ตอนที่ 3,422 : ล้อเล่น!
หุบเขาอันมีศาลาที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกเอาไว้ เดิมทีก็มีบรรยากาศสงบร่มรื่นแลดูสบายตา ทว่าบัดนี้ที่ทางกลับเละเทะไปหมด ไม่หลงเหลือความเจริญตาที่ไหนอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวศาลาที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายนั่น บัดนี้เรียกว่าพังพินาศ! กระทั่งค่ายกลเคลื่อนย้ายก็ถูกลูกหลงจนวงเวทย์อาคมเสียหาย ไม่น่าจะใช้การได้อีก
สูงขึ้นไปกลางฟ้าเหนือหุบเขา บัดนี้เต็มไปด้วยสายลมเกรี้ยวกราดทั้งเพลิงไฟอันร้อนแรง เรียกว่าทุกๆวินาทีอุบัติใต้ฝุ่นเขียวครามปะทะกับมวลเพลิงสีทองระเบิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ริ้วพลังพุ่งฉวัดเฉวียนไปมาวุ่นวาย ราวมีใครมาเล่นริบบิ้น
“เจ้าว่าอะไร!?”
พอได้ยินคำที่ผู้เฒ่าหั่วโพล่งออกมา จักรพรรดิอมตะวายุก็รีบผละออกจากผู้เฒ่าหั่วและหยุดมือทันที สีหน้ามันเปลี่ยนไปในพริบตา เพราะวาจาดังกล่าวของผู้เฒ่าหั่วทำให้มันหวาดกลัวไม่น้อย
นายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน?
มันเนี่ยนะ คิดฆ่านายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!?
จังหวะนี้ในใจของจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาประการหนึ่ง…หากวาจาของเฒ่าชราชุดแดงเพลิงเบื้องหน้าเป็นความจริง เช่นนั้นหมายความว่าต้วนหลิงเทียนเป็นนายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนน่ะสิ!?
แล้วพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนไปมีนายน้อยตั้งแต่ตอนไหนกัน!?
เท่าที่มันทราบ
จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแห่งจี้เมี่ยเทียน ไม่เคยรับผู้ใดเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการมาก่อน จะมีก็แต่ศิษย์แต่ในนามไม่กี่คนเท่านั้น
ถึงแม้ศิษย์แต่ในนามเหล่านั้นจะมีพลังฝีมือไม่ธรรมดาและสร้างชื่อในสมรภูมิ 9 ยมโลกอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะคนไหนก็ไม่มีคุณสมบัติสูงพอให้ถูกเรียกหาว่านายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!
เพราะนายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน หากไม่ใช่ลูกชายของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ก็มีแต่ต้องเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการเท่านั้น! ที่สำคัญต้องเป็นศิษย์คนโต หรือศิษย์เพียงคนเดียวอีกด้วย!!
อย่างเช่นมัน แม้จะเป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์แห่งฝูโหย่วเทียน แต่มันก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะถูกเรียกว่านายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน เพราะมันเป็นแค่ศิษย์ที่แท้จริงลำดับที่ 2 ในบรรดาศิษย์ทั้ง 3 เท่านั้น!
หากจะมีใครมีคุณสมบัติพอถูกเรียกว่านายน้อยพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนล่ะก็…เห็นทีจะมีแต่ศิษย์พี่คนโตของมันคนเดียว!!
“ข้าพูดอะไร เจ้ายังได้ยินไม่ชัด?”
ผู้เฒ่าหั่วยกยิ้มแสยะกล่าวเย้ย “วันนี้ข้าอยากจะเห็นนัก ว่าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนของเจ้าจักอธิบายเรื่องนี้อย่างไร!”
“แค่เจ้าบอกว่ามาจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนก็ต้องเป็นเช่นนั้นหรือไร? เจ้ามีหลักฐานอันใดมาพิสูจน์!?”
จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเอ่ยถามเสียงหนัก
“เจ้านับเป็นตัวอะไร ข้าถึงต้องพิสูจน์กับเจ้า?”
ยิ่งมารอยยิ้มเย้ยเยาะของผู้เฒ่าหั่วก็ยิ่งฉีกกว้าง
“เฮอะ! หากเจ้าพิสูจน์ไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ว่าเจ้าจะเป้นคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน! สิบในสิบเรื่องนายน้อยนั่นเจ้าก็อุปโลกน์ขึ้นมาทั้งสิ้น…เท่าที่ข้ารู้พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนไม่เคยมีนายน้อยอันใด!!”
จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วตะคอกถามเสียงเย็น
และที่มันไฉนถึงต้องตะคอกเสียงดัง ส่วนหนึ่งก็เพื่อปลอบใจตัวเองที่กำลังระส่ำระสายให้หายกลัว
เพราะมันกลัวจริงๆ!
เพราะถ้าหากเบื้องหน้าเป็นคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนขึ้นมา รวมถึงต้วนหลิงเทียนนั่นเป็นนายน้อยจริงๆล่ะก็ มันฉิบหายแน่แล้ว!!
ถึงแม้อาจารย์ของมันจะเป็นถึงจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ให้คิดปกป้องมันแค่ไหน ก็ทำไม่ได้แน่!
จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ใช่คนที่ใครจะล้อเล่นด้วยได้เหรอ?
ในอดีต จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว เคยไปมีเรื่องทำร้ายคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งหนึ่ง ทว่าหลังขออภัยแล้วแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเลิกราแต่โดยดี เลือกที่จะทำร้ายจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวจนบาดเจ็บเพื่อเอาคืน!
ยังผลให้หลังจากจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวที่บาดเจ็บกลับไปถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางก็เดือดดาลเป็นการใหญ่ถึงกับบุกไปฆ่าจักรพรรดิสวรรค์ผู้นั้นคาที่!!
ต้องทราบด้วยว่าถึงแม้จักรพรรดิสวรรค์จะเป็นตัวตนสูงส่ง พลังฝีมือสูงล้ำทำให้ไม่ค่อยมีจักรพรรดิสวรรค์ด้วยกันคิดลงมือปะทะกันเองสักเท่าไหร่ เว้นแต่จะมีเรื่องหนักหนาจริงๆ
แต่จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรมใดๆทั้งสิ้นๆ บุกไปฆ่าคนหน้าตาเฉย!
และวันนั้นหลังฆ่าคนแล้ว ก็ทิ้งวาจาไว้สั้นๆไม่กี่คำว่า “คนของข้า ใครอย่าแตะ!”
เพราะเรื่องราวอุกอาจครั้งนั้น ทำให้จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางโด่งดังไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวลเพียงชั่วข้ามคืน จักรพรรดิสวรรค์ทั้งหลายบังเกิดความหวั่นเกรงอยู่ 3 ส่วน จักรพรรดิสวรรค์ส่วนใหญ่ยังกำชับคนของตัวเองเอาไว้ ว่าอย่าได้ลงมือกับคนของจี้เมี่ยเทียนมั่วซั่ว หากไม่มีเหตุผลอันควรจริงๆ
“อุปโลกน์?”
ผู้เฒ่าหั่วฉีกยิ้มค่อนแคะ เอ่ยถาม “ยังมีผู้ใดหาญกล้าเสแสร้งเป็นนายน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ด้วยรึ?”
“อย่าได้หาว่าข้าดูถูกเจ้าเลย…แต่เจ้ากล้าเสแสร้งเป็นนายน้อยพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหรือไม่เล่า?”
ผู้เฒ่าหั่วมองถามจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วด้วยน้ำเสียงแดกดัน
พอจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วได้ยินดังนั้น สีหน้ามันก็มืดคล้ำดำลงทันที…เพราะใต้หล้าเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่หาญกล้าเสแสร้งเป็นคนขอพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!
จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ไม่ใช่จักรพรรดิสวรรค์ธรรมดาๆ
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอีกฝ่าย น่ากลัวว่าคงมีไม่กี่ขุมกำลังที่สามารถปกป้องคนที่เสแสร้งนั่นได้ หากอีกฝ่ายคิดลงมือเข่นฆ่าขึ้นมาจริงๆ
ที่สำคัญที่สุดก็คือ…
ยังมีจักรพรรดิสวรรค์และยอดฝีมืออีกมากมายที่คิดช่วยเข่นฆ่าผู้สมอ้างเพื่อสร้างความดีความชอบให้จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง! เพราะหากช่วยฆ่าคนสมอ้างเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับทำให้จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางติดค้างเลย!
‘นายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!?’
ข่งโย่วอี้ที่ได้รับบาดเจ็บ มองต้วนหลิงเทียนที่กำลังยิ้มเยาะมันอยู่ สีหน้าก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง ‘เป็นไปไม่ได้ เรื่องพรรค์นี้ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้! มันจะเป็นไปได้อย่างไร!?’
“ต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะไปเป็นนายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนได้ยังไง!?”
ข่งโย่วอี้มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไม่เชื่อ อย่างไรก็ตามลึกลงไปในใจมันกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปถามจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วอย่างลนลาน “ท่านพ่อ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี!?”
“ข้าจะไปทำอะไรได้เล่า รีบหนีเร็ว!!”
จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว กล่าวตอบลูกชายผ่านพลังด้วย้ำเสียงกล้ำกลืน ตอนนี้มันแทบกระอักเลือดตายแล้วจริงๆ “เจ้าทำได้งามหน้านัก หาเรื่องฉิบหายเช่นนี้มาได้!!”
“หนี?”
ข่งโย่วอี้ได้ยินคำบิดาก็ถึงกับตะลึงอึ้ง “ท่านพ่อ พวกเรายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพวกมันใช่มาจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนจริงๆรึเปล่า ไฉนพวกเราต้องหนีด้วย?”
“ไอ้โง่! เจ้าคิดว่ารอให้แน่ใจแล้วพวกเรายังจะหนีกันได้อยู่หรือ!?”
เสียงของจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเต็มไปด้วยความหัวเสีย ในใจของมันตอนนี้เต็มไปด้วยความร้อนรนทั้งไม่ยินยอมถึงขีดสุด มันจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ศิษย์คนที่ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนผู้ที่มากล้นไปด้วยอำนาจอันน่าเกรงขาม วันนี้ถึงกาลฉิบหายได้แต่ระหกระเหินออกจากพระราชวังฝูโหย่วเทียนแล้วหรือ?
“รีบหนีกันก่อน! หากพวกมันไม่ได้มาจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ก็ไม่สายที่จะย้อนกลับมาภายหลัง!”
“แต่หากพวกมัน เป็นคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนจริง พวกเราก็จักได้หนีหายปัดความรับผิดชอบไปเสีย! ถึงตอนนั้นรอให้เรื่องมันซาลงก่อน ค่อยหาโอกาสย้อนกลับเข้าพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน!”
เป็นธรรมดาว่าคำพูดดังกล่าว จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วพูดไปเพื่อปลอบใจลูกชายลมแล้งๆเท่านั้น
หากต้วนหลิงเทียนเป็นคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนจริง และเป็นถึงนายน้อย น่ากลัววว่าชั่วชีวิตนี้พวกมันพ่อลูกคงไม่มีโอกาสย้อนกลับมาพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนอีกแล้ว
ถึงแม้จักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนจะไม่ไล่ล่าพวกมัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับพวกมันอีก!
เพราะยอมรับพวกมันเมื่อไหร่ ก็เท่ากับตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!
หลายปีก่อนอาจารย์มันแค่เคยประมือเสมอกับจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเท่านั้น เรียกว่าก็แค่คนรู้จักผิวเผิน…ตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางเดิมก็มีพรสวรรค์ความเข้าใจเหนือกว่าอาจารย์มันอยู่แล้ว ไม่ทราบป่านนี้จะแข็งแกร่งเหนือกว่าอาจารย์ของมันเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
ที่สำคัญมันยังเคยได้ยินอาจารย์พูดมามากกว่าหนึ่งครั้ง
จักรพรรดิสวรรค์ฟชิงหยางนั่น…ป่านนี้น่ากลัวจะบรรลุถึงขอบเขตเทพไปแล้ว!
กับตัวตนระดับนั้น อาจารย์ไหนเลยจะกล้าล่วงเกินเพื่อช่วยมัน?
“นั่นจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วนี่!?”
“คนผู้นั้นเป็นใครกัน ไฉนดูเหมือนจะมีเปรียบจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเล่า? ไม่ใช่จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเก่งกฏแห่งลมหรือไร? ยังสู้ไม่ได้อีกหรือ สภาพแลดูย่ำแยกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด?!”
“เจ้านั่นมันข่งโย่วอี้!”
“แล้วผู้ใดกันที่อยู่ด้านหน้าข่งโย่วอี้ไกลๆ หรือจะเป็นนายน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนที่ว่า?”
…
ผู้คนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่ววเทียนที่เร่งรุดมาจากทั่วสารทิศ ในที่สุดก็ทยอยกันปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆน่านฟ้าเหนือหุบเขา
หลายคนที่มาถึง มองจากสารรูปที่แลดูโทรมกว่าของจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ก็เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วสมควรตกเป็นรองผู้เฒ่าหั่ว!
“ศิษย์พี่รอง!”
หลังจากคนกลุ่มใหญ่มาถึง ไม่นานก็ปรากฏร่างบางสะคราญโฉมหนึ่งวูบมาถึง และการปรากฏตัวของนางก็ดึงดูความสนใจของผู้คนโดยรอบทันที “นั่นจักรพรรดิอมตะหนามม่วง! จักรพรรดิอมตะหนามม่วงก็มาแล้ว!!”
“พวกเจ้าดูเร็ว สีหน้าของจักรพรรดิอมตะหนามม่วงไม่ค่อยจะสู้ดีนัก!”
“จักรพรรดิอมตะหนามม่วงมาแล้ว…หากนางกับจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วร่วมมือกันสู้กับชายชราชุดแดงนั่น ก็สมควรเอาชนะได้ใช่หรือไม่?”
