ต้วนหลิงเทียนลอยร่างค้างกลางหาวอย่างเงียบงัน จับจ้องมองไปยังอัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวเบื้องหน้าด้วยสายตาสงบ
อัจฉริยะรุ่นเยาว์เบื้องหน้า เป็นเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือ และเป็นหนึ่งในบรรดาอัจฉริยะนับโหลที่ได้รับการฝึกฝนจากวิหารเฟิงฮ่าวและสามารถผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายของศึกอัจฉริยะสวรรค์ แต่แน่นอนเขาเชื่อว่าพลังฝีมือของมันไม่ดีเท่า หงหยวน กับ ซือหม่ารุ่ย แน่นอน
เพราะไม่ว่าจะเป็นหงหยวนหรือซือหม่ารุ่ย บัดนี้ก็ได้เปิดเผยพลังฝีมือระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาเรียบร้อยแล้ว
แต่กับคนที่อยู่เบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนไม่คิดว่ามันจะเป็นเทพสงคราม 5 ดาราไปได้ เพราะเขาชมดูการประลองระหว่างมันกับเทพสงคราม 4 ดาราอีกคน แม้ตอนนั้นมันจะตั้งใจปกปิดพลังฝีมือแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจหลอกสายตาของต้วนหลิงเทียนได้ ว่าอัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวผู้นี้มีพลังฝีมือระดับไหน
“ฮ่า!!”
อัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวคนนี้ เหมือนจะรู้ตัวดีว่าไม่อาจสู้ต้วนหลิงเทียนได้ เช่นนั้นมันจึงเลือกจะปลดปล่อพลังทั้งหมดที่มีออกมาสุดตัวทันที!
เรียกว่าเสียงตะโกนที่ดังล่วงล้ำลำคอของมันออกมา ดังสนั่นทั้งดุร้ายประหนึ่งสัตว์อสูร!
ซู่มมม!!
ครืนนน!!!
…
อัจฉริยะรุ่นเยาว์ของวิหารเฟิงฮ่าวคนนี้เก่งกฏแห่งน้ำ พอมันปะทุพลังทั้งหมดลงมือ อาณาบริเวรโดยรอบก็คล้ายกลับกลายเป็นก้นสมุทร!
คลื่นน้ำอันน่าสะพรึ่งกลัวแฝงเร้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันเกรี้ยวกราด ก่อตัวโถมถันเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนจากทุกทิศทาง!
และคลื่นน้ำมหาประลัยยดังกล่าวยังต่างจากคลื่นทะเลธรรมดาอยู่บ้าง
คลื่นทะเลนั้น ปกติแล้วจะสาดกระทบฝั่งทีละระลอกๆ ทว่าคลื่นน้ำของมันเห็นชดว่ามีต้นตอมาจากวังวนน้ำที่ทรงพลังปานมหาพายุ และวังวนดังกล่าวยังอุบัติขึ้นรอบตัวต้วนหลิงเทียนนับสิบๆวังวน ปลดปล่อคลื่นน้ำฉีกกระชากอันเกรี้ยวกราด โถมถันเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนจากทุกทั่วสารทิศ!
เหตุผลที่ไฉนอัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวคนนี้ ถึงได้ปะทุพลังทั้งหมดลงมือออกไปสุดตัวไม่เหลือเสี้ยวพลังไว้ปกป้องตัวเองแม้แต่น้อย เป็นเพราะมันได้รับคำสั่งด้วยเสียงผ่านพลังมา ให้ทุ่มพลังทั้งหมดจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนในคราวเดียว เพื่อดูว่ามันจะสามารถบีบให้ต้วนหลิงเทียนใช้ไพ่ตายอื่นใดได้หรือไม่…
วิหารเฟิงฮ่าวอยากทราบ ว่าก้นบึ้งพลังของต้วนหลิงเทียนอยู่ตรงไหน
เพราะอย่างไรเสีย เมื่ออัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวคนนี้ ได้ทุ่มพลังระดับเทพสงคราม 4 ดาราชนชั้นยอดฝีมือออกมาสุดตัว ราวกับเป็นการจู่โจมอันสิ้นหวังราวกับไม่ท่านอยู่ก็ข้าม้วย ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะเป็นเทพสงคราม 5 ดารา ก็ไม่น่าจะต้านทานรับไว้ได้ง่ายๆโดยไม่ต้องเผยไพ่ตายอะไรออกมา
ซู่ม! ครืน! ครืน!!
