ตอนที่ 3,435 : มรรคากระบี่อันท้าทายสวรรค์ของฟงชิงหยาง
เนื่องจากจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน หยางอวิ๋นเซียว เลือกที่จะปกป้องตัวเองมาแล้ว เช่นนั้นหลังจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วได้รับข้อความจากหยางอวิ๋นเซียว มันก็ไม่ได้คลางแคลงสงสัยแม้แต่น้อย
มันเชื่อหยางอวิ๋นเซียวหมดใจ!
ด้วยเหตุนี้มันจึงเร่งรุดย้อนกลับไปพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนทันที
มันที่หลบซ่อนอยู่ในฝูโหย่วเทียน เรียกว่าแทบไปไหนไม่ได้เลย คิดจะเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับสวรรค์ที่ไหนก็ไม่ได้ เพราะแทบบทุกขุมกำลังระดับสูงล้วนรู้จักตัวมันจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วดี และรู้ว่ามันคือศิษย์คนที่ 2 ของจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน
จริงอยู่ที่หากเข้าร่วมขุมกำลังระดับสวรรค์เป็นการลับเพื่อสภาพแวดล้อมบ่มเพาะดีๆ แต่สุดท้ายคำกระดาษมิอาจห่อไฟได้นานก็เป็นความจริง หากจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนคิดหาตัวมัน เกรงว่าคงเป็นเรื่องราวอันง่ายดาย
ดังนั้นมันก็เลยไม่อาจเข้าร่วมขุมกำลังระดับสวรรค์ไหนๆได้
และในเมื่อเข้าร่วมขุมกำลังไหนก็ไม่ได้ กลับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ก็ไม่ได้ จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วก็เลยได้แต่หาที่พักอันมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะทั่วๆไป ทำให้ตัวมันรู้สึกอึดอัด ไม่เหมือนตอนอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์
ตอนนี้พอมันได้ยินอาจารย์ส่งข้อความแจ้งมาว่ามันสามารถกลับพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหวเทียนได้แล้ว แถมจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางก็ไม่ติดใจเอาความมันอีก ทำให้ร่างจักรพรรดิอมตะวุสุดขั้วเหินทานข้ามฟ้าไปปานลูกศร พริบตาก็บรรลุถึงสถานที่ตั้งค่ายยกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก และใช้มันเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ๆใกล้พระราชววังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนที่สุด
จากนั้นไม่นานนัก มันก็กลับมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน
“ท่านอาจารย์ เป็นข้าทำให้ท่านลำบากแล้ว”
ได้พบหน้าหยางอวิ๋นเซียวอีกครั้ง จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วก็ได้แต่กล่าวคำด้วยสีหน้าสำนึกผิด
หยางอวิ๋นเซียวมองข่งเฝินเบื้องหน้า ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข่งเฝิน เจ้าไม่ควรตามใจลูกเจ้าแต่แรก หากมันไม่ชักนำเภทภัยมา เจ้ามีหรือจะถูกลากลงเหวแบบนี้…”
ข่งเฝินพอได้ยิน ก็ถึงกับอึ้ง
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
ไฉนวาจาที่อาจารย์กล่าวกับมัน ถึงแตกต่างจากตอนส่งข้อความมาหามันโดยสิ้นเชิง?
“ท่านอาจารย์”
จังหวะนี้ในใจข่งเฝินบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่งผุดขึ้น และไม่ทันที่หยางอวิ๋นเซียวจะได้พูดอะไรสืบต่อ มันก็ปะทุพลังชั่วชีวิต ร่างไหววูบดั่งเงาเลือน ก่อนจะกลับกลายเป็นสายลมกรรโชกอันรุนแรงพุ่งหนีไปทันที
อย่างไรก็ตาม มันพึ่งจะพุ่งหนีไปได้ไม่ทันไร มันก็พบบเจอเข้ากับพลังมหาศาลขุมหนึ่ง และพลังดังกล่าวยังราวกับโถมถันเข้าใส่มันทุกทิศทาง หน่วงรั้งมันเอาไว้ได้ง่ายดาย
“ท่านอาจารย์…”
ข่งเฝินได้แต่หันไปมองหยางอวิ๋นเซียวด้วยสายตาไม่เต็มใจ “เพราะอะไร…?”
