ตอนที่ 3388 : ต้วนหรูเฟิง

ผู้อาวุโสลําดับ 2 ของเผ่ากิเลน ตื้อวิ๋นหลงที่ว่า นับเป็นเพื่อนตายของเมิ่งหลัวก็ว่าได้ เพราะทั้งคู่ได้พบเจอและร่วมเป็นร่วมตายกันมาในสมรภูมิ 9 ยมโลก!

เรียกว่าผลัดกันช่วยชีวิตอีกฝ่ายนับครั้งไม่ถ้วน

“เมิ่งหลัว นี่ลมอะไรหอบเจ้ามาถึงเผ่ากิเลนข้าได้กันหา? ปกติร้อยวันพันปีไม่เห็นเจ้าจะเคยคิดออกมาหาข้าก่อนเลย…”

ตื้อวิ๋นหลง อาวุโสลําดับ 2 ของเผ่ากิเลน ก็มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน แลดูสูงใหญ่บึกบิน ไม่ต่างอะไรกับเมิ่งหลัว พอเห็นร่างมาถึง มันก็ปรี่เข้ามาชกอกเมิ่งหลัวตุบตับเป็นการทักทายอย่างสนุกมือ

“แล้วตกลงเจ้านึกอะไรขึ้นมา ถึงมาหาข้าได้?”

ตื้อวิ๋นหลงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

ขณะเดียวกันหางตามันก็เหลือบไปมองผู้เฒ่าหัวกับต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างข้างกายเมิงหลัวปราดหนึ่ง

ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนก็ดี ผู้เฒ่าหัวก็ดี ตื้อวิ๋นหลงล้วนไม่คุ้นหน้าทั้งสิ้น

“อะไร? ถามแบบนี้หรือไม่คิดต้อนรับข้า?”

เมิ่งหลัวเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

“ไอ้ต้อนรับข้าย่อมยินดีต้อนรับแน่”

ตื้อวิ๋นหลงกับเมิ่งหลัวเรียกว่าร่วมเป็นร่วมตายมาด้วยกัน แม้จะไม่ได้พบเจอกันนานปี แต่มิตรภาพก็ไม่แปรเปลี่ยน

ในตอนนั้นที่จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนโดนข้ารับใช้ของอขึ้นชิงเหยียนไล่ต้อนจนต้องหลบหนีเข้าไปนรกอสุราสถานการณ์ 9 ตาย 1 รอด ตื้อวิ๋นหลงที่ได้รับทราบเรื่องราวก็ได้เร่งรุดไปหาเมิ่งหลัวทันทีหลังตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์เปลี่ยนมือ และบอกว่าหากจักรพรรดิสวรรค์คนใหม่ คิดจัดการผู้ภักดีของจักรพรรดิสวรรค์คนเก่า จนเมิงหลัวไม่อาจอยู่ได้ ก็ให้มาอยู่กับมันที่เผ่ากิเลนเสีย

การมาอยู่ในเผ่ากิเลน ก็ไม่ด้อยไปกว่าอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเลย

“แต่ด้วยนิสัยของเจ้า หากไม่มีเรื่องอะไรสําคัญจริงๆ เจ้าไม่มีทางถ่อมาหาข้าได้แน่ว่ามาเถอะ! ที่แท้เป็นเรื่องราวใดกันแน่ ถึงทําให้เจ้าถ่อมาถึงที่นี่ได้?”

ตื้อวิ๋นหลงเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา

“ไม่อาจบิดเจ้าได้จริงๆ”

เมิ่งหลัวส่ายหัวพลางยิ้ม จากนั้นก็ผายมือไปทางต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวแนะนําให้ตื้อวิ๋นหลงรู้จัก “นี่คือนายน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเรา ศิษย์ที่แท้จริงของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์”

“โอ!?”

เดิมที่ตื้อวิ๋นหลงก็ไม่ได้สนใจ 2 คนที่อยู่ข้างๆ เมิ่งหลัวมากนัก แต่ตอนนี้พอได้ยินฐานะของต้วนหลิงเทียนที่เมิ่งหลัวกล่าวแนะนําออกมา มันก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง

กระทั่งยามเมิ่งหลัวกล่าวถึงฟงชิงหยาง ในแววตามันยังอดไม่ได้ที่จะฉายความเลื่อมใสออกมาหลายส่วน

ฟงชิงหยางไม่ได้เป็นแค่ตํานานของจี้เมี่ยเทียนเท่านั้น แต่ยังเป็นตํานานของระนาบเทวโลกทั้งมวลอีกด้วย เพราะอีกฝ่ายขึ้นสวรรค์มาไม่ทันไรก็ก้าวหน้าเติบโตจนบรรลุถึงตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ได้ในเวลาสั้นๆ

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มีแนวโน้มสูงมากที่ฟงชิงหยางจะบรรลุถึงขอบเขตเทพไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ตอนทราบว่าฟงชิงหยางกลับมาทวงตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนคืน ตื้อวิ๋นหลงก็เร่งส่งข้อความไปถามเมิงหลัวทันที

ถึงแม้เมิ่งหัวจะไม่กล่าวตอบออกมาตรงๆ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทําให้มันก็มั่นใจได้ว่าข่าวลือสมควรเป็นจริง!

กล่าวได้ว่า หากฟังชิงหยางมาเยือนเผ่ากิเลนของมันตอนนี้ ไม่เพียงแต่ผู้นําเผ่ากิเลนคนปัจจุบันจะต้องออกมาต้อนรับเป็นการส่วนตัว กระทั่งหากจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโช่วเทียนอยู่ในเผ่า ก็ไม่พ้นต้องออกมาต้อนรับฟังชิงหยางด้วยตัวเอง

เพราะในปัจจุบัน ต่อให้กวาดตามองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวล ก็มีตัวตนระดับเทพไม่กี่คนเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังนับรวมตัวตนระดับจักรพรรดิสวรรค์ที่ซ่อนพลังฝึกปรือขอบเขตเทพเอาไว้แล้ว

ในบรรดาจักรพรรดิสวรรค์ แม้จะมีคนบรรลุถึงขอบเขตเทพ แต่ก็ไม่มีใครเปิดเผยออกมาโดยตรง

เพราะปกติแล้ว เมื่อบรรลุถึงขอบเขตเทพ ก็ไม่อาจนั่งในตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ได้ต่อไป และนี่เป็นกฏที่ตราไว้โดยวิหารเฟิงฮ่าว

เป็นธรรมดาว่าในสถานการณ์ปกติ วิหารเฟิงฮ่าวจะไม่ก้าวก่ายเรื่องราวใดในระนาบเทวโลก รวมถึงตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์

อย่างไรก็ตาม วิหารเฟิงฮ่าวได้ออกกฏไว้ข้อหนึ่ง และยังเป็นกฏที่บังคับใช้ไปทั่วทุกระนาบเทวโลก ว่าตราบใดที่จักรพรรดิสวรรค์บรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว จําต้องสละตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ และมุ่งสู่ระนาบเทพให้เร็วที่สุด

แต่เป็นธรรมดาว่ากฏมีไว้แหก เพราะในปัจจุบันก็มีจักรพรรดิสวรรค์ไม่กี่คนที่แม้จะบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมสละตําแหน่งจักรพรรดิสวรรค์….

ที่ไฉนถึงทําเช่นนี้ได้ เพราะเบื้องหลังของจักรพรรดิสวรรค์เหล่านั้นมีตัวตนอันทรงพลังค้ําจุน

ตัวตนอันทรงพลังที่ค้ําจุนดังกล่าว เป็นอะไรที่กระทั่งวิหารเฟิงฮ่าวยังหวาดกลัวไม่กล้าตอแย!

ไม่ต้องกล่าวถึงอื่นไกล จักรพรรดิสวรรค์ว่านโซ่วเทียนที่เป็นคนของเผ่ากิเลนนี่ก็เป็นตัวอย่างอันประเสริฐสุด

เพราะถึงแม้จักรพรรดิสวรรค์ปัจจุบันของว่านโชวเทียนจะบรรลุถึงขอบเขตเทพไปแล้ว แต่ตราบใดที่ไม่คิดจะสละตําแหน่งเอง วิหารเฟิงอ่าวก็ทําได้แค่หลับตาข้างหนึ่ง

เบื้องหลังของวิหารเฟิงฮ่าวอาจมียอดฝีมือด้านพลังเทพอยู่ก็จริง

ทว่าเผ่ากิเลนนั้น มีตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุด!

“นายน้อยเป็นผู้สืบทอดมรดกของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ตั้งแต่ในระนาบโลกียะ…ทั้งได้รับความใส่ใจจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มาก ตอนที่ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กลับมาจากนรกอสุรา สิ่งแรกที่ให้ข้าไปทําก็คือตามหานายน้อย”

เมิ่งหลัวกล่าว

และวาจาของเมิ่งหลัว ก็บ่งบอกความสําคัญของต้วนหลิงเทียนในใจฟงชิงหยางออกมาทันที

แน่นอนว่าเป็นเมิ่งหลัวจงใจบอกให้ตื้อวิ๋นหลงรู้

“นายน้อย”

พอตื้อวิ๋นหลงมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แววตาก็เปลี่ยนเป็นสุภาพขึ้นหลายส่วน “ข้าคืออาวุโสลําดับ 2 แห่งเผ่ากิเลน ตื้อวิ๋นหลง”

“ต้วนหลิงเทียน ยินดีที่ได้พบอาวุโสตื้อวิ๋นหลง”

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ถือดีเพราะเห็นตื้อวิ๋นหลงทักทายอย่างสุภาพให้เกียรติ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่อีกฝ่ายให้หน้าเขาเพราะฟงชิงหยางเลย เขาที่มาที่นี่เพราะมีเรื่องจะขอร้องอีกฝ่าย ย่อมไม่กล้าอวดเบ่งอะไร

“นายน้อย ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด เพียงบอกเจ้านี่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

เมิ่งหลัวหันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม

“หือ? นายน้อยมีสิ่งใดให้ข้าช่วยรึ?”

สองตาตื้อวิ๋นหลงทอประกายขึ้นมาวาบหนึ่ง มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งยังเผยความสงสัยไม่น้อย

“อาวุโส”

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกไปตรงๆ “ข้ามาที่นี่เพราะคิดรับตัวบิดาของข้า ต้วนหรูเฟิง กลับไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน”

“ไม่ทราบเรื่องนี้ผู้อาวุโสตื้อวิ๋นหลงพอจะช่วยข้าได้หรือไม่?”

สายตาต้วนหลิงเทียนฉายชัดถึงความคาดหวัง

“ที่แท้ต้วนหรูเฟิงเป็นบิดาของนายน้อยนี่เอง!”

ตื้อวิ๋นหลงพอได้ฟังก็คลี่ยยิ้มเจื่อนๆทันที “นายน้อย ข้าเองก็รับทราบเรื่องบิดาท่านดีเพราะกล่าวไปแล้ว ข้ากับคนที่จับตัวบิดาท่านมากักตัวไว้ที่เผ่ากิเลนเราก็สนิทกันเป็นที่สุด…”

“เพราะนางเป็นหลานสาวของข้าเอง….ตี้เหวินอวี้”

กล่าวได้ว่าในเผ่ากิเลน ตื้อวิ๋นหลงเป็นดั่งผู้อุปถัมภ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตี้เหวินอวี้เลยก็ว่าได้

เพราะบิดามารดาของตี้เหวินอวี้ได้ตกตายอย่างกะทันหันเมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นตี้เหวินอวก็ยังเล็ก ตื้อวิ๋นหลงที่รับนางมาเลี้ยงแต่เล็กแต่น้อยจึงเห็นหลานคนนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกสาวแท้ๆของตัวเองเลย

“ที่แท้นางก็คือหลานสาวของอาวุโสตื้อวิ๋นหลง”

ต้วนหลิงเทียนได้แต่คลี่ยิ้มแหยๆออกมา ไม่คิดเลยว่าใต้หล้าจะมีเรื่องบังเอิญพรรค์นี้อยู่จริงๆ ตื้อวิ๋นหลงที่เมิ่งหลัวรู้จัก กลับเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวโดยตรง

“ขอบอกนายน้อยตามตรง เรื่องนี้จะว่าจัดการง่ายก็ง่าย แต่จะว่ายากมันก็ยากจริงๆ เพราะหลานข้าเอาแต่ใจนัก ข้าเองก็จนปัญญากับนางแล้วเหมือนกัน”

ตื้อวิ๋นหลงขมวดคิ้วกล่าวด้วยสีหน้าทําอะไรไม่ได้ “อันที่จริงข้าเองก็เคยเกลี้ยกล่อมนางเรื่องนี้หลายรอบแล้ว ว่าแตงห่ามที่ผืนเด็ดย่อมไม่หวาน…ในว่านโช่วเทียนก็มีบุรุษอีกมากมายที่มีพรสวรรค์ทั้งความเข้าใจสูงส่ง ไฉนถึงต้องมาจมกับบุรุษเพียงคนเดียวด้วยด้วย”

“กล่าวไปข้ายังเคยคิดจะฆ่าบุรุษผู้นั้นเช่นกัน…แต่หลานสาวข้าก็ยืนกรานห้ามข้าอย่างเด็ดขาด”

พูดถึงจุดนี้ ตื้อวิ๋นหลงก็แลดูละอายอยู่บ้าง “ทั้งหมดเพราะข้าไม่ล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างนายน้อยกับบุรุษผู้นั้น…หากข้ารู้เรื่องนี้แต่แรกข้าคงส่งคนไปจี้เมี่ยเทียนแต่แรกแล้ว”

