WSSTH ตอนที่ 3,296 : จักรพรรดิอมตะสมญานามลงมือ!

จักรพรรดิอมตะร้อยเปลี่ยน ตู๋กูเหวิน

จักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ ตู๋กูหวู่

ทั้งคู่จัดเป็นคนดังของอู๋หยาเทียนก็ว่าได้ และยังมีชื่อเสียงเลื่องลือมากกว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีพลังฝีมือสูงกว่าพวกมันหลายคน!

ที่ไฉนพวกมันถึงมีชื่อเสียงเลื่องลือนัก ไม่ใช่เพราะพลังฝีมือของพวกมันแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะพวกมันทั้งคู่แม้จะเป็นถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว แต่ยังประกอบการค้าฆ่าคน! อีกทั้งไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นใคร ทั้งคู่ก็จะลงมือร่วมกันเสมอ!!

ในอู๋หยาเทียนไม่ทราบมีจักรพรรดิอมตะสมญานามกี่มากน้อยที่ตกตายด้วยน้ำมือของทั้งคู่ สิ่งนี้หนุนเสริมให้พวกมันมีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น

และในเมื่อทั้ง 2 มาปรากฏตัวที่นี่ ไม่ว่าจะฉือหล่าง หูเหมยหรือเวิ่นหว่านเอ่อก็ตระหนักได้ทันทีว่าเป็นเรื่องราวใด…ทั้งคู่สมควรมีเป้าหมายเข่นฆ่าใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่ม!

และจากสายตารวมถึงคำถามของตู๋กูเหวินเมื่อครู่ เป้าหมายการเข่นฆ่าของ 2 มือสังหารก็ชัดเจนเหลือเกิน…ต้วนหลิงเทียน!

‘2 มือสังหารขอบเขตจักรพรรดิอมตะสมญานาม?’

ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบเรื่องราวจากเสียงผ่านพลังของหูเหมและเวิ่นหว่านเอ๋อ ทำให้เขาเองก็ตระหนักได้ไม่ยากว่าทั้งคู่สมควรมาเพื่อฆ่าเขา

‘2 มือสังหารระดับนี้มาเพื่อฆ่าข้า?’

‘ตั้งแต่ที่ข้ามายยังอู๋หยาเทียน นับรวมกันแล้วคนที่มีเรื่องกับข้าก็ไม่เกิน 3 คนไม่ใช่รึไง?’

ในห้วงเวลาดุจฟ้าแลบต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดเรื่องราวในใจเสร็จสรรพ เขาระบุผู้ต้องสงสัยหลักได้ทันที เพราะคนที่มีกำลังทรัพย์มากพอจะจ้าง 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามนั้น ไม่ได้มีมากมายอะไร

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าไปล่วงเกินผู้ใดมากันแน่?”

หูเหมยเร่งถามด้วยเสียงผ่านพลังทันที

“ศิษย์พี่หญิง 3”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยตอบ “จริงๆแล้วข้ากับฮ่วนเอ๋อแค่ผ่านมาอู๋หยาเทียนและได้ยินเรื่องวังเทียนฉือรับคนโดยบังเอิญเท่านั้น…กล่าวได้ว่าในวังเทียนฉือหรือกระทั่งในอู๋หยาเทียนแห่งนี้ พวกเราแทบไม่รู้จักใครเลยด้วยซ้ำ”

“หากถามว่าข้าไปล่วงเกินผู้ใดมา ก็เห็นจะมีแต่คนในวังเทียนฉือเท่านั้น”

“และหากมีใครที่คิดจะจ้างสองตัวตนระดับนี้มาฆ่าข้าจริงๆ…อย่างน้อยๆก็ต้องมีทุนรอนมากพอสมควร กระทั่งฐานะเส้นสายยังต้องไม่ใช่ชั่ว ในบรรดาคนทั้งหมดที่ข้ามีเรื่องด้วย…เห็นทีจะมีแต่หานอวิ๋นจิ่นคนเดียวกระมังที่ทำได้?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวคาด

“หานอวิ๋นจิ่น?”