หากข่งเฝินยังไม่รู้ตัวว่าเป็นอาจารย์ที่หลอกให้มันกลับมา เกรงว่าชีวิตที่อยู่มานานปีคงไร้ค่าเยี่ยงชีวิตสุนัขแล้ว
“ข่งเฝิน ครั้งนี้อาจารย์จนปัญญาจะช่วยเจ้าจริงๆ…”
หยางอวิ๋นเซียวระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางร้ายกาจเกินไป…ยังดุร้ายเกินไป”
“วันนี้มันพาต้วนหลิงเทียนมาหาข้าถึงที่ แต่ไม่ทันได้พูดอะไรสักคำมันก็ลงมือทำร้ายข้าจนบาดเจ็บสาหัส…จากนั้นพอมันพบว่าเจ้าไม่ได้อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน มันก็ยื่นคำขาดให้ข้า…คิดไปคิดมาสุดท้ายข้าก็เหลือทางเลือกเดียวคือต้องพาเจ้าไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน หาไม่แล้วข้าก็มีแต่ต้องละทิ้งทุกอย่างและหลบหนีไปกับเจ้า…”
“มันกลายเป็น”ตัวตนขอบเขตเทพอันทรงพลังไปแล้ว อาศัยเพียงยกเท้าโบกมือก็ฆ่าข้าได้ง่ายๆ”
“เช่นนั้น เจ้าก็อย่าได้โทษอาจารย์เลย”
“หากจะโทษ ก็โทษลูกชายตัวดีของเจ้าที่ชักนำภัยพิบัติมาเถอะ…”
หางอวิ๋นเซียวกล่าว
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้น…บรรลุถึงขอบเขตเทพแล้วจริงๆหรือ?”
ใจข่งเฝินเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สองตาฉายชัดถึงความตื่นตระหนกตกใจ มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าคำร่ำลือที่ดังหน้าหูว่าฟงชิงหยางอาจบรรลุถึงขอบเขตเทพแล้ว ที่แท้จะเป็นความจริง
อย่างไรก็ตาม มีอีกเรื่องที่เหนือความคาดหมายของมัน
จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้น เพียงเพื่อศิษย์ที่แท้จริงนั่นแล้ว ถึงกับฉีกหน้าอาจารย์ของมันอย่างไร้ไมตรี กระทั่งคิดจะฆ่าอาจารย์มันทิ้ง?
“ท่านอาจารย์ จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางผู้นั้น…มันไม่เห็นแก่ความสัมพันธืเก่าก่อนเลยหรือ?”
จนถึงบัดนี้ข่งเฝินยังรู้สึกมิ่นยอมพร้อมใจอยู่บ้าง เพราะมันรู้ดีว่าเมื่อตกอู่ในมือของอาจารย์แบบนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีไปไหนแล้ว
อย่างไรก็ตามแต่ มันก็ยังอยากจะคว้าทุกโอกาสที่มี
“ความสัมพันธ์เก่าก่อน?”
