“ถังซานเป่า”
โจวหย่งฉีมองถังซานเป่าด้วยสายตาเฉยชาเอ่ยคำเสียงหนัก “หากเจ้าจะโทษใคร ก็โทษที่เจ้าเป็นสหายกับต้วนหลิงเทียนเถอะ…หาไม่แล้วข้าคงไม่เลือกท้าทายเจ้า เพราะสุดท้ายก็ยังมีจงกุ้ยอวี่อีกคนให้ข้าท้า”
โจวหย่งฉีจงใจเอ่ยเสียงหนักทำเป็นเข้ม ราวกับกลัวผู้คนไม่รู้ว่าที่มันท้าทายถังซานเป่า เป็นเพราะเกลียดชังต้วนหลิงเทียน!
แต่วาจาที่มันกล่าวออกมา พอดังเข้าหูผู้คนที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร ไยมิใช่วาจาเกินจำเป็น?
เจตนาพี่ท่าน เราๆเห็นกันอยู่โทนโท่!
เจ้าโจวหย่งฉี คิดว่าพวกเราตาบอดหรือไร?
“ขยะ”
ท่ามกลางสายตาของทุกคน ถังซานเป่าเหลือบมองโจวหย่งฉีด้วยสายตารังเกียจ ค่อยกล่าวคำสั้นๆ 2 พยางค์ออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน และนั่นทำให้สีหน้าโจวหย่งฉีเปลี่ยนไปทันที สองตาเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ทว่าไม่ทันที่มันจะได้ออกปากโต้เถียงอะไร เสียงหยันหยามของถังซานเป่าก็ดังขึ้นเสียก่อน “คนที่หยามหน้าอาจารย์เจ้าก็คืออาจารย์ของต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่อาจารย์ของข้าถังซานเป่า”
“เจ้าไม่มีความกล้าแม้แต่จะท้าต้วนหลิงเทียนสู้ด้วยซ้ำ แต่มาท้าสู้ข้าเพียงเพราะคิดล้างแค้นต้วนหลิงเทียนทางอ้อม?”
“ในสายตาเจ้าโจวหย่งฉี ข้าถังซานเป่า…เป็นลูกพลับสุกนุ่มนิ่มงั้นรึ?”
พอถังซานเป่ากล่าวถึงจุดนี้มันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“เช่นนั้นเชิญเจ้าป้อนกระบวนท่าก่อนและขอให้เจ้าลงมือสุดกำลังที่เจ้ามีเถอะ…จากนั้นข้าจึงจะลงมือ และถ้าเจ้าไม่ตายในหนึ่งกระบวนท่า ข้าจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ในรอบนี้”
ถังซานเป่ากล่าวสืบต่อ
พอกล่าวจบคำ ถังซานเป่าก็ผายมือเชื้อเชิญให้โจวหย่งฉีลงมือ สองตามองจ้องโจวหย่งฉีอย่างไร้แยแส
ได้ยินคำพูดของถังซานเป่า ฉีคงไห่ รองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักที่เป็นผู้กำกับการประลองศึกอัจฉริยะสวรรค์ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองจ้องถังซานเป่าทันที ถังซานเป่าเห็นดังนั้นก็มองย้อนกลับไปตาเขม็ง
สุดท้าย ฉีคงไห่ ก็ได้แต่ลอบทอดถอนในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อครู่เป็นฉีคงไห่ได้ส่งเสียงผ่านพลังไปห้ามปรามถังซานเป่า ว่าแค่เอาชนะโจวหย่งฉีก็พอไม่ต้องลงมือถึงขั้นเข่นฆ่าอะไร
ถึงแม้วิหารเฟิงฮ่าวจะไม่กลัวจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน แต่ก็ไม่คิดจะสร้างศัตรูโดยไร้เหตุผล
อย่างไรก็ตามความแน่วแน่ของถังซานเป่า ทำให้มันรู้ดีว่ายากจะเปลี่ยนแปลงความตั้งใจนี้ได้
“เจ้า? ฆ่าข้าในกระบวนท่าเดียว?”
วาจาดังกล่าวของถังซานเป่าพอดังเข้าหูโจวหย่งฉี ก็ทำให้โจวหย่งฉีสะดุ้งไปอยู่บ้าง จากนั้นมันก็มองถังซานเป่าขึ้นๆลงๆโดยไม่รู้ตัว แววตาฉายชัดถึงความระแวดระวังทันที
ถังซานเป่าผู้นี้…คงไม่ใช่ว่ามีพลังฆ่ามันได้ในกระบวนท่าเดียวจริงๆหรอกนะ?
จะอย่างไรมันก็ถือว่าเป็นเทพสงคราม 5 ดาราคนหนึ่ง แม้แต่ ต้วนหลิงเทียน หลิงเจวี๋ยอวิ๋น รวมถึงหวงเฉวียนอันที่เป็นยอดฝีมือเทพสงคราม 5 ดารา ก็คงไม่กล้าพูดว่าสามารถฆ่ามันได้ในกระบวนท่าเดียวไม่ใช่หรือ?
แต่ถังซานเป่าคนนี้…กลับกล่าววาจาทำนองว่าสามารถฆ่ามันในกระบวนท่าเดียว?
ด้านจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน โจวปิงหวู่ อาจารย์ของโจวหย่งฉีที่นั่งอยู่บนเกาะลอยเล็กๆเหนืออัฒจันทร์ด้านหนึ่ง ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้หลังได้ยินคำพูด ถังซานเป่า คู่ต่อสู้ของลูกศิษย์มัน
ถังซานเป่าผู้นี้กล่าววาจาคำโตเขื่องโขนัก ไม่กลัวทำให้ตัวเองขายหน้าหรือไร?
ด้วยความแข็งแกร่งของศิษย์ปิดสำนักมัน เว้นเสียแต่จะเป็นเทพสงคราม 6 ดารามาเอง เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าศิษย์มันได้ในกระบวนท่าเดียว!
“เทพสงคราม 6 ดารา…เป็นไปได้หรือ?”
โจวปิงหวู่มองจ้องถังซานเป่าเขม็ง ร้อยพันความคิดแล่นพล่านขึ้นในใจ จากนั้นก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังไปถึงโจวหย่งฉี “ฉีเอ้อ ครั้งนี้เกี่ยวพันถึงความเป็นตาย เจ้าอย่าได้ประมาท…ท่าทีของเจ้าถังซานเป่านั่นไม่คล้ายพูดล้อเล่น”
“อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปกติแล้วเจ้านั่นมักจะสุงสิงแต่กับพวกต้วนหลิงเทียนศิษย์ของฟงชิงหยางผู้นั้น และทำตัวแลดูเหลวไหลไร้แก่นสาร…”
“แต่จนถึงตอนนี้ข้ายังมองไม่ออก ว่าที่แท้มันเป็นใครกันแน่และมันร้ายกาจแค่ไหน…”
หลังจากถูกฟงชิงหยางทำร้ายจนอับอายขายหน้าผู้คน โจวหย่งฉีก็ให้ความสนใจกับศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของฟงชิงหยางมาก และยิ่งมันให้ความสนใจอีกฝ่ายมากเท่าไหร่มันก็ต้องตกใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะไม่คิดไม่ฝันจริงๆว่าศิษย์ที่แท้จริงของฟงชิงหยางทั้งๆที่มีอายุไม่เท่าไหร่ แต่กลับแข็งแกร่งเหนือกว่าศิษย์ปิดสำนักของมันมาก!
