล้วอาวุโส”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว “พวกเรากลับกันเลยก็ได้”

“พี่ใหญ่หลิงเทียน”

ทว่าต้วนหลิงเทียนพูดยังไม่ทันจบคำดี ฮ่วนเอ๋อก็มองต้วนหลิงเทียน พางกล่าวด้วยสายตาคาดหวัง “ฮ่วนเอ๋ออยากหาท่านแม่…”

ใจต้วนหลิงเทียนสะท้านไปทันที จากนั้นก็หันไปยิ้มกล่าวกับจูเก่ออวิ๋นว่า “ผู้อาวุโส หรือพวกเราย้อนกลับไปยังเผ่าจิ้งจอกมายาอีกรอบก่อน? ข้าอยากถามว่าพวกมันล่วงรู้ที่อยู่มารดาของฮ่วนเอ๋อหรือไม่”

“ไปสิ”

จูเก่ออวิ๋นย่อมไม่ขัดข้อง นางเห็นฮ่วนเอ๋อเป็นศิษย์สายม่อเหยียแล้ว และนางเองก็รู้สึกถูกชะตากับฮ่วนเอ๋อมาก ย่อมยินดีที่จะได้ช่วยฮ่วนเอ๋อตามหามารดา

สำหรับจูเก่อฟงนั้น ไม่มีความเห็นใดๆ

ปกติแล้วมันก็มักฝึกฝนบ่มเพาะอยู่แต่ในนิกายกระบี่หมื่นหายนะ เว้นเสียแต่น้องสาวฝาแฝดจะออกเดินทางไปที่ใด มันก็จะติดตามนางไปด้วย เพราะมันไม่คิดปล่อยให้น้องสาวไปไหนมาไหนคนเดียว

จางฮั่นเทียน ผู้นำตระกูลจางของเผ่าจิ้งจอกมายาเอง ก็ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าพวกต้วนหลิงเทียนพึ่งจากไปไม่ทันไร ก็วกกลับมาอีกแล้ว

และคราวนี้มันก็ได้เชิญพวกต้วนหลิงเทียนไปยังโถงรับรองของสกุลจางด้วยความเคารพนอบน้อม และเอ่ยถามจูเก่อฟงกับจูเก่ออวิ๋นน้ำเสียงสุภาพว่า “มิทราบใต้เท้าทั้ง 2 ย้อนกลับมาเพราะเหตุใดหรือ?”

จูเก่ออวิ๋นพอได้ยินคำถามดังก่าววก็หันไปมองทางต้วนหลิงเทียนทันที ทำให้จางฮั่นเทียนเองก็หันมามองต้วนหลิงเทียนตาม

“ผู้เฒ่าจาง ไม่ทราบว่าท่านรู้จัก ตู้เสวียน แห่งตระกูลตู้ของเผ่าจิ้งจอกมายาท่านหรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนก็เปิดประตูเห็นภูผา มองถามจางฮั่นเทียนออกไปตรงๆทันที

“ตู้เสวียนรึ?!”

ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สีหน้าจางฮั่นเทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “คุณชายท่านนี้ มิทราบไฉนท่านจึงถามถึงตู้เสวียนหรือ? หรือคุณชายท่าน…รู้จักกับตู้เสวียน?”

“ตู้เสวียนเป็นมารดาของฮ่วนเอ๋อ…”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวพลางหันมองไปทางฮ่วนเอ๋อ

จากนั้นเขาก็ย้อนกลับมามองจ้องตาจางฮั่นเทียนเขม็ง “ผู้เฒ่าจาง ดูจากสีหน้าท่านแล้ว มิพ้นคงรู้จักกับตูเสวียน มารดาฮ่วนเอ๋อกระมัง?”

“นาง…นางเป็นลูกสาวของตู้เสวียนหรือ?”

พอจางฮั่นเทียนมองฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง แวววตาก็ฉายความซับซ้อนมากล้นไปด้วยอารมณ์ สุดท้ายก็อดระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างทอดถอนไม่ได้ “บาปกรรม…บาปกรรม…”

“บาปกรรม?”

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว ด้านฮ่วนเอ๋อก็มองจ้องจางฮั่นเทียนแล้วรีบถามออกมาว่า “ตาแก่ เจ้ารู้จักท่านแม่ข้าหรือ?”

“ข้าย่อมรู้…กล่าวไปคงไม่มีผู้ใดในเผ่าจิ้งจอกมายาที่ไม่รู้จักมารดาเจ้าหรอก…”

จางฮั่นเทียนคลี่ยิ้มเจื่อนๆ “อันที่จริงกล่าวไปแล้ว ข้ากับมารดาเจ้ายังมีไมตรีกันไม่น้อย…เพราะตอนเด็กๆพวกเราโตมาด้วยกัน ตอนยังเป็นนเด็กน้อยมารดาเจ้าติดข้าแจด้วยซ้ำ ก่อนที่ตระกูลตู้จักออกจากหลิงหลัวเทียนแล้วย้ายไปตั้งรกรากที่อวี้หวงเทียน สถานที่ตั้งตระกูลตู้ก็ติดกับอาณาเขตของตระกูลจางเรา…”

“ในตอนนั้น นางนับว่างดงามจนทุกคนต้องหลงใหล…”

กล่าวถึงจุดนี้แววตาของจางฮั่นเทียนก็กลายเป็นอ่อนโยน มากล้นไปด้วยความคำนึงหา

ตู้เสวียนมีเสน่ห์มาก

จางฮั่นเทียนเองก็ตามจีบตู้เสวียนเช่นกัน อนิจจาด้วยความที่เล่นกันมาแต่เด็ก ตู้เสวียนจึงไม่คิดกับมันเกินกว่าเพื่อนจึงปฏิเสธมันตรงๆ หากแต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมิตรภาพระหว่างทั้งคู่

ในตอนนั้น ช่วงที่ตู้เสวียนถูกตระกูลตู้ขับไล่ จนต้องระหกระเหินย้อนกลับมาหลิงหลัวเทียน ก็เป็นมันที่คอยให้ความช่วยเหลือนางอย่างลับๆมาตลอด

อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายารุ่นนี้ จะกลายเป็นลูกสาวของตู้เสวียนไปได้

“มาตอนนี้ดูๆไปเจ้าก็คล้ายกับตู้เสวียนอยู่หลายส่วน…แต่หากจะเทียบกับมารดาเจ้าแล้ว ดูเหมือนความงามของเจ้าจักได้มาจากบิดาที่หล่อเหลาปานเทพบุตรนั่นมากกว่า”

จางฮั่นเทียนกล่าว

“ตาแก่…เจ้า…เจ้ารู้จักท่านพ่อข้าด้วยหรือ?”

ลุกตาฮ่วนเอ๋อเบิกกว้าง เอ่ยถามออกไปด้วยอารมณ์ปั่นป่วน

“มารดาเจ้า สมควรไปตามหาบิดาของเจ้า…”

จางฮั่นเทียนระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน “ตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้…ว่าทั้งคู่เป็นตายร้ายดีอย่างไรแล้ว? อย่างไรเสียทั้งคู่ก็ถือว่าได้ล่วงเกินขุมกำลังระดับสวรรค์เข้าอย่างจัง ขุมกำลังระดับสวรรค์ที่ว่าก็คงยากที่จะปล่อยทั้งคู่ไปง่ายๆ”

“ขุมกำลังระดับสวรรค์?”

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว เขาไม่คิดเลยว่ามารดาของฮ่วนเอ๋อจะไปพัวพันกับขุมกำลังระดับสวรรค์เข้า

ต้องทราบด้วยว่า กระทั่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะครั้งรุ่งโรจน์ ก็เป็นขุมกำลังระดับสวรรค์เช่นกัน

“ผู้เฒ่าจาง ท่านช่วยขยายความให้กระจ่างหน่อยได้หรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงหนัก

เพราะเท่าที่จางฮั่นเทียนพูดมา ก็ช่างคลุมเครือดั่งมีม่านเมฆหมอกบดบัง ยากจะบอกได้ว่าที่แท้เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไรกันแน่…แล้วไฉนมารดาของฮ่วนเอ๋อถึงไปล่วงเกินอะไรขุมกำลังระดับสวรรค์เข้าได้?

