ตอนที่ 3,418 : จักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน
  เรียกว่าสายยตาที่ข่งโย่วอี้ใช้มองจ้องต้วนหลิงเทียนนั้น มันอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง
  ถึงแม้บาดแผลที่ต้วนหลิงเทียนทำร้ายมัน จะสามารถรักษาให้หายได้ง่ายดายด้วยพลังของมัน แต่ความเจ็บปวดกับสารรูปตอนถูกทำร้ายนั่น มันจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต!
  ตลอดชีวิตที่ผ่านมา มันเติบโตมาอย่างราบรื่นไร้ปัญหาใดๆ ไหนเลยจะเคยเผชิญกับอาการทุกข์ทนดังกล่าว
  ไม่ต้องกล่าวถึงใดอื่น กระทั่งพ่อแท้ๆของมัน ก็ไม่เคยทำร้ายมันให้เจ็บถึงขนาดนั้นด้วยซ้ำ!
  ที่สำคัญที่สุดก็คือ…
  ต้วนหลิงเทียนกลับทำให้มันต้องอับอายขายหน้าต่อผู้หญิงที่มันไล่ตาม!
  เป็นธรรมดาว่าเดิมทีมันก็อิจฉาเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนได้เป็นสามีของลี่เฟยอยู่แล้ว และลี่เฟยก็ไม่แยแสมันเพราะมีต้วนหลิงเทียน
  “ศิษย์พี่รอง…”
  เนื่องจากลี่เฟยกำลังจะไปแล้ว จักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็มีอารมณ์ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก พอมาเห็นจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ยคิดจะหาเรื่องต้วนหลิงเทียนอีก จะไม่ให้นางหงุดหงิดได้ยังไง?
  “เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดข้าเห็นกับตา…ถึงแม้การลงมือของต้วนหลิงเทียนจะรุนแรงไปบ้าง แต่ก็เป็นลูกท่านที่ไปดูแคลนท้าทายผู้อื่นเขาเอง”
  จักรพรรดิอมตะหนามม่วง มองจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วพลางกล่าวเสียงเข้ม “คนหนุ่ม ยังมีผู้ใดไม่ใตร้อน…เท่าที่ข้ารู้มา กระทั่งศิษย์พี่รองเองตอนยังเยาว์ไม่ใช่เพราะสตรีบ้านอื่นยอมตายแต่ไม่ยอมจำนนต่อท่าน ตัวท่านก็ไปฆ่าล้างตระกูลผู้อื่นเขาหรอกหรือ?”
  “เทียบกับสิ่งที่ท่านทำในอดีต ต้วนหลิงเทียนเพียงแค่ลงมือตามคำท้าลูกชายตัวดีของท่าน ที่เอาแต่ดูแคลนผู้อื่นไม่หยุด ยังต่างอะไรกับเรื่องขี้ประติ๋ว?”
  ยิ่งมาน้ำเสียงขณะพูดของจักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็ยิ่งเย็นลง
  “ทำไม?”
  พอได้ยินอีกฝ่ายยกตัวเองมาเปรียบ ใบหน้าจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วก็จมลงทันที สองตายังฉายแววเยียบเย็นนัก “ศิษย์น้องหญิง 3 เจ้าพูดแบบนี้…หรือเจ้าคิดปกป้องมัน! แค่เพราะมันเป็นสามีของศิษย์รักเจ้ารึ?”
  “ศิษย์พี่รอง”
  จักรพรรดิอมตะหนามม่วงเอ่ยออกเสียงเบา “แค่นั้นก็พอเกินพอ”
  “หึ!”
  จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเหลือบมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยเมย พลางพ่นลมสบถอย่างไม่สบอารมณ์ “ศิษย์น้องหญิง 3 หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าของเจ้า วันนี้ถ้ามันอยากมีชีวิตรอดอย่างน้อยๆมันก็ต้องคุกเข่าขอขมาลูกชายยข้า!”
  “แต่เพราะวันนี้ข้าเห็นแก่หน้าเจ้า เรื่องคุกเข่าก็ลืมไปเสี แค่มันต้องโค้งหัวขอขมาลูกชายข้าก็พอ!”
