ตอนที่ 3373 : หลานเหิงผู้เหี้ยมโหด

จังหวะนี้อย่าว่าแต่หลานเหิงกับหลานจี้เหนียนปู่หลานเลย กระทั่งเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งเอง หลังได้ยินวาจาของผู้เป็นประมุขอย่างอวี่เหวินชิงกับอาวุโสสูงสุดโหยวไป๋เฟิง แต่ละคนก็งงเป็นไก่ตาแตกกันถ้วนหน้า

ประมุขนิกายอวี่เหวินชิงกับอาวุโสสูงสุดอย่างโหยวไป๋เฟิง เผยท่าที่ออกชัดว่าจะต่อต้านคนของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง!

พวกมันย่อมแลเห็นความรักความเอ็นดูของอวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิงที่มีต่อต้วนซือหลิงดี และต้วนซือหลิงก็อาศัยอยู่ในนิกายกระบี่เมฆรุ้งมาร้อยกว่าปีแล้ว นางเป็นคนเช่นไร นิสัยใจคอเป็นแบบไหน ทุกคนล้วนรู้เห็นชัดเจน

ต้วนซือหลิงนะหรือจะทําอะไรผิดต่ออวี่เหวินชิงได้ลงคออย่างนางจะไปทําผิดต่อนิกายร้ายแรงอะไรถึงขั้นถูกขับไล่ออกจากนิกายได้?

ดังนั้นทุกคนจึงสรุปได้ทันที

เป็นประมุขนิกายกับอาวุโสสูงสุดคิดปกป้องต้วนซือหลิง!

“ท่านประมุข ท่านอาวุโสสูงสุด…หรือพวกท่านไม่รู้ว่าการกระทําเช่นนี้จักชักนําเภทภัยหายนะมาสู่นิกายกระบี่เมฆรุ้ง?”

เหล่าอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งหลายคนได้แต่ลอบทอดถอนในใจ แต่จังหวะนี้พวกนางก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ถูกทั้งสองจัดการกันเองเสร็จสรรพ จะให้พูดอะไรออกมาตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์

อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์ของนิกายกระบี่เมฆรุ้งไม่อาจตระหนักเรื่องราวได้ดุจเดียวกับเหล่าอาวุโส เริ่มพากันกระซิบกระซาบกันระงม ในวาจาเปิดเผยความไม่พอใจออกมาชัดเจน “นี่ท่านประมุขกับผู้อาวุโสสูงสุด คิดผลักทั้งนิกายเข้ากองไฟ เพราะคนๆเดียวจริงๆหรือ?”

“พวกท่าน… คิดให้พวกเราถูกกลบฝังเพียงเพราะต้วนซือหลิงคนเดียว?”

“อะไรกัน? เคยถามข้าสักคําหรือไม่ ว่าไฉนข้าต้องมาตายเพื่อนางด้วย! ถึงแม้ศิษย์น้องต้วนซือหลิงจะเป็นคนดีและพวกเราเองก็เอ็นดูนางมาก แต่พวกเราก็ไม่จําเป็นต้องถูกฝังลงดินกันหมดเพียงเพราะนางคนเดียวไม่ใช่รึไง?”

“หรือพวกเรา ถอนตัวออกจากนิกายกันดี?”

เหล่าศิษย์นิกายกระบี่เมฆรุ้งกระซิบออกความเห็นดังระงม หลายคนเริ่มคิดจะถอนตัวออกจากนิกายเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะ

“ฮ่าๆๆๆ!!”

หลังอวี่เหวินชิงกล่าวจบคําไปสักพัก ด้านหลานจี้เหนียนยังชักหน้าเคร่งอยู่ ทว่าหลานเหิงที่นิ่งไปก่อนหน้า บัดนี้ก็ได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่าอย่างอดไม่ไหว

อย่างไรก็ตาม แม้หลานเหิงกําลังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง ทว่าสายตาที่ใช้มองไปยังอวี่เหวินชิงนั้น ช่างดุร้ายและเต็มไปด้วยความอํามหิตเหลือเกิน!

“ท่านปู่ ไม่พ้นพวกนางต้องส่งซือหลิงให้หนีไปแล้วแน่!!”

หลานจี้เหนียนพอได้สติ ก็หันไปมองกล่าวกับหลานเหิงด้วยใบหน้าอัปลักษณ์ “บัดซบ! พวกมันกล้าดีอย่างไร ไม่เพียงไม่ไว้หน้านิกายอมตะทะเลเยือกแข็งเรา แต่พวกมันถึงกับกล้าไม่ไว้หน้าท่านปู่!”