ได้ยินข้อสันนิษฐานของหานอวิ๋นจิ่น หูเหมยก็ย่นคิ้วเป็นปม “ศิษย์น้องเล็ก เจ้าประเมินหานอวิ๋นจิ่นนั่นสูงเกินไปแล้ว…ไม่เจ้าก็ดูเบาค่าจ้างตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่เกินไป…”

“เจ้าหานอวิ๋นจิ่นนั่น ต่อให้มันขายสมบัติทั้งตัว ก็เกรงว่ามีปัญญาจ่ายค่าจ้างทั้งสองคนได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น…หากมีหานอวิ๋นจิ่นสองคนยังพอเป็นไปได้ที่จะจ้างทั้งคู่มาฆ่าเจ้า…แต่หากเป็นความคิดหานอวิ๋นจิ่นเดียวมันไม่มีปัญญาแน่”

เห็นได้ชัดว่าหูเหมยมีความเข้าใจราคาของนักฆ่าทั้ง 2 เบื้องหน้าเป็นอย่างดี “ในวังเทียนฉือของพวกเรา…ผู้ที่จะมีทุนรอนจ่ายค่าจ้างนักฆ่าทั้ง 2 ให้มาฆ่าเจ้าเพียงลำพัง เกรงว่าคงมีแต่ 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามเท่านั้น แต่มันก็เป็นไปได้ยากมาก”

“เพราะอย่างไรเสีย…เจ้าก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับ จักรพรรดิอมตะสมญญานามทั้ง 9 เลย….”

หูเหมยกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นหากคนที่คิดฆ่าเจ้าเป็น 1 ใน 9 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือจริง ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องจ้างทั้งคู่ให้เปลืองทรัพย์สมบัติอยู่ดี…”

“กระทั่งต่อให้ร่ำรวยเหลือกินเหลือใช้แค่ไหนก็ไม่จำเป็นต้องจ้าง! ด้วยพลังฝีมือของทุกคน คิดฆ่าเจ้าเป็นเรื่องง่ายดายมาก…เพราะหลังจากฆ่าเจ้าแล้วเต็มที่ก็แค่บาดหมางกับอาจารย์ ไม่ก็ออกจากวังเทียนฉือไป”

“ทว่าด้วยพลังฝีมือของทุกคน ต่อให้ออกจากวังเทียนฉือไป ขุมกำลังระดับสวรรค์อื่นๆก็ยินดีอ้าแขนต้อนรับทั้งสิ้น จะไปที่ใดก็สามารถเพลิดเพลินกับทรัพยากรได้ทุกที่”

ฟังคำของหูเหมยจนจบ ต้วนหลิงเทียนก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะหากไม่ใช่หานอวิ๋นจิ่นแล้วจะเป็นใครได้อีก?

สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็เชื่อ ว่าผู้ต้องสงสัยหลักนั้นยังเป็นหานอวิ๋นจิ่น!

ขณะเดียวกัน เด็กชายที่แลดูมีอายุราวๆ 13-14 ปี จักรพรรดิอมตะร้อยเปลี่ยนตู๋กูเหวิน ก็หันไปเหลือบมองฉือหล่าง กล่าวออกเสียงเฉย “ฉือหล่าง เป้าหมายของพวกเราครั้งนี้มีแค่ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าคนเดียว”

“เจ้าปล่อยพวกมันให้พวกเราจัดการแต่โดยดี ทุกคนก็มีความสุข…แต่หากเจ้าไม่ยินยอม เช่นนั้นพวกเราก็มีแต่ต้องขอรับทราบพลังฝีมืออันเลิศล้ำของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีสักครา”

หลังตู๋กูเหวินกล่าวจบคำ ลึกลงไปในแววตาของมันก็ฉายแววเยียบเย็นอีกรอบ กระทั่งยังแลดูน่ากลัวกว่าเดิม!