โจวหย่งฉีนั้นนับว่าเป็นศิษย์ประเสริฐที่มีศักยภาพและพรสวรรค์เหนือศิษย์คนไหนของมัน หาไม่แล้วมันคงไม่ตัดสินใจรับโจวหย่งฉีเป็นศิษย์ปิดสำนัก
ศิษย์ปิดสำนัก หมายถึงศิษย์คนสุดท้าย จากนี้ต่อไปมันไม่คิดรับใครเป็นศิษย์อีกแล้ว…
และโจวหย่งฉี ก็เป็นความภาคภูมิใจของมันมาโดยตลอด
เมื่อโจวหย่งฉีเผยพลังระดับเทพสงคราม 5 ดาราออกมาในศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ มันก็หวังให้ศิษย์ของมันจะต่อสู้เอาชนะต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของฟงชิงหยางเพื่อกู้หน้าให้มัน
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเรื่องแบบนั้นจะเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป…
เพราะศิษย์ของมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ศิษย์ของฟงชิงหยาง!
“เรื่องนี้เจ้าตัดสินใจเองเถอะ…”
ถึงแม้โจวปิงหวู่จะระแวดระวัง แต่มันก็กล้าไม่กล่าววาจามากความอะไรเพื่อยกหางถังซานเป่าและลดทอนความมั่นใจของศิษย์ตัวเอง เพียงให้ศิษย์ของตัวตัดสินใจเอง
“ท่านอาจารย์”
โจวหย่งฉีก็ตอบกลับเร็วไว “ข้าไม่เชื่อว่ามันจะมีปัญญาฆ่าข้าในกระบวนท่าเดียวได้! เว้นเสียแต่มันจะเป็นเทพสงคราม 6 ดารา!!”
“แต่ความน่าจะเป็นที่จะมีเทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวขึ้นในศึกอัจฉริยะสวรรค์มันน้อยนิดเกินไป…มิใช่ท่านบอกข้าเองหรือไร ว่าหากมองจากประวัติศาสตร์ของศึกอัจฉริยะสวรรค์ทั้งหมด โดยเฉลี่ยแล้วร้อยครั้งถึงจะมีเทพสงคราม 6 ดาราปรากฏตัวขึ้นสักคน?”
โจวหย่งฉีกัดฟันกล่าวเสียงเข้ม “ข้าอยากสู้กับมัน! ศึกนี้หากข้ายอมแพ้โดยไม่สู้…ต่อไปข้าโจวหย่งฉีจะยืนหยัดอยู่ในฉีหงเทียนได้อย่างไร?”
โจวหย่งฉีย่อมจินตนาการออกได้ไม่ยาก
หากมันยอมรับความพ่ายแพ้โดยไม่กล้าสู้ตอนนี้ และถ้าถังซานเป่านั่นที่แท้เป็นเทพสงคราม 6 ดาราขึ้นมาจริงๆ มันก็พอจะแถเอาตัวรอดได้ภายหลัง ว่ามันมีสายตาแหลมคม มองขาด…
แต่หากถังซานเป่าไม่ใช่เทพสงคราม 6 ดาราขึ้นมา คราวนี้มันได้กลายเป็นตัวตลกของระนาบเทวโลกทั้งมวลแน่!
ถึงตอนนั้น ต่อให้เป็นในฉีหงเทียน ลับหลังก็คงต้องมีคนเอามันไปนินทา และไม่พ้นมันต้องกลายเป็นเรื่องขำขันในวงสุราไปอีกนาน…
นั่นไม่ใช่อะไรที่มันจะยอมรับได้!
“ถังซานเป่า เจ้าจะไม่พูดคำโตเขื่องโขไปหน่อยหรือ?”
พอตัดสินใจได้แล้ว โจวหย่งฉีก็ไม่หลงเหลือความเกรงกลัวอะไรอีก มองจ้องถังซานเป่าด้วยสายตาเย็นชา ยกยิ้มแสยะพลางกล่าว “ข้าล่ะอยากเห็นนัก ว่าอย่างเจ้าจะอาศัยปัญญาสามารถอันใด ถึงกล้าพูดว่าจะฆ่าข้าได้ในกระบวนท่าเดียว!”
“เจ้าจดจำคำพูดของเจ้าไว้ให้ดีเถอะ…หากฆ่าข้าในกระบวนท่าเดียวไม่ได้ เจ้าแพ้!”
