ตอนที่ 3,395 : อาจารย์ของเฟิ่งหวู่เต้า
อย่างไรก็ตามเฟิ่งหวู่เต้าไม่อาจยืดได้นานนัก พอได้ล่วงรู้ด่านพลังฝึกปรือของต้วนหรูเฟิง มันก็สลดลงทันที ความภาคภูมิใจก่อนหน้ามลายหายไปหมดสิ้น
“น้องต้วน…ถึงข้าจะก้าวหน้าขึ้นมาอย่างราบรื่น แต่ก็ผ่านการผจญภัยและประสบโชควาสนามาไม่น้อย…ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วด่านพลังฝึกปรือของเจ้าจะยังเหนือกว่าข้าอีก”
เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวอย่างทอดถอนใจ
ในอดีตด่านพลังฝึกปรือของต้วนหรูเฟิงก็เหนือกว่าเฟิ่งหวู่เต้ามาโดยตลอด
ต่อมาในช่วงที่หลบหนีออกจากดินแดนการล่มสลายของทวยเทพ แม้ด่านพลังฝึกปรือของต้วนหรูเฟิงจะยังเหนือกว่า แต่ก็เหนือกว่าไม่มากแล้ว
เฟิ่งหวู่เต้าหลงคิดว่าตัวเองก้าวหน้าขึ้นครั้งใหญ่ และคงยากจะมีใครที่หลบหนีออกจากดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพมาพร้อมมันจะเหนือกว่า
แต่ไม่คิดเลย ว่าสุดท้ายด่านพลังของต้วนหรูเฟิงก็ยังคงสูงกว่ามันอยู่ดี!
“น้องต้วน ดูเหมือนเจ้าจะพบพานการผจญภัยอันยิ่งใหญ่หลังขึ้นมาระนาบเทวโลกสินะ…”
เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวอย่างทอดถอนใจ
“การผจญภัยอันยิ่งใหญ่?”
ได้ยินคำพูดของเฟิ่งหวู่เต้า มุมปากต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆ เฟิ่งหวู่เต้าที่สังเกตเห็นก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง “น้องต้วนเจ้า…ทำไมรึ?”
“ลุงเฟิ่ง”
นับเป็นครั้งแรกเลยที่ต้วนหลิงเทียนได้เห็นบิดาไปไม่เป็นแบบนี้ ถึงแม้ต้วนหรูเฟิงจะเร่งส่งเสียงผ่านพลังมาห้าม แต่สุดท้ายเขาก็ยังขายบิดาให้เฟิ่งหวู่เต้าทันที
หลังได้รับทราบสถานการณ์ของต้วนหรูเฟิงแล้ว เฟิ่งหวู่เต้าก็อดอึ้งไปไม่ได้ “มี…มีเรื่องเช่นนี้ด้วย?”
จากนั้นเฟิ่งหวู่เต้าก็มองไปยังต้วนหรูเฟิงด้วยความอิจฉาพักหนึ่ง ค่อยถามออกมาด้วยความกระตือรือร้น “น้องต้วน…แล้วองค์หญิงน้อยที่ขี่ม้าขาวมาช่วยเจ้าของเผ่ากิเลนผู้นั้นเป็นเช่นไรบ้าง…นางใช่งดงามมากหรือไม่?”
“ท่านพ่อ!”
เฟิ่งเทียนหวู่ที่อยู่ข้างๆพอเห็นสายตาอิจฉาทั้งท่าทางกระตือรือร้นของบิดา ก็ไม่ไหวจะทน โพล่งคำเรียกบิดาออกมาเสียงดัง อาการของบิดานางคืออะไร? ฉิจฉาเรื่องราวของอาเฟิง?
หรือคิดจะหาแม่เลี้ยงให้นาง?
ได้ยินเสียงโพล่งทักของลูกสาว เฟิ่งหวู่เต้าก็สะดุ้งโหยง พลันตระหนักได้ว่าเมื่อครู่ออกอาการมากไปหน่อย หลังกระแอมแก้เขินแล้ว ก็ยิ้มแห้งๆกล่าวเปลี่ยนเรื่องทันที “เรื่องทั้งหมด เทียนหวู่บอกข้ากระจ่างแล้ว…ถึงนิกายอมตะฟ้าสัญจรจะดีไม่น้อย แต่ข้าก็ไม่คิดจะอยู่นิกายอมตะฟ้าสัญจรตลอดไปแต่แรก”
ลอกันเล่นหรือไร!?
ลุกสาวมันบอกชัดเจน ว่าตอนนี้ว่าที่ลูกของของมันอย่างต้วนหลิงเทียน ได้เป็นถึงนายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน! โอกาสไปฝึกฝนบ่มเพาะที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนอยู่ตรงหน้า!!
ยังเป็นโอกาสอันประเสริฐนัก!
คนธรรมดาแสวงหาไขว่คว้าชั่วชีวิตยังไม่แน่ว่าจะมีโอกาส!
“อย่างไรเสียข้าก็ต้องขอไปร่ำลาอาจารย์ก่อน…เช่นนั้นทุกคนตามข้าไปพบอาจารย์ด้วยกันเลยเถอะ
เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวชวน ก่อนจะเหินร่างนำไป
ด้วยมีเฟิ่งหวู่เต้านำพา ตลอดการเดินทางในนิกายอมตะฟ้าสัญจรล้วนราบรื่น ไม่มีใครออกมาขวาง กระทั่งระหว่างทางไม่ว่าจะศิษย์หรือชนชั้นอาวุโสในนิกาย ยามพบเจอก็ทักทายเฟิ่งหวู่เต้าด้วยท่าทางมากอัธยาศัย
โดยเฉพาะศิษย์สตรี หลายคนยังลอบส่งยิ้มพลางชะม้ายชายตามองเฟิ่งหวู่เต้าอีกด้วย ให้ท่ากันเห็นๆ
สิ่งนี้เผยให้รู้ว่าเฟิ่งหวู่เต้ามีหน้ามีตา และเป็นที่นิยมในนิกายอมตะฟ้าสัญจรมากขนาดไหน
“ลุงเฟิ่ง นี่คือผู้เฒ่าหั่ว”
สำหรับผู้เฒ่าหั่วแล้ว เฟิ่งหวู่เต้าไม่ใช่คนแปลกหน้าแต่อย่างไร แต่สำหรับเฟิ่งหวู่เต้า ผู้เฒ่าหั่วคือคนที่มันไม่เคยพบเจอหรือรู้จักกันมาก่อนเลย
อย่างไรก็ตามพอรับทราบว่าผู้เฒ่าเป็นถึงจักรพรรดิอมตะสมญานาม แถมเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มีพลังฝีมือไม่ใช่ชั่ว ถึงขั้นแข็งแกร่งเป็นอันดับ 3 ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน เฟิ่งหวู่เต้าก็เร่งประสานมือทำความเคารพด้วยความนับถือทันที
“ผู้เฒ่าหั่ว ก่อนหน้าเป็นข้าเสียมารยาทแล้ว”
พอกล่าวจบ เฟิ่งหวู่เต้าก็ลอบเหงื่อตกในใจ ด้วยรู้ว่าเมื่อครู่มันถึงกับละเลยตัวตนระดับไหนไป ตอนแรกมันหลงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ติดตามตัวน้อยของว่าที่ลูกเขยมันเท่านั้น ไหนเลยจะไปคิดฝันว่าที่แท้อีกฝ่ายจะเป็นยักษ์ใหญ่ตัวเป้งเช่นนี้ไปได้!
หากจะใช้คำในโลกเก่าเมื่อชาติก่อนของต้วนหลิงเทียนมาบรรยายล่ะก็…
หลงคิดว่าพบปะสามัญชน มิคาดที่แท้กลับพบเจอราชา!
“ท่านอาจารย์!”