หยางอวิ๋นเซียวส่ายหัวไปมา “ข้ากับมันเป็นแค่สหายทั่วไป ยังนับว่ามีความสัมพันธ์เก่าๆอันใดอีก เดิมทีข้าหลงคิดว่าจะอย่างไรมันก็คงเห็นแก่หน้าข้าบ้าง ไม่ถึงขั้นฉีกหน้าคนรู้จักกันเช่นนี้…”
“น่าเสียดายที่ข้าประเมินตัวเองสูงไป และประเมินความมุ่งมั่นของมันต่ำไป”
“จากเรื่องนี้เห็นได้ชัด…มันใส่ใจกับศิษย์ที่แท้จริงของมันอย่างต้วนหลิงเทียนนั่นมาก…หาไม่แล้วมันคงไม่ทำถึงขนาดนี้”
หยางอวิ๋นเซียวกล่าว
จังหวะนี้จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ข่งเฝิน ก็หมดหวังโดยสมบูรณ์
…
หลังติดตาม ฟงชิงหยาง อาจารย์ของเขากลับมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้กลับไปยังจวนที่พักของเขาแต่อย่างไร ทว่าติดตามฟงชิงหยางมายังที่พักของอีกฝ่าย และรับฟังคำชี้แนะ
“เจ้ามีรากฐานอย่าง ยอดใจกระบี่ อยู่แล้ว คิดจะทำความเข้าใจกฏทำลายล้างคงไม่ยากอะไร กระทั่งสามารถเดินตามเส้นทางของข้าได้อย่างราบรื่น…หากทว่ากฏมิติ 1 ใน 4 กฏสูงสุดที่เจ้าเชี่ยวชาญ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากฏทำลายล้างแม้แต่นิดเดียว”
บนโต๊ะหินอ่อน หน้าลานเล็กๆบนเกาะลอย ฟงชิงหยางมองต้วนหลิงเทียนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม กล่าวออกชัดถ้อยชัดคำ “ดังนั้นข้าแนะนำให้เจ้าอย่าได้ละเลยกฏมิติ…เว้นแต่ความเข้าใจกฏมิติของเจ้าถึงจุดรอคอย และมีเวลาเรียนรู้กฏอื่น ก็ยังไม่สายเกินไปที่จะศึกษากฏทำลายล้าง”
“ทราบแล้วอาจารย์”
ต้วนหลิงเทียนรู้ว่าที่ฟงชิงหยางเลือกจะพูดออกมาแบบนี้ ก็เพื่อประโยชน์ของเขา
เขาเข้าใจดีว่าการกินคำใหญ่เกินกว่าจะเคี้ยวได้ไหวมันเป็นอย่างไร
“นอกจากนั้น เรื่องภรรยาของเจ้าที่ถูกกักตัวอยู่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ…รอให้ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างราบเทวโลกกับระนาบเทพเปิดออกเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นถ้าข้าสามารถช่วยเจ้าได้ ข้าก็จะพยามช่วยเหลือเจ้าเต็มที่”
ฟงชิงหยางกล่าว
ได้ยินคำพูดของฟงชิงหยาง ต้วนหลิงเทียนก็ผงะไปในใจรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย “ขอบคุณท่านอาจารย์”
ตอนนี้อาจารย์ของเขารู้ถึงตัวตนภรรยาเขาในระนาบเทพแล้ว และรู้ว่าอวิ๋นชิงเหยียนเป็นถึงนายน้อยตระกูลใหญญ่ในดินแดนการล่มสลายแห่งทวยเทพ และนั่นล้วนไม่ใช่ตัวตนธรรมดาสามัญเลย
แต่ถึงอย่างนั้น อาจารย์เขายังรับปากว่าจะช่วยเขาเต็มกำลัง
เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่อาจไม่ตื้นตัน
“อย่างไรก็ตาม แม้ข้าจะไม่แนะนำให้เจ้าหันเหมาเอาดีด้านกฏทำลายล้าง เพราะฝึกกระบี่…แต่คิดจะฝึกกระบี่โดยไม่ต้องใช้กฏทำลายล้างก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้…เหมือนกระบี่ของข้า ถึงแม้ว่ายามใช้ร่วมกับกฏทำลาล้างจะทรงพลังอำนาจที่สุด ทว่าต่อให้ข้าใช้มันด้วยพลังของกฏแห่งดิน พลังอานุภาพก็ยังรุนแรงถึงขั้นเข่นฆ่าผู้คนในระดับเดียวกันได้ง่ายๆ…”
ฟงชิงหยางกล่าวสืบต่อ “แต่แน่นอนว่า พลังอำนาจก็ลดทอนลงมาจากการใช้กับกฏทำลายล้างหลายส่วน”
“แต่ข้ากล้าพูดได้เต็มปาก…ให้กวาดตามองทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวล หากข้าพบเจอผู้ที่มีพลังฝึกปรือและความเข้าใจในกฏอยู่ในระดับเดียวกัน ในแง่พลังโจมตี พลังอานุภาพของพวกมันก็ต้องด้อยกว่าข้า 3 ส่วนแน่นอน!”
“และทั้งหมดเป็นเพราะ มรรคากระบี่ของข้า”
“หลังจากนี้ เจ้าก็ตามข้ามาเพื่อทำความเข้าใจมรรคากระบี่ของข้าเถอะ และข้าจะค่อยๆชี้แนะเจ้าเอง…ส่วนเจ้าจะเข้าใจได้มากแค่ไหน นั่นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเจ้า”
“หากเจ้าสามารถเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้…ด้วยกฏมิติของเจ้า ยามใช้ร่วมกับมรรคากระบี่ของข้าย่อมสำแดงพลังอานุภาพได้เหนือล้ำกว่าเดิมอย่างน้อยๆ 3 ส่วน!”
ขณะกล่าวประโยคสุดท้าย ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของฟงชิงหยางก็เผยให้เห็นความมั่นใจถึงขีดสุด!
และคำพูดดังกล่าวของฟงชิงหยาง ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่ได้ สองงตายังฉายชัดถึงความทึ่ง “สามารถเพิ่มพูนพลังอานุภาพได้อย่างน้อย 3 ส่วน!?”
ในปัจจุบันต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนป่าที่พึ่งเข้าเมือง เยี่ยงมือใหม่ในระนาบเทวโลกอีกต่อไป กระทั่งในเวลานี้ด่านพลังของเขาก็อยู่ในขอบเขตจักรพรรดิอมตะแล้ว…ทำให้เขาเข้าใจดีว่าความแข็งแกร่งของผู้คนเป็นอย่างไร
ความแข็งแกร่งของผู้คนนั้น ขึ้นอยู่กับการเข้าใจความลึกซึ้งเป็นหลัก ถึงแม้จะมีทักษะวิชาเพิ่มพลังใดๆที่สามารถเพิ่มพลังให้ได้ แต่สุดท้ายแล้วการเข้าใจในกฏก็คือตัวเพิ่มพลังได้สูงสุด
ทว่าตอนนี้ ฟงชิงหยาง อาจารย์ของเขาพึ่งจะบอกว่า…
หากเขาสำเร็จมรรคากระบี่ของอาจารย์อย่างสมบูรณ์ ต่อให้พบเจอกับผู้ที่มีพลังฝึกปรือและความเข้าใจในกฏเท่าเทียมกัน อย่างน้อยๆก็จะมีพลังโจมตีสูงกว่า 3 ส่วน!
3 ส่วนที่ว่าต่อให้หักไปสัก 1 ส่วน แต่ก็ยังเหลืออีก 2 ส่วน!
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา 2 ส่วนนั่น สำหรับคนสองคนที่มีพลังทัดเทียมกันแล้ว หากตอนแรกเสมอๆกันอยยู่ ทว่าพอผู้ใดมีพลังเพิ่มขึ้น 2 ส่วน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเอาชนะอีกฝ่ายได้ทันที! ยังเป็นการบดขยี้อีกฝ่ายจนย่อยยับด้วยซ้ำ!!
“ขอบคุณท่านอาจารย์”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณ ขณะเดียวกันก็เริ่มเห็นหนทางที่จะยกระดับพลังฝีมือของเขา!
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดคือวิธียกระดับพลังความแข็งแกร่งของเขาให้ได้โดยเร็วที่สุด…การบ่มเพาะพลังนั้นมันเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว และการทำความเข้าใจกฏมิติโดยใช้ผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด ก็ถือว่ารวดเร็วสุดที่ผู้ใดจะเทียบได้แล้ว กล่าวให้ชัดคือไม่ว่าเขารีบร้อนแค่ไหน ทุกอย่างก็ถึงขีดจำกัดของมัน!
และตอนนี้ เขากลับค้นพบอีกหทางหนึ่งที่จะยกระดับความแข็งแกร่งของเขา
“เอาล่ะ วันนี้เจ้ากลับไปพักก่อน…พักผ่อนทำใจให้สงบสัก 2-3 วัน พอข้าส่งข้อความหาเจ้าเมื่อไหร่ เจ้าก็ค่อยมาหาข้าที่นี่ ถึงตอนนั้นข้าจะชี้แนะมรรคากระบี่ของข้าให้เอง”
ฟงชิงหยางกล่าว
“ทราบแล้วอาจารย์”
ต้วนหลิงเทียนขานรับเป็นมั่นเหมาะ จากนั้นก็เริ่มเอ่ยถามวารีเทพชำระโลกาในโลกใบเล็กภายในกาย และบอกเกี่ยวกับพลังของมรรคากระบี่ของฟงชิงหยาง
หลังได้ยินเรื่องราวจากต้วนหลิงเทียน วารีเทพชำระโลกา ก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดตอบมาว่า “หากสิ่งที่อาจารย์ของเจ้าพูดเป็นความจริง…เช่นนั้นมันก็คืออัจฉริยะไร้ผู้ต้านจริงๆ ตัวตนเช่นนี้ต่อให้เป็นในระนาบเทพเอง กากจะพานพบนัก!”
“กระทั่งในระนาบเทพแล้ว ตัวตนที่ค้นพบมรรคาของตัวเองและมีความสำเร็จในมรรคาของตัว…ก็มักถูกมองว่าเป็นเมล็ดพันธุ์ของผู้แข็งแกร่งที่สุด…”
ได้ยินคำพูดของวารีเทพชำระโลกา ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปไม่น้อย สองตายังเบิกกว้าง เร่งงถามเพิ่มเติมว่า “ไม่ใช่ว่าหากคิดบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด ก็มี 2 วิธีหรอกหรือ…หนึ่งเข้าใจ 1 ใน 4 กฏสูงสุดจนถึงขีดสุด จากนั้นก็หลอมรวมความลึกซึ้งทั้งหมด…หรืออีกวิธีก็อาศัยเทพเบญจธาตุ โดยการยกระดับพัฒนาให้เป็นขั้นสุดท้าย?’”
“2 วิธีที่ว่า ก็คือวิธีที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้แน่นอน”
วารีเทพชำระโลกาเอ่ย “เป็นธรรมดาว่านอกจาก 2 วิธีดังกล่าวแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่ง…เป็นสิ่งที่ข้าพึ่งพูดไป ค้นพบมรรคาของตัวเอง!”
“เข้าใจมรรคาของตัวเอง คำพูดนี้แม้ฟังดูเลื่อนลอย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ความเป็นไปได้…”
“เจ้าคงรู้แล้วว่าในสวรรค์และโลกนั้น นอกจากฏแห่งธาตุทั้ง 5 แล้ว ก็มีกฏแห่งลม กฏสายฟ้า กฏน้ำแข็ง กฏสูงสุดทั้ง 4 นอกจากนั้นก็ยังมีกฏแห่งความมืด กฏแห่งแสง และกฏทำลายล้างกระมัง?”
วารีเทพชำระโลกาเอ่ยถาม
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนตอบรับเร็วไว เขาย่อมรู้จักกฏเหล่านี้ดี
“ในสวรรค์และโลกแห่งนี้ หากค้นพบมรรคาของตัวเอง และก้าวเดินไปจนสุดทาง ย่อมบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้…และผู้ที่ค้นพบมรรคาของตัวเอง ไร้ซึ่งข้อยกเว้นใดๆ ตัวตนเหล่านี้มักเข้าใจกฏทำลายล้าง กฏแห่งแสง หรือกฏแห่งความมืดถึงขีดสุด”
“นี่นับเป็นวิธีที่ 3 ในการบรรลุถึงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุด”
“เช่นนั้นข้าจึงบอกว่าอาจารย์ของเจ้านับเป็นอัจฉริยะบุคคลผู้หนึ่ง และมีศักยภาพที่จะบรรลุถึงงขอบเขตผู้แข็งแกร่งที่สุดได้…ส่วนในภายภาคหน้าจะก้าวเดินไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชควาสนาของมันแล้ว”
วารีเทพชำระโลกากล่าว “มันยินดีถ่ายทอดมรรคากระบี่ทีเข้าใจให้เจ้า เผยให้เห็นว่าในใจของมันเจ้ามีความสำคัญมาก…อย่างไรก็ตามเส้นทางที่คนอื่นก้าวเดินนั้น มันยากที่จะเข้าใจไม่ต่างอะไรกับปีนป่ายขึ้นสวรรค์”
“หากเจ้าสามารถแตกฉาน 2 ใน 3 ของมรรคากระบี่อาจารย์เจ้า ก็ถือว่าน่าตกใจแล้ว”
“นอกจากนั้นหากเจ้ามีความสามารถสูงพอ…ยังมีโอกาสที่เจ้าจะค้นพบมรรคาของตัวเอง โดยอาศัยมรรคาของอาจารย์เจ้าเป็นพื้นฐาน”