วูบ!

แทบจะพร้อมกันกับที่ตู๋กูเหวินกล่าวจบคำ ร่างต้วนหลิงเทียนที่กลายเป็นภาพติดตาก็จางหายไปในฉับพลัน ราวกับคนสาบสูญไปในความว่างเปล่า

หลังจากที่ร่างต้วนหลิงเทียนหายไป ลูกตาตู๋กูเหวินก็ฉายแววเย็นชา ร่างสลายกลายเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่ง พุ่งวาบตัดฟ้าไปดั่งงประกายแสง ไล่ตามต้วนหลิงเทียนที่ใช้เคลื่อนมิติหลบหนีไป!

ตั้งแต่ที่ระบุตัวตนต้วนหลิงเทียนได้ สำนึกเทวะของตู๋กูเหวินก็เพ่งเล็งไว้ที่ร่างต้วนหลิงเทียนตลอด

สำหรับตู๋กูหวู่นั้น เพียงลอยร่างอยู่ที่เดิม สองตามองจ้องฉือหล่างด้วยความคึกคัก ราวกับขอเพียงฉือหล่างเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย มันจะเปิดฉากลงมือเข้าใส่ฉือหล่างทันที

“พวกเรากลับกันเถอะ”

ฉือหล่างมองจ้องตู๋กูหวู่อีกครั้ง ก่อนหันไปเหลือบมองพวกฮ่วนเอ๋อทั้ง 3 ผ่านๆพลางกล่าว แต่ต้นจนจบไม่เผยท่าทีว่าจะตามไปช่วยต้วนหลิงเทียนเลย

แต่ทว่าไม่ใช่มันไม่อยากช่วย แต่มันช่วยไม่ได้!

เพราะจากคำร่ำลือ พลังฝีมือของตู๋กูหวู่เบื้องหน้าไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่ามัน…ต่อให้มันจะส่งข้อความกลับไปยังวังเทียนฉือเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กว่ากำลังเสริมจะมาถึง สิบในสิบต้วนหลิงเทียนไม่พ้นตกอยู่ในเงื้อมมือของตู๋กูเหวินแล้ว

หลังผ่านไปครึ่งค่อนวัน ตู๋กูหวู่ที่เหินร่างติดตามพวกฉือหล่างมา ก็คิดจะแยกตัวจากไป

ในเมื่อมันเห็นว่าฉือหล่างไม่ได้เร่งรุดไปช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน มันจึงไม่คิดจะลงมือทำอะไรอีกฝ่าย เพราะถ้ามันลงมือก็ไม่พ้นต้องสู้ติดพัน เปลืองเรี่ยวเปลืองแรงกับฉือหล่างสักพักกว่าจะจัดการได้

กอปรกับตอนนี้พอเห็นว่าเวลามันก็ล่วงเลยผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้ว มันก็ไม่กังวลเรื่องที่ฉือหล่างจะรีบตามไปช่วยต้วนหลิงเทียนจากเงื้อมมือตู๋กูเหวินได้ทันอีก มันจึงคิดจะจากไป

“คิดจะไปหรือ?”

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ตู๋กูหวู่คิดจะแยกตัวจากไป ฉือหล่างพลันลงมือทันที แสงกระบี่เยือกแข็งหนึ่งตัดฟ้าไปดั่งลำแสง เข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ตู๋กูหวู่อย่างดุดัน!

“ฉือหล่าง นี่เจ้ากล้าลงมือกับข้ารึ!?”

ตู๋กูหวู่ที่ม้วนแขนเสื้อสลายแสงกระบี่หัวเราะลั่น “หากข้าจำไม่ผิดระยะห่างระหว่างที่นี่กับวังเทียนฉือ ต่อให้เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามก็ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยๆหนึ่งวันเต็มๆ…แล้วเจ้าฉือหล่างคิดว่ามีปัญญาลากถ่วงข้า ได้ครึ่งค่อนวันเพื่อรอกำลังเสริมจากวังงเทียนฉือรึ?”