“ก่อนที่พวกเราจะมาวันนี้ ท่านปู่ได้ส่งคนมาแจ้งพวกมันไว้ล่วงหน้าแล้วแท้ๆ แต่ตอนนี้พวกมันกลับกล้าส่งคนหลบออกไป!”

“ท่านปู่ ถึงข้าไม่ได้แต่งเมียข้าไม่ว่า เพราะเรื่องนี้ข้ายังพอทน แต่การที่พวกมันไม่กล้าไม่ไว้หน้าพวกเราถึงเพียงนี้ ข้าไม่ไหวจะทนแล้วท่านปู่น”

ขณะที่หลานจี้เหนียนกล่าวประโยคท้าย ไม่เพียงแต่เสียงของมันจะสูงปรื้ด แต่ใบหน้ายังแดง… ยามสองตากวาดมองไปทางอวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิง ยังฉายให้เห็นชัดถึงความเคียดแค้นราวกับอยากจะสับร่างทั้งสองให้แหลกเป็นหมื่นๆขึ้น!

“เหนียนเอ้ออย่าได้ห่วงไป… วันนี้ปู่จะเค้นคําอธิบายจากพวกมัน!”

บัดนี้ หลานเหิงก็ได้หยุดหัวเราะแล้ว ดวงตายังกวาดมองไปทางคนของนิกายกระบี่เมฆรุ้งด้วยความเฉยชา “ข้าจักถามเป็นครั้งสุดท้าย….ตอนนี้ต้วนซือหลิงอยู่ในนิกากระบี่เมฆรุ้งหรือไม่?”

“อย่าได้คิดใช้ข้ออ้างใดอื่นมาแถหลอกข้า!”

“ข้าต้องการฟังคําตอบจากพวกเจ้าว่าต้วนซือหลิงนั่นยังอยู่หรือไม่อยู่ในนิกายกระบี่เมฆรุ้ง!”

สายตาของหลานเหิงสาดแสงเยียบเย็นอํามหิตนัก อาวุโสและศิษย์นิกายกระบี่เมฆรุ้งทุกคน ยอมสัมผัสได้ถึงโทสะอารมณ์อันเดือดดาลของหลานเหิงชัดเจน

และเห็นได้ชัดว่าตอนนี้อีกฝ่ายกําลังระงับโทสะเอาไว้เต็มที่ เจียนปะทุระเบิดได้ทุกเมื่อ!

ทันทีที่โทสะอีกฝ่ายระเบิดออกมา ถึงตอนนั้นเกรงว่าพวกนางคงได้ดินกลบหน้ากันหมด!

พอเสียงเอ่ยถามของหลานเหิงดังจบคํา ศิษย์และอาวุโสทั้งหมดของนิกายยกระบี่เมฆรุ้ง ก็พากันมองจ้องไปที่อวี่เหวินชิงประมุขนิกายกระบี่เมฆรุ้งเป็นสายตาเดียวกัน

ท้ายที่สุดแล้วต้วนซือหลิงก็เป็นศิษย์ของอวี่เหวินชิง เรื่องที่ต้วนซือหลิงจะอยู่ หรือที่แท้คนจากไปแล้ว ก็มีแต่อวี่เหวินชิงที่สมควรรู้ดีกว่าใคร

“ผู้อาวุโสหลานเหิง นี่ท่านไม่เชื่อข้างั้นหรือ?”

อวี่เหวินชิงขมวดคิ้วย่นยู่พลางถาม ในสายตานาง คําพูดก่อนหน้าของนางก็กล่าวออกไปอย่างชัดเจนแล้ว

“หึ!”

ได้ยินวาจาดังกล่าวของอวี่เหวินชิง หลานเหิงก็พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น ในแววตาเริ่มฉายชัดถึงความเย็นชาปานจะแช่แข็งผู้คน “ในเมื่อ อวี่เหวินชิง เจ้ายืนกรานตามนั้น ก็อย่าได้ตําหนิข้าหลานเหิงที่ฉีกหน้าเจ้า!”

พอกล่าวจบคํา ในขณะที่สีหน้าของเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งหน้าเปลี่ยนสีกันหมด สํานึกเทวะอันทรงพลังขุมหนึ่งก็ระเบิดออกจากร่างหลานเหิง แผ่ปกคลุมไปทั่วถิ่นที่อยู่ของนิกายกระบี่เมฆรุ้งทันที

และพริบตาต่อมา เสียงผสานพลังของหลานเหิงก็ดังสนั่นกึกก้องไปทั่วนิกายกระบี่เมฆรุ้ง!

