WSSTH ตอนที่ 3,275 : ฝานฉี

พลังที่กู้ฉางเจียงเร้งเร้าขึ้นมาเตรียมลงมือ ถูกฉือหล่างใช้แสงกระบี่เยือกแข็งทำลายสลายสิ้น

จากนั้นเหลยอิงก็ลงมือตามติด ทำให้กู้ฉางเจียงรีบเร่งเร้าพลังห้วงใหม่สร้างปราการป้องกันเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่วายถูกทำลายลง ทั้งโดนซัดจนปลิวไปสภาพอนาถ!

เรื่องราวทั้งหมดที่ว่ามา มันเกิดขึ้นในเวลาชั่วพริบตาเดียว

กว่าที่ศิษย์วังเทียนฉือจะได้ตอบสนองเรื่องราวอะไร กู้ฉางเจียงก็ตกอยู่ในสภาพสะบักสะบอมแล้ว ไม่เพียงเลือดไหลย้อยเต็มมุมปาก เนื้อตัวยังเต็มไปด้วยบาดแผลยิบย่อย ชุดขาดวิ่นปานขอทานลุยผ่านสมรภูมิรบ…

“ใต้เท้ากู้บาดเจ็บมิน้อยเชียว!”

“ให้ตายเถอะ แค่การลงมือเปิดฉากคนละครั้ง กลับทำให้ใต้เท้ากู้ตกอยู่ในสภาพนั้นได้ ใต้เท้าฉือกับใต้เท้าเหลยจะร้ายกาจเกินไปแล้ว!”

“อันที่จริงผลจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่แปลก ทุกคนรู้แต่แรกว่าจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียงคนนี้ ให้สู้กันตัวต่อตัวก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิง หรือจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่างเลย…ยังจะนับประสาอะไรกับถูกทั้ง 2 กลุ้มรุม?”

“ยังเป็นเพราะทั้งสองไว้ไมตรีแล้วด้วย…หาไม่แล้วด้วยพลังฝีมือทั้งคู่ เกรงว่าคงฆ่าจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ได้ง่ายๆ”

“ไม่ยั้งมือได้หรือไร…สุดท้ายจะอย่างไรจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ก็เป็นคนของวังเทียนฉือดุจเดียวกัน เข่นฆ่ากันเองใยมิใช่ลดทอนความเข้มแข็งตัว? ผู้ใดจะกล้าลงมือเกินเลย…”

ในขณะที่ศิษย์วังเทียนฉือหลายคนได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน หลายคนก็เริ่มหันไปกล่าวพาดพิงถึงต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง “พูดถึงเรื่องลงมือเกินเลย…ก็แค่การประลองท้าชิงตำแหน่งศิษย์อัจฉริยะไม่ใช่หรือไร? ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้ลงมือเกินเลยถึงขั้นเข่นฆ่าศิษย์ของจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ด้วยเล่า! จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ไม่โมโหได้หรือ?”

“นี่เจ้า…คงพึ่งมาถึงกระมัง?”

“ก็ใช่ แต่เจ้ารู้ได้ไง?”

“ถ้าเจ้าไม่ได้พึ่งมา ก็ไม่พ้นต้องงได้เห็นการประลองระหว่างหลิวเจี้ยนกับต้วนหลิงเทียนแล้วน่ะสิ! จากนั้นเจ้าก็คงรู้ว่าเป็นหลิวเจี้ยนที่บังเกิดจิตคิดฆ่าคนก่อน ต้วนหลิงเทียนก็เพียงตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้น! ถ้าหากเป็นเจ้าจะทำอย่างไร เล่า…มีคนคิดฆ่าเจ้าแต่เจ้าจะยิ้มน่าระรื่นไม่คิดฆ่ามันกลับหรือ?”

“จริงๆ พูดได้ว่าที่หลิวเจี้ยนตกตาย มันได้แต่โทษตัวเองคนเดียว…และข้าคิดว่ากระทั่งจวบจนตายตก มันก็คงคิดไม่ถึงว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฆ่ามันได้”

พอได้รับทราบต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวแล้ว เหล่าศิษย์วังเทียนฉือที่พึ่งมาทีหลัง ก็ได้แต่ชมมองจักรพรรดิอมตะมังกรบูณด้วยสายตาระอา…

ที่แท้เป็นศิษย์จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊อยากเข่นฆ่าผู้อื่นเขาก่อน สุดท้ายเลยโดนต้วนหลิงเทียนฆ่าแทน!

ครั้งนี้ หลิวเจี้ยน ศิษย์จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ถือว่าผิดเต็มประตู!

แต่กู้ฉางเจียงยังคิดมาล้างแค้นให้หลิวเจี้ยน?

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเรา จะมีคนเช่นนี้อยู่ด้วย…นี่มันจะไม่หน้าด้านทั้งไร้ยางอายเกินไปหน่อยหรือไร?”

“เหอะๆ ในเมื่อมันหน้าด้านทั้งไร้ยางอายเช่นนี้ จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีกับจักรพรรดิอมตะไร้ใจจะร่วมมือกันทุบตีสั่งสอนมันก็ไม่นับว่าแปลก! หากไม่ทำตัวไม่เห็นหัวผู้อื่นเขาก่อน ไหนเลยผู้อื่นจะร่วมมือกันทุบตี?”

“น่าขายหน้านัก! ข้าฟังแล้วยังรู้สึกขายขี้หน้าแทน! หากเรื่องในวันนี้แพร่ไปด้านนอก วังเทียนฉือเราไม่ขายขี้หน้าผู้คนทั้งอู๋หยาเทียนแล้วหรือไร?”

“ธรรมดา ถึงตอนนั้นไม่พ้นผู้คนในขุมกำลังระดับสวรรค์อื่นๆ คงต้องเอาไปพูดกันสนุกปาก ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเรา เป็นพวกไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ให้ท้ายคนผิดคิดร้ายคนถูก!”

ถึงแม้เสียงซุบซิบคุยกันของเหล่าศิษย์วังเทียนฉือจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่จะรอดพ้นโสตประสาทรับฟังของกู้ฉางเจียงไปได้อย่างไร?

จังหวะนี้สีหน้ากู้ฉางเจียงจึงเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก!

ถึงขั้นมีโมโหจนแทบกระอักเลือด!

“ฉือหล่าง เหลยอิง ข้ากู้ฉางเจียงจักจำเรื่องในวันนี้ไว้ไม่มีลืม!!”

หลังมองจ้องฉือหล่างกับเหลยอิงตาขวางกล่าวทิ้งท้ายรอบหนึ่ง กู้ฉางเจียงก็จากไปทันที คนทั้งคนหายไปในอากาศธาตุ

แน่นอนว่าไม่ได้หายไปในอากาศธาตุจริงๆ ก็แค่ความเร็วที่มันใช้สูงเกินกว่าที่เหล่าศิษย์ทั้งหลายจะมองตามได้ทัน

เห็นฉากนี้ด้านฉือหล่างกับเหยอิงก็ไม่ได้ไล่ตามอะไร เพราะสำหรับทั้งคู่ เพียงเท่านี้ก็มากพอจะสั่งสอนกู้ฉางเจียงให้ได้รับบทเรียนดีงามแล้ว เรื่องคิดจะเล่นงานกู้ฉางเจียงถึงตาย ทั้งคู่ไม่อาจกระทำ

ท้ายที่สุดแล้วกู้ฉางเจียงก็เป็น 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือ ถือว่าเป็นเสาหลักคนหนึ่ง

และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็แพร่กระจายไปทั่ววังเทียนฉือเร็วไวไม่ต่างจากไฟลามทุ่ง!

อีกทั้งหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ หลายคนในวังเทียนฉือก็ตระหนักได้ว่า จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่างนั้น…ดูแลศิษย์ภายใต้ปีกของตัวอย่างดี! กระทั่งไม่ลังเลจะทุบตีทำร้ายจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่น!!

สำหรับจักรพรรดิอมตะไร้ใจเหลยอิงนั้น มีเสียงแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งพูดกันว่าที่เหลยอิงลงมือเพราะเห็นแก่ผู้อาวุโสตำหนักลองกระบี่ที่ถูกทำร้ายอย่างไม่เป็นธรรม แต่อีกฝ่ายบอกว่านางทำเพื่อศิษย์คนใหม่ของนาง

ทุกคนจึงได้รู้อีกว่าแม้ศิษย์คนใหม่ของจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง จะไม่ได้ถูกจักรพรรดิอมตะมังกรบู๊ กู้ฉางเจียง ทำร้ายแต่อย่างใด ทว่าผู้ที่ถูกทำร้ายคือชายคนรักของศิษย์คนใหม่ที่ว่า!