  “ท่านพ่อ!”
  ข่งโย่วอี้ที่ยืนข้างจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วพอได้ยินคำพูดบิดาก็หน้าเปลี่ยนสีทันที “ข้าไม่คิดปล่อยมันไปง่ายๆแบบนั้น!”
  ในสายตามัน ต้วนหลิงเทียนต้องชดใช้แค่นี้ยังไม่สาสมใจของมัน!
  สุดท้ายยอีกฝ่ายก็ลงมือฉีกปากของมันจนฉีกถึงหู แถมใช้พลังสะกดพลังของมันเอาไว้ ไม่ยอมให้มันรักษาแผล ปล่อให้มันเสพย์รับความเจ็บปวดทรมานเนื้อฉีกกระดูกแหลกอยู่นานสองนาน!
  ที่มันพาบิดามาเอาคืนครั้งนี้ มันตั้งใจไว้แว ว่าหากอีกฝ่ายไม่ตายอย่างน้อยๆก็ต้องพิการ!
  แต่ใครจะไปคิดไปฝัน
  ว่าบิดาของมันเพียงต้องการให้ต้วนหลิงเทียนโค้งหัวขอขมาต่อมันเท่านั้น
  อย่างไรก็ตามพอเสียงผ่านพลังของจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วดังขึ้นในหูข่งโย่วอี้ ก็ทำให้ข่งโย่วอี้หุบปากเงียบทันที แต่ในดวงตายังฉายยชัดถึงความโกรธแค้นไม่ยินยอม
  “เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร พลังฝีมือของอาจารย์อาเล็กเจ้าไม่ได้ด้อยไปกว่าข้าแล้ว แถมอีกไม่นานนางก็ต้องเอาชนะข้าได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นอาจารย์ปู่ของเจ้าแม้จะรับศิษย์ไว้ 3 คน แต่อาจารย์อาเล็กคือศิษย์ปิดสำนักที่อาจารย์ปู่เจ้ารักที่สุด ในเมื่ออาจารย์อาเล็กเจ้าคิดปกป้องเจ้าหนุ่มต้วนหลิงเทียนนั่นถึงที่สุด ข้าจะไปมีปัญญาทำอะไรได้อีก?”
  นี่ก็คือถ้อยคำในเสียงผ่านพลังของจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว…
  นอกจากนั้น จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วยังกล่าวผ่านพลังเสริมมาอีกว่า “ต่อหน้าอาจารย์อาเล็กของเจ้า วันหลังเจ้าอย่าได้ถือดีลำพองนัก…วันไหนที่อาจารย์อาเล็กเจ้าก้าวข้ามข้าไป พวกเราจะทำอย่างไร?”
  “ตอนนี้พวกเราทำได้แค่กู้หน้าคืนกลับเท่านั้น อย่างน้อยๆก็ให้อาจารย์อาเล็กของเจ้าคิดว่าพวกเราจบเรื่องจบราวเพียงเท่านี้”
  “ขอแค่อาจารย์อาเล็กเจ้าคิดว่าเรื่องมันจบไปแล้ว ต่อไปจิตใต้สำนึกนางก็จะคอยบอว่าพววกเราไม่คิดล้างแค้นเอาคืนอะไรไอ้หนุ่มแซ่ต้วนนั่นอีก วันหลังนางไหนเลยจะจับตาดูและใส่ใจความปลอดภัยมันมากเหมือนตอนนี้?”
  “ถึงตอนนั้นหากพวกเราคิดก่อการใด ยังไม่ใช่สำเร็จโดยง่ายรึ?”
  เมื่อได้ยินเสียงผ่านพลังแจกแจงเหตุผลและแผนการของจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ข่งโย่วอี้ก็สงบใจลงได้ และไม่เดือดดาลหัวเสียอีกต่อไป
  “ยังคงเป็นท่านพ่อที่คิดอ่านรอบคอบที่สุด!”