“พวกเจ้าคนของนิกายกระบี่เมฆรุ้งที่กําลังฟังอยู่…จงรู้ไว้เสีย ประมุขของพวกเจ้า เพียงเพื่อต้วนซือหลิงศิษย์รักของตัวเองคนเดียว นางเลือกจะละทิ้งพวกเจ้าทุกคน!”

“ตอนนี้หากพวกเจ้าคนไหนไม่อยากตกตายอย่างโง่งม ก็รีบไสหัวออกมาโน้มน้าวให้ประมุขของพวกเจ้ามอบตัวต้วนซือหลิงออกมาเสีย!!”

“ข้าจักให้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป.หลังครบหนึ่งก้านธูปแล้ว หากข้ายังไม่เห็นหน้าต้วนซือหลิง พวกเจ้านิกายกระบี่เมฆรุ้ง เตรียมถูกฆ่าล้างบางเสีย!”

“และอย่าได้คิดหนีไปไหนเสียให้ยาก…สํานึกเทวะของข้าได้แผ่ปกคลุมไปทั่วนิกายกระบี่เมฆรุ้งเรียบร้อน มันผู้ใดที่กล้าก้าวขาออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้งแม้แต่ก้าวเดียว ข้าจักพบได้ทันที ทั้งยังจะฆ่ามันผู้นั้นด้วยมือของข้าเอง!!”

“อ้อ ข้าถึมแนะนําตัวเองไปข้าคืออดีตประมุขของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง หลานเหิง!”

หลังกล่าวจบคํา หลานเหิงก็หันไปมองอวี่เหวินชิงด้วยใบหน้าเย้ยเยาะถากถาง “อวี่เหวินชิง… สิ่งนี้เจ้าขอมันเอง!”

อวี่เหวินชิงไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าหลานเหิงจะทําอะไรแบบนี้

การกระทําของอีกฝ่าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการผลักนาง ประมุขนิกายกระบี่เมฆรุ้งให้เป็นศัตรูของคนนิกายกระบีเมฆรุ้งทั้งหมด!

“ท่านประมุข!”

เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง ที่หวาดกลัวคําขู่ของหลานเหิง สีหน้าพร้อมใจกันเปลี่ยนไปใหญ่หลวง หลังอื้ออึงเพราะได้ยินวาจาโหดเหี้ยมของหลานเหิงพักหนึ่ง แต่ละคนพอได้สติก็เร่งหันไปมองเรียกอวี่เหวินชิงด้วยความร้อนใจทันที

นอกจากนั้นยังมีศิษย์ของนิกายกระบี่เมฆรุ้งหลายคน เร่งคุกเข่าลงกลางอากาศ ร่ำร้องออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ยินยอม “ท่านประมุข ท่านไม่อาจเห็นแก่ตัวเช่นนี้ได้! เพื่อคนๆเดียวท่านถึงกับผลักไสทั้งนิกายลงเหวเชียวหรือ!?”

“ท่านประมุข ท่านทําเช่นนี้ท่านจักกลายเป็นคนบาปชั่วนิรันดร์ของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง!!”

“ท่านประมุข ข้าขอร้องท่านแล้วส่งตัวต้วนซือหลิงออกไปเถอะ!”

เมื่อมีเหล่าศิษย์บางคนเร่งคุกเข่าวิงวอนออกมา เหล่าศิษย์และอาวุโสที่เหลือก็พากันคุกเข่าลงกลางหาวกันหมด แต่ละคนเร่งกล่าววิงวอนอวี่เหวินชิง ให้เห็นแก่ส่วนรวม

ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!

ขณะเดียวกันก็มีร่างสตรีงามหมดจดไม่กี่คน เร่งรุดเหินร่างออกมาจากส่วนลึกของนิกากระบี่เมฆรุ้ง และพวกนางก็คือศิษย์ส่วนตัวของอวี่เหวินชิง

พอพวกนางออกมา ทั้งหมดก็เร่งรดมาคุกเข่าลงเหมือนคนอื่นทันที เกลี้ยกล่อมให้ผู้เป็นอาจารย์ยอมมอบต้วนซือหลิงออกไป

“ข้าอวี่เหวินชิงขอประกาศไว้ ณ ที่นี่วันนี้ว่าข้าได้ถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง และจากนี้ต่อไปข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับนิกายกระบีเมฆรุ้งอีก!!”

อวี่เหวินชิงพอเห็นฉากเรื่องราวดังกล่าวก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอนเฮือกหนึ่ง ก่อนจะประกาศคําออกมาเสียงดังด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว

“ข้าโหยวไป๋เฟิง นับแต่นี้ต่อไปนิกายกระบี่เมฆรุ้งก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับข้าอีก”

และพอเสียงของอวี่เหวินชิงดังงจบคําได้ไม่ทันไร ขณะที่เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายยกระบี่เมฆรุ้งกําลังอื้ออึงกับถ้อยคําวาจา เสียงชราของโหยวไป๋เฟิงก็ดังขึ้นตามติดประกาศถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้งเช่นกัน!

ขณะเดียวกัน หญิงชรายังหันไปมองหลานเหิงด้วยสายตาเย้ยหยัน “หลานเหิง เจ้าที่เป็นถึงจักรพรรดิอมตะแล้ว แต่จิตใจช่างโหดเหี้ยมวิปริตนัก”

“บุรุษชอบพอหญิงสาว หากหญิงสาวตอบรับรักก็ครองคู่สุขสันต์ แต่หากไม่ ไหนเลยจะบีบคั้นจิตใจผู้คนกันได้? ข้าขอไถ่ถามเจ้าสักคําการกระทําของเจ้าวันนี้ กับพวกเดียรัจฉานชั่วชาตินิยมฉุดคร่าหญิงชาวบ้านมันต่างกันตรงที่ใด?”

“ยาโถวซือหลิงนั้น หญิงชราผู้นี้เป็นคนส่งตัวนางออกไปเอง หากเจ้ามีโมโหอันใด ก็ให้เอามาลงที่ข้าเสีย!!”

โหยวไป๋เฟิงเอ่ยออกชัดถ้อยชัดคํา แน่วแน่เด็ดเดี่ยวนัก!

“ไม่!”

อวี่เหวินชิงพลันออกตัวทันที นางมองจ้องหลานเหิงพลางกล่าวคําออกมาเสียงเย็น “ต้วนซือหลิงเป็นศิษย์ของข้าเป็นข้าที่ส่งตัวนางหนีออกไปเอง หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับอาจารย์ของข้าไม่”

“อาวุโสหลานเหิง หากท่านคับข้องทั้งไม่พอใจตรงที่ใด ก็มาหาข้าเถอะ!”

อวี่เหวินชิงกล่าว

ตอนนี้ด้านเหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งก็ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก…สิ้นถ้อยคําตัดสัมพันธ์ ฐานะประมุขของอีกฝ่ายก็กลายเป็นอดีตไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็มีศิษย์และอาวุโสหลายคนมองจ้องอวี่เหวินชิงด้วยความชื่นชม

เพราะทุกคนบอกได้ทันทีว่า

อวี่เหวินชิงคิดตายเพียงคนเดียวอย่างไม่เห็นแก่ตัว

“ฮ่าๆๆๆๆ…!!”

หลานเหิงไม่ทันกล่าวคําใด ก็เป็นหลานจี้เหนียนระเบิดเสียงหัวเราะดังร่าออกมาก่อน “น่าขัน! ละครฉากนี้ช่างน่าขันยิ่งนัก! ทําเอาข้านายน้อยซาบซึ้งจนจําแทบตายแล้ว!!”

“พวกเจ้าทั้งคู่ จักไม่น่าขันกันไปหน่อยหรือไรหา? นี่พวกเจ้าคิดว่าอาศัยการประกาศถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง และออกปากบอกว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับนิกายกระบี่เมฆรุ้งอีกต่อไป แล้วคนของนิกายกระบี่เมฆรุ่งเหล่านี้จะรอดพ้นความตายกระนั้นรึ?”

“ข้าจักบอกให้พวกเจ้าทุกคนฟังกันชัดๆ!!”

“วันนี้หากข้านายน้อยไม่ได้เห็นหน้าต้วนซือหลิง อย่าได้กล่าวถึงเรื่องที่พวกเจ้าทั้งคู่ประกาศถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง ต่อให้พวกเจ้าทั้งคู่ฆ่าตัวตายต่อหน้าข้านายน้อย…ท่านปู่ข้าจักไม่มีวันปล่อยใครหน้าไหนในนิกายกระบี่เมฆรุ้งให้รอดชีวิตไปได้!”

กล่าวถึงจุดนี้ หลานจี้เหนียนก็หันไปมองเหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งที่กําลังหน้าเปลี่ยนสีไปครั้งใหญ่ พลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมว่า “พวกเจ้าทุกคนฟังคําข้านายน้อยให้ดี…หากวันนี้ข้านายน้อยไม่เห็นหน้าต้วนซือหลิง พวกเจ้าทั้งหมด…ตาย!!”

“ต่อให้ตอนนี้พวกเจ้าคนไหนคิดจะถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง มันก็สายไปแล้ว!”

พอหลานจี้เหนียนกล่าวจบคํา มันก็แสยะยิ้มออกมาหน้าระรื่น แต่รอยยิ้มนี้ของมัน ในสายตาของเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งที่กําลังคุกเข่าอยู่นั้น ไม่ต่างอะไรจากรอยยิ้มของมารร้ายแม้แต่นิดเดียว

“ท่านประมุข ท่านผู้อาวุโสสูงสุด…เห็นแก่คนบริสุทธิ์นับหมื่นพัน ขอพวกท่านส่งมอบต้วนซือหลิงออกมาเถอะ!”

“ท่านประมุข ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ส่งตัวต้วนซือหลิงออกไปเถอะ!”

“ได้โปรดเถอะท่านประมุข! ได้โปรดเถิดท่านผู้อาวุโสสูงสุด!!”

เมื่อเผชิญหน้ากับการคุกเข่าวิงวอนขอความเห็นใจของเหล่าศิษย์และอาวุโสที่ไร้ความผิดทั้งหลาย อวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิงก็ชักสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากนัก

ครูต่อมา ทั้งคู่ก็ได้แต่หันมามองสบตากันเอง ก่อนจะได้เห็นรอยยิ้มขื่นขมอับจนหนทางของกันและกัน

“ข้าประกาศถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้งไปแล้ว ไม่ใช่ประมุขของพวกเจ้า จากนี้จนชั่วชีวิตข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับนิกายกระบี่เมฆรุ้งอีก…และข้าเอง ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ต้วนซือหลิงอยู่ที่ใด”

อวี่เหวินชิงกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

ศรที่ยิงออกจากเกาทัณฑ์ไปแล้ว ไม่อาจรั้งคืนได้กลับ….

ก่อนหน้านี้นางไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมาพานพบฉากเรื่องราวอะไรแบบนี้ และตอนนี้หากศิษย์ของนางอย่างต้วนซือหลิงยังอู่ในนิกากระบี่เมฆรุ้งจริง นางยังสงสัยว่าตัวเองอาจจะส่งตัวต้วนซือหลิงออกไปจริงๆ

“ข้าก็เช่นกัน”

โหยวไป๋เฟิงก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน ความคิดในหัวนางตอนนี้ก็ไม่แตกต่างอะไรจากอวี่เหวินชิง

“เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งคู่ก็ตายไปให้พ้นหน้าข้าเสีย!”

สีหน้าหลานเหิงมืดลง จากนั้นพลังเซียนอมตะสุดไพศาลก็ลุกโชนขึ้นมาท่วมร่างปานเพลิงไฟแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นสายลมเขียวครามรุนแรงปานมรสุม ชัดกรรโชกกวาดออกไปทั่วสารทิศ

สีหน้าท่าทีของอวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิงบัดนี้ แลดูสงบเฉยเมยนัก! ใบหน้าไม่เผยความยินดียินร้ายใดๆ หากแต่ในมือกลับปรากฏกระบี่อมตะคู่กายออกมากระชับถือไว้ พลังเซียนอมตะยังปะทุออกมาทั่วร่าง

เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ เตรียมพร้อมจะสู้ตายกับหลานเหิงอย่างสิ้นหวังแล้ว!

ทว่าในห้วงเวลาวิกฤตก่อนสถานการณ์ถึงจุดแตกหักนั้นเอง

“ท่านอาจารย์!”

“ท่านอาจารย์!”

เงาร่างงดงามปานเทพธิดา 2 ร่างพลันเห็นดึงลงมาจากม่านเมฆเหนือฟ้าสูง พร้อมเสียงเพราะพริ้งดั่งดุริยางค์สวรรค์ พริบตาคนก็บรรลุถึงเบื้องหน้าอวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิง

“ต้วนซือหลิง!”

หลานจี้เหนียนพอเห็นร่างบางสะคราญโฉมปรากฏตัวออกมา สองตามันก็เป็นประกายสว่างไสว ลึกลงไปยังเต็มไปด้วยเพลิงปรารถนาอันเร่าร้อน!