…
ท่ามกลางสาตาทุกคู่ ร่างต้วนหลิงเทียนยังลอยค้างกลางหาวแน่นิ่งไม่ไหวติง ชุดคลุมสีม่วงโบกสะบัดไปตามแรงลม สีหน้าอริยาบถเฉยเมยไม่นำพา แววตาให้ความรู้สึกสงบราวลมคล้อยเมฆเคลื่อน ไม่ยินดียินร้ายใดๆ
ถึงแม้คลื่นยักษ์อันทรงพลังอานุภาพฉีกกระชากจากวังวนน้ำอันน่ากลัวจะโถมถันเข้ามาจากทุกทั่วสารทิศ หน้าต้วนหลิงเทียยนก็ไม่แม้แต่จะแปรเปลี่ยน
จนเมื่อคลื่นกระชากมหาประลัยกร้ำกรายมาถึงรัศมี 5 หมี่รอบตัวต้วนหลิงเทียน ฉากอัศจรรย์พลันอุบัติขึ้น!
ต้วนหลิงเทียนประหนึ่งวาฬสีน้ำเงินตัวเขื่องยักษใหญ่ผู้เป็นจ้าวแห่งห้วงทะเล รัศมี 5 หมี่รอบกายนั้น ให้ความรู้สึกไม่ต่างใดจากปากมหึมาของวาฬเขื่องที่อ้าออก สูบกลืนความพิโรธใดๆของห้วงสมุทรอย่างไม่อีนังขังขอบ คลื่นสมุทรสุดไพศาลแฝงความเกรี้ยวกราดอันใด ล้วนมลายหายไปหมดสิ้นอย่างไรเรื่องราว
โถมถันมาเพียงไหนเป็นอันต้องดับสูญ ไม่อาจฝ่าเข้ามาแตะได้แม้ชายเสื้อ!
สุดท้ายสีหน้าของอัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นซีดขาว พลังในร่างพร่องลงด้วยความเร็วอัศจรรย์ การลงมือด้วยพลังทั้งหมดแบบนี้ มันไม่อาจประคองพลังสภาวะได้นาน
ทุกคน่อมเห็นกันชัดเจน ว่าต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างอยู่ในกลางมรสุมคลื่นคลั่ง อาศัยเพียง 1 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลกอย่าง วิถีควบคุม ก็บัญชาห้วงมิติรอบกายให้กลับกลายเป็นพื้นที่สังหาร กลืนกินคลื่นน้ำทั้งมวลได้อย่างไร้เรื่องราว
พลังจู่โจมอันเกรี้ยวกราดที่อัจฉริยะวิหารเฟิงฮ่าวรีดเค้นพลังชั่วชีวิตซัดออก ประหนึ่งหินน้อยร่วงลงมหาสมุทร ไม่อาจก่อคลื่นลมใดๆได้ทั้งสิ้น
“ยอมแพ้เสีย”
เสียงผ่านพลังหนึ่งดังขึ้นในหูอัจฉริยะวิหารเฟิงฮ่าวอีกครั้ง และเป็นเสียงเดิมกับคนที่กล่าวสั่งให้มันทุ่มพลังทั้งหมดจู่โจมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า
และคนๆนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักที่ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมกำกับการประลองของศึกอัจฉริยะสวรรค์
ช่องว่างมันกว้างใหญ่เกินไป
บางทีมันไม่ควรปล่อยให้อัจฉริยะทุ่มพลังลงมือแบบนี้ให้เหน็ดเหนื่อยอย่างสูญเปล่าแต่แรก
นี่คือความคิดในหัวของฉีคงไห่ตอนนี้
ขณะเดียวกันสายตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนของฉีคงไห่ยิ่งมาก็ยิ่งลึกซึ้ง และหลังจากมองลึกอยู่นานในแววตาก็ฉายชัดถถึงสีสันแห่งความโลภอันยากจะปกปิดได้มิด
“ข้ายอมแพ้”
อัจฉริยะรุ่นเยาว์พอได้รับำคสั่งของฉีคงไห่ ก็เร่งกล่าวยอมแพ้ออกมาทันที
“หมายเลข 12 ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ชนะ”
จากนั้นเสียงของฉีคงไห่ก็ดังขึ้นอย่างเหมาะเจาะ
ต้วนหลิงเทียนกับอัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่รอช้า เหินร่างออกจากสังเวียนกลับอัฒจันทร์ที่นั่งทันที ปล่อยให้หมายเลข 13 กับ 14 ก้าวขึ้นมาแทนที่
อย่างไรก็ตามแม้หมายเลข 13 กับ 14 จะออกมาลอยร่างเผชิญหน้ากัน แต่สายตาของอัจฉริยะทั้งหลายยังคงมองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนไม่วางตาโดยไม่ได้นัดหมาย “พวกเจ้าว่า…ต้วนหลิงเทียนจะสามารถคว้าอันดับ 1 ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ไปครองได้หรือไม่?”