ตู๋กูหวู่นั้นมีรูปลักษณ์เป็นชายชรา เส้นผมสีดอกเลาของมันถูกปล่อยให้ทอดยาวลงไปด้านหลังอ่างอิสระ เสื้อผ้าแลดูมอซออยู่บ้าง ทว่าทั่วร่างกลับแผ่กลิ่นอายกระหายเลือดออกมาตลอดเวลา คงยากที่ใครจะกล้าดูแคลนมัน!

“ฉือหล่างได้ยินามเลิศล้ำของจักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญมาเนิ่นนานแล้ว…เมื่อมีวาสนาได้พานพบ จึงสบโอกาสขอคำชี้แนะสักครา…”

สองตาฉือหล่างเปล่งประกายเอกเย็นเรืองขึ้นวูบวาบ จากนั้นมือจี้มุทรากลางอก ปรากฏแสงสีฟ้าใสควบรวมก่อเกิดกระบี่ 3 ฉื่อสีฟ้าโปร่งแสงเล่มหนึ่ง หมุนคว้างปานสว่านเบื้องหน้า ระเบิดกลิ่นอายแหลมคมออกมาอย่างรุนแรง!

ทันใดนั้นเอง ไอเย็นเยือกที่ปะทุออกมาจากทั่วร่างฉือหล่าง ได้ผสานหลอมรวมเข้ากับกลิ่นอายแหลมคมเบื้องหน้า จนคนกระบี่ไร้แบ่งแยก จากนั้นคนกระบี่ก็พุ่งทะยานจี้เข้าใส่ตู๋กูหวู่อย่างดุร้าย! เหนือฟ้าอุบัติเส้นทางน้ำแข็งสายหนึ่งลากยาวปานแสงดาวตก!!

“มาได้ดี!!”

ตู๋กูหวู่ที่เห็นสภาวะพลังแหลมคมของฉือหล่างแค่นคำดุดัน ก่อนจะรวมรั้งพลังเข้าต้านทานเร็วไว

สำหรับฮ่วนเอ๋อ หูเหม และเวิ่นหว่านเอ๋อ ทั้งหมดล่าถอยไปชมดูเรื่องราวอยู่ไกลๆ

ถึงแม้พลังฝีมือของตู๋กูหวู่จะเหนือกว่าฉือหล่าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถสยบเอาชัยฉือหล่างได้ในเวลาสั้นๆ ท้ายที่สุดแล้วก็ล้วนเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามด้วยกันทั้งสิ้น

แถมฉือหล่างก็ไม่ใช่จักรพรรดิอมตะสมญานามที่อ่อนด้อยอะไร

เช่นนั้นทุกคนจึงกล้าที่จะยืนชมดูเรื่องราวอยู่ห่างๆ ไม่ต้องกลัวว่าตู๋กูหวู่จะหันมาลงมือกับตัว เพราะตู๋กูหวู่ไม่มีเวลามากพอให้ทำอะไรเช่นนั้น!

ยอดฝีมือชิงชัย เหม่อเพียงชั่วพริบตาก็มากไป…หากตู๋กูหวู่กล้าวอกแวกหันมาเล่นงานพวกนางจริง ไม่พ้นฉือหล่างต้องฉกฉวยเสี้ยวพริบตาแสนล้ำค่า สร้างปัญหาใหญ่ให้ตู๋กูหวู่ได้แน่!

ราวๆครึ่งชั่วยามต่อมา!

วูฟฟฟฟ!!

บังเกิดเสียงดาบแหวกฟ้าหนึ่งดังขึ้น!

ทันใดนั้นเมฆเบื้องบนประถูกพลังคมกล้าผ่าแยกจนแหวกออกเป็น 2 เสี่ยง! เห็นเป็นคลื่นดาบประหนึ่งเสี้ยวจันทร์ลำเขื่อง ผ่าฟ้าเข่นฆ่าเข้าใส่ตู๋กูหวู่ด้วยอำมหิต! ปานจะผ่าคนให้แยกเป็นสองเสี่ยงปานท่อนฟืน!!

คลื่นดาบนี้มาได้ว่องไวเกินไป ตู้กูหวู่ที่จดจ่ออู่กับฉือหล่างแทบไม่อาจต้านทานรับมือได้ทัน! กว่าจะตอบสนองเรื่องราว คลื่นดาบก็บรรลุถึงตัวแล้ว!!

“ฉือหล่าง เจ้าลอบกัดข้า!!”

ตู๋กูหวู่คำรามออกมาเสียงดังลั่นด้วยโทสะ ร่างสั่นสะท้านวูบไหวฉากหลบ คลื่นดาบที่เข่นฆ่าลงมาจากฟากฟ้า ก็ได้แค่ตัดแขนข้างหนึ่งของมัน!

ทว่าตู๋กูหวู่ได้พุ่งมืออีกข้างมาคว้าแขนข้างที่ขาดฉับไว ก่อนเร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเพื่อรักษาแผล

กฏที่ตู๋กูหวู่เชี่ยวชาญเป็นกฏแห่งไม้ เรียกว่าเต็มไปด้วยพลังชีวิต อีกทั้งร่างเดิมของมันก็เป็นไม้ไผ่สวรรค์แกร่งที่จำแลงกายมาเป็นทุน อาการบาดเจ็บอย่างแขนขาดเมื่อครู่ สำหรับมันแล้วจึงถือเปนอาการบาดเจ็บที่เล็กน้อยมากๆ

เรียกว่าในเวลาชั่วพริบตา แขนที่ถูกตัดขาดเมื่อครู่ของตู๋กูหวูก็หายดีดังเดิม

ฟุ่บ!

คล้อยหลังคลื่นดาบร่วงตกฟ้าไปได้ไม่ทันไร ก็ปรากฏร่างคนขึ้นเหนือเมฆ จากนั้นคนก็ดิ่งร่างลงมาฉับไว ไม่ทันไรก็ไปหยุดลอยข้างกายฉือหล่างแล้ว

คนที่มาปรากฏตัวข้างๆฉือหล่างไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นจักรพรรดิอมตะขุนเขาทองแดง เจิ้งอวี้อี่ ที่จากไปก่อนหน้าพวกฉือหล่างไม่นาน

“เจ้าเป็นใคร?”

ตู๋กูหวู่มองสบตาเจิ้งอวี้อี้ข้างกายฉือหล่างด้วยสีหน้ามืดดำ มันไม่คิดเลยว่าจะมีใครมาช่วยฉือหล่างได้ในเวลาเพียงครึ่งค่อนวัน และเห็นได้ชัดว่าผู้มาช่วยเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามเช่นกัน!

“ต้วนหลิงเทียนไปไหนแล้วเล่า?”

ในเวลาเดียวกัน ก็มีอีกร่างหนึ่งค่อยๆเหินลงจากม่านเมฆไปหยุดรวมกลุ่มกับพวกฮ่วนเอ๋อ หูเหมย และเวิ่นหว่านเอ๋อ เป็นหนานหลิวเฟิง ศิษย์คนเล็กของเจิ้งอวี้อี้

“ศิษย์น้องเล็กกำลังหนีการตามล่าของตู้กูเหวินอยู่…”

หูเหม่ยเอ่ยออกเสียงหนัก

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะส่งเสียงผ่านพลังมาบอกกล่าวพวกนางก่อนจะเคลื่อนย้ายข้ามมิติหายไป แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะกังวล เพราะคนที่ไล่ตามต้วนหลิงเทียนไปก็เป็นถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่ง ทว่าศิษย์น้องเล็กของนางยังพึ่งเป็นจอมราชันอมตะสมญานามเท่านั้นเอง

เวลานี้ กระทั่งแววตาของฮ่วนเอ๋อก็ฉายชัดถึงความกังวลให้เห็น

ปกติแล้วฮ่วนเอ๋อมักมั่นใจในพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมาก ไม่ค่อยกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนสักเท่าไหร่…แต่เรื่องราววันนี้มันต่างออกไป!