ได้ยินคําพูดของตื้อวิ๋นหลง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่า ลูกสาวของอาวุโสเผ่ากิเลนที่ช่วยบิดาเขาไว้ ที่แท้เป็นหลานสาวที่ไม่ต่างอะไรจากลูกสาวแท้ๆของตื้อวิ๋นหลงนี่เอง

“นายน้อย ข้าสามารถพาท่านไปพบบิดาท่านได้…และข้ายังหวังให้ท่านบอกบิดาให้หาทางทําให้หลานสาวข้าตัดใจให้ได้ด้วยเถอะ หาวิธีให้นางรับทราบว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้”

ตื้อวิ๋นหลงกล่าว

เดิมทีหลังได้รับทราบว่าที่แท้ต้วนหรูเฟิงเป็นบิดาศิษย์ที่แท้จริงฟงชิงหยาง มันก็คิดจะสนับสนุนหลานสาวมัน เพราะจะได้มีสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เมี่ยเทียน กระทั่งเรียกว่าได้เป็นดั่งพ่อตาของบิดาศิษย์ที่แท้จริงฟงชิงหยาง

แต่ปัญหาก็คือ….

ผู้อื่นไม่ชอบหลานสาวของมันเลย ไม่มีใจจะใช้ชีวิตอยู่กับหลานสาวของมันแม้แต่นิดเดียว

หาไม่แล้วไฉนหลานสาวของมัน ถึงต้องขอให้มันกักบริเวณชายคนนั้นไม่ให้ออกไปไหนด้วย?

“ข้าหวังแค่ว่ายาโถวน้อยนั่นจะเจ็บเพียงครั้ง แต่ตัดใจได้เสียที…”

ตื้อวิ๋นหลงกล่าวถึงจุดนี้ ก็กล่าวชวนต้วนหลิงเทียน “นายน้อย ท่านตามข้ามาเถอะ”

“เมิ่งหลัว เจ้าไปพักที่บ้านข้าก่อน เดี๋ยวข้ากลับมาค่อยคุยกัน”

จากนั้นตื้อวิ๋นหลงก็พาต้วนหลิงเทียนเข้าเผ่ากิเลนไปก่อน ส่วนด้านเมิ่งหลัวกับผู้เฒ่าหัวนั้น ตื้อวิ๋นหลงได้ฝากให้คนในหน่วยลาดตระเวนพาไปยังห้องรับแขกของที่พักมัน

หลังติดตามตื้อวิ๋นหลงเข้ามาในเผ่ากิเลนสักพัก ผ่านอาคารมากมายจนมาถึงเขตจวนส่วนตัวหลังหนึ่ง ในที่สุดก็ได้พบเจอต้วนหรูเฟิงอีกครั้ง

ต้วนหรูเฟิงยังเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มปานหยกเสลาเหมือนเคย หน้าตาแม้ละม้ายคล้ายต้วนหลิงเทียนกว่า 7 ส่วน หากทว่าแลดูนิ่งสงบและสุขุมกว่าต้วนหลิงเทียน

“เทียนเอ๋อ”

พอได้เห็นต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สีหน้าท่าที่ของต้วนหรูเฟิงที่มักนิ่งสงบแลดูสุขุม ก็อดไม่ได้ที่จะแปรเปลี่ยน สองตาเริ่มแดงขึ้นมา จากนั้นก็กอดด้วนหลิงเทียนที่ไม่ได้พบเจอกันเนินนานแนบแน่น ไม่พูดไม่จาอยู่นาน

“ท่านพ่อ!”

ต้วนหลิงเทียนองก็สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นยินดีของบิดาชัดเจน เขาเองก็เช่นกัน เพราะจะไม่ให้เขาไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?

เขาไม่ได้พบเจอพ่อตัวเองมา 300 กว่าปีแล้ว!

“เทียนเอ๋อ เจ้าได้ข่าวแม่เจ้ารึยัง?”

ต้วนหรูเฟิงเอ่ยถาม

อดีตจ้าวตําหนักเมฆาครามในระนาบเซียน ตอนนี้เป็นดั่งชายวัยกลางคนธรรมดาๆ ที่กําลังเป็นห่วงลี่หลัวผู้เป็นภรรยาอย่างเดียวเท่านั้น

“ท่านพ่อ นอกจากชื่อหลิงกับเทียนหวู่ ตอนนี้ข้าพึ่งจะพบเจอท่านคนเดียว”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวอย่างทอดถอนใจ

“ซือหลิง? นางอยู่ที่ใดรี!?”

ต้วนหรูเฟิงถาม

“นางอยู่ในโลกใบเล็กภายในร่างข้าเอง เดี่ยวไว้ท่านไปจากที่นี่ได้ก่อน ค่อยเข้าไปพบเจอนางด้านใน

ต้วนหลิงเทียนยิ้ม

ขณะเดียวกับที่ต้วนหลิงเทียนกับต้วนหรูเฟิงคุยกันนั้น ห่างออกไปไม่ไกล ตื้อวิ๋นหลงก็ยืนดูอยู่เงียบๆ และข้างกายตื้อวิ๋นหลงก็มีสตรีนางหนึ่งยืนชมดูเรื่องราวอยู่ เป็นสตรีหน้าตาสะสวยลักษณะ แลดูองอาจห้าวหาญ พร้อมพรั่งไปด้วยความแข็งแกร่งและความอ่อนโยนอย่างลงตัว

นางก็คือหลานสาวของตื้อวิ๋นหลง ตี้เหวินอวี่ ที่กักบริเวณต้วนหรูเฟิงเอาไว้

“มันมันมีลูกชายแล้วจริงๆ?”

จังหวะนี้ตี้เหวินอวี้ก็แลดูเลื่อนลอย ทั้งรู้สึกสูญเสียอย่างอย่างบอกไม่ถูก เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเอาแต่พร่ําบอกตัวเองว่าทุกคําที่บุรุษผู้นั้นกล่าวมานั้น ก็แค่เรื่องโกหก!

อีกฝ่าย ยังไม่มีภรรยา

ไม่มีลูกชาย

แน่นอนว่าตี้เหวินอรู้ดีแก่ใจว่าที่อีกฝ่ายพูดมาอาจเป็นความจริง แต่เพราะนางชมชอบบุรุษผู้นี้มากเกินไป เช่นนั้นนางก็ได้แต่หลอกตัวเองไปวันๆ และคิดอาศัยเวลาเพื่อเอาชนะใจอีกฝ่าย…

“เหวินอวี้เอย… เรื่องราวบางประการ เมื่อสุดมือสอย เจ้าก็จําต้องปล่อยมันไป…”

ตื้อวิ๋นหลงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “เรื่องนี้เจ้าต้องฟังข้าลูกชายของหรูเฟิงไม่ธรรมดา ผู้อื่นเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงของฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนผู้นั้น”

“เจ้าเองก็เป็นคนมีเหตุผล…”

พอพูดจบคํา ตื้อวิ๋นหลงก็เดินจากไปทันที

ไม่จําเป็นต้องพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว

“ศิษย์ที่แท้จริงของฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน?”

หลังได้ยินคําพูดของตื้อวิ๋นหลง สองตาของตี้เหวินอวก็หดเล็กลงเร็วไว นางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าบุรุษที่เป็นรักแรกพบของนาง และถูกนางพามากักบริเวณไว้ที่บ้าน หมายใช้เวลาเพื่อเข้าไปอยู่ในใจอีกฝ่าย จะมีลูกชายที่มีความเป็นมาใหญ่โตขนาดนี้!

ขณะเดียวกัน ทางด้านต้วนหลิงเทียนเองก็กล่าวเล่าสถานการณ์ในปัจจุบันให้ต้วนหรูเฟิงฟังเรียบร้อย “ท่านพ่อ ท่านไปหาวิธีบอกลากับนางเถอะ แล้วก็อย่าให้นางต้องเจ็บมากนักเล่า เพราะสุดท้ายแล้วนางก็เป็นคนที่ช่วยชีวิตท่าน”

“เฮ่อ เจ้าเห็นพ่อไม่รู้ความรึไงเล่าไหนเลยจะไม่รู้ว่าติดค้างนางแค่ไหน”

ต้วนหรูเฟิงระบายลมหายใจอย่างทอดถอน “อย่างไรก็ตามเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของคนเรามันฝืนกันไม่ได้…ข้าคิดถึงก็แต่แม่ของเจ้า ตอนนี้ไม่รู้นางอยู่แห่งหนใดแล้ว ข้าแค่อยากหาแม่เจ้าให้เจอเร็วที่สุดเท่านั้น”

“ตั้งแต่ข้ากลับมาหาแม่เจ้าตอนนั้น พวกเราก็ไม่เคยห่างกันอีกเลย…ไม่รู้ปานนี้นางจะเป็นอย่างไรแล้ว จะดูแลตัวเองได้หรือไม่ก็ไม่รู้”

ต้วนหรูเฟิงเผยความกังวลที่มีต่อลี่หลัวออกมาให้เห็นชัดเจน