ภายใต้การนำของเฟิ่งหวู่เต้า ในที่สุดต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆก็ได้เข้าพบอาจารย์ของเฟิ่งหวู่เต้า จักรพรรดิอมตะสมญานามเสาหลักของนิกายอมตะฟ้าสัญจร จักรพรรดิอมตะชะตาหาญ ถังเฉียน
ถังเฉียนมาในชุดคลุมสีขาวราวหิมะ เส้นผมขนคิ้วเป็นสีดอกเลา ใบหน้าแลดูอ่อนวัย คล้ายนักพรตเต๋าอยู่บ้าง
“อาวุโสถังเฉียน”
ต้วนหลิงเทียนต้วนหรูเฟิงประสานมือคารวะทักทายออกไปทันที
“อาจารย์”
เฟิ่งหวู่เต้าก็เรียกหาอาจารย์ เป็นการทักทาย
“อืม”
ถังเฉียนไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใคร หลังพยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนกับต้วนหรูเฟิงด้วยรอยยิ้มแล้ว ก็หันไปมองเฟิ่งเทียนหวู่ด้วยสายตายินดี
“สาวน้อย วันหน้าเจ้ากับบิดาก็อยู่นิกายอมตะฟ้าสัญจรของข้าได้อย่างวางใจเถอะ ที่นี่ยินดีต้อนรับเจ้าอย่างยิ่ง”
ถังเฉียนคลี่ยิ้มกล่าวคำออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผู้อาวุโส ข้าขอขอบคุณท่านมาก”
เฟิ่งเทียนหวู่เร่งกล่าวขอบคุณก่อน จากนั้นค่อยกล่าวว่า “แต่คำชวนของท่านข้าคงทำได้แค่รับไว้ด้วยใจ เพราะข้าไม่คิดจะอยู่นิกายอมตะฟ้าสัญจรแห่งนี้”
“วันนี้ที่ข้ามา ก็เพื่อพาท่านพ่อไป…ท่านพ่อจึงพาพวกเรามาเพื่อร่ำลาผู้อาวุโส”
เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวบอกถังเฉียนแทนเฟิ่งหวู่เต้า
“หืม?”
ได้ยินคำพูดของเฟิ่งเทียนหววู่ ถังเฉียนก็ขมวดคิ้วย่นยู่ แต่ไม่คิดจะกล่าวอะไรกับเฟิ่งเทียนหวู่ต่อ เพียงหันไปมองเฟิ่งหวู่เต้า
“อาจารย์”
เฟิ่งหวู่เต้าประสานมือโค้งคารวะพลางกล่าว “ถึงแม้ศิษย์จะออกจากนิกายอมตะฟ้าสัญจรไปแล้ว แต่จะไม่ลืมการสอนสั่งของท่านอาจารย์แน่นอน”
“นอกจากนี้ หากมีเวลาศิษย์จะหมั่นกลับมาหาท่านอาจารย์บ่อยๆ”
เฟิ่งหวู่เต้ากล่าว
หลังได้ฟังคำยืนยันว่าจะไปของเฟิ่งหวู่เต้า ถังเฉียนก็ได้แต่ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน “หวู่เต้าเอย เจ้าคิดไปอาจารย์ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ปล่อยให้เจ้าไป…แค่ในระนาบเทวโลกนั้นอันตรายมีอยู่ทุกแห่งหน”
“หากไร้พลังปกป้องตัวเองและคนรอบกาย…ก็เสมือน 9 ตาย 1 รอด”
“ตอนนี้เจ้ายังพึ่งเป็นจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น หากเจ้าออกไปท่องหล้าด้วยตัวเอง ก็ยากนักที่เจ้าจะเอาตัวรอดได้”
เห็นได้ชัดว่าถังเฉียนกังวลเรื่องความปลอดภัยของเฟิ่งหวู่เต้ามาก
“ท่านอาจารย์เรื่องนี้ขอท่านอย่าได้กังวลเลย ในเมื่อหวู่เต้าคิดไป ย่อมมีหนทางแล้ว…และที่หวู่เต้าคิดออกจากนิกายอมตะฟ้าสัญจรครานี้ ก็เพื่อจะไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน เช่นนั้นท่านอาจารย์คงไม่ห่วงแล้วกระมัง?”
เฟิ่งหวู่เต้าเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกมาตรงๆ
“พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!?”
ได้ยินคำพูดของเฟิ่งหวู่เต้า ลูกตาถังเฉียนก็หรี่ลงทันที เพราะสำหรับตัวมันแล้ว พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไม่ต่างอะไรกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจเอื้อม
ต่อให้มันจะอยากเข้าร่วมกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนแค่ไหน อาศัยพลังฝีมือของมันเกรงว่าจะยังไม่ผ่านเกณฑ์…
การรับสมัครคนเข้าสู่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนนั้น ไม่เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับพลังฝีมือถ่ายเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นผู้ที่สามารถรับฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด…จุดนี้มันลองไถ่ถามตัวเองดูก็พบว่าพอจะกระทำได้ อนิจจาสุดท้ายพลังฝีมือของมันก็ต่ำเกินเกณฑ์อยู่ดี
และอย่าว่าแต่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเลย แม้แต่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ที่นี่มันก็ไม่อาจเข้าร่วมได้แล้ว
“นี่มันเรื่องอันใดกันแน่?”
