ตอนที่ 3331 เหลยจวิ้นร่ำร้องขอชีวิต

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตอนที่ 3,331 : เหลยจวิ้นร่ำร้องขอชีวิต
  เมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว การปะทะกันระหว่างจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ กับ โหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือนั้น นับว่าทำให้วังเทียนฉือต้องสั่นสะเทือนไม่น้อย
  อย่างไรก็ตามการต่อสู้ในวันนั้น มีคนในวังเทียนฉือไม่มากที่อยู่ในเหตุการณ์ และคนที่เห็นเรื่องราวก็มีแค่ 7 จักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเท่านั้น
  และแม่ของเหลยจวิ้น จักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง ก็พอดีอยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน
  ด้วยเหตุนี้เหลยจวิ้นจึงได้รับทราบเรื่องราวการต่อสู้ทั้งหมดจากปาก เหลยอิง มารดาของมัน มันก็เลยรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ดี
  ‘จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี…ไฉนมาอยู่ที่นี่ได้!?’
  ‘แล้วทำไมถึงไปอยู่กับต้วนหลิงเทียนอีก?’
  จังหวะนี้ในใจเหลยจวิ้นย่อมเต็มไปด้วยความสับสนปั่นป่วน เพราะในสามัญสำนึกของมัน ไม่มีทางที่ต้วนหลิงเทียนจะมีปัญญาปลดปล่อยจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ จากพื้นที่กักกันได้เลย
  เพราะต้วนหลิงเทียนไม่มีทางมีความสามารถดังกล่าว!
  เนื่องจากหนึ่งในผู้ถูกคุมขังก็คือจักรพรรดิอมตะไร้ธุลีเผยหยวนจี๋ ที่แม้แต่จ้าววังเทียนฉือยังเอาไม่อยู่ ดังนั้นมาตรการป้องกันคุกหมื่นพันธนาการโดยเฉพาะชั้น 3 จึงได้รับการเสริมแกร่งถึงขีดสุด ไม่ต้องกล่าวถึงศิษย์อัจฉริยะคนหนึ่ง ต่อให้เป็นอาวุโสในคุกหมื่นพันธนาการเองก็ไม่มีปัญญาปล่อยผู้คนออกมาได้ เพราะค่ายกลมันสลับซับซ้อนและทรงพลังเกินไป
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่ายกลกับข่ายอาคมพันธนาการที่กักขังนักโทษบบนชั้น 3 เรียกว่า ไม่มีทางใช้กำลังฝ่าทำลายได้แน่ๆ จะมีก็แต่พัสดีทั้ง 3 เท่านั้นที่รู้รูปแบบและวิธีการปิดข่ายอาคมกับค่ายกล
  ‘จริงสิ!’
  ‘ฉือหย่าชีนั่นเป็นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของต้วนหลิงเทียน…หรือฉือหย่าชีนั่นจะสอนวิธีเปิดปิดค่ายกลให้ต้วนหลิงเทียน!?’
  ในขณะที่เหลยจวิ้นกำลังครุ่นคิดไปเร็วรี่
  ด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ ก็ปรากฏรางจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนที่เดินตามลงมาจากชั้น 2 จังหวะนี้สีหน้าชายชราข้างกายเหลยจวิ้นก็เปลี่ยนอีกรอบ
  “จบแล้ว…จบสิ้นกันแล้ว…ทั้งหมดแหกคุกออกมาได้หมด!!”
  ในเมื่อชายชราสามารถจดจำได้กระทั่งเผยหยวนจี๋ที่ไม่ค่อยยปรากฏตัวออกมาดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหาง เช่นนั้นกับอีก 5 คนเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่รู้จัก
  และหลังจากเหลยจวิ้นได้เห็นร่างคนทั้ง 5 กอปรกับได้ทราบจากชายชราว่านั่นคือจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คนที่ถูกขังบนชั้น 3 สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวงเช่นกัน
  “ต้วน…ต้วนหลิงเทียน! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้ร่วมมือกับฉือหยวนชีปล่อยจักรพรรดิอมตะสมญานามเหล่านี้! เจ้าทราบหรือไม่ว่านี่คืออาชญากรรมร้ายแรง! วังเทียนฉือของเราไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่!!”
  เหลยจวิ้นมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม
  “ศิษย์พี่หญิงใหญ่?”
  พอได้ยินเหลยจวิ้นเอ่ยชื่อศิษย์พี่หญิงใหญ่ของตัวเองออกมา ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยตอบสนองเรื่องราว ด้วยรู้ว่าไม่พ้นเหลยจวิ้นต้องกำลังเข้าใจผิด คิดว่าฉือหย่าชีเป็นคนเสี้ยมให้เข้าปล่อยนักโทษทั้ง 6 ไม่เว้นสอนวิธีเปิดปิดค่ายกลและข่ายอาคมให้เขา…
  “เหลยจวิ้น สมองเจ้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวอย่างประชดประชันว่า “หากศิษย์พี่หญิงของข้าคิดปล่อยคน นางยังต้องยืมมือข้าทำอะไร ไม่สู้หาโอกาสเหมาะทำด้วยตัวเอง จะได้ราบรื่นกว่านี้หรือไร?”
  “เฮอะ! หากไม่ใช่เพราฉือหย่าชีสอนเจ้า อาศัยเจ้าไหนเลยจะมีปัญญาทำลายค่ายกลและข่ายอาคมทั้งหมดได้!?”
  เหลยจวิ้นไม่เชื่อ
  “ข้าทำลาย?”
  ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้ม “ใครบอกเจ้าว่าข้าเป็นคนทำลายค่ายกลกับข่ายอาคม? ค่ายกลกับข่ายอาคมนั่นพวกพี่ใหญ่เผยลงมือทำลายเองต่างหาก!”
  “เป็นไปไม่ได้!!”
  ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ เสียงชายชราข้างเหลยจวิ้นก็โพล่งดังขึ้นมาทันที ยังส่ายหน้าไปมาไม่หยุด “ค่ายกลกับข่ายอาคมเหล่านั้นพิเศษมาก หากพวกมันทำลายได้เองไฉนไม่ทำลายแล้วหลบหนีออกไปแต่แรก ไยต้องรอจนถึงตอนนี้?”
  “เป็นธรรมดาว่า วิธีทำลายค่ายยกลกับข่ายอาคมทั้งหมด ข้าเป็นคนสอนทุกคนเอง…”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเรียบ
  “เจ้า!?”
  ลูกตาชายชราหดเล็กลง จากนั้นก็กล่าวออกด้วยสีหน้ามืดมน “ต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้หรือไม่…เรื่องที่เจ้าทำวันนี้ ต่อให้พวกเจ้าทั้งหมดจะหนีไปได้ แต่วังเทียนฉือต้องไล่ล่าเจ้าแน่!!”
  “อีกทั้งเบื้องหลังวังเทียนฉือเรายังมีจักรพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียน…เผยหวนจี๋ผู้นั้น กระทั่งใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังเป็นคนจับมันขังด้วยตัวเอง การที่เจ้าปล่อยมันออกมาเช่นนี้ ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังไม่พิโรธได้รึ? ถึงตอนนั้นเจ้าได้ตายแน่!”
  ชายชรากล่าวขู่!
  “หนวกหู!!”
  ทว่าชายชรากล่าวไม่ทันจบคำดี ชายหนุ่มอันมีใบหน้าเย็นชาที่ตามมาด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ จักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ เฉวียนปิง ก็ทนไม่ไหว ตะคอกคำเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง
  และเสียงตะคอกเย็นชาของมัน ก็เสมือนนำพาฤดูหนาวมาเยือนทั่วทั้งชั้น 1 ของเรือนจำทันที!
  พริบตานั้นเอง ใต้ฝ่าเท้าของชายชราแซ่หงข้างเหลยจวิ้น ก็อุบัติหนามน้ำแข็งพุ่งทะลวงออกมาจากพื้นฉับไว เสือกแทกทะลุร่างมันจากทวารทะลุกลางกระหม่อมในชั่วพริบตา จากนั้นคนก็กลับกลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งในบัดดล!
  “สลาย!”
  เสียงเย็นชาของเฉวียนปิงดังขึ้นอีกครั้ง และร่างชายชราที่กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งไปแล้ว ก็แหลกเป็นเสี่ยงในพริบตากลับกลายเป็นละอองน้ำแข็งระยิบระยับร่วงตกลงมาก่อนจะสาบสูญไปในสวรรค์และโลก ราวไม่เคยดำรงอยู่มาก่อน
  อย่างไรก็ตามหากสังเกตโดยละเอียด จะพว่าบริเวณพื้นยังคงเหลือชิ้นส่วนเลือดเนื้อเท่าละอองคลีกระจายไปทั่วพื้นประปราย
  วูบ
  จนเมื่ออาวุโสคุกหมื่นพันธนาการตกตายหายไปแล้ว เหลยจวิ้นค่อยได้สติกลับมารู้สึกตัว สีหน้าของมันเปลี่ยนไปเป็นดูไม่ได้ทันที!
