ตอนที่ 3,315 : พื้นที่คุมขังส่วนต่างๆ
“พี่หลิงเทียน…”
เสียงฮ่วนเอ๋อที่ส่งผ่านพลังมารอบนี้ มันสั่นเครือและเต็มไปด้วยความโกรธ ต้วนหลิงเทียนเองก็พอจะเข้าใจอารมณ์ของนางได้ เพราะหากเขาพบว่ามารดาตัวเองถูกกักขังและทรมานแบบนี้ก็คงเดือดดาลขึ้นมาเช่นกัน
“ฮ่วนเอ๋อไม่ต้องกังวล พี่หลิงเทียนจะหาวิธีช่วยบิดามารดาของเจ้าให้ได้”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังเสียงเข้มถึงฮ่วนเอ๋อ “ฮ่วนเอ๋อเชื่อฟังพี่หลิงเทียน ตอนนี้อย่าได้วู่วาม”
“อื๊อ”
ฮ่วนเอ๋อพยายามสูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ ก่อนจะส่งเสียงผ่านพลังตอบรับต้วนหลิงเทียนอย่างว่าง่าย ไม่ปล่อยให้ชายชราข้างๆพบเห็นพิรุธอันใด
จากนั้นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็ติดตามชายชราเข้าไปด้านใน
“เห็นด้านนั้นหรือไม่….นั่นคือหอชําระบาป”
ขณะเดินมาถึงสถานที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่งภายในภูเขา ชายชราก็ผายมือไปยังอาคารปลูกสร้างมหึมา เป็นพระราชวังหลังใหญ่กินอาณาบริเวณกว้างขวาง และที่เด่นสะดุดตาก็คือมีแท่นศิลาอันเขื่องสูงราว 10 หมีตั้งอยู่ด้านหน้าสลักอักษรเอาไว้
อักษรดังกล่าวสลักว่า หอชําระบาป!
เมื่อมาถึงที่นี่ ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นว่ามีการลําเลียงผู้คนมากมายเป็นแถว ผ่าน เข้าออกหอชําระบาปดังกล่าว
มองไปปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็พบว่า ผู้ที่ถูกพาเข้าไปนั้นยังมีสภาพดีอยู่ แต่ผู้ที่ถูกพาเดินออกมาจากหอชําระบาป สภาพแต่ละคนแลดูไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่ บ้างก็เห็นได้ชัดว่าผ่านการแล่เนื้อเถือหนังมา เนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเลือด
มีไม่กี่คนที่แม้สภาพจะแลดูดีเนื้อตัวไม่ได้โชกเลือดอะไรมากมาย แต่ยามถูกลากไปเห็นได้ชัดว่าสองตาของมันแทบไร้ประกาย อดไม่ได้ที่จะชวนให้ผู้ที่ชมมองรู้สึกหนาวใจ ด้วยไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับมันกันแน่
“หอชําระบาปนั่น มีนักโทษถูกลากเข้าไปรับทัณฑ์ทรมานทุกวันไม่ว่าจะทางร่างกายหรือวิญญาณ บ้างก็ถูกทรมานจนตาย บ้างถูกเผาวิญญารจนเสียสติ กลายเป็นคนฟันเฟือนไปเลยก็มี”
อย่างไรก็ตาม ชายชราคล้ายคุ้นชินกับฉากนี้แล้ว จึงกล่าวแนะนําต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงเฉยเมย จากนั้นก็ทําตามที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกไว้ ไม่แวะเข้าไปชมดูหอชําระบาป แต่เลือกจะเดินผ่านไปถึงช่องทางเดินอีกแห่ง
และช่องทางเดินนี้ก็สั้นกว่าช่องทางเดิมก่อนหน้ามาก
ไม่นานต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อที่เดินติดตามชายชรา ก็มาโผล่ในสถานที่กว้างใหญ่อีกครั้ง
และมองไปปราดเดียว ก็พบว่าทางด้านขวามือมีพระราชวังหลังหนึ่งลอยล่องอยู่กลางอากาศ ส่วนด้านหลังพระราชวังหลังเขื่องที่ว่า ก็มีเวทีศิลาขนาดมหึมาถูกพลังบางอย่างตรึงไว้กลางอากาศ เห็นร่างคนกําลังนั่งฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ประปราย
รอบๆร่างกายของเหล่าคนที่ฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ มีไอพลังพลังสีดําแกมเทาขมุกขมัวฟุ้งตลบดั่งหมอกควัน เห็นได้ชัดว่านั่นคือไอพลังแห่งความตายของกฎแห่งความตาย
“พระราชวังหลังเขื่องนั่น เรียกว่าหอเกิดดับ”
เสียงชายชราดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ
และรอบนี้ต่อให้ชายชราไม่กล่าวบอก ต้วนหลิงเทียนก็สามารถเดาได้ไม่ยากว่าวังเบื้องหน้าสมควรเป็นหอเกิดดับที่ว่า “จ้าวหอเกิดดับ คือศิษย์พี่หญิงใหญ่จริงหรือเนี่ย?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้ก่อนจะมาเยือนคุกหมื่นพันธนาการแล้วว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเขาน่าทึ่งมาก แต่ยังอดรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่ได้ เมื่อรับทราบว่านางยังมีสถานะสูงถึงระดับนี้ในคุกหมื่นพันธนาการ
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีอารมณ์จะมาสนใจอะไรหอเกิดดับมากมายนัก เพียงหันไปมองกล่าวกับชายชราที่ชมดูเวทีศิลาขนาดใหญ่หลังพระราชวังอย่างเงียบงันว่า “อาวุโสเซี่ย พวกเรายังมีธุระที่ต้องไปจัดการหลังจากนี้ท่านพาเราไปส่วนขุมขังนักโทษให้พวกเรารู้ที่ทางต่อเลยเถอะ”
“ได้”
ชายชราละสายตากลับมาก่อนจะตอบรับ ค่อยก้าวอาดๆนําไปอีกครั้ง
หากต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงศิษย์อัจฉริยะทั่วไปในวังเทียนฉือ ชายชราแซ่เซี่ยคงไม่แลดูเชื่อฟังต้วนหลิงเทียนอะไรมากมายอย่างที่เห็น ที่ไฉนมันปฏิบัติกับต้วนหลิงเทียนอย่างดี ทั้งหมดเพราะศิษย์พี่หญิงของต้วนหลิงเทียนเป็นถึง 1 ใน 3 พัศดีของคุกหมื่นพันธนาการ
นอกจากนั้นนางยังเป็นพัศดีที่มีอายุน้อยที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด
‘ด้วยพรสวรรค์ของพัศดีฉือ กลับมาครานี้ไม่พ้นพลังฝีมือคงสูงส่งทัดเทียมจักรพรรดิอมตะ สมญานามแล้วแน่แท้’
ชายชราลอบกล่าวในใจ
หลังจากเดินผ่านหอเกิดดับ และผ่านช่องทางเดินที่ทอดยาวไม่น้อย ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็มาถึงสถานที่กว้างขวางใหญ่โตอีกครั้ง และเบื้องหน้าก็ปรากฏอาคารที่แลดูแล้วสมควรถูกสร้างขึ้นด้วยโลหะบางอย่าง
อาคารโลหะเบื้องหน้า มีรูปทรงสี่เหลี่ยม ด้านหน้ามีประตูบานหนึ่ง เป็นประตูผ่านเข้าออกบานเดียวที่มี
“อาวุโสเซี่ย”
พอต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อถูกพาเข้ามาใกล้อาคาร ก็เห็นชายชราคนหนึ่งกับชายหนุ่มอีกคนก้าวเดินออกมาจากด้านหลังประตู ทั้งคู่คลี่ยิ้มทักทายชายชราหัวฟูที่เดินนําต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ จากนั้นก็หันมามองพวกต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อด้วยความสงสัย “ 2 คนนี้เป็นผู้ใดหรือ?”
“ทั้งคู่เป็นผู้คุมคนใหม่ของพวกเรา…นี่คือต้วนหลิงเทียน ส่วนแม่นางน้อยผู้นี้เป็นศิษย์คนที่ 3 จักรพรรดิอมตะไร้ใจ ฮ่วนเอ๋อ”
ชายชราที่นำต้วนหลิงเทียนมาคลี่ยิ้ม พลางผายมือกล่าวแนะนําต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อให้หนึ่งชราหนึ่งหนุ่มรู้จัก ก่อนจะผายมือไปทางพวกมัน ค่อยหันมากล่าวกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อว่า “ต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ…ท่านนี้คือผู้อาวุโสหวัง เป็นผู้อาวุโสในคุกหมื่นพันธนาการของพวกเรา สําหรับชายหนุ่มข้างๆก็เป็นศิษย์อัจฉริยะเหมือนพวกเจ้า และเป็นศิษย์คนที่ 2 ของจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก หูเอี้ย”
“ต้วนหลิงเทียน?”
พอได้ยินว่าชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าคือต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะอาวุโสแซ่หวังหรือชายหนุ่มนามหูเอี้ย ความประหลาดใจก็ฉายชัดขึ้นมาบนหน้าทันที
เพราะชื่อ ต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่ชื่อแปลกหูสําหรับพวกมันเลย
เมื่อ 3 ปีก่อนตอนหานอวิ๋นจิ่น 1 ใน 5 ศิษย์อัจฉริยะของวังเทียนฉือรับคําท้าประลองเป็นตายรูปแบบไม่ตายไม่เลิกราของต้วนหลิงเทียน หลายคนก็รู้สึกว่าศิษย์อัจฉริยะหน้าใหม่นั้นทําอะไรเกินตัวไปแล้ว
อาวุโสหวังที่มีฐานะเป็นอาวุโสคนหนึ่งของคุกหมื่นพันธนาการ แน่นอนว่ารู้ตัวดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนที่มันจะตอแยล่วงเกินได้ เพราะศิษย์พี่หญิงใหญ่ของต้วนหลิงเทียนเป็นถึง 1 ใน 3 พัศดีของคุกหมื่นพันธนาการ จึงเงียบไม่พูดอะไร
“ต้วนหลิงเทียน สัญญาประลองเป็นตายระหว่างเจ้ากับหานอวิ๋นจิ่นสมควรใกล้ถึงกําหนดนัดหมายเร็วๆนี้แล้วมิใช่หรือ น่าเสียดายที่ข้าไม่มีโอกาสออกไปชมดู…พอดีข้าต้องเข้าเวรในคุกหมื่นพันธนาการ ขอให้เจ้าโชคดีเล่า”
ทว่าด้านหูเอี้ยคลี่ยิ้มบางๆกล่าวให้กําลังใจ เพียงแค่ลึกลงไปในแววตาของมันที่มองต้วนหลิงเทียนอยู่นั้น กลับไม่อาจปกปิดความเย้ยเยาะเอาไว้ได้
“อย่างไรเสียข้าขอแนะนําเจ้าสักเรื่อง เป็นการดีเสียกว่าที่เจ้าจะไม่ขึ้นไปสู้กับหานอวิ๋นจิ่นบนสังเวียนอัจฉริยะ…เพราะต่อให้เจ้าไม่ไป ก็ไม่มีใครล้อเจ้าหรอก สุดท้ายอายุของเจ้าก็ยังไม่ถึงครึ่งอายุหานอวิ๋นจิ่นด้วยซ้ำ”
หูเอี้ยกล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของมันก็ฉายความเย้ยหยันออกมาอย่างไม่คิดจะปกปิดแล้ว
“ฮ่าๆๆ!”
ได้ยินคําพูดหูเอี้ย ต้วนหลิงเทียนถึงกับผงะไปเล็กน้อย ค่อยหัวเราะออกมาดังร่า
หูเอี้ยขมวดคิ้วโดยพลัน ด้วยไม่ทราบว่าอยู่ๆต้วนหลิงเทียนหัวเราะบ้าอะไรขึ้นมา
“หูเอี้ย…”
ทันใดนั้นเอง ก็เป็นชายชราหัวฟูข้างต้วนหลิงเทียน อดพูดขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าตกข่าวแล้วล่ะ…ช่วงเที่ยงวันนี้ต้วนหลิงเทียนได้ขึ้นประลองเป็นตายกับหานอวิ๋นจิ่นบนสังเวียนอัจฉริยะไปแล้ว…”
“อะไร!?”
ได้ยินคําของชายชราแซ่เซี่ย ลูกตาหูเอี้ยก็หดเล็กลงทันที “มันขึ้นสังเวียนอัจฉริยะไปสู้กับหานอวิ๋นจิ่นแล้ว? แล้วทําไม…ใต้เท้าจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีเข้ามาแทรกแซงรึ?”
ในสายตาของหูเอี้ย ต้วนหลิงเทียนที่ขึ้นไปเข่นฆ่ากับหานอวิ๋นจิ่นให้ตายกันไปข้างบนสังเวียนอัจฉริยะมาแล้ว แต่ยังมายืนหน้าสลอนแบบนี้ได้สิบในสิบไม่พ้นจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง ที่เป็นอาจารย์ของอีกฝ่ายสมควรขึ้นไปแทรกแซงการประลองแน่! ทําให้หานอวิ๋นจิ่นไม่อาจฆ่าต้วนหลิงเทียนได้!!
ส่วนเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะฆ่าหานอวิ๋นจิ่น ไม่เคยมีอยู่ในหัวของมันเลย
“หานอวิ๋นจิ่นตายแล้ว”
ชายชราส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “ก่อนที่หานอวิ๋นจิ่นจะถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับก็ปรากฏตัวออกมาด้วยคิดหยุดต้วนหลิงเทียนไม่ให้ลงมือ”
“อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาสําคัญ จักรพรรดิอมตะทุ่งขจีกับจักรพรรดิอมตะไร้ใจ กลับนําพาท่านจ้าววังมาได้”
“เมื่อมีท่านจ้าววังกล่าวปรามไม่ให้จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับหยุดต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นหานอวิ๋นจิ่นก็ไม่อาจรอดพ้นความตายภายใต้เงื้อมมือของต้วนหลิงเทียน”
ชายชรากล่าว “ด้านนอกปานนี้เรื่องราวคงแพร่ไปทั่วแล้ว…เจ้าออกไปเมื่อไหร่ก็คงได้รู้จากคนอื่นทันที”
สิ้นวาจาของชายชราแซ่เซี่ย ไม่เพียงแต่หูเอี้ย กระทั่งอาวุโสคุกหมื่นพันธนาการแซ่หวังข้างๆหูเอี้ย ก็ตกอกตกใจกันยกใหญ่ ต่างคนต่างอึ้งไปอยู่นานกว่าจะหาย
“อาวุโสเซี่ย พวกเราเข้าไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนกระตุ้นเตือน
“เอาล่ะ”
ชายชราได้ฟังก็ก้าวอาดๆเดินนําไปยังประตูอาคารเบื้องหน้า พร้อมกันนั้นมันก็เรียกป้ายที่ได้จากโถงกิจการภายในออกมา ก่อนจะเข้าไปด้านในพร้อมๆกัน 3 คน
ทันทีที่ผ่านประตูเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงเอะอะมะเพิ่งก่อนใดอื่น
เสียงเอะอะมะเพิ่งที่ว่านั้นฟังแล้วมีทั้งเสียงผู้ชายโอดครวญก่นดา ผู้หญิงกรีดร้องโวยวาย ไม่เว้นเสียงคํารามของสัตว์ร้าย..สรรพเสียงหลากสําเนียงคลุกเคล้ากันดังมาแต่ไกล พาลให้แก้วหูต้วนหลิงเทียนสะเทือนอยู่บ้าง
“เสียงร้องโอดครวญไม่เว้นเสียงคํารามนั่นดังมาจากสัตว์อมตะและผู้คนที่ไม่เต็มใจถูกจองจํา… อย่างไรเสียสัตว์อมตะและนักโทษเหล่านี้ก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรมากมาย”
เสียงชายชรากล่าวแนะนําดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะ “ผู้ที่มีพลังฝีมือสูงเข้าหน่อย ไม่มีใครร้องโอดครวญเช่นนี้หรอก”
ไม่นานชายชราก็พาต้วนหลิงเทียนมาหยุดหน้าบันใดเวียนใหญ่โตแห่งหนึ่ง
บันไดเบื้องหน้ามีทั้งขึ้นไปด้านบนกับลงไปด้านล่าง
และเสียงเอะอะมะเทิ่งที่ว่าก็ดังขึ้นมาจากด้านล่าง
สําหรับด้านบนบันไดนั้นเงียบสงัดนัก
“ด้านล่างนั้นผู้คุมไม่จําเป็นต้องลงไปเดินลาดตระเวนแต่อย่างใด เพราะมีแต่พวกพลังอ่อนด้อย… แน่นอนว่าหากจะลงไปเดินลาดตระเวนก็ไม่มีปัญหา และหากพบเจอนักโทษกล้าตะโกนหนวกหูหรือก่นด่า ก็สามารถฆ่าทิ้งได้ทันที!”
“ที่ไฉนด้านล่างถึงได้โหวกเหวกโวยวายกันระงมแบบนี้ เพราะไม่มีผู้คุมอยู่…หากมีผู้คุมอยู่พวกมันก็ลูกแมวเชื่องๆดีๆนี่เอง”
ฟังจากคําพูดของชายชรา เห็นได้ชัดว่ามันดูแคลนนักโทษที่ถูกกักขังมาก
“ด้านบนมีทั้งสิ้น 3 ชั้น และเป็นพื้นที่สําคัญที่ต้องระวัง”
“แต่ละชั้น จะมีผู้คุมคู่หนึ่งคอยทําหน้าที่ตรวจตราความเรียบร้อย และกินเวลาทั้งสิ้น 4 เดือน…หลังจากครบ 4 เดือนก็จะสลับไปชั้นอื่น และเมื่อครบ 4 เดือนอีกครั้งก็เปลี่ยนชั้นอีก รอบเป็นครั้งสุดท้าย”
“ตอนนี้พวกเรากําลังจะขึ้นไปยังชั้นแรก..ชั้นแรกนั้นจะกักขังศิษย์และอาวุโสของวังเทียนฉือเราเอาไว้ ทุกคนที่ถูกกักขังล้วนทําความผิดพลาดบางอย่าง”
ภายใต้การนําของชายชรา ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็เดินขึ้นมาถึงคุกขั้นแรกหลังขึ้นบันไดมา เป็นชั้นที่มีไว้คุมขังคนของวังเทียนฉือโดยเฉพาะ
ถึงแม้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋ออยากขึ้นไปชมดูชั้นบนใจจะขาดเพื่อพบหน้าบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อ
อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันไม่ให้ชายชราสงสัยและพบพิรุธอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รีบร้อน และกล่าวถามออกไปราวกําลังมาทัศนศึกษา “อาวุโสเซี่ย ปกติแล้วนักโทษของวังเทียนฉือเราที่ถูกจับมาขังที่นี่ พวกมันทําความผิดอะไรกันมาหรือ?”
“ศิษย์และอาวุโสของวังเทียนฉือเรา หากถูกจับมายังที่นี่ ถ้าไม่เข่นฆ่าพวกเดียวกัน ก็สมคบคนนอกเพื่อขัดผลประโยชน์ของวังเทียนฉือ..อย่างแรกนั้นชัดเจนอยู่แล้ว แต่อย่างหลังนั้นมีหลายรูปแบบนัก อย่างเช่นอาวุโสตําหนักลองกระบี่บางคน ลอบรับคนเข้าวังทางประตูหลัง ยังมีอาวุโสตําหนักโอสถบางคนก็อาศัยตําแหน่งของตัวเองในการลักลอบนําโอสถอมตะไปขายราคาต่ำกว่าที่กําหนด เรื่องทํานองติดสนบนก็มีเยอะแยะมากมาย..หากไม่ถูกจับได้ก็แล้วไป แต่ถ้าถูกจับได้ก็ต้องมาลงเอยที่นี่เหมือนกันหมด”
หลังได้ยินชายชราร่ายยาวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบว่าไฉนเหล่าศิษย์และอาวุโสวังเทียนฉือเหล่านี้ถึงถูกจับขังเอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งความผิดหนักหนาเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกจับขังนานขึ้น!
จุดนี้ก็คล้ายๆกับกฎหมายทั่วไปบนโลก
เพียงแค่กฏภายในวังเทียนฉือ ทางวังเทียนถือเป็นผู้กําหนด
“ตั้งแต่ชั้นที่ 2 ขึ้นไป จะมีคนนอกอยู่บ้าง แน่นอนว่าไม่มีใครที่ถูกขังเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม อดีตศิษย์อัจฉริยะขุนเขากระบี่ฟ้าที่เจ้าเคยถามกับภรรยาของมันก็ถูกขังอยู่ชั้น 2 เช่นกัน”
ชายชราพาต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเดินขึ้นบันไดไปต่อ