โจวหย่งฉีกล่าวคำด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
พอเห็นการตัดสินใจของโจวหย่งฉี ฉีคงไห่ที่ทำหน้าที่ควบคุมกำกับการประลองของศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ที่ลอยล่องอยู่กลางหาวไม่ไกล มุมปากของมันอดกระตุกไปเล็กน้อยไม่ได้
มันรู้ดี…ว่าวันตายของโจวหย่งฉีมาถึงแล้ว!
หากโจวหย่งฉีเลือกที่จะถอยตอนนี้ นับว่ายังมีทางรอดสายหนึ่ง…
แต่ในเมื่อเลือกจะอยู่ต่อ เช่นนั้นก็ถูกกำหนดให้โดนถังซานเป่า ศิษย์หลานของมันฆ่า!
“ข้าถังซานเป่าพูดแล้วไม่เคยคืนคำ”
ถังซานเป่าเอ่ยตอบเสียงเรียบ
เห็นฉากการปะทะคารมดังกล่าว เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะฮือฮาขึ้นมา “ถังซานเป่านั่น…มันไม่ได้พูดเล่นงั้นเหรอ?.”
“อาศัยกระบวนท่าเดียวฆ่าโจวหย่งฉี นี่มันจะไม่เกินไปหน่อยหรือไร?”
“เว้นเสียแต่มันจะเป็นเทพสงคราม 6 ดารา…”
…
ขณะเดียวกันด้านจักรพรรดิสวรรค์หยวนสื่อเทียน ติงฟู่ ที่มองถังซานเป่าไกลตา ก็อดส่ายหน้าไปมาไม่ได้ “ถังซานเป่าผู้นี้ ช่างกล่าววาจาเหลวไหลไปเรื่อยจริงๆ…ดูท่าครั้งนี้มันจะหาเรื่องแพ้แล้ว”
“ไม่แน่นักหรอก”
ฟงชิงหยางที่นั่งข้างๆส่ายหัวไปมาเบาๆ หลังได้ยินเสียงผ่านพลังของต้วนหลิงเทียน มันก็รู้แล้วว่าถังซานเป่าที่แท้เป็นไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าว!
และมันก็คาดเดาไว้เนิ่นนานแล้ว ว่าไพ่ตายของวิหารเฟิงฮ่าวสมควรเป็นเทพสงคราม 6 ดารา
“ถังซานเป่า รับมือ!”
โจวหย่งฉีโพล่งคำเสียงดังพร้อมลงมือเคลื่อนไหวทันที พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดระเบิดออกมาจากร่างมันในฉับพลัน จากนั้นพลังความลึกซึ้งจากกฏทั้งหลายก็ถูกใช้ออกเต็มกำลัง ยังเลือกจะถ่ายทอดพลังทั้งหมดลงสู่ศาสตราอมตะคู่กาย จนตัวศาสตราเปล่งแสงพลังเจิดจ้า และตัวศาสตราก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งลอยล่องออกมา!
“เป็นอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์อีกชิ้นแล้ว!”
จังหวะนี้อัจฉริยะหลายคนอดอุทานออกมาไม่ได้ ด้วยไม่คิดเลยว่าที่แท้โจวหย่งฉีจะมีศาสตราเลิศล้ำเช่นนี้อยู่ด้วย เพราะก่อนหน้าโจวหย่งฉีไม่เคยเปิดเผยอาวุธวิเศษชิ้นนี้ออกมาเลย!
ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มันเอาออกมาใช้!
อย่างไรก็ตามพอฉุกคิดถึงฐานะโจวหย่งฉีอีกครั้ง เหล่าอัจฉริยะทั้งหลายก็ไม่รู้สึกแปลกใจอีกต่อไป
ในฐานะที่เป็นศิษย์ปิดสำนักของจักรพรรดิสวรรค์ฉีหงเทียน ก็เป็นธรรมดาที่มันจะได้รับอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ สำหรับเหตุผลที่มันไม่นำออกมาใช้ก่อนหน้า ก็ไม่มีอะไรนอกจากพลังฝีมือของคู่ต่อสู้ไม่กล้าแข็งพอให้มันนำออกมาใช้…
แต่ตอนนี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับถังซานเป่าที่ ‘พูดจาโอหัง’ โจวหย่งฉีก็ไม่คิดจะปกปิดพลังที่แท้จริง และใช้ออกด้วยทุกสิ่งไม่เว้นศาสตราอมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ออกมา!