นอกจากนี้เรื่องราวดูเหมือนจะเกี่ยวพันกับบิดาของฮ่วนเอ๋ออีก

“ตู้เสวียน มารดาของฮ่วนเอ๋อนั้น นางเป็นโฉมงามอันดับหนึ่งของเผ่าจิ้งจอกมายาเรา…ในเผ่าจิ้งจอกมายาไม่ทราบมีบุรุษมากมายเท่าไหร่ไล่จีบนาง…อันที่จริงตอนนั้นข้าเองก็ไล่เกี้ยวนางเช่นกัน”

จางฮั่นเทียนกล่าว “อย่างไรก็ตามสุดท้ายคนที่คว้าใจนางไปครองได้ กลับไม่ใช่คนของเผ่าจิ้งจอกมายาเราด้วยซ้ำ…แต่เป็นอัจฉริยะฟ้าประทานของขุมกำลังระดับสวรรค์…”

“แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ประเด็น…”

“เรื่องของเรื่องมันอยู่ที่ อัจฉริยะฟ้าประทานของขุมกำลังระดับสวรรค์คนนั้น ขุมกำลังของมันได้ทำการหมั้นหมายให้มันไว้แต่แรก…และยังเป็นการหมั้นหมายกับอัจฉริยะหญิงของขุมกำลังสวรรค์อีกขุม”

“อย่างไรก็ตาม ตอนอัจฉริยะฟ้าประทานคนนั้นเลือกจะกลับไปยังขุมกำลัง เพื่อล้มเลิกสัญญาหมั้นหมาย…สิ่งนี้ทำให้ขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังของมันไม่เพียงแต่จะโมโหจนขับไล่มันออก ยังเลือกจะส่งตัวมันไปให้ขุมกำลังสวรรค์ของอัจฉริยะหญิงนั่นด้วย”

“พอเรื่องนี้มันลุกลามใหญ่โต ตระกูลตู้เองก็ขับไล่ตู่เสวียนออกจากตระกูล ตอนที่นางระหกระเหินหลบหนีออกจากตระกูลมา นางก็มาขอคามช่วยเหลือจากข้า หมายให้ข้าช่วยสืบหาข่าวคราวของบุรุษผู้นั้น…”

“หลังจากนั้นพอข้าแจ้งข่าวที่สืบทราบมาให้นาง ตู้เสวียนก็เดินทางไปยังขุมกำลังสวรรค์ของอัจฉริยะหญิงนั่นเพื่อตามหาบุรุษผู้นั้น…”

กล่าวถึงจุดนี้ จางฮั่นเทียนก็หันมามองจ้องฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง “เพียงแค่ ข้าไม่คิดเลย…ว่านางกับเจ้านั่นที่แท้จะมีลูกสาวด้วยกันแล้ว”

“ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวที่ว่ายังเป็นจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาอีก…บาปกรรม บาปกรรม”

จางฮั่นเทียนได้แต่ส่ายหัวไปมา

มันยังจดจำเรื่องราวในปีนั้นได้ดี พอตระกูลตู้รับทราบว่าตู้เสวียนไปพัวพันกับอะไรเข้า ก็เลือกจะขับไล่นางออกจากตระกูลตู้อย่างไม่ไยดี…

เพราะพวกมันกลัวว่าขุมกำลังสวรรค์ของอัจฉริยะหญิงนั่นจะโกรธแค้นตู้เสวียนที่เป็นต้นเหตุทำให้การหมั้นหมายล้มเลิก จนเอาโทสะมาลงกับตระกูลตู้…จึงรีบขับตู้เสวียนออกเพื่อปัดสวะให้เรื่องราวครั้งนี้พ้นตัว

“หากตระกูลตู้ล่วงรู้ว่าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่พวกมันเฝ้าตามหามาตลอด เป็นบุตรสาวของตู้เสวียน..ข้าไม่ทราบจริงๆว่าพวกมันจักทำหน้าอย่างไร”

ถึงแม้เผ่าจิ้งจอกมายาจะล่วงรู้ว่าจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่ยากจะปรากฏในรอบหลายล้านปีได้ถือกำเนิดขึ้นในเผ่าแล้ว แต่พวกมันก็รับรู้ได้คร่าวๆว่าจิ้งจอกมายาดังกล่าวปรากฏขึ้นในสายเลือดตระกูลตู้เท่านั้น ไม่อาจทราบตัวตนจำเพาะเจาะจงของจิ้งจอกน้ำแข็งพันมายาที่ถือกำเนิดได้เลย…