  ข่งโย่วอี้ก่าวผ่านพลังตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
  “ข้าจะไม่คิดให้รอบคอบได้รึไง…เจ้าอย่าลืมว่าศิษย์นาม ลี่เฟย ของอาจารย์อาเล็กเจ้าคนนี้ ก้าวหน้ารวดเร็วเหลือเกิน กระทั่งข้ายังหวาดกลัวการเติบโตของนางด้วยซ้ำ อาจารย์อาเล็กของเจ้าจะให้ความสำคัญกกับนางเป็นที่สุดก็ไม่แปลก”
  จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วกล่าวผ่าพลังอย่างทอดถอนใจ
  “หืม?”
  หลังได้ยินคำพูดของจักรพรรดิอมตะหนามม่วงที่คิดให้ต้วนหลิงเทียนก้มหัวขอขมาข่งโย่วอี้ จักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ศิษย์พี่รองขอนางกายเป็นคนพูดง่ายแบบนี้
  ทว่าพอฉุกคิดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายอาจกำลังกลัวนาง จักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็พอจะเข้าใจได้
  อย่างไรก็ตามถึงแม้จักรพรรดิอมตะหนามม่วงรู้ว่านี่เป็นขีจำกัดล่างเท่าที่ศิษย์พี่รองของนางจะอนุโลมได้แล้ว แต่นางก็ยังคงเลือกจะส่ายหัวไปมาพลางกล่าวปฏิเสธอยู่ดี “ศิษย์พี่รองท่านไม่เข้าใจหรือ เรื่องนี้เป็นลูกชายตัวดีท่านรนหาที่เอง…ลูกท่านหาเรื่องขายหน้าไปแล้วคนหนึ่ง หรือท่านยังจะให้ข้ากลับผิดเป็นถูก และต้องเสียหน้าเพราะลูกชายท่านอีกคนรึไง?”
  เสีงกล่าวประโยคนี้ของจักรพรรดิอมตะหนามม่ววงอ่อนลงไม่น้อย และเลือกจะใช้ความจริงมาคุย
  เป็นธรรมดาว่านางรู้ดีว่าเกิดนางคิดช่วยจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วขึ้นมา แล้วอีกฝ่ายไปลงมือกับต้วนหลิงเทียน น่ากลัวสุดท้ายคนจะตายอย่างไรก็ไม่ทันรู้ตัว!
  ถึงแม้ตอนนี้นางสามารถกล่าวบอกภูมิหลังของต้วนหลิงเทียน เพื่อทำให้ศิษย์พี่รองของนางรีบเลิกรา…
  ทว่านางคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจไม่ทำแบบนั้น
  นางหมายใช้พลังของตัวเอในการสะสางเรื่องราวแทน
  “ศิษย์น้องหญิง 3 ก็แค่ให้มันก้มหัวขอโทษ…เจ้ายังไม่พอใจให้มันทำอีกหรือ?”
  สีหน้าของจักรพรดริอมตะววายุสุดขั้วบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก
  “ศิษย์พี่รอง โปรดเห็นแก่หน้าข้าด้วย”
  จักรพรรดิอมตะหนามม่วงกล่าวย้ำ ขณะเดียวกันก็มองจ้องจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วตาเขม็ง ในแววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ไม่ยอมสยบ ทำให้ผู้คนยากจะสงสัยในความมุ่งมั่นของนาง
  หลังจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วมองจ้องตาจักรพรรดิอมตะหนามม่วงสักพัก สุดท้ายก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “แล้วกันไปเถอะ กับอีแค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง…ข้าย่อมเห็นแก่หน้าศิษย์น้องหญิง 3 อยู่แล้ว”
  พอกล่าวจบคำ มันก็หันไปมองต้วนหลิงเทียน จากนั้นก้ยกยิ้มแสยะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยเยาะ “เจ้าเรียกว่าต้วนหลิงเทียนสินะ?”
  “ถือว่าเจ้าโชคดีไปไอ้หนู! หากไม่ใช่เพราะศิษย์น้องหญิง 3 ข้าออกหน้าให้เจ้าถึงขนาดนี้ วันนี้อย่าหวังว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
  หลังกล่าวจบคำ จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ววก็หันไปพยักหน้าให้ข่งโย่วอี้ลูกชาย ก่อนจะเหินร่างนำออกจากหุบเขาไปทันที
  และในขณะที่ 2 พ่อลูกเหินร่างจากไป สองตาแต่ละคนก็ทอแสงเยียบเย็นดุร้ายยปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนให้ได้
  แต่ต้นจนจบต้วนหลิงเทียนไม่ได้พูดอะไรสักคำ เพียงรอดูชมการจัดการเรื่องราวของจักรพรรดิอมตะหนามม่วงอย่างเงียบงัน
  ถึงแม้เขาจะสามารถเอ่ยชื่อพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เพื่อขู่ให้จักรพรรดิอมตะวายุหวาดกลัวได้ แต่จะอย่าไรที่นี่ก็คือถิ่นของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ในเมื่อนางคิดออกหน้าจัดการเรื่องราว เขาก็ไม่คิดจะไปขัดขวางก้าวก่ายอำนาจของนาง
  “ขอบคุณจักรพรรดิอมตะหนามม่วง”
  หลังข่งโย่วอี้กับบิดาจากไป ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวขอบคุณจักรพรรดิอมตะหนามม่วงด้วยรอยยิ้ม
  “ไม่มีอะไรต้องขอบคุณ”
  จักรพรรดิอมตะหนามม่วงส่ายหัวไปมา จากนั้นก็มองลึกไปทางต้วนหลิงเทียน “ข้าทำแบบนี้ เพราะแค่ไม่อยากให้ศิษย์พี่รองของข้าบาดหมางกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน”
  “เช่นนั้นเจ้าอย่าได้ขอบคุณข้าเลย”
  จักรพรรดิอมตะหนามม่วงกล่าว “พูดไปแล้ว ข้าสมควรเป็นฝ่ายขอบคุณเจ้ามากกว่า..เพราะต่อให้ไม่มีข้า เจ้าก็สามารถจัดการเรื่องราวได้ ไหนเลยเจ้าจะต้องกลัวศิษย์พี่รองข้าด้วย”
  ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบสนองอะไร จักรพรรดิอมตะหนามม่วงที่พึ่งกล่าวจบประโยคก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก้กล่าวสืบต่อออกมาทันที “ต้วนหลิงเทียนข้าได้ส่งข้อความไปหาท่านอาจารย์เรื่องเจ้าแต่แรก…จนเมื่อครู่อาจารย์พึ่งติดต่อมาให้ข้าพาเจ้าไปพบ”
  “อ่อ…ท่านอาจารย์ยังบอกให้ข้าพาผู้เฒ่าหั่วไปด้วย”
  กล่าวถึงจุดนี้จักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็หันไปมองผู้เฒ่าหั่ว
  หลังจากพยักหน้าให้ผู้เฒ่าหั่วเล็กน้อย จักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็หันกลับไปมองลี่เฟยอีกครั้ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วก็ อาจารย์ปู่ของเจ้า อยากให้เจ้าไปด้วยกัน”
  หลังจากนั้นภายใต้การนำของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ต้วนหลิงเทียน ภรรยาเขาลี่เฟ และผู้เฒ่าหั่ว ก็ได้มาเอนสถานที่พักบ่มเพาะของจักรพรรดิสวรรค์แห่งฝูโหย่วเทียน
  สถานที่ๆจักรพรรดิอมตะหนามม่วงพาพวกเขามาถึงนั้น มองไปเห็นเป็นป่าไผ่หนาทึบแห่งหนึ่ง
  อย่างไรก็ตาม พอจักรพรรดิอมตะหนามม่วงกมือขึ้นเบาๆป่าผ่าหนาทึบเบื้องหน้าก็อัตรธานหายไป เผยให้เห็นทางเข้าหุบเขาแห่งหนึ่ง
  มองไปในหุบเขา ยังเห็นสัตว์ป่าและวิหกนานาชนิด และไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใด ก็แผ่กลิ่นอายไม่ธรรมดาออกมาทั้งสิ้น
  พอเห็นจักรพรรดิอมตะหนามม่ววงพาคนเข้ามา สิ่งมีชีวิตทั้งหายก็เร่งเปิดทางให้ทันที แววตาแต่ละตัวยังแลดูเคารพยำเกรงเป็นที่สุด
  ในเวลาเดียวกัน ก็มีสัตว์อมตะมากมายที่มองจ้องไปยังผู้เฒ่าหั่วด้านหลังต้วนหลิงเทียนด้วสายตาหวาดผวา เห็นได้ชัดว่าพวกมันหวาดกลัวผู้เฒ่าหั่วมากกว่าจักรพรรดิอมตะหนามม่วงมาก
  สิ่งนี้เผยยให้เห็นชัดเจน พวกมันมองออกว่าผู้เฒ่าหั่วก็คือสัตว์อมตะชั้นยอดที่มีระดับสายเลือดเหนือกว่าพวกมันมาก! กลิ่นอายที่แผ่ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติของผู้เฒ่าหั่ว ทำให้พวกมันสัมผัสได้ถึงการสะกดข่มของสายเลือดตราตรึงไปถึงวิญญาณ!
