ตอนที่ 3366 : มาเยือนจี้เมียเทียนอีกครั้ง

“จ้าวหุบเชวียเกรงใจไปแล้ว”

เผชิญกับการขอบคุณของเชวียอวิ๋นเทียน จื้อเหนียน สายหัวไปมาด้วยรอยยิ้มพลางกล่าว “เสี่ยวจิน กับเจ้าตัวเล็กทั้ง 2 ของเผ่ามังกรเราสนิทสนมกันดั่งพี่น้อง เผ่ามังกรของพวกเราย่อมดูแลนางเป็นอย่างดี”

“ว่าแต่จ้าวหุบเชวียคิดพาเสี่ยวจินย้อนกลับหุบจันทร์โลหิตเลย หรือว่าจะให้นางอยู่ที่เผ่ามังกร เราสักพักแล้วค่อยกลับเล่า?”

จื้อวิ๋นเหนียนเอ่ยถาม

ในฐานะผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามังกร จื่อวี่เหนียนย่อมทราบสถานการณ์ของหุบจันทร์โลหิตดีว่าอีกฝ่ายมีศัตรูรายล้อมขนาดไหน และทั้งหมดก็ล้วนเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ทั้งสิ้น

หากเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์สักขุม หุบจันทร์โลหิตย่อมไม่หวั่นเกรง

แต่หากขุมกําลังระดับสวรรค์หลายๆขุมร่วมมือกันเล่า?

คราวนี้หนูเทพสังหาร 9 ยมโลกได้ถือกําเนิดขึ้นในหุบจันทร์โลหิตอีกครั้ง ขุมกําลังที่เป็นศัตรูของหุบจันทร์โลหิต ไม่บอกก็รู้ว่าต้องพยามฆ่าหนูเทพสังหาร 9 ยมโลกให้ได้ก่อนที่จะเติบโตแน่นอน! ทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดหายนะในภายภาคหน้า!!

มันลองไถ่ถามตัวเองดูก็ตอบได้ทันที ว่าหากมันมีเรื่องราวความแค้นกับหุบจันทร์โลหิตล่ะก็ไม่พ้นต้องทุ่มกําลังทั้งหมดหาทางฆ่าหนูเทพสังหาร 9 ยมโลกให้ตายเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม แน่นอน!

“พวกเราจะกลับกันเลย”

เชวียอวิ๋นเทียนกล่าว

สิ่งที่จื้อเหนียนคิดจะสื่อ เชวียอวิ๋นเทียนไหนเลยจะไม่รู้ได้?

ในสายตามันยังเห็นอีกด้วย ว่าไม่อาจรั้งอยู่ในเผ่ามังกรได้นาน หากนานเข้าไม่พ้นขุมกําลังคู่อรทั้งหลาย คงได้ปิดกั้นทุกช่องทาง ไม่ให้มันพาเสี่ยวจินกลับไปถึงหุบจันทร์โลหิตได้แน่!

“แล้วรอบนี้ท่านพาผู้ใดมาบ้างเล่า?”

จื่อวี่เหนียนเอ่ยถาม

“มีผู้พิทักษ์หลักทั้ง 2 แห่งหุบจันทร์โลหิต นอกจากนั้นก็มีอาวุโส 2 กับอาวุโส 3”

เชวียอวิ๋นเทียนกล่าว

ได้ยินคําพูดของเขวียอวิ๋นเทียน ลูกตาจื้อเหนียนอดไม่ได้ที่จะหดเล็กลงอยู่บ้าง

ขณะเดียวกัน ด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงผ่านพลังหนึ่งส่งตรงถึงหู เป็นเสี่ยวไป๋ที่กล่าวไขสิ่งที่เขากําลังสงสัยพอดี “พี่ใหญ่หลิงเทียน ในหุบจันทร์โลหิต ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือจ้าวหุบเขาผู้นี้ นอกจากนั้นก็มีผู้พิทักษ์หลักทั้ง 2 ที่มีพลังฝีมือทัดเทียมกับผู้อาวุโสใหญ่เผ่ามังกรเรา นอกจากนั้นผู้อาวุโสลําดับ 2 กับผู้อาวุโสลําดับ 3 ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุโสหลักสักเท่าไหร่”

“กล่าวได้ว่าการมาเผ่ามังกรครั้งนี้ของจ้าวหุบจันทร์โลหิต ได้พาเสาหลักของหุบเขาจันทร์โลหิตออกมาเกือบหมด เหลืออาวุโสลําดับ 1 เฝ้าระวังหีบจันทร์โลหิตแค่คนเดียวเท่านั้น”

คําพูดของเสี่ยวไป๋ ทําให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ทันที ว่าการมารับเสี่ยวจินครั้งนี้ของจ้าวหุบจันทร์โลหิต นับว่าเป็นการมาอย่างเอิกเกริกไม่น้อย กระทั่งยังส่งระดับเสาหลักออกมาเกือบทั้งหมด

“นํายอดฝีมือที่เป็นเสาหลักออกมามากมายขนาดนี้เชียว? หรือว่าศัตรูของหุบจันทร์โลหิตแข็งแกร่งมาก?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม

“หากไม่นับขุมกําลังระดับสวรรค์โดยเฉลี่ยขุมกําลังระดับสวรรค์ที่มีความแค้นกับ หุบจันทร์โลหิตก็ถือว่ามีแต่ขุมกําลังระดับต้นๆของว่านโช่วเทียนทั้งสิ้น”

“อย่างเช่นเผ่าวานรฟ้า เผ่าหงส์วารี เผ่าคุนเผิงสุริยัน.3 ขุมกําลังที่ว่ามาเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์อันดับต้นๆของว่านโซ่วเทียนทั้งสิ้น พลังอํานาจทัดเทียมกับหุบจันทร์โลหิตเลย ต่อให้ด้อยกว่าก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันมากนัก”

เสี่ยวไป๋กล่าว “หากพวกมันล่วงรู้เรื่องที่เสี่ยวจินเป็นหนูเทพสังหาร 9 ยมโลก พวกมันต้องเร่ งส่งขุมพลังหลักออกมาฆ่าเสี่ยวจินแน่”

กล่าวถึงประโยคท้าย สีหน้าแววตาของเสี่ยวไปก็ฉายความหวาดกลัวออกมา “เพราะหนูเทพสังหาร 9 ยมโลก เมื่อเติบโตแล้ว เป็นตัวตนที่น่ากลัวเกินไป…เป็นดั่งตัวหายนะระดับภัยพิบัติของพวกมันก็ว่าได้”

“บรรพบุรุษของหุบจันทร์โลหิตในปีนั้น หากไม่ใช่เพราะภายหลังเลือกที่จะไปยังระนาบเทพ ตอนนี้ก็สมควรเป็นจักรพรรดิสวรรค์ที่เก่งกาจที่สุดในระนาบเทวโลก และจักรพรรดิสวรรค์ที่ถือครองอันดับ 1 ในรายนามจักรพรรดิสวรรค์คนปัจจุบัน ก็มิใช่ว่าจะต่อกรด้วยได้”

เสี่ยวไป๋กล่าว

“ดังนั้น ขุมกําลังที่ไม่ถูกกับหุบจันทร์โลหิต เว้นเสียแต่จะมีความขัดแย้งและความบาดหมางแค่เล็กน้อย ไม่ถึงขั้นต้องฆ่าล้างกันไปข้างหนึ่ง ผู้ที่มีความขัดแย้งถึงขั้นไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับหุบจันทร์โลหิตได้ ไม่มีวันปล่อยให้หนูเทพสังหาร 9 ยมโลกของหุบจัทร์โลหิตมีโอกาสเติบโตแน่”

เสี่ยวไป๋กล่าวสืบต่อ

“ถึงขนาดนั้นเชียว…แล้วนี่พวกมันไม่กลัวว่าบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งหีบจันทร์โลหิต จะย้อนกลับมาจากระนาบเทพเพื่อจัดการพวกมันหรือไร?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม

ในความเห็นของเขา ในเมื่อหุบจันทร์โลหิตมีบรรพชนผู้ก่อตั้งบรรลุขอบเขตเทพและไปยังระนาบเทพแล้วแบบนี้ แถมยังเป็นหนูเทพสังหาร 9 ยมโลกเหมือนเสี่ยวจินอีก เหล่าขุมกําลังทั้งหลายที่คิดจะฆ่าเสี่ยวจิน ไฉนถึงไม่กังวลบ้างว่าสิ่งนี้จะเป็นการชั่วโทสะบรรพชนผู้ก่อตั้งหุบจันทร์โลหิต? หรือไม่กลัวผู้อื่นลงมาจากระนาบเทพเพื่อฆ่าล้างแค้นกันแล้ว?

“พวกมันย่อมไม่กังวลเรื่องนี้เป็นธรรมดา”

เสี่ยวไป๋เอ่ยผ่านพลังตอบว่า “อย่าว่าแต่บรรพบุรุษของหุบจันทร์โลหิตไม่แน่ว่าจะกลับมาต่อให้กลับมาก็ไม่คิดจะยุ่งวุ่นวายเรื่องในระนาบเทวโลกหรอกพี่ใหญ่”

“เพราะทันทีที่มันลงมือ ก็เท่ากับฝ่าฝืนกฏ ถึงตอนนั้นไม่พ้นเหล่าบรรพบุรุษของขุมกําลังอื่นๆ ที่ขึ้นไปอยู่ในระนาบเทพแล้วเช่นกัน ได้แห่กันลงมาถล่มหุบจันทร์โลหิตเพื่อล้างแค้นให้ชนรุ่นหลังเช่นเดียวกัน”

“เมื่อมีโอกาสลงมือได้อย่างชอบธรรม ไฉนพวกมันจึงไม่ลงมือ? และผู้ที่จะกลับมาจากระนาบเทพเหล่านั้นไหนเลยจะไม่ใช่ตัวตนขอบเขตเทพด้วย…ตัวตนระดับนั้นลงมือ หุบจันทร์โลหิตยังไม่ถึงกาลอวสานได้หรือ?”

หลังได้ยินคําพูดของเสี่ยวไป ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักเรื่องงราวได้ทันที ในเมื่อทุกคนล้วนมีเบื้องหลัง ด้วยเหตุนี้จึงได้ตรากฏขึ้นมา ผู้ใดพลาดพลั้งทําผิดกฏก่อน ก็มีหวังได้โดนกลุ้มรุมกําจัดแน่

“อาวุโสเชวีย…”

หลังเสี่ยวจินได้แนะนําตัวนหลิงเทียนให้เชวียอวิ๋นเทียนรู้จัก จนทักทายกันเรียบร้อย ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยทักเชียอขึ้นเทียนทันที

“หืม?”

ด้วยสัมพันธ์อันดีระหว่างเสี่ยวจินกับต้วนหลิงเทียน จ้าวหุบจันทร์โลหิต เชวียอวิ๋นเทียน ย่อมให้ความเกรงใจต่อต้วนหลิงเทียนหลายยส่วน กล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มทันที “น้องชายหลิงเทียน มีเรื่องใดคิดกล่าวหรือ?”

“ผู้อาวุโสเชวียย ข้าขอถามท่านตรงๆ การพาเสี่ยวจินกลับบหุบจันทร์โลหิตครั้งนี้ท่านมั่นใจมากหรือไม่?”

ต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเห็นภูผาเอ่ยถามเชวียอวิ๋นเทียนออกไปตรงๆ

เชวียอวิ๋นเทียนผงะไปเล็กน้อย ค่อยส่ายหัวกล่าวตอบ “ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ คํามั่นใจเต็มที่ข้าคงไม่กล้าพูดเพราะสุดท้ายแล้วข้าก็ไม่อาจบอกได้ ว่าพวกนั้นมันจะส่งยอดฝีมือมากมากน้อย”

“เช่นนั้น ผู้อาวุโสเชวียคิดบอกว่า…หากอีกฝ่ายส่งมือดีมามากเกินกว่าที่พวกท่านจะรับมือได้ไหว ท่านก็คงยากจะนําเสี่ยวจินกลับหุบจันทร์โลหิตได้อย่างปลอดภัย?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกครั้ง

“เป็นเช่นนั้น แต่อย่างไรข้าก็มั่นใจราว 9 ส่วน”

เชวียอวิ๋นเทียนกล่าว

“9 ส่วน?”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ผู้อาวุโสเชีย หากท่านไม่มั่นใจเต็มสิบส่วน ข้าไม่อยากให้เสี่ยวจินต้องเสี่ยงเดินทางไปกับท่าน”

“เสี่ยวจินเป็นดั่งน้องสาวแท้ๆของข้า พวกเรากล่าวได้ว่าเติบโตมาด้วยกัน ข้าไม่อยากให้นางเกิดเรื่องอะไรขึ้น แม้จะมีโอกาสต่ําแค่ไหนก็ตามที่”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงหนัก

“ความกังวลของน้องชายหลิงเทียน ข้ารับทราบดี”

เชวียอวิ๋นเทียนกล่าว “อย่างไรก็ตามในเมื่อเสี่ยวจินเป็นถึงหนูเทพสังหาร 9 ยมโลก พวกเราเองจะอย่างไรก็หวังให้นางบ่มเพาะและเติบโตในหุบจันทร์โลหิตอย่างปลอดภัยที่สุด ไม่อาจปล่อยให้นางไปเสี่ยงชีวิตอยู่ด้านนอกได้”

“สุดท้ายแล้ว ก็ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าหากนางอยู่ด้านนอก นางจะเติบโตก้าวหน้าได้อย่างปลอดภัยหรือไม่”

ได้ยินคําพูดของเขวียอวิ๋นเทียน ก็ทราบถึงเจตนาของมันชัดเจน ว่าจะอย่างไรก็ต้องพาเสี่ยวจินกลับหุบจันทร์โลหิตให้จงได้

“พี่ใหญ่หลิงเทียน”

ตอนนี้เองเสี่ยวจินก็ส่งเสียงผ่านพลังมาหาต้วนหลิงเทียน “ หากเป็นไปได้ข้าไม่อยากกลับไปหุบจันทร์โลหิตเลย เพราะถ้ากลับไปแล้ว ข้ามีหวังได้ถูกจับตาดูตลอดเวลา ไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนจนเฉาตายแน่นอน…”

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตอบเสี่ยวจิน เพียงมองกล่าวกับเชวียอวิ๋นเทียนด้วยน้ําเสียงจริงจัง “อาวุโสเชวีย ท่านสามารถวางใจในตัวข้าได้…หลังจากนี้สักระยะ ข้าจะพาเสียวจินกลับไปส่งที่หุบจันทร์โลหิตเอง”

“โอ้?”

สองตาเชวียอวิ๋นเทียนทอประกาย “แต่มันยังจะต่างจากเดิมอย่างไร? ในเมื่อให้เสี่ยวจินรั้งอยู่ที่เผ่ามังกร ถึงแม้ว่าอาจเป็นไปได้ที่จะให้นางบ่มเพาะเติบโตที่นี่ แต่สุดท้ายเรื่องราวก็มิใช่ไม่มีอะไรต่างจากเดิมหรือไร?”

“ไม่ พวกเราไม่ได้คิดรั้งอยู่ในเผ่ามังกร

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “หากข้าเดาไม่ผิด ผู้อาวุโสเซวียคิดพาเสี่ยวจินกลับไป โดยใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของเผ่ามังกรกระมัง?”

“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าท่านจะอ้อมไประนาบเทวโลกใดหรือเดินทางกลับทางไหน ก็ไม่พ้นต้องโดนศัตรูดักอยู่ก่อนถึงหุบจันทร์โลหิตอยู่ดี และจากที่ท่านว่ามา น่ากลัวพวกมันจะส่งคนออกมาไม่น้อยจริงๆ ป่านนี้ไม่พ้นต้องกางขายฟ้าแหสวรรค์รอพวกท่านเอาไว้แล้ว”

“แต่ถ้าข้าเป็นคนพาเสียวจินไป ข้าย่อมไม่คิดจะพานางกลับไปหุบจันทร์โลหิตทันที แต่จะพานางติดตามข้าไปบ่มเพาะที่ระนาบเทวโลกอื่นสักระยะ”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว

“แล้วน้องชายหลิงเทียนคิดพาเสี่ยวไป๋ระนาบเทวโลกใดหรือ?”

เชวียอวิ๋นเทียนอึ้ง ความคิดของต้วนหลิงเทียนง่ายมาก ตอนนี้กลับไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับ! วันไหนกลับได้ค่อยกลับ!

“ตอนนี้ข้าไม่สะดวกจะกล่าวถึง แต่ข้าสามารถให้สัญญากับอาวุโสเชวียได้ ว่าวันหนึ่งข้าจะส่งเสี่ยวจินกับหุบจันทร์โลหิตอย่างปลอดภัย”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพลางกล่าว “เรื่องนี้ให้คนรู้น้อยเท่าไหรยิ่งดี…ไม่ทราบอาวุโสคิดเห็นเช่นไร?”

เชวียอวิ๋นเทียนนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ค่อยส่ายหน้ากล่าว “ข้าย่อมรู้ว่าน้องชายหลิงเทียนหวังดีกับเสี่ยวจินและคิดทําเพื่อนาง แต่หากน้องชายหลิงเทียนพานางไประนาบเทวโลกอื่นๆ น้องชาย หลิงเทียนจะรับประกันความปลอดภัยของเสี่ยวจินได้อย่างไร? และหากกระทั่งน้องชายหลิงเทียนตกอยู่ในอันตรายด้วยจะทําเช่นไร?”

“อีกทั้งน้องชายหลิงเทียนยังบอกเอง ว่าศัตรูหุบจันทร์โลหิต ไม่พ้นต้องไปกางขายฟ้า แหสวรรค์ปิดกั้นทุกช่องทางกลับหุบจันทร์โลหิตแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงมิทราบน้องชายหญิง หลิงเทียนจะฝ่าข่ายฟ้าแหสวรรค์ดังว่า พาเสี่ยวจินกลับมาส่งได้อย่างไร?”

เชวียอวิ๋นเทียนกล่าวถามออกมารวดเดียวจบ

“ท่านกังวลเรื่องนี้ก็มีเหตุผล แต่ท่านว่าพวกมันจะให้ยอดฝีมือระดับนั้นปิดกั้นหุบจันทร์โลหิตได้นานเท่าไหร่กันเล่า? ให้ข้าเดาพวกมันก็มุ่งเน้นจับตาดูความเคลื่อนไหวของท่านรวมถึงยอดฝีมือหีบจันทร์โลหิตเป็นหลัก ขอเพียงพวกท่านย้อนกลับไปอยู่ในหุบจันทร์โลหิตอย่างไร้เรื่องราวสักพัก ถึงตอนนั้นกําลังคนที่เฝ้าปิดล้อมย่อมสลายตัวไปตามเวลาเพราะระดับสูงๆของพวกมันไหนเลยจะมาเสียเวลาเฝ้าโดยไม่รู้ว่าต้องเฝ้าถึงเมื่อไหร่ได้?”

ต้วนหลิงเทียนกล่าว “เมื่อถึงตอนนั้น ขอเพียงพวกข้าย้อนกลับมาตอนที่กําลังคนมันน้อย แล้วแจ้งให้พวกท่านนํากําลังทั้งหมดออกมารับ ยังกลัวปลาซิวปลาสร้อยที่รั้งอยู่เพื่อจับตาดู จะมีปัญญาขัดขวางพวกท่านอีกหรือ?

“ยิ่งไปกว่านั้น สําหรับเรื่องที่อาวุโสเชวียห่วง…ข้าขอรับประกันไว้ตรงนี้ เสี่ยวจินไปกับข้าย่อมไม่มีอันตรายใดๆแน่!”

ต้วนหลิงเทียนลั่นวาจาออกมาอย่างจริงจัง “เสี่ยวจินติดตามไปกับข้าวันหนึ่ง นางย่อมปลอดภัยเพิ่มอีกวันหนึ่ง ข้ามั่นใจว่าไม่มีใครแตะต้องนางได้แน่!”

ได้ยินคําพูดมั่นใจของต้วนหลิงเทียน เชวียอวิ๋นเทียนก็เงียบไป

กล่าวตามตรง วาจาของต้วนหลิงเทียนที่ฝ่าสมรภูมิอเวจีมาได้ ทั้งช่วยให้เสี่ยวจินวิวัฒนาการได้สําเร็จทั้งๆที่พวกมันหุบจันทร์โลหิตไม่อาจทําได้มานานปีกระทั่งไม่เห็นแววว่าจะทําได้ด้วยซ้ํา มันย่อมเชื่ออยู่หลายส่วน

อย่างไรก็ตามมันไม่อยากเสี่ยง

ถึงแม้จะต้องเสี่ยง แต่มันก็อยากเป็นคนเสี่ยงเอง ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเสี่ยงเพื่อเสี่ยวจิน ที่กล่าวไปแล้วต้องอยู่ในความรับผิดชอบของพวกมัน

“ท่านจ้าวหุบเขา”

ตอนนี้เองเสี่ยวจินพลันกล่าวออกมา “ข้าคิดออกจากเผ่ามังกรแล้วไปกับพี่ใหญ่ จากนั้นค่อยหาโอกาสกลับหุบจันทร์โลหิตในภายหลัง

เมื่อเชวียอวิ๋นเทียนได้ยินคํากล่าวของเสี่ยวจินมันก็หันไปมองตาเสี่ยวจิน จากนั้นก็พบว่าในแววตาเสี่ยวจินมีแต่ความแน่วแน่ ไม่แฝงท่าทีว่าจะยอมเปลี่ยนใจแม้แต่น้อย

สุดท้ายแม้จ้าวหุบจันทร์โลหิตจะไม่อยากปล่อยให้ความปลอดภัยของเสี่ยวจินขึ้นอยู่กับคนอื่นสักเท่าไหร่ มันก็ได้แต่ต้องยินยอมและทําได้แค่กล่าวตกลงเท่านั้น

“น้องชายหลิงเทียน วันหน้าหากท่านพาเสี่ยวจินกลับมาส่งยยังหุบจันทร์โลหิตได้อย่างปลอดภัย หุบจันทร์โลหิตของพวกเราไม่มีทางปฏิบัติกับท่านอย่างเลวร้ายแน่”

เชวียอวิ๋นเทียนกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเป็นมั่นเหมาะ

“อาวุโสเชวีย วาจาพวกนี้ท่านไม่จําเป็นต้องกล่าวเลย”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ข้าบอกท่านแล้วว่าเสี่ยวจินเป็นดั่งน้องสาวแท้ๆของข้า…ตราบใดที่ข้าช่วยนางได้ ข้าไม่มีทางไม่ช่วย และข้าไม่ต้องการอะไรตอบแทนทั้งสิ้น”

“พี่ใหญ่หลิงเทียน แล้วตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันต่อหรือ?”

หลังเชวียอวิ๋นเทียนจ้าวหุบจันทร์โลหิต ออกจากเผ่ามังกรแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เตรียมพาฮ่วนเอ๋อกับเสี่ยวจินออกไปเช่นกัน แน่นอนว่าสําหรับเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋นั้น ทั้งคู่ถูกสั่งห้ามเด็ดขาดว่าไม่ให้ก้าวออกจากเผ่ามังกร

ถึงแม้ทุกคนจะรู้ว่าเสี่ยวจินสามารถวิวัฒนาการไปเป็นสัตว์เทพได้ ก็เพราะติดตามต้วนหลิงเทียนไปฝ่าสมรภูมิอเวจีมาก็ตาม

“ไปจี้เมี่ยเทียนน่ะ”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกเสี่ยวจิน ขณะพานางกับส่วนเอ๋อใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระ นาบเทวโลกของเผ่ามังกร ท่ามกลางสายตาสลดอยากไปด้วยของเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป

“จี้เมี่ยเทียนหรือ”

ในขณะที่เสี่ยวจินกําลังอึ้ง นางก็ถูกค่ายกลเคลื่อนย้ายส่งตัวออกจากเผ่ามังกรของว่านโซวเทียนไปยังจี้เมียเทียนพร้อมกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อ และมาถึงสถาน ที่ๆเรียกว่า คฤหาสน์อขึ้นไถ

คฤหาสน์อวิ๋นไถ เป็นสถานที่ๆอยู่ใกล้กับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เสี่ยเทียนมากที่สุด

“อาวุโสเมิ่งชวน ข้ามาถึงจี้เมี่ยเทียนแล้ว”

หลังมาถึงจี้เมี่ยเทียน สิ่งแรกที่ต้วนหลิงเทียนทําก็คือส่งข้อความติดต่อไปหาเมิ่งชวน

เหตุผลที่เขาตัดสินใจพาเสี่ยวจินมายังจี้เมี่ยเทียนนั้น เป็นเพราะเมิ่งชวนไปว่านโชวเทียนและติดต่อมาหาเขา ว่าให้เขาเดินทางมายังพระราชวังจักรรพรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนได้เลย

เมิ่งชวนยังกล่าวอีกว่า เขาก็คือทายาทที่แท้จริงที่จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนสั่งให้เมิ่งหลัวออกตามหาเป็นการลับเมื่อหลายปีก่อน!