ตอนที่ 3,405 : ที่อยู่ของมู่อีอี
  ครืนนน!!
  ครืนนน!!
  …
  กฏแห่งชีวิตก็ไม่ต่างอะไรจากกฏแห่งไม้มากนัก ไม่เพียงแต่จะมีพลังรักษา แต่ยังมีพลังอำนาจในการเข่นฆ่าผู้คนอีกด้วย
  ในขณะที่ซือปั๋วผิงลงมือเข่นฆ่าสังหารเข้ามา ทั่วร่างมันก็ปรากฏเงาร่างต้นไม้ประหลาดขึ้น ตัวลำต้นมีสีฟ้าอมเขียว มีเห็นหนามแหลมทิ่มแทงออกมาเต็มไปหมด แลดูอัปลักษณ์ชอบกล
  พลังธาตุชีวิตที่ผสานพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันระเบิดออกมาอย่างน่ากลัว! แถมกลิ่นอายพลังชีวิตยังรุนแรงมหาศาลยิ่งกว่าการลงมือครั้งก่อน ทั้งพอพุ่งทะยานแหวกอากาศเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนได้ไม่ทันไร ก็แปรสภาพกลับกลายเป็นแสงกระบี่นับหมื่นพันเล่ม! ประหนึ่งจะกลืนต้วนหลิงเทียนที่รอบกายปรากฏร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวขึ้นมาปกปักษ์ให้หายไปในบัดดล!!
  ทว่าทันใดนั้นเอง
  ในห้วงเวลาพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ
  ฟู่มมม!!
  ปงงงงง!!
  …
  เสียงคลื่นพลังแหวกฟ้ามาฉับไว เป็นแสงกระบี่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตอันน่าพรั่นพรึงของซือปั๋วผิง ไม่ทันได้ปะทะเข้ากับร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวที่อุบัติมาปกป้องคลุมกายต้วนหลิงเทียน ก็ถูกเพลิงพลังสีทองที่ถล่มลงจากฟ้าปานคลื่นมหรรณพคลั่ง ถล่มกลืนจนหายไปในพริบตา!!
  เพลิงพลังสีทองดังกล่าว ทรงพลังอำนาจเหนือล้ำกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด!
  “อะไร!?”
  สีหน้าซือปั๋วผิงเปลี่ยนไปใหญ่หลวง จากนั้นไม่ทันที่มันจะได้ตอบสนองเรื่องราว กลางฟ้าก็ปรากฏร่างชราในชุดคลุมแดงเพลิงที่เต็มไปด้วยเพลิงพลังสีทองลุกโชน จนคนคล้ายจะหลอมผสานเข้ากับเพลิงสีทองยากแยกแยะ!
  ‘บัดซบ! ไฉนมันมาอยู่ที่นี่ได้!?’
  ‘ไม่ใช่ว่ามันจากไปแล้วหรือไร!?’
  ที่แท้ก่อนที่กระบวนท่าของซือปั๋วผิงจะปะทะเข้ากับร่างอวตารกฏต้นไม้เทพสนหลิวของต้วนหลิงเทียน ก็ถูกพลังของร่างผู้มาใหม่ทำลายลงเสียก่อน และผู้มาใหม่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้เฒ่าหั่วนั่นเอง!
  ในสายตาของซือปั๋วผิง ผู้เฒ่าหั่วไม่ควรมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้เลย!
  อีกฝ่ายสมควรถูกมันหลอกให้ย้อนกลับไปหาถ่าถูแล้วไม่ใช่หรือไร!?
  “ผู้เฒ่าหั่ว…ข้าเข้าใจผิดจริงๆ ตอนแรกหลงคิดว่าซือปั๋วนู่คิดฆ่าข้าเพราะเหตุผลบางอย่างเสียอีก แต่มิคาดกลับเป็นซือปั๋วผิงที่ปลอมตัวมาได้อย่างแนบเนียน”
  หลังการลงมือของซือปั๋วผิงถูกผู้เฒ่าหั่วหยุดยั้ง เสียงเฉยเมยของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้น และน้ำเสียงก็ฟังดูปกติ ไม่หลงเหลืออาการอ่อนแออะไรอยู่เลย ชัดถ้อนชัดคำเปี่ยมไปด้วยพลัง ราวกับไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย
  พริบตาต่อมา ซือปั๋วผิงก็เห็นว่าต้นไม้ที่สูงตระหง่านเบื้องหน้าได้สลายหายไป ปรากฏชายหนุ่มชุดม่วงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าท่าทีแลดูปกติ กำลังมองมาทางมันด้วยสายตาหยอกล้อ
  “เจ้าคงกำลังสงสัยอยู่กระมัง ว่าไฉนผู้เฒ่าหั่วถึงยังไม่ได้จากไป?”