แต่ไม่ว่าเหตุผลที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร คราวนี้ฮ่วนเอ๋อ กับต้วนหลิงเทียนก็นับว่ามีชื่อเสียงขึ้นมาทันที

โดยเฉพาะต้วนหลิงเทียน

อายุไม่ถึง 300 ปี แต่กลับเอาชนะศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุ 600-700 ปีได้ ถึงแม้ศิษย์อัจฉริยะที่ว่าจะมีอันดับท้ายๆ แต่สิ่งนี้ก็มากพอจะทำให้หลายๆคนตกอกตกใจกันแล้ว

เพราะสุดท้าย อายุของทั้งคู่ก็ห่างกันมากกว่า 300 ปี!

“ศิษย์น้องเล็กอ่า…เจ้าพึ่งเข้าร่วมวังเทียนฉือเราไม่ทันไร แต่ชื่อเสียงของเจ้าแทบไม่ด้อยไปกว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่กับศิษย์พี่รองแล้ว!”

หงเฟยนั้น ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าอริเก่าอย่างหลิวเจี้ยนไป มันก็ขยันมาหาต้วนหลิงเทียนไม่ขาด

แน่นอนว่าที่มันมาหาได้ สืบเนื่องมาจาก มันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปิดด่านบ่มเพาะอะไร

เพราะก่อนที่มันจะมา มันได้ส่งข้อความมาถามต้วนหลิงเทียนแล้วว่าสะดวกหรือไม่

สาเหตุที่ไฉนช่วงนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ปิดด่านฝึกฝน ก็เพราะเขายังไม่ได้ลืมวัตถุประสงค์ในการมาวังเทียนฉือ มองหาเบาะแสบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อ!

อย่างไรก็ตาม หลังจากลองไปสืบหามาตลอดเดือน เขากลับไม่ได้เบาะแสอะไรเลย

“ชื่อเสียงไม่ด้อยไปกว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่กับศิษย์พี่รองแล้วอย่างไร…พลังฝีมือข้านังห่างไกลจากทั้งคู่อีกไกล”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเฉยๆพลางส่ายหัวไปมา

ในบรรดาศิษย์สาวกของฉือหล่างนั้น ศิษย์พี่หญิงใหญ่กับศิษย์พี่รองนับว่ามีพลังฝีมือสูงสูดเป็นอันดับ 1 และ 2 สำหรับคนอื่นๆนั้น เขาเชื่อว่าต่อให้เป็นหูเหมยศิษย์พี่หญิง 3 หากเขาใช้พลังของธาตุทั้ง 5 ก็น่าจะเอาชนะนางได้

“โอยศิษย์น้องเล็ก…เจ้านี่มันสัตว์ประหลาดตัวจริง! นี่เจ้าถึงกับกล้าเอาตัวไปเทียบกับศิษย์พี่หญิงใหญ่กับศิษย์พี่รองเชียวหรือ เจ้าจะไม่ดุดันเกินไปหน่อยรึไร! หรือเจ้าไม่ดูบ้างว่าตัวเจ้าพึ่งจะอายุเท่าไหร่เชียว?”

หงเฟยส่ายหัวไปมา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่หงเฟยกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นยืนทันที

“หือ? มีอะไรหรือ?”

พอเห็นอยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ลุกพรวดขึ้นมา หงเฟยก็ลุกตามขึ้นมาพลางถามออกไปด้วสงสัยทันที

อยู่ๆศิษย์น้องเล็กของมันก็ลุกขึ้นยืน เห็นได้ชัดว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่

“ข้าพึ่งจะได้รับข้อความจากตำหนักลองกระบี่น่ะ…ศิษย์อัจอัจริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุ 200-300 ปีได้กำหนดเวลามาแล้ว”

“มันให้ข้าไปสู้กับมันที่สังเวียนอัจฉริยะ บ่ายวันนี้เลย”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

“บ่ายวันนี้เหรอ?”

ได้ยินดังนั้น หงเฟยก็แหงนหน้าขึ้นไปมองฟ้าก่อนใดอื่น “เอ่อ นี่มันก็จะเที่ยงแล้วนี่นา…แบบนี้เจ้าไปรอที่สังเวียนเลยก็ดี”

“ใช่”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ข้าจะไปบอกฮ่วนเอ๋อก่อน ศิษย์พี่ 6 ท่านจะกลับไปก่อน…หรือจะรอไปสังเวียนพร้อมข้ากับฮ่วนเอ๋อ?”

“เดี๋ยวข้าตามไปทีหลังดีกว่า”

หลังจากนั้นหงเฟยก็จากไปทันที และหลังจากมันจากไปไม่นาน ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับข้อความจากหงเฟย

“ฝานฉี…จอมราชันอมตะ 5 องค์ประกอบ แต่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้วถึง 7 ประการ…นอกจากนั้นมันยังไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นพฤกษาอมตะจำแลงกายมา…หากกลับคืนร่างเดิมก็จะมีพลังต่อสู้เพิ่มขึ้น”

ทั้งหมดคือ เนื้อหาในข้อความที่หงเฟยส่งมาให้

จากข้อความนั้น เป็นข้อมูลของคู่ต่อสู้ที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะประลองด้วยตอนบ่าย

“ไม่ใช่มนุษย์?”

หลังได้รับทราบข้อมูลที่หงเฟยส่งมาให้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็แค่ประหลาดใจแค่เรื่องเดียวเท่านั้น

เทียบกับเรื่องที่คู่ต่อสู้เขาเป็นต้นไม้อมตะจำแลงกายมาแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาสนใจมากกว่าก็คืออีกฝ่ายสามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมบรรลุขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้ถึง 7 ประการแล้วต่างหาก! เพราะนี่ไม่ใช่อะไรที่คนอายุ 200 กว่าปีจะทำได้ง่ายๆ!!

“ฮ่วนเอ๋อ”

ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ฮ่วนเอ๋อก็ไม่ได้บ่มเพาะพลังอะไรเช่นกัน แต่นางเลือกจะนอนหลับเพื่อใช้ผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดเพื่อทำความเข้าใจกฏมิติแทน

ความเข้าใจในกฏมิติของฮ่วนเอ๋อนั้น เทียบต้วนหลิงเทียนไม่ได้เลย เพราะนางยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติไม่ถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ทั้งหมด

กลับกันต้วนหลิงเทียนได้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏมิติทั้งหมดถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่มา 10 กว่าปีแล้ว

ถึงตอนนี้แม้เขาจะใช้ผลึกสำนึกผู้แข็งแกร่งที่สุด เพื่อทำความเข้าใจกฏต่อ แต่เขารู้สึกว่าผลลัพธ์มันกลับผิดจากที่คาดหวัง เพราะมันมีความคืบหน้าช้ามาก

ความลึกซึ้งของกฏนั้น หลังจากที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่แล้ว ก้าวต่อไปก็คือ การผสานหลอมรวมความลึกซึ้งเข้าด้วยกัน

ตัวอย่างก็เช่นจักรพรรดิอมตะที่เป็นชนชั้นยอดฝีมือนั้น กว่าครึ่งล้วนแล้วแต่สามารถหลอมรวมความลึกซึ้งของกฏที่ตัวเองเข้าใจได้บางประการ และหากระดับพลังฝึกปรือทัดเทียมกัน สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างก็คือจำนวนความลึกซึ้งที่ผสานรวมได้

ก็เหมือนเดือนที่แล้ว ตอนที่เหลยอิงกับฉือหล่างลงมือ ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักดีว่าทั้งคู่ได้ลงมือจู่โจมด้วยความลึกซึ้งที่ผสานรวมกันแล้ว

และการผสานรวมความลึกซึ้งเข้าด้วยกันนั้น ผลลัพธ์มันไม่ใช่แค่หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง แต่พลังอานุภาพของมันจะเหนือกว่านั้น!

หลังต้วนหลิงเทียนปลุกฮ่วนเอ๋อแล้ว เขาก็เดินทางออกจากที่พักทันที

ด้านนอกตำหนักลองกระบี่ ก็มีศิษย์วังเทียนฉือหลายคนที่ได้เห็นข้อความที่ตำหนักลองกระบี่พึ่งนำมาติดประกาศแล้วเช่นกัน

ต้วนหลิงเทียนจะประลองกับ ฝานฉี ที่สังเวียนอัจฉริยะบ่ายวันนี้!

หากถามว่าต้วนหลิงเทียนคือใคร…ตอนนี้ในวังเทียนฉือแทบไม่มีใครไม่รู้จัก! คนที่ไม่รู้จริงๆก็คือผู้ที่ปิดด้านบ่มเพาะมานานกว่าหนึ่งเดือนหรือไปธุระนอกวังแล้วไม่ได้ติดต่อกับใครเป็นเดือน…

สำหรับฝานฉีนั้น เว้นเสียแต่จะเป็นผู้ที่ปิดด่านบ่มเพาะอย่างสันโดษมานานกว่า 300 ปีแล้ว ปกติแล้วหากเป็นคนวังเทียนฉือจะรู้จักกันดี

ฝานฉีนั้นเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับ 1 ในช่วงอายุ 200-300 ปีของวังเทียนฉือ พลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นเอาชนะศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุ 700-800 ปีได้!

แน่นอนว่าศิษย์อัจฉริยะที่ว่า ก็มีอันดับท้ายๆในช่วงอายุดังกล่าวเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้น มันก็มากพอให้ทั่วทั้งวังเทียนฉือตกตะลึงแล้ว

จุดนี้ดูจากเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าหลิวเจี้ยนได้แล้วมีชื่อเสียงขึ้นมาเร็วแค่ไหน ก็พอจะจินตนาการได้ออกว่าตอนฝานฉีลงมือมันสะท้านสะเทือนวังเทียนฉือเพียงใด

“เดือนก่อนต้วนหลิงเทียนฆ่าหลิวเจี้ยน ศิษย์อัจฉริยะในช่วงอายุ 600-700 ปี พลังฝีมือร้ายกาจเพียงใดผู้คนก็รู้กันแล้ว…หากเป็นคนอื่นที่มีวัยดียวกัน ข้าเองก็คงมั่นใจว่ามันเอาชนะได้แน่ แต่น่าเสียดายที่คราวนี้คู่ต่อสู้ของมันก็คือฝานฉีคนนั้น”

“นั่นสิเมื่อเกือบๆ 30 ปีที่แล้ว ข้ายังจำได้เลย ว่าฝานฉีเอาชนะศิษย์อัจฉริยะช่วงอายุ 700-800 ปีได้อย่างไร แม้เจ้านั่นจะเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับที่ 10 ของช่วงอายุนั่นก็ตาม แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของฝานฉี!”

“เหอะๆ ทั้งสองจะประลองกันเองแบบนี้…ข้าล่ะไม่รู้จริงๆว่าใครจะชนะกันแน่”

“ข้าว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนน่าจะเหนือกว่านะ… ตอนนั้นฝานฉีทำได้แค่เอาชนะศิษย์อัจฉริยะผู้นั้นเฉยๆ มิอาจฆ่าได้! แต่ต้วนหลิงเทียนสามารถระเบิดพลังสังหารหลิวเจี้ยนได้ในชั่วพริบตา สุดที่หลิวเจี้ยนจะกล่าวยอมแพ้ได้ทัน!! พวกเจ้าเองก็น่าจะทราบว่า ‘ชนะ’ กับ ‘ฆ่าในพริบตา’ สองเรื่องนี้มันต่างกันขนาดไหน!!”

“มันก็ไม่แน่นักหรอก เรื่องต้วนหลิงเทียนฆ่าหลิวเจี้ยนได้ พวกเราไม่อาจแลเห็นสถานการรืได้ชัดเจน ผู้ใดจะไปรู้ว่าใช่เพราะหลิวเจี้ยนเลินเล่อหรือไม่? ที่สำคัญเจ้าอย่าได้ลืมไป…ว่าตอนนี้เวลามันผ่านไปได้ 20 กว่าปี จนใกล้จะครบรอบ 30 ปีที่ศิษย์อัจฉริยะช่วงอายุ 700-800 ปีนั่นแพ้พ่ายฝานฉีแล้ว! พวกเจ้าว่าฝานฉีมันจะไม่ก้าวหน้าเลยหรือ? ป่านนี้พลังฝีมือมันไม่รู้ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!!”

หลังศิษย์วังเทียนฉือกลุ่มแรกรับทราบเรื่องราวการประลอง แต่ละคนก็ควักยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณออกมาเป็นตั้ง เรียกว่าบดขยี้กันระรัวแจ้งให้สหายทราบเร็วไว ทำให้เรื่องราวมันแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว ยิ่งกว่าไฟลามทุ่งเสียอีก!

และข่าวพึ่งจะแพร่กระจายไปยังไม่ทันถึงเที่ยงวันดี ผู้คนไปรวมตัวกันที่สังเวียนอัจฉริยะหนาตาแล้ว…