ตู๋กูเหวิน เป็นถึงจักรพรรดิอมตะสมญานาม พลังฝีมือห่างไกลจากคู่ต่อสู้ที่ผ่านๆมาของต้วนหลิงเทียนมาก!

“ตะ…ตู๋กูเหวิน? จักรพรรดิอมตะร้อยเปลี่ยน!?”

“เช่นนั้น…ตาแก่นั่น ก็คือจักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ ตู๋กูหวู่ น่ะสิ!?”

ได้ยินคำพูดของหูเหมย หนานหลิวเฟิงก็หันไปมองชายชราไกลตาด้วยความประหลาดใจทันที ด้วยไม่คิดเลยว่าชายชราที่กำลังเผชิญหน้ากับอาจารย์ของมันและจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่างจะเป็นตัวตนดังกล่าว!

มันที่ถูกอาจารย์พาย้อนกลับมา รู้แค่อาจารย์จะมาช่วยฉือหล่างรับมือศัตรูเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าศัตรูเป็นใคร

พอได้ยินสิ่งที่หูเหมยพูด มันจึงตระหนักกว่าอาจารย์ของมันมาช่วยฉือหล่างรับมือผู้ใด!!

“ให้ตายเถอะ…ต้วนหลิงเทียน! นี่เจ้าไปฆ่าบิดาฉุดภรรยาผู้ใดมากันแน่ ผู้อื่นถึงกับจ้างมือสังหาร 2 คนนี่มาฆ่าเจ้าได้!?”

หนานหลิวเฟิงอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความตกใจ ชื่อเสียงของตู๋กูเหวินและตู๋กูหวู่นั้นโด่งดังมาก แม้แต่มันเองก็เคยได้ยินเสียงร่ำลือถึงทั้งคู่มาไม่น้อย ขณะเดียวกันยังรู้อีกด้วยว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อจ้างวานทั้งสองฆ่าคนนั้น…โคตรมารดามันแพง!

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ท่านมีผลึกอมตะกองเป็นภูเขา ก็อย่าหวังว่าจะทำให้ทั้งคู่เหลือบแล

หากคิดจ่ายราคาให้ทั้งคู่เคลื่อนไหวล่ะก็ สิ่งที่ต้องหามาจ่ายต้องเป็นอะไรที่ทำให้ทั้งคู่ตื่นเต้นได้ ผลึกอมตะที่มากพอจะซื้อได้ทั้งเมือง ยังจัดเป็นสิ่งของอันดับท้ายๆที่ทั้งคู่ต้องการด้วยซ้ำ…

“เจิ้งอวี้อี้!”

ส่วนอีกด้าน หลังได้ยินคำถามของตู๋กูหวู่ เจิ้งอวี้อี้ก็กล่าวตอบออกไปเสียงดังฟังชัด

“จักรพรรดิอมตะขุนเขาทองแดง?”

ตู๋กูหวู่ขมวดคิ้ว เอ่ยถามออกไปเสียงหนักว่า “เจ้าไฉนมาอยู่ที่นี่ได้?”

เรื่องที่จักรพรรดิอมตะขุนเขาทองแดงเจิ้งอวี้อี้มีไมตรีกับฉือหล่างจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีนั้น มันก็รู้

ในฐานะที่เดินบนหนทางสายนี้ มันย่อมมีเครือข่ายข่าวสารส่วนตัว จึงรู้เรื่องของจักรพรรดิอมตะสมญานามในอู๋หยาเทียนเป็นอย่างดี…