  ต้วนหลิงเทียนที่มองซือปั๋วผิงด้วยสายตาราวกับมองตัวโง่งม เอ่ยถามเสียงเฉย
  และพอเห็นสีหน้าซือปั๋วผิงยิ่งมาก็ยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสมเพช “นี่เจ้าโง่งมหรือไม่มีสมองอยู่เลยกันแน่ ถึงได้ยกอ้างเรื่องจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูเรียกให้ไปเอาของขวัญสำคัญออกมาได้? ข้าฟังดูก็บอกได้ทันที ว่าต่อให้จักรพรรดิสรรค์ถ่าถูจะทำอะไรแบบนั้นจริง ก็สมควรส่งข้อความให้อาวุโสคลุมเทาที่มาส่งพวกเรามากกว่า…”
  “เพราะในสายตาจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถู อาวุโสคลุมเทานั่นก็คือคนที่ได้รับคำสั่งให้มาส่งพวกเรา ไหนเลยจะไปรู้ว่าเจ้าที่จากไปแต่แรก ยังรอส่งพวกเราอยู่…”
  “พิรุธใหญ่โตดังกล่าว หากข้าไม่รู้ว่าเรื่องราวผิดท่าก็แย่แล้ว เช่นนั้นข้าจึงให้ผู้เฒ่าหั่วทำทีเป็นจากไป และซ่อนตัวรอดูว่าเจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่…”
  “ที่แท้เจ้าก็คิดฆ่าข้า”
  “แต่เป็นธรรมดาว่าข้าหลงคิดว่าซือปั๋วนู่แค้นข้าเพราะเรื่องเจ้าก็เลยหมายฆ่าข้า ไม่ทันได้คิดว่าจะเป็นเจ้าปลอมตัวมาแบบนี้…ที่ต้องชมก็คือวิชาแปลงร่างของเจ้าร้ายกาจจริงๆ ข้าไม่อาจมองเห็นพิรุธอะไรได้เลย”
  “ให้ข้าเดานั่นสมควรเป็นพรสวรรค์วิชาแต่กำเนิดของเจ้ากระมัง?”
  ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนมองเรื่องราวได้กระจ่างแล้ว เพราะดูจากซือปั๋วผิงที่กลายเป็นมนุษย์ต้นไม้หนามเบื้องหน้า ก็บ่งบอกให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้คน แต่สมควรเป็นต้นไม้อมตะอะไรบางอย่าง ที่มีความสามารถในการปลอมแปลงระดับสูง ไม่งั้นอีกฝ่ายไม่มีทางปลอมเป็นซือปั๋วนู่ได้แนบเนียนถึงขั้นที่เขากับผู้เฒ่าหั่วมองไม่ออกแบบนี้
  พอกล่าวจบคำมุมปากต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มสมเพช แววตาฉายให้เห็นถึงความหยอกล้อตัวโง่งมประการหนึ่ง
  สีหน้าของซือปั๋วผิงมืดดำลงทันใด บัดนี้มันพึ่งจะตระหนักได้ว่า…แผนการของมันเมื่อครู่มีช่องโหว่ขนาดไหน!
  ทว่าทันใดนั้นเองสองตาของซือปั๋วผิงก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวไร้ลังเล ร่างมนุษย์ต้นไม้หนามเปล่งแสงจ้า กลิ่นอายพลังชีวิตปะทุออกมารุนแรงกว่าครั้งใด ร่างประหลาดเหินขึ้นฟ้าไปดั่งเงาเลือน ราวมังกรเขียวทะยานข้ามม่านเมฆอยู่บ้าง!
  “คิดหนี?”
  เห็นฉากดังกล่าว ผู้เฒ่าหั่วก็ยกยิ้มแสยะเย็นชา มือสะบัดออกไปเบาๆ ปรากฏเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ พุ่งทะยานไล่ตามซือปั๋วผิงไปฉับไวราวกระสวยอวกาศ! พริบตาก็จ้วงกระแทกเข้ากลางหลังของมันจนหน้าถลัน ก่อนจะวกขึ้นไปอยู่เหนือร่าง แล้วกดทับลงมาด้วยสภาวะปานขุนเขาถล่ม!
  ปงงงงง!!
  ร่างที่แท้จริงของซือปั๋วผิงถูกเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทับถล่มร่วงลงมาจากฟ้า ก่อนจะอัดมันเข้ากับพื้นอย่างแรง! ไม่ว่าซือปั๋วผิงจะดิ้นรนอย่างไร ก็ไม่อาจหลุดพ้นการกดทับของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้เลย!!
  “นาย…นายน้อย ข้า…ข้าแค่ล้อท่านเล่นนิดเดียว! ปล่อยข้าไปเถอะ ไว้ชีวิตข้าด้วย!!”
  พอเห็นว่าไม่อาจหลีกหนีไปไหนได้แล้ว ซือปั๋วผิงก็หน้าซีดลงด้วยความหวาดกลัวเสียขวัญ เร่งกล่าววิงวอนขอชีวิตกับต้วนหลิงเทียนยกใหญ่
  เห็นชัดว่ามันรู้ดีแก่ใจ ว่าหากชายหนุ่มเบื้องหน้าไม่มีจิตคิดเมตตาล่ะก็ มันได้ตกตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
  “ล้อเล่น? ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากได้อุปกรณ์เทพที่ข้าอาจจะมีหรอกรึ?”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน “ทำไมเล่า? อยู่ดีๆก็เกิดเปลี่ยนใจไม่อยากได้แล้ว?”
  “นายน้อย…ข้าแค่พูดขำๆ หมายล้อท่านเล่นเท่านั้นเอง…”
  ซือปั๋วผิงคลี่ยิ้มกล่าวด้วยสีหน้าสลด
  “ว่าแต่อะไรดลใจให้เจ้าคิดว่าข้าอาจมีอุปกรณ์เทพติดตัว?”
  ต้วนหลิงเทียนถามเสียงเบา
  “ก็หลังจากที่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางกลับออกมาจากนรกอสุรา…เห็นได้ชัดว่าสมควรพบพานโชควาสนาครั้งใหญ่ และน่าจะได้อุปกรณ์เทพติดมือกลับมาไม่น้อย หาไม่แล้วจะตบรางวัลให้จักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์เมิ่งหลัวที่คอยดูแลพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเช่นนั้นหรือ? เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไรในระนาบเทวโลกเลย กระทั่งพี่ใหญ่ข้ายังคาดว่าจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางสมควรได้รับอุปกรณ์เทพจากนรกอสุราติดมือกลับมามากกว่า 2 ชิ้น…”
  “แต่เป็นธรรมดาว่าข้าก็ไม่แน่ใจนักหรอก…”
  “แค่ข้าคิดว่าหากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางได้รับอุปกรณ์เทพจากนรกอสุรามาสัก 3 ชิ้น ก็สมควรต้องมอบให้ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวเช่นท่านสักชิ้นแน่”
  ซือปั๋วผิงกล่าวตอบออกมาตามตรง แลดูให้ความร่วมมือดีมาก
  “แบบนี้นี่เอง…”
  ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้ทันทีว่าเป็นเรื่องราวใด ขณะเดียวกันมุมปากเขาก็ยกยิ้มแสยะขึ้นมา “ที่แท้เจ้าก็ถูกความโลภครอบงำ?”
  “นายน้อย! เมตตาไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าสำนึกผิดแล้ว! ขอท่านเมตตาละเว้นข้าสักครั้งเถอะ!!”
  ซือปั๋วผิงเร่งวิงวอนร้องขอชีวิตออกมายกใหญ่ เพราะมันสัมผัสได้ว่าผู้เฒ่าหั่วที่กำลังควบคุมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอยู่เริ่มเผยเจตนาฆ่าฟันออกมาแล้ว…
  “ซือปั๋วผิง เกรงว่าเจ้าคงไม่รู้สินะ…ว่าถึงข้าจะเป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง แต่ข้ายังไม่ได้พบเจอกับอาจารย์เลยสักครั้ง? ในเมื่อข้าไม่เคยเจอกับท่านอาจารย์ด้วยซ้ำ…แล้วอาจารย์จะให้อุปกรณ์เทพข้ามาได้อย่างไร?”
  ต้วนหลิงเทียนหัวเราะเบาๆ
  และวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน พอดังเข้าหูซือปั๋วผิง มันก็รู้สึกเสมือนมีอัสนียามแล้งที่ไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆมาก่อนฟาดผ่าลงมากลางหัวอย่างจัง ทำให้มันตระหนักได้ว่าการเสี่ยงวางแผนก่อการครั้งนี้ช่างน่าขันขนาดไหน!
  มันหลงคิดว่ามันเสี่ยงเพื่อมีโอกาสได้ครอบครองอุปกรณ์เทพแสนล้ำค่าที่กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูยังไม่มี แต่ไม่เพียงแผนจะล่มไม่เป็นท่า อีกฝ่ายยังมาบอกอีกว่าไม่เคยพบเจอกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางมาก่อน!
  “นายน้อย ท่านไม่อาจฆ่าข้าได้…หากท่านฆ่าข้า พี่ใหญ่ของข้าไม่มีวันปล่อยท่านไปแน่!!”
  ซือปั๋วผิงที่สิ้นไร้หนทาง ก็ได้แต่ยกอ้างซือปั๋วนู่ที่เป็นดั่งไพ่ตายใบสุดท้ายออกมา
  ได้ยินคำกล่าวขู่ของซือปั๋วผิง ต้วนหลิงเทียนก็เลิกคิ้วขึ้น “จริงรึ?”
  “ผู้เฒ่าหั่ว ในเมื่อมันอยากเห็นท่าทีของพี่ใหญ่มันนัก…เช่นนั้นพวกเราพามันไปหาจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูเถอะ ข้าเองก็อยากรู้จริงๆว่าจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถูจะจัดการกับมันอย่างไร”
  ต้วนหลิงเทียนหันไปกล่าวกับผู้เฒ่าหั่ว
  หลังจากนั้นไม่นาน ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วก็ได้ย้อนกลับมายยังสถานที่พักบ่มเพาะของ ถ่าถู จักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียน ด้านถ่าถูเองก็งุนงงไม่น้อยเมื่อเห็นทั้งคู่ย้อนกลับมา แถมยังหิ้วร่างซือปั๋วผิงกลับมาอีก
  “อาจาร์ยลุงถ่าถู”
  ต้วนหลิงเทียนปริปากกล่าวเล่าเรื่องราวไม่กี่คำ ก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นออกไปจนหมด
  สีหน้าจักรพรรดิสวรรค์ถ่าถู มืดดำลงโดยพลัน
  “ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ขอท่านเมตตาไว้ชีวิตข้าด้วย! ข้าแค่เลอะเลือนไปชั่วขณะ! ขอใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เห็นแก่ที่ข้าและพี่ใหญ่จงรักภักดีต่อท่านมานานปี เมตตาละเว้นข้าสักครั้งเถอะ!!”
  ต่อหน้าจักรพรรดิสวรรค์ถ้าถู ซือปั๋วผิงที่ถูกผู้เฒ่าหั่วจับกลับมาและโยนทิ้งราวขยะ ก็เร่งคุกเข่าวิงวอนร้องขอชีวิตออกมาไม่หยุด!
  ถ่าถูนิ่งเงียบไม่ตอบคำซือปั๋วผิงไปพักหนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงมองกล่าวกับซือปั๋วผิงเสียงเฉย “ข้าแจ้งเรื่องทั้งหมดให้อานู่ฟังแล้ว…และมันตอบกลับมาว่า เจ้าต้องรับผิดชอบการกระทำและหายนะเภทภัยที่เจ้าก่อขึ้นครั้งนี้ด้วยตัวเอง…”
  “มันยังบอกข้าอีกว่า…ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันตามเช็ดก้นให้เจ้าเกินพอแล้ว แถมครั้งนี้เจ้าถึงกับกล้าล่วงเกินนายน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน มันไม่มีปัญญาปกป้องเจ้าหรอก”
  พอถ่าถูกล่าวจบคำและสีหน้าของซือปั๋วผิงกลายเป็นสิ้นหวังจับใจ ก็ไม่เห็นว่าถ่าถูลงมืออย่างไร ทว่าอยู่ๆก็อุบัติหมอกดำหนึ่งผุดจากความว่างเปล่ามาปกคลุมไปทั่วร่างซือปั๋วผิง จนเมื่อหมอกดำสลายตัวไป…ร่างซือปั๋วผิงก็ไม่อยู่แล้ว คงเหลือแต่กองเลือดชุ่มพื้น กับแหวนพื้นที่วงหนึ่ง…!
  “ศิษย์หลานต้วน ข้าจัดการเช่นนี้เจ้าพอใจแล้วหรือไม่?”
  ถ่าถูหันไปกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
  “ขอบคุณ อาจารย์ลุงถ่าถู”
  ต้วนหลิงเทียนเอ่ยขอบคุณเบาๆ
  และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วกำลังจะเหินร่างจากไปอีกครั้ง ถ่าถูก็เอ่ยขึ้นว่า “อานู่ ไม่เก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจแน่นอน…เพราะจะว่าไป ทั้งคู่ก็ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆแต่อย่างใด เพียงแค่อยู่ด้วยกันมานานมากแล้วเท่านั้น อานู่จึงเห็นซือปั๋วผิงเป็นดั่งพี่น้องแท้ๆ”
  “ตลอดหลาปีที่ผ่านมา ซือปั๋วผิงอาศัยเรื่องที่อานู่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามใต้บัญชาอันดับ 1 ของข้า ออกไปก่อเรื่องสร้างความขุ่นเคืองให้แก่ผู้คนมากมาย และสุดท้ายก็เป็นอานู่ที่ออกไปตามล้างตามเช็ดให้มัน”
  “คราวนี้ที่ซือปั๋วผิงต้องตาย หากอานู่จะโทษใครก็คงมีแต่โทษตัวเองเท่านั้น ที่ไม่อบรมสั่งสอนมันให้ดี”
  “เช่นนั้น เจ้าก็อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองอันใดอานู่เลย”
  ถ่าถูออกหน้ากล่าวปกป้องซือปั๋วนู่ไว้ก่อน ด้วยกลัวจะถูกต้วนหลิงเทียนเหมารวมหรือระแวง
  “อาจารย์ลุงถ่าถู ขอท่านวางใจได้ ข้าไม่ใช่คนพาลที่จะตำหนิใครมั่วซั่ว”
  ต้วนหลิงเทียนยิ้มพลางส่ายหัวไปมา
  หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่วก็กล่าวคำอำลาถ่าถูอีกรอบ ค่อยใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียนไปยังระนาบเทวโลกแห่งอื่น
  คราวนี้เขาเสียเวลาไปในระนาบสือฉี่เทียนนานพอสมควร
  อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีทางเลือกอื่น
  สุดท้ายแล้วมารดาของเขาลี่หลัว ก็ใส่ใจนิกายฉวินซิ่วมาก หากเรื่องของนิกายฉวินซิ่วไม่ได้รับการจัดการให้เรียบร้อย ด้วยความเข้าใจที่ต้วนหลิงเทียนมีต่อมารดาเขา ลี่หลัว นางไม่มีทางปล่อยวางเรื่องนี้ง่ายๆแน่
  เรื่องที่เขาให้จักรพรรดิสวรรค์สือฉี่เทียนคุ้มครองนิกายฉวินซิ่ว แม้ลี่หลัวจะไม่พูดอะไร แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกได้…ว่าหินหนักที่กดทับในอกของมารดาสลายหายไปแล้ว…
  เพราะตอนนี้ลี่หลัวแลดูผ่อนคลายทั้งโล่งใจกว่าก่อนหน้ามาก
  “ไปตามหาคนอื่นต่อ…”
  หลังออกจากสือฉี่เทียน ต้วนหลิงเทียนก็พาผู้เฒ่าหั่วไปยังระนาบเทวโลกแห่งอื่นที่เขาไม่เคยไปมาก่อน และรอการติดต่อกลับมาจากเหล่าคนที่เขากำลังตามหา
  “เสี่ยวเฟยเอ๋อ เนี่ยนเทียน เฉวี่ยไน่ และศิษย์น้องมู่อีอี…ที่แท้พวกเจ้าอยู่ระนาบเทวโลกไหนกัน?”
  ตอนนี้หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนได้พบเจอคนที่เขาตามหาแล้วหลายคน เขาก็รับทราบถึงสถานการณ์ความเป็นตายของครอบครัวและมิตรสหายที่ถูกจับตัวไปยังดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพโดยละเอียด
  นอกจากไม่กี่คนที่เขาพบเจอกับเค่อเอ๋อที่ยังอยู่ในดินแดนการล่มสลาแห่งทวยเทพ ก็เหลือแค่ ลี่เฟย ต้วนเนี่ยนเทียน หานเฉวี่ยไน่ และมู่อีอีเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่…
  ส่วนคนอื่นๆตกตายไปหมดสิ้นแล้ว
  ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงบังเกิดความร้อนใจ หมายตามหาคนที่เหลือให้พบโดยเร็วที่สุด ด้วยกลัวจะมาทราบข่าวร้ายภายหลัง ว่าเกิดเรื่องกับทุกคนขึ้นในระนาบเทวโลก…
  เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับลี่หลัว ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหนาวยะเยือกจับไขสันหลังนัก!
  “พี่ใหญ่ต้วน ศิษย์พี่มู่อีอีตอบกลับมาแล้ว!”
  หลังจากผ่านระนาบเทวโลกไปอีกนับโหล ในที่สุดเสียงของเฟิ่งเทียนหวู่ก็ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน ทำให้สองตาต้วนหลิงเทียนเป็นประกายขึ้นมาทันที
  ตอนนี้ระนาบเทวโลกที่ต้วนหลิงเทียนอยู่เรียกว่า ลั่วสุ่ยเทียน
  “ศิษย์น้องมู่อีอีอยู่ที่ไหนรึ!?”
  ถึงแม้อายุอานามของมู่อีอีจะไม่ได้น้อยไปกว่าเขาเลย แต่ตำแหน่งใน 7 ทวาราเที่ยงแท้ของเขามีลำดับสูงกว่านาง ตัวเขาเป็นผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ ส่วนมู่อีอีก็คือผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2 ความลับสวรรค์ เช่นนั้นมู่อีอีจึงถือเป็นศิษย์น้องของเขา
  อย่างไรก็ตามเฟิ่งเทียนหวู่เป็นผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 5 หงส์ฟ้าจรัสแสง ก็เลยเรียกหาผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 2 ความลับสวรรค์อยย่างมู่อีอีว่าศิษย์พี่…
ระนาบเทวโลกไหนกัน?”
  ตอนนี้หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนได้พบเจอคนที่เขาตามหาแล้วหลายคน เขาก็รับทราบถึงสถานการณ์ความเป็นตายของครอบครัวและมิตรสหายที่ถูกจับตัวไปยังดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพโดยละเอียด
  นอกจากไม่กี่คนที่เขาพบเจอกับเค่อเอ๋อที่ยังอยู่ในดินแดนการล่มสลาแห่งทวยเทพ ก็เหลือแค่ ลี่เฟย ต้วนเนี่ยนเทียน หานเฉวี่ยไน่ และมู่อีอีเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่…
  ส่วนคนอื่นๆตกตายไปหมดสิ้นแล้ว
  ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงบังเกิดความร้อนใจ หมายตามหาคนที่เหลือให้พบโดยเร็วที่สุด ด้วยกลัวจะมาทราบข่าวร้ายภายหลัง ว่าเกิดเรื่องกับทุกคนขึ้นในระนาบเทวโลก…
  เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับลี่หลัว ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหนาวยะเยือกจับไขสันหลังนัก!
  “พี่ใหญ่ต้วน ศิษย์พี่มู่อีอีตอบกลับมาแล้ว!”
  หลังจากผ่านระนาบเทวโลกไปอีกนับโหล ในที่สุดเสียงของเฟิ่งเทียนหวู่ก็ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน ทำให้สองตาต้วนหลิงเทียนเป็นประกายขึ้นมาทันที
  ตอนนี้ระนาบเทวโลกที่ต้วนหลิงเทียนอยู่เรียกว่า ลั่วสุ่ยเทียน
  “ศิษย์น้องมู่อีอีอยู่ที่ไหนรึ!?”
  ถึงแม้อายุอานามของมู่อีอีจะไม่ได้น้อยไปกว่าเขาเลย แต่ตำแหน่งใน 7 ทวาราเที่ยงแท้ของเขามีลำดับสูงกว่านาง ตัวเขาเป็นผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ ส่วนมู่อีอีก็คือผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2 ความลับสวรรค์ เช่นนั้นมู่อีอีจึงถือเป็นศิษย์น้องของเขา
  อย่างไรก็ตามเฟิ่งเทียนหวู่เป็นผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 5 หงส์ฟ้าจรัสแสง ก็เลยเรียกหาผู้สืบทอดของทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 2 ความลับสวรรค์อยย่างมู่อีอีว่าศิษย์พี่…