เห็นได้ชัดว่าโจวหย่งฉีเองก็ให้ความสำคัญกับการประลองนัดนี้
“เหอะๆ เจ้าโจวหย่งฉีนั่นที่แท้ก็แอบกลัวถังซานเป่าอยู่ไม่น้อย ไม่งั้นมันไม่ชักอาวุธนั่นออกมาหรอก”
“แหงอยู่แล้ว”
“แต่คำขู่ของถังซานเป่านั่นก็น่ากลัวจริงๆ…เพราะเหตุนี้ทำให้โจวหย่งฉีมันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ท้ายที่สุดแล้วศึกครั้งนี้มันก็เสมือนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดกลายๆ”
…
ฉากเรื่องราวเบื้องหน้า ทำให้หลายคนอดส่ายหัวไปมาไม่ได้ เพราะดูเหมือนครั้งนี้ถังซานเป่าจะขู่ขวัญโจวหย่งฉีสำเร็จแล้วจริงๆ แต่นี่มิใช่ทุ่มหินทับเท้าตัวเองหรือ?
อย่างไรก็ตาม ถังซานเป่าที่เป็นตัวต้นเรื่องบัดนี้กลับมีสีหน้าเฉยเมย คล้ายต่อให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้ามันก็ไม่แปรเปลี่ยน ถึงขั้นแม้จะเผชิญกับโจวหย่งฉีที่เร่งเร้าพลังเต็มพิกัด มันก็สะบัดมือเรียกถุงมือข้างหนึ่งออกจากแหวนพื้นที่อย่างไม่รีบไม่ร้อน ก่อนจะค่อยๆสวมใส่ไว้ที่มือขวาเท่านั้น
และนี่เป็นครั้งแรกที่ถังซานเป่านำถุงมือดังกล่าวออกมาใช้ ตัวถุงมือไม่ทราบทำจากวัสดุชนิดใด แม้จะแลดูยืดหยุ่นหากแต่ด้วยสีดำอมเขียวนั่นกลับทำให้รู้สึกเสมือนแข็งแกร่งไม่ต่างจากโลหะเนื้อดี ตัวถุงมือยังมีแสงลี้ลับเรืองรองวูบวาบ เพียงมองก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา!
เรียกว่าต่อหน้าโจวหย่งฉีที่เร่งเร้าพลังเต็มพิกัดและเปิดฉากจู่โจมเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด ภาพถังซานเป่าที่ค่อยๆสวมถุงมืออย่างไม่อีนังขังขอบ ช่างให้บรรยากาศพิกลแก่ผู้คนทั้งหลายที่มองชมนัก!
จนเมื่อร่างโจวหย่งฉีเข่นฆ่าเข้ามาถึงเบื้องหน้าห่างจากถังซานเป่าไม่เท่าไหร่ เรียกว่าหากแค่ไม่กี่สิบก้าวก็จะจู่โจมถึงตัวอยู่รอมร่อ!
และในที่สุดถังซานเป่าก็สวมถุงมือแล้วเสร็จ…จังหวะนี้พูดได้คำเดียว ถังซานเป่าไม่กังวล แต่คนดูใจร้อนรนแทนถังซานเป่าแทบบ้า! มีอย่างที่ไหน…ผู้อื่นเข่นฆ่าเข้ามาจนจะฉะหน้าท่านอยู่แล้ว แต่ท่านยังแลดูเอื่อยเฉื่อยเกียจคร้านอยู่ได้!!
“บ้าไปแล้ว นี่มันจะต้านทานรับมือได้ทันเรอะ!?”
เสี้ยวพริบตาต่อมากระบวนท่าสังหารของโจวหย่งฉีก็ห่างจากถังซานเป่าไม่ถึงสิบก้าวแล้ว!
หลายคนอดไม่ได้ที่จะสงสัย
ถังซานเป่ายังมีเวลาพอที่จะต้านทานอะไรได้ทันอีกเหรอ?
ทว่าพริบตานี้เอง ห้วงเวลาคล้ายหยุดเดินลงอย่างกะทันหัน
ถังซานเป่าที่แลดูเกียจคร้านเอื่อยเฉื่อย ในที่สุดก็เคลื่อนไหว สายตาที่เดิมเอื่อยเฉื่อยพลันควบแน่น มือข้างที่สวมถุงมือแม้ยกขึ้นอย่างเชื่องช้าแต่กลับฉับไวเป็นที่สุด ยกขึ้นมาเล็งไปทางกระบวนท่าสังหารของโจวหย่งฉีที่ห่างไปไม่กี่ก้าว จากนั้นนิ้วชี้ของมันก็ค่อยยกขึ้นจี้ออกเป็นดัชนี
แน่นอนว่าทิศทางที่ดัชนีชี้ไป ไม่เพียงแต่กระบวนท่าสังหารของโจวหย่งฉี ยังเป็นแนวเดียวกับที่โจวหย่งฉีอยู่อีกด้วย!
ซู่มมมม!!
และเมื่อหนึ่งดัชนีของถังซานเป่าจี้ออก ก็อุบัติลำแสงพลังสายหนึ่งพึ่งยิงออกไปปานสายฟ้าฟาด!!
ในขณะที่หลายคนกำลังคิดในใจ ว่าดัชนีที่ถังซานเป่ายิงออกอย่างฉุกละหุกเช่นนี้ จะไปทำอะไรพลังกระบวนท่าที่โจวหย่งฉีเร่งเร้าสภาวะเข่นฆ่าสังหารเข้ามาถึงขีดสุดได้?
ซัวว!!
ซัวว!!
…
ทว่าในชั่วเวลาดุจละอองไฟวาบดับนั้นเอง ลำแสงดัชนีที่แต่เดิมก็ไม่ต่างอะไรกับขนาดนิ้วชี้ อยู่ดีๆก็ขยายใหญ่ขึ้นในฉับพลัน! กลับกลายเป็นเสาเพลิงใหญ่โตมหึมา เรียกว่าหากตั้งขึ้นก็ไม่ต่างอะไรกับเสาค้ำฟ้า! และบัดนี้เสาคำฟ้าดังกล่าว ด้านหนึ่งจรดปลายนิ้วของถังซานเป่า ส่วนอีกด้านได้ยืดยาวพุ่งออกไปเผชิญหน้ากับบพลังกระบวนท่าของโจวหย่งฉีเร็วไว!!
เปรี๊ยงงง!!
เสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว เป็นพลังกระบวนท่าของโจวหย่งฉีที่โดนเสาพลังมหาศาลพุ่งกลืนหายไปในพริบตา!
“ไม่—”
เสียงหวีดร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัวจับใจของโจวหย่งฉีดังขึ้น ในน้ำเสียงหวาดกลัวจับใจยังเต็มไปด้วยความสิ้นหวังทั้งเสียใจเป็นที่สุด…
ซู่มมม!!
ซัวว!
…
ลำแสงดัชนีที่พุ่งออกจากนิ้วชี้ถังซานเป่า จนกลายเป็นเสาเพลิงมหึมาพุ่งยืดออกไปขวางฟ้า ทั้งรอบๆลำแสงยังมีกระแสพลังแล่นวาบแปลบปลาบปานอสรพิษเพลิงขดพัน…ยามพุ่งผ่านร่างโจวหย่งฉีไปก็ไม่มีเสียงระเบิดดังอะไร เพียงส่งเสียงสำเนียงแผ่วออกมาเท่านั้น…
วู้ม…
จนเมื่อนิวชี้ของถังซานเป่าค่อยๆลดลง ลำแสงพลังดั่งเสาเพลิงคำฟ้าก็พุ่งทะลวงหมู่เมฆหายลับฟ้าไปในที่สุด…