…
ในขณะที่หลายคนเห็นจักรพรรดิอมตะหนามม่วงปรากฏตัว และคิดว่าจะช่วยจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วรับมือคนนอก ฉากที่ทำให้พวกมันต้องตกใจจนกรามร่วงก็อุบัติขึ้น
“ศิษย์พี่รอง ต้วนหลิงเทียน สามีของลี่เฟยศิษย์ข้า…เป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง นายน้อยแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ข้าไหนเลยจะยอมปล่อยให้เขาพาลี่เฟยศิษย์ข้าจากไป?”
พอจักรพรรดิอมตะหนามม่วงปรากฏตัว สิ่งแรกที่นางทำก็คือมองกล่าวกับจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว เป็นการยืนยันตัวตนของต้วนหลิงเทียนทันที
“สำหรับคนที่ท่านสู้ด้วยเมื่อครู่ ก็คือผู้เฒ่าหั่ว จักรพรรดิอมตะอีกาทองคำแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน พลังฝีมือเป็นรองก็แต่จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัว!”
จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวนั้น ทุกคนรู้กันดีว่าเป็นยอดฝีมืออันดับ 2 รองจากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน
หลังฟงชิงหยางกลับมาจากนรกอสุรา และทวงบัลลังก์จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนคืน โดยอาศัยหนึ่งกระบี่ฆ่าเฉินชิวปั๋ว ก็ทำให้ชื่อเสียงทวีความโด่งดังขึ้นมาครั้งใหญ่ พาลให้จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวที่เป็นมือขวา กลายเป็นมีหน้ามีตาและมีความสำคัญมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงรู้จักจักรพรรดิสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวเป็นอย่างดี
ทว่าจักรพรรดิอมตะอีกาทองคำ ผู้เฒ่าหั่ว นั้น ยังมีผู้ที่รู้จักไม่มาก คนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนจึงไม่มีใครรู้จัก
อย่างไรก็ตามลองจักรพรรดิอมตะหนามม่วงพูดออกมาด้วยตัวเอง น่ากลัวว่าฐานะผู้อื่นต้องไม่แปลกปลอมแล้ว!
“ให้ตายเถอะ เป็นนายน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนจริงๆ!!”
“โอทวยเทพ! จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางแห่งจี้เมี่ยเทียนยอมรับศิษย์ที่แท้จริงแล้วหรือ…นอกจากนั้นผู้อื่นยังเป็นสามีของลี่เฟยอีก?”
“กับตัวตนระดับนี้…จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วยังหาญกล้าลงมือเข่นฆ่าเชียวหรือ?”
“เรื่องนี้หากรู้ถึงหูใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ เกรงว่าคงไม่คิดไว้ชีวิตจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วกระมัง?”
…
เหล่าผู้คนของพระราชววงจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนที่มาถึง ได้แต่หันไปมองจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วด้วยสายตาอื้ออึง ด้วยไม่ทราบว่าไฉนถึงได้หาญกล้าคิดฆ่านายน้อยของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนได้…
ด้านข่งโย่วอี้ พอได้ยินคำพูดของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ความหวังสุดท้ายในใจก็มลายหายไปทันที ลูกตาฉายชัดถึงความตื่นตระหนกระคนสิ้นหวัง
เป็นธรรมดาว่าคำพูดของจักรพรรดิอมตะหนามม่วงเอง ก็ทำให้จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วตกใจนัก
ขณะเดียวกันมันก็อดไม่ได้ที่จะลอบก่นด่าในใจ
‘มารดาเจ้า! ในเมื่อรู้ตัวตนต้วนหลิงเทียนแต่แรก ไฉนไม่รีบบอกข้าตั้งแต่ 2 ปีก่อน?’
พอก่นด่าในใจจบ จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วก็ได้แต่ส่งเสียงผ่านพลังไปถามจักรพรรดิอมตะหนามม่วงเสียงหนัก “ศิษย์น้องหญิง 3 เมื่อ 2 ปีก่อนตอนข้าไปบ้านเจ้า…เจ้าคงรู้ตัวตนต้วนหลิงเทียนแต่แรกกระมัง?”
“ไม่ผิด”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงส่งเสียงผ่านพลังตอบ
“วันนั้นเจ้าไม่เตือนข้าไม่ว่า…แต่ไฉนหลังจากนั้นถึงไม่เตือนข้า?”
จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วเอ่ยถามเสียงแข็ง
“ก็ข้าคิดว่าเรื่องมันจบไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องบอกตัวตนมันอีก”
จักรพรรดิอมตะหนามม่วงกล่าว
และคำตอบของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง ก็ทำให้จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วหน้าแดงก่ำด้วยโทสะ แทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่รอมร่อ!
จากนั้นจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ครู่ต่อมา มันก็ปั้นหน้ายิ้มระรื่นหันไปกล่าวกับผู้เฒ่าหั่วว่า “ผู้เฒ่าหั่ว ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ข้ากับลูกชายก็แค่คิดล้อพวกท่านเล่นเท่านั้น! หยอกๆ!!”