  “ท่านอาจารย์”
  จักรพรรดิอมตะหนามม่วง พาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆมายังงทะเลสาบใจกลางหุบเขา จากนั้นก็มองชมร่างชราที่นั่งขัดสมาธิหันหลังให้เหนือทะเลสาบ พลางโค้งคารวะด้วยความเคารพ
  ทะเลสาบเบื้องหน้าช่างเงียบสงบนัก น้ำทะเลสาบเป็นสีฟ้าครามใสแจ๋ว แต่ไม่มีปลาสักตัว
  ร่างชายชราที่นั่งขัดสมาธิเหนือทะเลสาบ ก็สวมใส่ชุดคลุมสีครามคล้ายๆสีน้ำในทะเลสาบ แลดูเข้ากันดีทีเดียว
  “ท่านอาจารย์ ข้าพาทุกคที่ท่านต้อการพบมาแล้ว”
  จักรพรรดิอมตะหนามม่วง กล่าวคำกับชายชราเบื้องหน้าด้วยความสุภาพ
  และพอเสียงจักรพรรดิอมตะหนามม่วงดังจบคำ ในสายตาต้วนหลิงเทียน ร่างชราที่นั่งขัดสมาธิกลางทะเลสาบก็ค่อยๆหันหน้ามา
  ชายชราในชุดคลุมสีครามผู้นี้ เส้นผมเป็นสีเทา ผิวพรรณขาวอมชมพู อีกทั้งหน้าตายังแลดูอ่อนวัยไม่ต่างอะไรกับทารก
  สองตาของชายชรายังทอประกายสดใสนัก ปานดวงดารากลางฟ้าส่องแสงระยิบระยับยามค่ำคืน
  “เฟยเอ๋อ…”
  ชายชราในชุดคลุมสีคราม จักรพรรดิสวรรค์แห่งฝูโหย่วเทียน หันไปมองกล่าวกับลี่เฟยด้วยรอยยิ้มก่อนใครอื่น “พวกเราไม่ได้พบกันนานเท่าใดแล้ว 10 หรือ 20 ปี?”
  ลี่เฟยโค้งคารวะพลางตอบ “19 ปีแล้วอาจารย์ปู่”
  “โอ พริบตาเดียวก็ผ่านไป 19 ปีแล้วรึ…”
  จักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนถอนหายใจ “ที่คิดไม่ถึงก็คือ…หลังจากผ่านไป 19 ปี เจ้าก็ได้พบกับสามีที่พรัดพรากจากกันไปนานปีเสียแล้ว”
  พอกล่าวถึงจุดนี้ ชายชราก็ค่อยๆหันหน้ามามองต้วนหลิงเทียน
  “ท่านอาจารย์ปู่ นี่คือสามีของข้า ต้วนหลิงเทียน”
  ลี่เฟยกุมมือต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวแนะนำต้วนหลิงเทียนให้ชายชรารู้จัก ขณะกล่าวใบหน้านางยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใสมีความสุข