ตอนที่ 3,337 : สงครามจักรพรรดิอมตะสมญานาม
เหลยอิงได้รับทราบเรื่องราวและการกระทําทั้งหมดของต้วนหลิงเทียนในคุกหมื่นพันธนาการวันนี้แล้ว
กระทั่งเรื่องอาวุโสเซี่ยที่ทําหน้าที่ผู้คุมคู่กับต้วนหลิงเทียนที่เรือนจําชั้น 3 ไฉนไม่โดนฆ่า ก็เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนบอกให้จักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นปล่อยไป
หาไม่แล้วด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดจากการถูกจับขังมานานปี มีหรือจักรพรรดิอมตะสมญานามที่พึ่งหลุดออกมา จะปล่อยให้อาวุโสเซี่ยมีชีวิตอยู่ได้?
นอกจากนั้นศิษย์อัจฉริยะทั้ง 2 ก็ไม่มีใครตายอีก
จนมาถึงเรือนจําชั้นแรก ที่มีเหลยจวิ้นลูกชายนางกับอาวุโสหงประจําการอยู่ ทั้งคู่กลับถูกฆ่าทิ้งทีละคน..คนหลังตายด้วยน้ำมือจักรพรรดิอมตะน้ำแข็งทมิฬ ส่วนเหลยจวิ้น บุตรชายนาง ถูกมังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ของต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย
“เพราะอะไร!?”
เหลยอิงถามเป็นครั้งที่ 2 เสียงยังต่ำนัก
ถึงแม้สถานการณ์เบื้องหน้าจะเป็นเรื่องที่ผิดแผนสําหรับต้วนหลิงเทียน แต่เขาก็ไม่ถึงขั้นสิ้นหวังท้อแท้อะไร เพราะหากจําเป็นจริงๆ เขาก็พร้อมใช้พลังของเทพเบญจธาตุเข่นฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามของวังเทียนฉือเพื่อหลบหนี
เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ดีว่าหากเทพเบญจธาตุถูกเปิดเผย เขาก็จะตกอยู่ในอันตรายถึงตาย
แต่เพื่อช่วยบิดามารดาฮ่วนเอ๋อ และเอาตัวรอดก็มีแต่ต้องทําเท่านั้น
เมื่อครู่โหยวเฟิงอวี้มันมองมาที่เขาด้วยสายตาราวกับมองดูคนตาย สิ่งนี้บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีความคิดปล่อยเขาไปแม้แต่น้อย
แทนที่จะนั่งรอความตาย ไม่สู้ลุยฝ่าฆ่าให้ตายกันไปข้าง
“ในเมื่อมันพยายามฆ่าข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ทําไมข้าจะฆ่ามันไม่ได้?”
ได้ยินคําถามย้ำสองรอบของเหลยอิง ต้วนหลิงเทียนก็มองนางด้วยสายตาเฉยเมย เอ่ยถามอย่างไม่รีบไม่ร้อน “มิฉะนั้นข้าจะไปฆ่ามันที่เป็นศิษย์พี่รองของฮ่วนเอ๋อทําอะไร?”
คําตอบของต้วนหลิงเทียนทําให้เหลยอิงรู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง เพราะนางไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบอะไรแบบนี้ออกมา
อย่างไรก็ตาม คําพูดของต้วนหลิงเทียนก็ทําให้นางไม่รู้จะโต้แย้งอย่างไร เพราะกระทั่งศิษย์อัจฉริยะที่ไม่คุ้นหน้า 2 คนนั่น ต้วนหลิงเทียนก็ยังยั้งมือไว้ไมตรีไม่ทําอะไร หากเหลยจวิ้นไร้ซึ่งความขัดแย้งกับต้วนหลิงเทียนจริงๆ แล้วจะลงมือทําไม?
“จะอย่างไรก็แล้วแต่ ในเมื่อเจ้ากล้าฆ่าลูกชายข้า วันนี้เจ้าต้องตาย!”
เป็นธรรมดาว่าอาศัยเรื่องเท่านี้เหลยอิงย่อมไม่คิดปราณีละเว้นต้วนหลิงเทียน สายตาเย็นชาทั้งแหลมคมปานมีดดาบของนางมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง แลดูอาฆาตดุร้ายปานจะสับร่างต้วนหลิงเทียนให้แหลกเป็นหมื่นชิ้น
พอเหลยอิงกล่าวจบคํา สายฟ้าราวอสรพิษสีม่วงก็แล่นวาบแปลบปลาบขึ้นรอบกาย
“คนที่คิดจะเอาชีวิตข้าไม่ได้มีแค่เจ้าเหลยอิงคนเดียว”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเรียบ ในเมื่อเขาเลือกที่จะเข่นฆ่าเปิดทางด้วยทุกสิ่งหากจําเป็นเช่นนั้นสีหน้าท่าทีก็แลดูมั่นใจนัก ไม่ได้เผยอาการหวั่นเกรงอะไรแม้แต่น้อย
เหลยอิงเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้วอย่างไร?
ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามจะไม่เคยตายด้วยมือเขาเสียหน่อย!
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของ ตู๋กู่เหวิน จักรพรรดิอมตะร้อยเปลี่ยน จะอ่อนด้อยกว่าจักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ ตู๋กู่หวู่ ที่ตายภายใต้เงื้อมมือเมิ่งชวน แต่หากให้เทียบกับเหลยอิงแล้วก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่ากันเลย
ในเมื่อเขาฆ่าตกเหวินตายคามือมาแล้ว ยังต้องกลัวเหลยอิงทําอะไร?
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าแฝงตัวเข้าวังเทียนฉือเราเพื่อช่วยเผยหยวนจี๋เช่นนั้นรึ?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับเหลยอิงกําลังจะปะทะกัน ฉือหล่างก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อนพลางส่งเสียงผ่านพลังเอ่ยถามออกมา
“ครู ข้าขออภัยท่านด้วย…”
สําหรับฉือหล่างแล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงจะไม่มีความคิดเป็นศัตรูอะไร แต่ยังรู้สึกผิดอีกด้วย เนื่องเพราะอีกฝ่ายดูแลเขาดีมาโดยตลอด คราวนี้การทรยศวังเทียนฉือของเขา ย่อมเป็นการสร้างปัญหาใหญ่ให้ฉือหล่างในระดับหนึ่ง
เขารู้เรื่องนี้ดี
“ข้ากับฮ่วนเอ๋อ ที่มาวิ่งเทียนฉือก็เพราะมีจุดประสงค์จะช่วยชีวิตคนจริงๆ…แต่พวกข้าไม่ได้มุ่งเป้าจะช่วยพี่ใหญ่เผยแต่แรก ถึงแม้ข้าจะรู้จักพี่ใหญ่เผยมานานแล้ว แต่ก่อนหน้า ข้าไม่รู้มาก่อนว่าพี่ใหญ่เผยถูกขังอยู่ในคุกหมื่นพันธนาการ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวผ่านพลังตอบกลับ
“เจ้าไม่ได้มาเพื่อช่วยเผยหยวนจี๋ อย่าบอกนะว่าเจ้ามาเพื่อช่วยเหลียนชิวนั่น?”
เสือหล่าง ยังจดจําศิษย์อัจฉริยะของขุนเขากระบี่ฟ้าได้อยู่
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าตอบคํา “ที่ข้ากับฮ่วนเอ๋อมายังวังเทียนฉือ ไม่ใช่แค่คิดจะช่วยอาวุโสเหลียนชิวคนเดียวเท่านั้น แต่ยังคิดช่วยอาวุโสตู้เสวียนด้วยผู้อาวุโสตู้เสวียนก็คือภรรยาของอาวุโสเหลียนชิว”
“ขณะเดียวกัน อาวุโสตู้เสวียนก็เป็นมารดาแท้ๆของฮ่วนเอ๋อ”
สิ่งที่ต้วนหลิงเทียนพูด ก็นับว่าเปิดเผยวัตถุประสงค์การมานั่งเทียนฉือของเขากับฮ่วนเอ๋อหมดสิ้นไม่ได้ปกปิดอะไรฉือหล่างเพราะไม่จําเป็น
“ครู ข้ายอมรับว่าการมาวิ่งเทียนฉือของข้ามีวัตถุประสงค์แอบแฝงแต่แรก แต่หลังไปอยู่กับพวกท่าน ข้ารู้สึกเหมือนได้กลับบ้านจริงๆ…ความรู้สึกนี้ตั้งแต่ที่ข้าขึ้นสวรรค์มา 200 กว่าปี นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้”
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจ “เพียงแต่ข้าไม่อาจลืมเลือนความตั้งใจเดิมได้ จําต้องช่วยเหลือบิดามารดาของฮ่วนเอ๋อออกไปจากที่นี่”
“เช่นนั้นข้าก็ทําได้แค่ออกจากวังเทียนฉือในลักษณะนี้เท่านั้น…ข้าหวังแค่ว่าการทรยศของข้าจะไม่สร้างปัญหาให้กับครูและศิษย์พี่ทุกคน”
เสียงผ่านพลังตอบคําของต้วนหลิงเทียนทั้งหมด มาจากใจไร้คําเท็จ
ฉือหล่างเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อยถอนหายใจออกมาดังเฮือก “เจ้าหนู เจ้าโง่งมนัก เจ้าสมควรบอกข้าแต่แรก…เพราะหากมีศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเจ้าคอยช่วย เรื่องราวมันจะง่ายกว่าเดิมมาก”
“การคุมขังเหลียนชิวกับภรรยานั่น ถึงแม้ข้าจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าคัดค้าน แต่ข้าก็ไม่ได้เห็นดีด้วย…หากเจ้าคิดจะช่วยทั้งคู่ออกไปจริงๆ ไม่ว่าข้าหรือศิษย์พี่หญิงใหญ่เจ้าก็พร้อมจะช่วยเสมอ”
“แต่ผู้ใดจะไปคิดกัน ว่าเพื่อช่วยทั้งคู่เจ้าจะกล้าก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ถึงกับปล่อยจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 นั่นออกมาโดยเฉพาะเผยหยวนจี๋!”
“กับคนอื่นๆยังไม่นับเป็นอะไร แต่กับจักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ผู้นั้น เจ้าต้องทราบด้วยว่ามันเป็นคนถูกใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์จับตัวมาขังไว้กับมือ เจ้าปล่อยมันออกมาแบบนี้ ยังไม่ใช่ล่วงเกินใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์หรือไร?”
“ตอนนี้เรื่องราวบานปลายจนเกินแก้ไขแล้วข้าไม่อาจช่วยอะไรเจ้าได้ เพราะข้าเองก็ต้องเห็นแก่ศิษย์พี่คนอื่นของเจ้าเช่นกัน”
ฉือหล่างกล่าวผ่านพลังรวดเดียวจบ ยังถอนหายใจออกมาอีกรอบ
“ครู…”
ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง เขาเองก็เตรียมเผชิญกับการแตกหักกับฉือหล่างเอาไว้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าถึงขั้นนี้แล้วแต่ฉือหล่างยังมีใจคิดจะช่วยเขาอยู่
และเรื่องนี้ก็ยิ่งทําให้เขารู้สึกผิดมากขึ้น
“ครู วันนี้ท่านไม่ต้องยั้งมือ เพียงทําสิ่งที่ท่านต้องทําเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปอีกครั้ง
“เจ้าไม่มีโอกาสชนะเลย…”
ฉือหล่างกล่าว
“ไม่มีโอกาส?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ ไม่ได้สนใจอะไร “มีหรือไม่มีโอกาสชนะ ก็ต้องลองดูถึงจะรู้ชัด”
คําพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ทําให้ฉือหล่างอึ้งไปอยู่บ้าง หรือศิษย์คนที่ 7 ของมันยังมีไพ่ตายอะไรซุกซ่อนไว้อีก? ไฉนยังแลดูมั่นใจอยู่ได้?
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเคยฆ่าตกเหวินที่พลังฝีมือไม่ด้อยกว่ามันมาได้ แต่ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนบอกเองหรือว่าทั้งหมดเป็นเพราะอีกฝ่ายประมาท?
แต่ไฉนวันนี้ ศิษย์คนที่ 7 ของมันกลับทําเหมือนไม่เห็นจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 9 ของวังเทียนฉือรวมถึงมันอยู่ในสายตาเลยเล่า?
“ต้วนหลิงเทียนหากข้ารู้แต่แรกว่าเจ้าแฝงตัวเข้ามาเช่นนี้วันนั้นที่สังเวียนอัจฉริยะ ข้าน่าจักฆ่าเจ้าทิ้งแต่แรก!”
จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ ที่มีใบหน้าอ่อนวัยปานทารก มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นชา
วันนั้น ตอนศิษย์คนโตของมันกับต้วนหลิงเทียนบนสังเวียนอัจฉริยะรู้ผลแล้ว มันที่คิดช่วยคนแต่สุดท้ายกลับทําได้แค่มองหานอวิ๋นจิ่นตายไปต่อหน้าต่อตา ยังเป็นเรื่องที่ทําให้มันรู้สึกเสียใจมาตลอด
วันนี้พอได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียน ที่แท้ก็แฝงตัวเข้าวังเทียนฉือมาเพื่อช่วยเผยหยวนจี๋ มันจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ ที่วันนั้นไม่ได้ลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนและช่วยหานอวิ๋นจิ่นแต่แรก
“ฆ่าข้า?”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ “เรื่องนั้น เจ้าก็ต้องมีปัญญาสามารถเสียก่อน”
ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน ถึงแม้จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับจะอยู่มาหลายปีแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวร้อนขึ้นมา หันไปมองกล่าวกับเหลยอิงทันที “ข้าจักช่วยเจ้าฆ่าต้วนหลิงเทียนให้เอง!!”
“ไม่! ข้าจักฆ่ามันให้ตายกับมือ!!”
ทว่าเหลยอิงก็ปฏิเสธจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับกลับไปโดยไม่ต้องคิด น้ำเสียงยังยืนกรานเด็ดขาดนัก
“เช่นนั้นก็มาดูว่าผู้ใดเร็วกว่ากัน!”
ตอนนี้จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับมิโมโหเพราะต้วนหลิงเทียนแล้วจริงๆ ไม่งั้นมันก็คงไม่คิดจะแย่งฆ่าคนกับเหลยอิงหรอก
“หลี่เฉวียนเทียน เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก!”
เหลยอิงกล่าวออกเสียงหนัก
สมญานามของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ ก็ตั้งเอาจากชื่อของตัว
แน่นอนว่าในวังเทียนฉือ ก็มีจักรพรรดิอมตะสมญานามกับผู้อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้น ที่รู้จักมันตั้งแต่ยังเยาว์จึงรู้ชื่อจริงของมัน
“พอได้แล้ว”
ตอนนี้เองโหยวเฟิงอวี้ จ้าววังเทียนฉือพลันลั่นวาจาออกมา “เหลยอิง ต้วนหลิงเทียนนั่นเจ้าลงมือฆ่ามันเสีย หลังจากนั้นก็ไปช่วยเฉวียนเทียนจัดการกับเผยหยวนจี๋”
“เฉวียนเทียน เผยหยวนจี๋นั่นข้าจักปล่อยให้เจ้ารับมือกับมัน”
“เพราะจักรพรรดิอมตะหยกรุ้งเมิ่งชวน ไม่พ้นต้องมาพัวพันข้าแน่”
“โยวหาน เฉวียนปิงนั่นมอบให้เจ้า”
ในฐานะจ้าววังเทียนฉือ ที่เป็นผู้นําเผชิญหน้ากับจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 7 สติของมันยังกระจ่างแจ่มใส ไม่มีความสับสนแม้แต่น้อย พอพูดออกมา ก็กําหนดเป้าหมายให้จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 8 ของวังเทียนฉือเรียบร้อย
และตัวมันเองก็เลือกจะรับมือกับ เมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้ง
“ลงมือ!”
หลังจัดแจงเรื่องราวแล้วเสร็จ สองตาโหยวเฟิงอวี้ ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา กล่าวสั่งออกมาเสียงดัง
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!ฟุบ!
สิ้นคําสั่งของโหยวเฟิงอวี้ จักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 8 ของวังเทียนฉือ นอกจากตัวมันเองที่เอาแต่มองจองเมิ่งชวนแล้ว ที่เหลืออีก 8 คนก็พุ่งร่างออกไปจัดการเป้าหมายทันที
เช่นเดียวกับเหลยอิง ร่างของนางพุ่งวาบไปราวสายฟ้า อีกทั้งรอบกายนางยังมีสายฟ้าสีม่วงเส้นเขื่องพันรอบกาปานอสรพิษ เข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย “ต้วนหลิงเทียน วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายชดใช้ชีวิตลูกชายข้า!!”
“จักรพรรดิอมตะไร้ธุลี เผยหยวนจี๋ ข้าเฉวียนเทียนจะจัดการเจ้าเอง!”
เป้าหมายของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับก็คือเผยหยวนจี๋
ส่วนเป้าหมายของจักรพรรดิอมตะวิเวกเย็นเยือก ก็คือเฉวียนปิง ที่มีพลังฝีมือเป็นอันดับ 2 ในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 6 ที่แหกคุกหมื่นพันธนาการออกมา
เรียกว่าโหยวเฟิงอวี้ ได้สั่งให้จักรพรรดิอมตะสมญานามที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากมันทั้ง 2 รับมือ กับจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีพลังฝีมือร้ายกาจ 2 อันดับแรกขออีกฝ่าย
สําหรับจักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 4 คนที่เหลือนอกจากเมิ่งชวน โหยวเฟิงอวี้ก็ได้กําหนดคู่ต่อสู้ให้คนของตัวเองด้วย “ฉือหล่าง จักรพรรดิอมตะกวางขาวนั่นให้เจ้าจัดการ”
“กู้ฉางเจียง เจ้าไปจัดการจักรพรรดิอมตะขยี้เมฆา”
“คลื่นหมอก จักรพรรดิอมตะผกาทองเป็นของเจ้า”
“เมฆดุริยะ เจ้าไปรับมือจักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท”
“เซี่ยวเทียน เจ้าคอยคุมเชิงวงนอกและหาโอกาสสนับสนุนพวกเราได้ทุกเวลา พยายามจัดการพวกมันให้ได้สักคนโดยเร็วที่สุด! และหากเหลียนชิวของขุนเขากระบี่ฟ้านั่นมันกล้าสอดมือหรือหลบหนี ก็ฆ่าไม่ต้องปราณี!”