“ยาก มันยังเยาว์เกินไป เอาแค่ติดอยู่ใน 5 อันดับแรกได้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว เรื่องจะติดอยู่ใน 3 อันดับแรกแทบไม่มีหวังเลย”
“ข้าก็ว่างั้น”
…
คนส่วนใหญ่ ด้วยเพราะอายุของต้วนหลิงเทียน แม้ความแข็งแกร่งที่เผยออกมาจะน่าชมดู แต่พวกมันก็รู้สึกว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ต้วนหลิงเทียนถูกลิขิตให้เป็นได้แค่ใบไม้สีเขียวของผู้อื่นเท่านั้น
(ใบไม้สีเขียว เสมือนเป็นฐานรองดอก ที่จะขับเน้นให้ดอกหรือผล แลดูโดดเด่นมากขึ้น)
ต้วนหลิงเทียนย่อมได้ยินเสียงกระซิบกระซาบดังกล่าวเป็นธรรมดา แต่เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
ช่วงชีวิตที่ผ่านพ้นมายังมีคำปรามาสดูแคลนใดที่เขาไม่เคยได้ยิน? คนที่ดูแคลนเขามีกี่คนแล้วเขาเองก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ
การตอบโต้ขี้ปากผู้อื่นเช่นนี้ เพียงใช้การกระทำตอกหน้ากลับก็พอ ถึงตอนนั้นพวกมันก็จะรู้เองว่าโง่งมแค่ไหน!
“ต้วนหลิงเทียน วิถีควบคุมของท่านร้ายกาจมาก”
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกลับมานั่งที่ จางเทียนโย่วก็อดอุทานออกมาด้วยความชื่นชมไม่ได้ “ข้ารู้สึกว่า แม้อัจฉริยะของวิหารเฟิงฮ่าวผู้นั้นจะเป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 4 ดารา แต่ต่อหน้าท่านไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อย 3 ขวบต่อหน้าผู้ใหญ่เลย…”
“ไม่ว่ามันพยามจะดิ้นรนดื้อรั้นลงมือเท่าใด ท่านเพียงลอยร่างสงบอยู่ตรงนั้น ทำลายการจู่โจมทั้งหมดของมันได้อย่างง่ายดาย ต่อให้มันดิ้นรนพยายามเท่าใดก็ดั่งตะโกนใส่ภูผา ไร้ซึ่งความหมาย…”
คำพูดของจางเทียนโย่ว ไม่ว่าจะว่างถิงหรือเหอเจี้ยนอวี่ก็พยักหน้าด้วยความเห็นชอบ
คู่ประลองที่ขึ้นไปประมือกันหลังจากคู่ของต้วนหลิงเทียน ก็เป็นเทพสงคราม 4 ดาราทั้งคู่ พลังฝีมือยังสูสีกัน จนกระทั่งหนึ่งในนั้นเอาชนะได้อย่างฉิวเฉียด เป็นธรรมดาว่าพวกมันไม่มีใครเป็นเทพสงคราม 5 ดาราแน่นอน
กระทั่งผู้ชนะที่ได้ชัยมาอย่างฉิวเฉียด ก็บาดเจ็บสาหัสแทบวายปราณ พลังของมันถดถอยจนไม่เหลือเค้าความสมบูรณ์ก่อนประลองแม้แต่น้อย
หากมันเป็นเทพสงคราม 5 ดารา มันจะลงทุนทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรือไม่?
เพราะในสภาพแบบนั้น เมื่อได้รับบาดเจ็บอะไรมา ก็ไม่พ้นต้องส่งผลกระทบต่อการประลองในภายหลัง ไม่มีใครคิดจะเสี่ยงเอาตัวเข้าแลกแบบนี้เพื่อปกปิดพลังแน่นอน เพราะสุดท้ายเดี๋ยวได้กลายเป็นเรือล่มในคลองระบายน้ำพอดี…
หมาเลข 15 กับ 16
การปรากฏตัวของหมายเลข 15 นั้นทำให้อัจฉริยะหลายคนอดอุทานออกมาไม่ได้
“อวี๋ตงฟางนี่!”
อวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับที่ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน ตัวมันได้เปิดเผยพลังความแข็งแกร่งระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาแล้ว และตอนนี้มันในฐานะผู้จับได้ฉลากหมายเลข 15 และลงมาประลองก็ดึงความสนใจของทุกคนไม่น้อย
และคู่ต่อสู้ของมันก็คือผู้ฝึกตนทั่วไป ก่อนหน้าเพียงสำแดงพลังเทพสงคราม 4 ดาราระดับต้นๆออกมาเท่านั้น
“เจ้านั่น…”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เหลียวแลอวี๋ตงฟางแม้แต่น้อย สองตาเขาจับจ้องไปยังคู่ต่อสู้ของอวี๋ตงฟาง ชายหนุ่มที่ได้รับหมายเลข 16!
ชายหนุ่มดังกล่าวมาในชุดสีขาวปลอด รูปร่างหน้าตาแลดูธรรมดา แทบหาไม่พบหากมันเดินปะปนในฝูงชน แลดูคล้ายคนขี้อายหน่อยๆ
ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กที่มักเก็บตัวอยู่ที่บ้าน ไม่ค่อยออกไปเข้าสังคม
อย่างไรก็ตาม ตอนมันเผชิญหน้ากับอวี๋ตงฟาง ความรู้สึกขี้อายหวาดกลัวผู้คนของมันได้มลายหายไป ถึงแม้ดูจากแววตากับมือไม้ที่ไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหนดีแล้ว คล้ายมันจะยังประหม่าไม่น้อยก็ตามที
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
อวี๋ตงฟางเหลือบมองไปยังชายหนุ่มที่แลดูประหม่าเบื้องหน้า พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้แยแส ราวกับมันคิดว่าไม่มีทางที่จะเอาชนะคนพรรค์นี้ไม่ได้แน่นอน
“ก็ไม่แน่นักหรอก…”
ชายหนุ่มกล่าวคำด้วเสียงแผ่วเบบาปานยุงบิน อย่างไรก็ตามด้วสยพลังฝึกปรือของทุกคน ย่อมดิ้นคำพูดมันชัดเจน
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เช่นนั้นข้าก็จะลงมือเอาชนะเจ้าเอง”
พออวี๋ตงฟางกล่าวออกอีกครั้ง ร่างมันก็ไหววูบ คนโจนทะยานไปราวภูตผี พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าชายหนุ่มชุดขาวอยย่างอัศจรรย์ มทือหนึ่งยกขึ้นต่างดาบรวมรั้งพลังกล้าแข็งในพริบตา!
“เจ้าเหนียมนั่นมันผ่านเข้ารอบมาได้ยังไงกัน? แต่ตอนนี้มันเจอกับอวี๋ตงฟางก็คงได้แต่ต้องแพ้แล้วล่ะ!”
“ให้ทำอย่างไรได้ พลังฝีมือของอวี๋ตงฟางกล้าแข็งเกินไป”
…
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าอวี๋ตงฟางกำลังจะได้ชัยชนะแล้วแน่
ยิ่งไปกว่านั้น จนกระทั่งอวี๋ตงฟางวูบร่างเข้ามาถึงตัวและกำลังจะจู่โจมเอาชนะมัน ชายหนุ่มชุดขาวยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย ราวกับมันหวดากลัวจนกลายเป็นตัวโง่งมไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฉากเรื่องราวต่อมา กลับเป็นอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายของผู้คนนัก!
ห้วงเวลาคล้ายจะหยุดเดิน!
อวี๋ตงฟางค้างเติ่งในลักษณะยกมือขึ้นต่างดาบ คนแน่นิ่งค้างกลางหาวด้วยลักษณะท่าทางดุจเดิม พาลให้ผู้คนที่ชมมองอดไม่ที่จะรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่!
“ให้ตายเถอะ! นั่นมันกฏเวลา!!”
“กฏเวลาไม่ผิดแน่!!”
…
จังหวะนี้อัจฉริยะมากมายถึงกับลุกขึ้นยืนพรวด และไม่ใชแค่เหล่าอัจฉริยะเท่านั้น กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์และคนของวิหารเฟิงอ่าวบางคนยังทะลึ่งพรวดลุกจากเกาอี้อย่างเสียอาการ!
กฏเวลา เป็นกฏที่แปลกประหลาดที่สุดในบรรดา 4 กฏสูงสุด ด้วยความสามารถในการควบคุมเวลา ทำให้ผู้คนยากจะต่อต้านป้องกันนัก
หลายครั้งที่ผู้คนพันเรียกขานกฏเวลาว่ากฏสูงสุดอันดับ 1 ท่ามกลางสวรรค์และโลก
เพราะพลังของกฏเวลามันร้ายกาจเกินไป!
หยุดเวลา นี่มันความสามารถอันทรงพลังถึงขนาดไหน?