ถังเฉียนเอ่ยถามออกมาด้วยความงุนงง
ขณะเดียวกันมันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ราวกับจะค้นหาเบาะแสเรื่องราวอะไรจากพวกต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ
เฟิ่งเทียนหวู่กับต้วนหรูเฟิงนั้นยังไม่อะไร เพราะมันยังพอหยั่งถึงพลังฝึกปรือของทั้งคู่ได้อยู่
อย่างไรก็ตามถังเฉียนไม่อาจหยั่งถึงพลังฝึกปรือของชายหนุ่มชุดม่วงกับชายชราในชุดคลุมสีแดงเพลิงได้เลย
การที่ถังเฉียนไม่อาจมองผู้เฒ่าหั่วได้ออก เพราะพลังของมันต่ำกว่าผู้เฒ่าหั่วมากเกินไป
และต้วนหลิงเทียนที่มีทองเทพสุดลี้ลับ ซึ่งแผ่พลังลี้ลับปกป้องดวงจิตเอาไว้ตลอด พลังวิญญาณของเขาไม่แม้จะแผ่ออกมาเพียงเสี้ยว ทำให้ถังเฉียนไม่อาจหยั่งวัดอะไรได้เลย
“ท่านอาจารย์ นี่คือลูกเขยของข้าต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง”
เฟิ่งหวู่เต้าหันไปมองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียนออกมา น้ำเสียงยังเปี่ยมล้นไปด้วยความภาคภูมิใจ
หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ในระนาบเทวโลกมานาน เฟิ่งหวู่เต้าเองก็ได้รับทราบเรื่องราวทั้งหลายในระนาบเทวโลกไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวของเหล่าจักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลาย ซึ่งไม่กี่ร้อยยปีมานี้ เรื่องราวของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางยังน่าสนใจเป็นที่สุด
จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางนั่น ศักยภาพมากพอให้เรียกว่าเป็นตำนานเลยทีเดียว และมีหลายคนคาดกันว่าสมควรบรรลุถึงขอบเขตเทพได้แล้ว
ที่สำคัญที่สุดคือ…
จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง เป็นผู้ที่สามารถรอดชีวิตกลับออกมาจากนรกอสุรา 1 ใน 7 แดนต้องห้ามของระนาบเทวโลก!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องใดอื่น อาศัยเรื่องนี้ก็มากพอให้ชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วทุกระนาบเทวโลกแล้ว!
“ศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!?”
ประโยคนี้ของเฟิ่งหวู่เต้าย่อมสร้างความตกใจให้ถังเฉียนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ทำให้ลูกตามันอดหดเล็กลงไม่ได้ “จริงหรือ?”
ขณะเดียวกันมันก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความคลางแคลง
“ผู้เฒ่าหั่ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ถังเฉียนด้วยรอยยิ้ม เขารู้ดีว่าตอนนี้ถังเฉียนต้องการคำยืนยันที่แน่ชัด
เขาไหนเลยจะมองไม่ออก ว่าทั้งหมดเป็นเพราะถังเฉียนห่วงใยความปลอดภัยของเฟิ่งหวู่เต้าจริงๆ
ด้วยเหตุนี้เขาก็เลยรู้ดี ว่านอกจากจะทำให้ถังเฉียนเชื่อเขาได้แล้ว อีกฝ่ายไม่มีทางปล่อยเฟิ่งหวู่เต้าไปเพราะวาจาไม่กี่คำแน่
ด้านผู้เฒ่าหั่วพอได้ยิน ชุดคลุมสีแดงเพลิงก็เริ่มกระเพื่อมไหว จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดพร้อมด้วยกฏแห่งไฟก็ปะทุขึ้นมาม้วนวนรอบกาย เพาะสร้างเป็นแรงกดดันพลังขุมหนึ่งกดทับเข้าใส่ถังเฉียน พาลให้หน้าถังเฉียนเปลี่ยนสีไปทันที!
ถึงแม้ถังเฉียนจะเร่งเร้าพลังขึ้นมาเพื่อต้านทานแรงกดดันดังกล่าวแล้ว แต่มันก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันมหาศาล ทำให้มันตระหนักได้ถึงความต่างชั้นระหว่างมันกับอีกฝ่ายชัดเจน
ถังเฉียนเป็นเพียงจักรพรรดิอมตะสมญานามธรรมดาๆ ที่ไม่รู้จะธรรมดาไปกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว
ในสมรภูมิ 9 ยมโลก อาศัยพลังฝีมือระดับถังเฉียนก็จัดว่าเป็นแค่เทพสงคราม 1 ดาราเท่านั้น และยังเป็นเทพสงคราม 1 ดาราดาษๆอีกด้วย
อาศัยพลังระดับนี้ ต่อหน้าผู้เฒ่าหั่วที่มีพลังระดับเทพสงคราม 6 ดาราแล้ว มันไม่อาจนับเป็นตัวอะไรได้เลย
“ถังเฉียน ขอคารวะใต้เท้า”
เมื่อผู้เฒ่าหั่วถอนรั้งแรงกดดันพลังออกไป ถังเฉียนที่ตอนนี้เหงื่อแตกพลั่กๆ ก็เร่งประสานมือโค้งคารวะผู้เฒ่าหั่วอย่างตัวสั่นงันงก
“ข้าคือผู้เฒ่าหั่วแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน หากเจ้าไม่เชื่อ…ก็สามารถไปยืนยันข้อเท็จจริงที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนได้ทุกเมื่อ”
ผู้เฒ่าหั่วเอ่ยออกเสียงเรียบ “สำหรับนายน้อยเบื้องหน้าข้า ก็คือนายน้อยเพียงหนึ่งเดียวของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน…เจ้าสามารถมีสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์อาจารย์กับเฟิ่งหวู่เต้าได้ ถือเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว”
“ข้าเชื่อ! ข้าเชื่อแล้ว!!”
จังหวะนี้ถังเฉียนที่พบเจอกับแรงกดดันพลังอันน่ากลัวของผู้เฒ่าหั่วมากับตัว ยังจะกล้าสงสัยฐานะต้วนหลิงเทียนได้อย่างไร? มันเร่งโค้งคารวะต้วนหลิงเทียนทันที “ถังเฉียน ขอคารวะนายน้อย”
นายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!
ตัวตนระดับนี้ไม่จำเป็นต้องลงมือ อาศัยหนึ่งถ้อยคำวาจา ก็มากพอให้มันตกตายอย่างไร้ที่ฝัง!
“อาวุโสถังเฉียนเกรงใจไปแล้ว ในเมื่อท่านเป็นอาจารย์ของลุงเฟิ่ง เช่นนั้นก็เสมือเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของข้า เรียกข้าว่าหลิงเทียนก็ได้”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มกล่าว
“นายน้อย ฐานะท่านไม่อาจเพิกเฉย อีกทั้งข้าเองก็เคารพนับถือใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมานาน…ในเมื่อท่านเป็นศิษย์ของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ท่านมาหาข้า ยังต่างอะไรกับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มาหาข้า”
ถังเฉียนเร่งกล่าวประจบทันที
ในอดีตตอนที่คนของนิกายอมตะฟ้าสัญจรกล่าวว่า การที่เฟิ่งหวู่เต้าได้คารวะมันเป็นอาจารย์ ก็คือว่าเป็นดั่งโชควาสนาของเฟิ่งหวู่เต้านั้น…ลึกลงไปในใจของมันก็เห็นด้วย
แต่ตอนนี้หลังได้ฟังคำพูดของผู้เฒ่าหั่ว มันกลับรู้สึกว่าเป็นมันต่างหากที่มีโชควาสนา ถึงได้รับศิษย์อย่างเฟิ่งหวู่เต้า!
เพราะฐานะอาจารย์ของเฟิ่งหวู่เต้าของมัน ทำให้มันมีโชคชะตาเกี่ยวข้องกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!
นึกภาพออกได้เลย
วันหน้าหากมันพบเจอปัญหายากแก้ไข มันเพียงขอความช่วยเหลือจากเฟิ่งหวู่เต้า จากนั้นพอเฟิ่งหวู่เต้านำไปบอกกล่าวต่อนายน้อยจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนสักคำ น่ากลัวทางพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ประกาศคำออกมาสักประโยค ก็คงสะสางปัญหาให้มันได้แล้ว
‘นายน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน…เป็น…ลูกเขย?’
และพอนึกถึงวาจาที่เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวแนะนำชายหนุ่มชุดม่วงเมื่อครู่ ใจถังเฉียนก็เต้นรัวไปไม่เป็นจังหวะ สีหน้ายังเริ่มแดงก่ำขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น!