  “พวกเจ้า…พวกเจ้า…ท่านแม่ของข้าคือจักรพรรดิอมตะไร้ใจ เหลยอิง แห่งวังเทียนฉือ พวกเจ้า…อย่าฆ่าข้า…พวกเจ้าไม่อาจฆ่าข้าได้!!”
  เมื่อเห็นอาวุโสที่แข็งแกร่งกว่ามันตกตายลงในเสี้ยวพริบตาโดยที่มันไม่ทันรู้เรื่องราวอะไร เหลยจวิ้นก็หวาดกลัวจนขี้ขึ้นสมอง ร่างมันสั่นระริกเร่ง ยกอ้างมารดาออกมาเสียงสั่น
  ในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย ถึงแม้ปกติเหลยจวิ้นจะแลดูหยิ่งยโสไม่เห็นหัวผู้ใด แต่บัดนี้เรียกว่ามันเตลิดเปิดเปิงโดยสมบูรณ์ คล้ายกลับกลายเป็นเด็กน้อยขี้กลัวไร้พลังฝึกปรือ
  “เหลยจวิ้น…”
  ต้วนหลิงเทียนมองเหลยจวิ้นที่ตัวสั่น พลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มแสยะ “เจ้าทราบหรือไม่ ว่าไฉนข้าถึงปล่อยทุกคนออกมา?”
  เหลยจวิ้นที่มองเผยหวนจี๋และคนอื่นๆด้วยสายตาหวาดกลัว พอได้ยินคำถามก็หันมองงไปยังต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว แม้มันจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในแววตาก็ฉายชัดถึงความสับสน
  “ข้าทำเพื่อช่วยพ่อแม่ของฮ่วนเอ๋อ…”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงจุดนี้ เหลยชิวที่อุ้มร่างตู้เสวียนที่สลบไสลไม่ได้สติ ก็พึ่งลงมาถึงชั้น 2 พอดี และนั่นก็ดึงความสนใจจากเหลยจวิ้นเช่นกัน
  “พวกมัน?”
  เหลยจวิ้นเอ่ยถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ
  “กล่าวอีกอย่างได้ว่า…เหตุผลที่ข้ากับฮ่วนเอ๋อเข้าร่วมวังเทียนฉือ ก็เพื่อช่วยทั้งคู่โดยเฉพาะ”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าว
  “เจ้า…เจ้าที่แท้เข้าวังเทียนฉือมาเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงเช่นนี้!?”
  สีหน้าท่าทีเหลยจวิ้นเปลี่ยนไป มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าศิษย์น้องหญิง 3 กับชายหนุ่มเบื้องหน้า ที่แท้จะเข้าวังเทียนฉือมาด้วยจุดประสงค์ดังกล่าว!
  ‘นั่นมัน…หรือจะเป็นจิ้งจอกมายา!?’
  ‘หากนั่นเป็นจิ้งจอกมายา…เช่นนั้นคนผู้นั้นก็สมควรเป็นเหลียนชิวจากขุนเขากระบี่ฟ้าแห่งจี้เมี่ยเทียน ที่ล้มเลิกสัญญาวิวาห์กับบุตรีของท่านจ้าววัง?’
  เมื่อเห็นจิ้งจอกมายาสีขาวในอ้อมแขนเหลียนชิว ถึงแม้เหลยจวิ้นจะไม่รู้จักเหลียนชิวมาก่อน แต่มันที่ได้ฟังเรื่องราวของเหลียนชิวมามากก็คาดเดาทุกอย่างได้ทันที
  ‘ศิษย์น้องหญิงฮ่วนเอ๋อ…เป็นลูกสาวของทั้งคู่!?’
  เหลยจวิ้นหัวตื้อไปหมด มันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้
  พี่ใหญ่เผย อาวุโสทั้งหลาย“”
  ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวกับเผยหยวนจี๋รวมถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 5 คน “พอดีข้ามีเรื่องคับข้องใจกับเหลยจวิ้นผู้นี้…เช่นนั้นให้ข้าสะสางความแค้นกับมันก่อนแล้วค่อยไปได้หรือไม่? หรือพวกท่านจะล่วงหน้าไปทำลายค่ายกลที่จัตุรัสสิ้นสุดก่อนก็ได้”
  “ไม่รีบ”
  เผยหยวนจี๋คลี่ยิ้มบางๆ “เรื่องราวใดๆในนี้ล้วนถูกค่ายกลปิดกั้นหมดสิ้น โลกภายนอกมิอาจรู้อันใดได้…เจ้าค่อยๆสะสางเรื่องราวของเจ้า แล้วพวกเราค่อยไปก็ได้”
  ค่ายกลในคุกหมื่นพันธนาการนั้นปิดกั้นทุกสิ่งอย่างภายในคุก ทำให้ไม่อาจติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอกได้เลย ไม่ว่าจะทางใด
  ดังนั้นต่อให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นด้านใน หากไม่มีใครแจ้นไปนอกคุกแล้วส่งข่าว ก็ไม่มีทางที่โลกภายนอกจะล่วงรู้เรื่องราวภายในคุกได้
  “เจ้าหนูต้วนหลิงเทียน จักว่าไปข้าเองก็อยากเห็นเจ้าลงมือสักครา…ตอนนี้ในเมื่อมีโอกาสแล้วก็จัดไปให้พวกเราสมใจทีเถอะ!”
  ชายชราร่างอ้วน จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาทหม่าฉือกล่าวพล่าวหัวเราะสนุกสนาน
  สำหรับจักรพรรดิอมตะคนอื่นๆไม่เว้นเหลียนชิวเอง ก็พากันจับจ้องมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจเช่นกัน มองจากแววตาอยากรู้อยากเห็นขอพวกมัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันก็สงสัยในความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย
  ด้านเหลยจวิ้น พอได้ยินคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนมันก็หน้าเสียไปทันที
  “ต้วนหลิงเทียน เจ้าเข้าใจผิดอะไรอยู่หรือไม่? พวกเราเคยไปมีความแค้นกันที่ใด!?”
  ไม่ต้องกล่าวถึงว่าข้างกายต้วนหลิงเทียนมีจักรพรรดิอมตะสมญานามถึง 6 คน เอาแค่พลังฝีมือส่วนตัวของต้วนหลิงเทียนเอง เหลยจวิ้นก็ไม่มีปัญญาจะสู้ด้วยแล้ว!
  ปีก่อน กระทั่งหานอวิ๋นจิ่นที่แข็งแกร่งกว่ามันมาก สุดท้ายยังตกตายคามือต้วนหลิงเทียนบนสังเวียนอัจฉริยะ มันย่อมไม่มีหนทางรอดชีวิตต่อหน้าต้วนหลิวเทียนได้เลย!
  “ไม่มีความแค้น?”
  ต้วนหลิงเทียนยกยิ้ม ยังเป็นรอยยิ้มสดใสนัก “ที่เจ้าพูดมานี่…ไม่อายปากบ้างหรือ?”
  “ตอนแรกคนที่จ้างตู๋กูเหววินกับตุ๋กูหวู่ให้มาฆ่าข้า ไม่ใช่เจ้ากับหานอวิ๋นจิ่นที่หุ้นกันจ่ายค่าจ้างมหาศาลหรือไร…แถมให้ข้าเดาเจ้าสมควรเป็นคนต้นคิดด้วยซ้ำกระมัง?”
  สองตาต้วนหลิงเทียนค่อยๆกลายเป็นเย็นชา
  “ต้วนหลิงเทียนนี่เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ ตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่อันใด…พวกมันเป็นใครกัน เจาพูดเรื่องงอะไรอยู่ ข้าไม่เข้าใจ?!”
  เหลยจวิ้นชักสีหน้าว่างเปล่า มันพยายามตีเนียนหน้ามึนทำเป็นไม่รู้อย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตามดวงตามันสั่นไหวไปไม่น้อย…
  “แถมเมื่อสองสามเดือนก่อน ระหว่างทางกลับวังเทียนฉือ ข้าก็เจอตู๋กูหวู่ดักอยู่…หรือเจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ใช่คนที่แจ้งมันไปแต่แรกว่าข้าออกนอกวังเทียนฉือ?”
  ต้วนหลิงเทียนยิ้มถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ หากแต่สองตาช่างเยียบเย็นนัก!
  “ย่อมไม่ใช่ข้าแน่!”
  เหลยจวิ้นส่ายหัวเป็นพัลวัน “ต้วนหลิงเทียนข้ากับเจ้าพวกเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ไฉนข้าต้องคิดร้ายกับเจ้าด้วย?”
  “ต่อให้ข้าจะคิดร้ายกับเจ้า ข้าก็ต้องมีเหตุผลที่ทำเช่นนั้น…หาไม่แล้วไฉนข้าต้องไปเสียเวลาทั้งสิ้นเปลืองสมบัติทำอะไรอย่างที่เจ้าว่าด้วยเล่า หรือไม่จริง?”
  เหยจวิ้นยังคงยืนกรานตีมึนไม่เลิก
  “ไม่มีเรื่องบาดหมาง ไฉนต้องคิดร้าย?”
  ”เหตุผล?”
  ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้ม “ถึงขนาดนี้เจ้ายังกล้าพูดออกมาได้ว่าไม่มีเรื่องบาดหมางไม่คิดร้าย…เพื่อเอาตัวรอดนี่เจ้าถึงกับยอมทำตัวเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้เชียว กล้าทำแต่ไม่กล้ารับ? สำหรับเหตุผลหรือเจ้าคิดว่าข้า
ไม่รู้จริงๆ?”
  “ฮ่วนเอ๋อ!”
  ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กล่าวชื่อฮ่วนเอ๋อออกมา
  “นอกจากนั้น หลังจากที่ข้าฆ่าตู๋กูเหวินแล้ว ข้ายังพบลูกแก้ววิญญาณในแหวนพื้นที่ของมัน…และฮ่วนเอ๋อก็เป็นคนยืนยันเองว่านั่นคือลูกแก้ววิญญาณของเจ้า”
  สายตาต้วนหลิงเทียนตอนนี้เย็นชาเหลือเกิน
  และทั่วร่างแต่เดิมที่เคยสงบ บัดนี้ได้ปรากฏพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดปะทุขึ้นมาจนอากาศรอบกายสั่นไหวว เห็นชัดว่าพร้อมลงมือแล้ว
  จังหวะนี้หน้าเหลยจวิ้นก็เปลี่ยนสีไปไม่เหลือสีเลือด มันไม่อาจตีหน้ามึนสืบต่อได้อีก เร่งคุกเข่าลงกับพื้นโขกศีรษะดังปึกๆจนหัวแตกเลือดโชก “ต้วนหลิงเทียนข้าผิดไปแล้ว!!”
  “ข้าไม่ควรคิดไม่ซื่อกับศิษย์น้องหญิงฮ่วนเอ๋อ! เจ้ายกโทษให้ข้าเถอะ ยกโทษให้ข้าสักครั้งเถอะ!!”
  “ขอเพียงเจ้าไม่ฆ่าข้า เจ้ายังสามารถใช้ข้าเป็นตัวประกันได้! ตอนเจ้าหลบหนีออกจากคุกหมื่นพันธนาการ ด้วยมีข้าอยู่ท่านแม่ต้องไม่กล้าลงมือกับเจ้าแน่!!”
  “อย่าฆ่าข้า! อย่าฆ่าข้าเลย!!”
  จังหวะนี้เพื่อความอยู่รอดแล้ว เห็นได้ชัดว่าเหลยจวิ้นยินดีทำทุกอย่าง กระทั่งออกความคิดให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆจับมันเป็นตัวประกันอีกด้วย
  “แม่เจ้า? จักรพรรดิอมตะเหลยอิง?”
  อย่างไรก็ตาม ได้ยินวาจาดังกล่าวของเหลยจวิ้น ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น “ทุกอย่างข้าตระเตรียมไว้หมดแล้ว…แม่เจ้าจะลงมือหรือไม่ลงมือผลลัพธ์ก็เหมือนกัน”
  “พวกเรายังต้องเอาเจ้าไปขู่แม่เจ้าทำอะไร?”
  “เดิมทีข้าก็คิดจะหาวิธีกลับมาฆ่าเจ้าภายหลัง…แต่ไม่คิดว่าสวรรค์มีทางเจ้าไม่เดิน นรกไร้ประตูเจ้าดันทุรังมุดมา ถึงกับเข้าคุกหมื่นพันธนาการมาด้วยตัวเอง เรียกว่าเจ้าเอาหัวใส่พานมาถวายข้าถึงหน้าประตูบ้านแท้ๆ”
  กล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนที่คร้านจะฆ่าสวะเช่นมันให้เปื้อนมือตัวเอง ก็ปล่อยมังกรชั่วร้ายทั้งสองในโลกใบเล็กออกมา ทันที
  “กรร~~”
  “กรร~~”
  มังกรชั่วร้ายคล้ายเตรียมพร้อมไว้แต่แรก พอปรากฏตัวออกมาก็พ่นลมหายใจมังกร ปลดปล่อยลำแสงทำลายล้างที่ทรงพลังน่าพรั่นพรึงเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่เหลยจวิ้นทันที!