เป็นธรรมดาว่าถึงกฏเวลาจะมีพลังอำนาจท้าทายสวรรค์ แต่ก็เป็นกฏที่ยากเข้าใจอย่างยิ่ง ต่อให้เข้าคิดจะเข้าใจถึงขั้นตอนเบื้องต้น แต่ก็ต้องใช้เวลายาวนานมาก หลายคนที่สามารถเข้าใจกฏเวลาได้แล้ว แต่พบว่าความก้าวหน้ามันเชื่องช้าเกินไป ก็มีถอดใจเปลี่ยนไปทำความเข้าใจกฏอื่นก่อน
สุดท้ายแล้วกฏเวลานั้น หากไม่บรรลุความเข้าใจถึงขอบเขตลึกๆ การใช้มันก็ทำได้แค่สร้างผลกระทบต่อคนทั่วไปเท่านั้น
เพราะกฏแห่งเวลาจะส่งผลกับคนที่มีพลังด้อยกว่าและตัวผู้ใช้สามารถบดขยี้มันได้ง่ายๆเท่านั้น อย่างเช่นความลึกซึ้ง ผนึกห้วงเวลา ที่สามารถหยุดห้วงเวลาในพื้นที่หนึ่งๆได้ เว้นเสีแต่จะผสานรวมความกับความลึกซึ้งประการอื่นๆของกฏเวลาเข้าไป หาไม่แล้วก็ยากที่จะหยุดยั้งผู้ที่ใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฏอื่นๆได้
และตอนนี้ อวี๋ตงฟาง ก็โดนผลกระทบของผนึกห้วงเวลาอยู่
ความแข็งแกร่งของอวี๋ตงฟางนั้นชัดเจนสำหรับทุกคนแล้ว ว่าเป็นเทพสงคราม 5 ดารา!
คนที่จะสามารถใช้การหยุดเวลาของกฏเวลา หยุดอวี๋ตงฟางได้ อย่างน้อยๆก็ต้องไม่อ่อนแอไม่กว่าอวี๋ตงฟาง หาไม่แล้วก็สามารถหยุดอวี๋ตงฟางได้ชั่วพริบตาเท่านั้น ไม่อาจคงสภาพไว้ได้นานนัก
กึก! ฟุ่บ!
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ชายหนุ่มแลดูเหนียมอายที่ทุกคนตระหนักได้แล้วว่มันก็สมควรเป็นเทพสงคราม 5 ดาราอีกคน ในขณะร่างอวี๋ตงฟางเริ่มสั่นไหวราวกับจะหลุดออกจากห้วงเวลาที่หยุดเดิน สองตาของมันอยู่ๆก็ทอแสงสีเทาออกมาทันที
และจังหวะที่อวี๋ตงฟางกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง แสงสีเทาดังกล่าวก็พุ่งเข้าใส่ร่างอวี๋ตงฟางพอดี!
พริบตาต่อมา ไม่ทันทีที่อวี๋ตงฟางจะได้ลงมือเคลื่อนไหวใดๆสืบต่อ ท่ามกลางสายตาของทุกคน ร่างอวี๋ตงฟางก็บังเกิดความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน
ก่อนอื่นเลยเรือนผมสีดำขละบที่ทอดยาวไปด้านหลังปานม่านน้ำตกของอวี๋ตงฟาง อยู่ก็แปลเปลี่ยนเป็นสีเทา จากนั้นก็กลายเป็นสีขาวราวหิมะ ขนคิ้วของมันเองก็เปลี่ยนเป็นสีขาวโพลนเช่นกัน!
จากนั้นผิวหนังทั่วร่างของอวี๋ตงฟางก็เริ่มเหี่ยวย่นกลับกลายเป็นคนแก่ในชั่วพริบตา เรียกว่าเปลี่ยนจากชายหนุ่มเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง กลายเป็นคนแก่หง่อมที่แลดูอ่อนแอเกินต้านลม!
ประหนึ่งมันถูกห้วงเวลาสาป!
ฉากเรื่องราวดังกล่าว ทำให้เหล่าอัจฉริยะอดสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้
เพราะความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมันน่ากลัวเกินไป
“เท่าที่ข้าทราบ…ผู้ที่สามารถควบคุมการไหลตัวของกฏแห่งเวลาได้ถึงระดับนี้ อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นสุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเทพสงคราม 5 ดารา! กล่าวได้ว่าในบรรดาเทพสงคราม 5 ดาราตัวตนเช่นนี้ถือเป็นผู้ที่ยืนอยู่อันดับต้นๆอย่างแท้จริง!!”
เสียงถังซานเป่าดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน…